mp3 (for download) : หลวงพ่อสอนอะไร? หลวงพ่อสอนเหตุให้เกิดสติ
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าเมื่อไรรู้สภาวะตรงตามความเป็นจริงลงปัจจุบัน เมื่อนั้นสติก็เกิดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าอยากให้สติเกิดนะ ไม่มีใครสั่งให้สติเกิดได้ สติเป็นอนัตตา สติเองก็ตกอยู่ใต้อนัตตา ไม่มีใครสั่งสติให้เกิด แต่ถ้ามีเหตุสติถึงจะเกิด เพราะฉะนั้นมาเรียนที่หลวงพ่อนะ ถ้ามาเรียนบ่อยๆ จะรู้เลย หลวงพ่อสอนเหตุให้เกิดสติ เหตุให้เกิดสติก็คือการที่จิตนี้จำสภาวะธรรมได้
เพราะฉะนั้นมาเรียนที่หลวงพ่อ ไม่ได้มาเรียนเรื่องอื่นหรอก เรียนเรื่องสภาวะธรรม เช่น ความโลภเป็นอย่างนี้ ความโกรธ ความหลง ฟุ้งซ่าน หดหู่ อิจฉา ดีใจ เสียใจ เป็นสุข เป็นทุกข์ หัดรู้สภาวะแต่ละอย่างๆ สภาวะอะไรเกิดขึ้นในจิตในใจคอยหัดรู้หัดดูไป ต่อไปจิตมันจำสภาวะได้ พอสติมันจำสภาวะได้นี่ พอสภาวะอันนั้นเกิดขึ้นสติจะเกิดเอง ทันทีที่สติเกิดเอง สัมมาสมาธิก็เกิดเอง จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเลย จิตจะรู้ ตื่น เบิกบาน จิตจะสงบ สะอาด สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน ตั้งมั่นขึ้นมา แล้วก็จะเห็นสภาวะธรรมทั้งหลายเกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป นี่เป็นการเจริญปัญญา
เพราะฉะนั้นเราจะเรียนนี่ ต้องเรียนจนสติตัวจริงเกิด ถ้ามาเรียนที่หลวงพ่อ จะเห็นว่าหลวงพ่อไม่ได้เน้นว่าให้นั่งท่าไหน ให้เดินท่าไหน หรือว่าห้ามกินข้าว หรือว่าห้ามนอนอะไรอย่างนี้ ไม่ได้เน้นตรงนั้น เพราะจริตนิสัยคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครเคยทำกรรมฐานอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละ ถนัดอะไรก็ใช้กรรมฐานอันนั้นแหละ เพียงแต่ว่าทำให้สติตัวจริงมันเกิด
ส่วนใหญ่ที่เราทำกรรมฐานแล้วสติไม่ค่อยเกิดเพราะอะไร เพราะเราชอบไปเพ่ง เราไปเพ่งใส่ตัวอารมณ์กรรมฐาน เช่น เราดูท้อง เราก็ไปเพ่งท้อง เราดูลมหายใจ เราก็ไปเพ่งลมหายใจ เราขยับมือทำจังหวะ เราก็ไปเพ่งใส่มือ เราเดินจงกรม เราก็ไปเพ่งใส่เท้า พอไปเพ่งใจมันก็แข็งๆ ทื่อๆ นะ มันจงใจปฏิบัติ สติตัวจริงไม่ได้เกิดขึ้นมา สติตัวจริงไม่เกิด จิตใจก็ไม่ตั้งมั่นมีสัมมาสมาธิ จิตไม่ตั้งมั่น ไม่อ่อนโยน ไม่นุ่มนวล ไม่คล่องแคล่วว่องไว ไม่ควรแก่การงาน
เพราะฉะนั้นเรียนกับหลวงพ่อ บางคนฟังแล้วจะงง มาใหม่ๆ จะงงนะ ว่าหลวงพ่อพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง บอกให้ก็ได้ หลวงพ่อสอนให้พวกเราหัดดูสภาวะธรรมนั่นเอง ต้องหัดรู้สภาวะธรรม สภาวะธรรมก็คือตัวรูปธรรม นามธรรม ถ้ามาเรียนที่หลวงพ่อบางคนหลวงพ่อก็สอนให้ดูกาย ทำสมาธิก่อนแล้วก็ดูกาย แต่ส่วนมากจะสอนให้ดูจิตใจตัวเอง เพราะอะไร เพราะคนที่มาที่นี่ส่วนมากเป็นพวกคิดมาก พวกทิฏฐิจริต พวกคิดมาก วันๆ นะนั่งคิดทั้งวัน พวกคิดมากเหมาะกับการดูจิต
การดูจิตนี้ให้ตามรู้ตามดูไปเลย จิตใจเราแต่ละวันไม่เหมือนกัน เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คอยรู้คอยดูไปเรื่อย ในที่สุดจิตจะจำสภาวะธรรมได้ เมื่อจิตจำสภาวะธรรมได้แล้ว พอสภาวะธรรมใดๆ ปรากฏขึ้นมานี่สติจะเกิดเอง ไม่ต้องแกล้งให้เกิดนะ เกิดเอง สติที่เกิดเองเพราะมีเหตุคือจิตจำสภาวะได้นี่อัศจรรย์ อกุศลจะดับทันทีเลย กุศลจะเกิดขึ้นทันทีเลย อย่างเรากำลังเผลอๆ อยู่ จิตมันรู้จักว่าเผลอเป็นอย่างไร มาเรียนที่หลวงพ่อๆ ชอบไล่นะว่า เผลอไปแล้วๆ นี่เพราะอะไร เพราะเผลอนี่เป็นกิเลสที่เกิดบ่อยที่สุด ความหลง โมหะ เกิดบ่อยที่สุด ถ้าเรารู้ว่าเผลอคืออะไร เราจะปฏิบัติได้แทบทั้งวันแล้ว เพราะเราเผลอทั้งวัน
ทีนี้พอเราจำสภาวะได้ เช่น จำว่าเผลอเป็นแบบนี้ ใจเราเผลอ เราหลงไปคิดเป็นแบบนี้ พอมันเผลอไปคิดปั๊บ สติจะเกิดเลย จะระลึกได้นะว่าเผลอไปแล้ว อ้อ เผลอไปแล้วๆ นี่จิตจะตื่นขึ้นในฉับพลันโดยที่ไม่ต้องเจตนาจะตื่นเลยนะ จิตจะตื่นในฉับพลัน จะรู้สึกตัวขึ้นมาเลย ใจก็จะตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว สัมมาสมาธิก็เกิดขึ้น เราก็จะเห็นเลยทุกสิ่งล้วนแต่ไหลมาแล้วไหลไป ผ่านมาแล้วผ่านไป นี่เป็นขั้นเจริญปัญญา เพราะฉะนั้นการปฏิบัตินี่ขั้นต้นทำให้มีสติ ขั้นกลาง ขั้นปลายนี่ทำให้มีปัญญา คอยรู้ไปเรื่อย
สวนสันติธรรม 12
15.04 – 19.38
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่