mp 3 (for download) : สัปปายะสี่
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/07/500314-sappaya-dd.mp3
โยม: สังเกตอย่างหนึ่งค่ะหลวงพ่อว่า การทำกิจกรรมบางอย่าง หรือว่าการกินอาหารอะไรบางอย่างอะไรพวกนี้ มันมีผลกับการเกิดสติบ่อยหรือไม่บ่อยด้วยหรือคะหลวงพ่อ
หลวงพ่อปราโมทย์: แล้วกินอะไรเกิดสติล่ะ
โยม: คือหนูสังเกตว่า ถ้ากินอาหารที่มันหนักมากๆเนี่ย มันก็จะทำให้โมหะมัน กิเลสมันเกิดง่ายกว่า
หลวงพ่อปราโมทย์: อ๋อ นั่นมันหลักวิชาการแพทย์ธรรมดานะ เลือดมันไปเลี้ยงกระเพาะหมด
โยม: อย่างนี้เราไม่สามารถจะทำให้สติเกิดได้ บังคับไม่ได้ แต่เราจัดปัจจัยที่กระตุ้น เกื้อหนุนสติได้
หลวงพ่อ: ได้ มันเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยกับการมีสติ เพราะฉะนั้น อย่างการภาวนาจะดีไม่ดีอย่างนี้ อาหารสัปปายะมั้ย สำคัญ เรื่องอาหารมีส่วนเกี่ยวข้องนี่พระพุทธเจ้าก็สอนมาตั้งแต่นู้นแล้ว
อาหารที่ไม่สัปปายะ บางคน ทานอาหารอย่างนี้แล้วภาวนาไม่ไหว บางคนถ้าไปทานอาหารไม่ถูกน่ะนะ ไม่เข้าถึงธรรมเลยก็มีนะ ในธรรมบทพูดถึง มีพระกลุ่มหนึ่งภาวนาอย่างไรก็ไม่ได้ แล้วอุบาสิกาผู้รู้วาระจิต พิจารณาดูว่าทำไมพระไม่บรรลุเสียที พบว่าอาหารไม่สัปปายะ ก็หาอาหารที่สัปปายะกับพระแต่ละองค์ แต่ละองค์ไปให้ ท่านก็บรรลุทั้งหมดเลย ประมาณ 60 องค์
ที่อยู่ก็ต้องสัปปายะนะ ที่อยู่ ก็ บางที่ภาวนาไปแรกๆดี พออยู่ไปนานๆแล้วจิตใจเฉื่อยชาอย่างนี้ ไม่ดี หรือที่ๆกำลังก่อสร้าง วุ่นวายไม่ดี ที่เก่ามากต้องซ่อมละ เนี่ยไม่ดี
บุคคลต้องสัปปายะ ต้องมีกัลยาณมิตร ไปอยู่กับเพื่อน นักปฏิบัติที่กวนประสาทนะ วันๆก็เครียดอยู่ใกล้กับพวกเครียดๆ ก็เครียดตามไปด้วย บุคคลไม่สัปปายะ
ธรรมะต้องสัปปายะ ธรรมะที่เราใช้สำหรับเราต้องเหมาะกับเรา ไม่ใช่ไปลอกแบบการปฎิบัติของคนอื่นเขา
เพราะฉะนั้นสัปปายะ ๔ อย่างนี้ จำเป็นนะ เป็นเงื่อนไขที่จำเป็นในการปฏิบัติของเรา เราก็อาศัยการสังเกตเอา ว่าเราทำอะไรแล้วสติ สัปชัญญะเกิดบ่อยเราเอาอันนั้น เราอยู่ใกล้คนนี้แล้วสติเกิดบ่อยเราก็ไปอยู่ใกล้คนนี้ ถ้าเราไปอยู่ใกล้เขาแล้วเราสติเกิดบ่อย แต่เขาสติพังพาบไปเลยนะ ก็ต้องสงสารเขาเหมือนกัน บางคนไปลากเขาเสีย ตัวเองดีขึ้น
หรืออาหาร บางท่านอดอาหารแล้วภาวนาดี ท่านก็อดกันทีนึงหลายๆวัน บางท่านก็ต้องทานข้าวก่อนแล้วภาวนาดี ต้องดูเอา
บางท่านก็ชอบอยู่ในถ้ำ มีน้องของหลวงพ่อคนหนึ่ง เหมือนกับพี่น้องกันนะ ความจริงไม่ได้เป็นญาติอะไรกันหรอก คือ อ๋องน่ะ ที่สัปปายะของอ๋องนะคือที่มืดๆทึบๆอับๆ แล้วภาวนาดี ชอบแบบอยู่ในถ้ำอยู่อะไรอย่างนี้ บวชอยู่ในกรุงเทพฯนะ ไม่มีถ้ำให้อยู่ ไปอยู่ในโบสถ์ โบสถ์วัดโสมฯน่ะ โบสถ์เขาไม่โตนะโบสถ์เล็กๆ ปิดประตูหน้าต่างเรียบเลยนะ กลางวันนะร้อน อบแบบคล้ายๆห้องซาวน่าอย่างนั้นแหละ อย่างนั้นภาวนาดี
อย่างหลวงพ่อที่อยู่ที่โล่งๆ ที่กว้างๆโล่งๆ แล้วก็ภาวนาดี นี้เราต้องดูตัวเราเอง
เวลาก็มีส่วนนะ ต้องสังเกตเอา บางคนภาวนาดีตอนเช้า บางคนตอนสาย ตอนบ่าย ตอนเย็น ตอนค่ำ ตอนดึก
อย่างหลวงพ่อหัดภาวนาแรกๆนะสังเกตเลย ซักสี่โมงเย็นไปแล้วจะภาวนาดี อาจจะเพราะเลิกงานก็ได้นะ มันใกล้เวลาเลิกงานแล้ว จิตใจเลยตัดเรื่องงานทิ้งเลย พอเลิกงานปุ๊บดูลูกเดียวเลย แล้วจะดูอย่างขยันขันแข็ง แล้วพอค่ำพอดึกนี่นะ มันเหนื่อยจากการทำงานทั้งวันแล้ว เป็นฆราวาสมันเหนื่อย มันดูไม่ค่อยจะไหวแล้ว ตอนค่ำตอนดึกอย่างนี้
เพราะฉะนั้นมาช่วงเวลาที่สดใสอยู่ไม่นาน ตอนเช้าสดใสจริงนะ แต่ต้องตาลีตาลานไปทำงาน แย่งชิงกันใช้ถนนใช้รถ เพราะฉะนั้นช่วงที่ปลอดโปร่งจริงๆนะ กลายเป็นช่วงเย็นๆเลิกงานแล้วหมดธุระ หมดภาระ มีช่วงเวลานิดเดียวเท่านั้นล่ะ ตอนนั้นเป็นนาทีทองของเรานะ
เพราะฉะนั้นเราต้องสังเกตตัวเอง อะไรที่ทำแล้วเกื้อกูลให้เกิดสติ ก็เอาอันนั้น อย่าไปลอกแบบกัน หลวงพ่อเลยไม่ชอบจัดคอร์สนะ จัดคอร์สมันบังคับทุกคนให้ทำในสิ่งเดียวกัน เหมือนๆกัน พร้อมๆกัน
ถ้ามันไม่ถูกจริตมันทำไปก็เหนื่อยเปล่า หรือเหนื่อยมาก ได้ผลน้อย อย่างคนนี้เป็นเวลานี้เขาควรจะเดิน พาเขานั่ง เพราะทุกคนจะต้องนั่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เขาควรจะหลับแล้ว ก็เรียกเขาให้ฟังธรรมะ อะไรอย่างนี้
คือ จริตนิสัยคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่ถนัดเดินเลยก็ได้ ถนัดนั่งลูกเดียวเลย บางคนไม่ถนัดนั่งเลย นั่งแล้วหลับ ต้องเดิน เนี่ยต้องศึกษานะ ต้องสังเกตตัวเองเอา แต่เคสที่ถนัดนอนเนี่ย มีคนเดียว มีองค์เดียว ท่านภาวนาด้วยการนอน หลวงพ่อจำชื่อท่านไม่ได้ เป็นรุ่นผู้ใหญ่แล้วลูกศิษย์หลวงปู่มั่น อยู่ทางศรีสะเกษ ท่านภาวนาท่านถนัดนอน เราต้องดูตัวเอง อย่าไปลอกแบบใคร ทางใครทางมัน
แต่คำว่าทางใครทางมันเนี่ย ในหลักของการปฎิบัตินะ ต้องเป็นอันเดียวกัน คือหลักที่พระพุทธเจ้าสอน
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๙
File: 5oo314.mp3
Time: นาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๑๕ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๑
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่