mp3 for download: พอปล่อยวางแล้วธรรมทั้งหลายก็เป็นหนึ่งเดียวรวด
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
หลวงพ่อปราโมทย์: คนทั่วๆไป ภายในภายนอกเป็นอันเดียวกันนั่นแหละ มันรู้สึกว่าจริงจังไปหมด ตัวเรากับโลกอันเดียวกัน พอเป็นผู้ปฎิบัติก็เริ่มแบ่งแยก โลกก็อยู่ข้างนอกสิ เราก็อยู่ตรงนี้ มาคอยรู้กายมาคอยรู้ใจอยู่ภายในนี่ ของภายนอกอยู่ต่างหาก
ฝึกไปเรื่อยๆจะเห็นเอง ร่างกายก็ยังเป็นของนอกๆอีกละ เวทนาก็ยังเป็นของนอกๆ กุศล อกุศลทั้งหลายก็ยังเป็นของนอกๆ อยู่ข้างนอกอีกละ มีชั้นนอกมีชั้นใน ภาวนาไปแล้วมีสองชั้นนะ มีข้างนอกข้างใน จะรู้สึกแตกต่างจากคนซึ่งภาวนาไม่เป็น
คนภาวนาไม่เป็นมีหนึ่ง มีหนึ่งคือเรา ผู้ปฏิบัติจะเห็นว่ามีสภาวธรรมหลายอัน มีข้างนอกมีข้างใน มีที่หยาบมีที่ละเอียด มีธรรมที่เป็นคู่ๆ
แต่พอภาวนาสุดขีดไปแล้วนะ เป็นอีกอย่างหนึ่งนะ เป็นอันเดียวรวดเลย แต่อันเดียวรวดแบบไม่มีเรา กลับข้างกับคนทั่วๆไปตรงนี้เอง คนทั่วๆไป มีหนึ่งเดียวรวดคือมีเรารวดเลย พอภาวนาถึงสุดขีดแล้ว ไม่มีข้างในไม่มีข้างนอกนะ พอมันปล่อยเสียอย่างเดียว ทุกอย่างก็รวมเข้าเป็นอันเดียวกันหมด
เหมือนอย่างนี้นะ หลวงพ่อถืออยู่ (มีเสียงปล่อยของหล่น) อย่างนี้หลวงพ่อไม่ได้ถือ ไม่ได้ถือ พอหลวงพ่อปล่อยแล้วทุกอย่างมันก็เหมือนกันหมด กลายเป็นว่าธรรมทั้งหลายก็เป็นหนึ่งเดียวรวด จิตก็เป็นหนึ่งเดียวรวด เรียกว่าจิตหนึ่งธรรมหนึ่ง ภาวนาไปนะก็จะเจอ จิตหนึ่ง ธรรมหนึ่ง วันที่เจอจิตหนึ่งธรรมหนึ่งนะ จะสะท้านสะเทือน “อย่างนี้ก็มีด้วยเหรอ?” มีความสุขอะไรขนาดนั้น ความสุขเหมือนธาตุขันธ์ของมนุษย์จะแตกสลาย มีแต่ความสุขล้วนๆเลย
ค่อยฝึกเอานะ ฝึกเอา แล้วจะมีความสุข จิตนะ กับโลก เป็นอันเดียวกันเลย ของเราตอนนี้เราแยกจิตกับโลกออกจากกัน รู้สึกมั้ย คนในโลกมันรวมเป็นก้อนเดียวกัน ของเราลงมือปฏิบัตินะ เราแยกจิตกับโลกออกจากกัน จิตมันตั้งมั่นมาเป็นผู้รู้ผู้ดูไปเรื่อยๆนะ เห็นโลกแสดงไป เห็นขันธ์ ๕ แสดงไป จิตเป็นคนดู
เมื่อภาวนาสุดขีดนะ สติปัญญาแก่รอบ เห็นแจ้งอริยสัจจ์ เนี่ย keyword อยู่ตรงเห็นแจ้งอริยสัจจ์ ตรงนี้เป็น key ของการปฎิบัติิเลย ถ้าไม่เห็นแจ้งอริยสัจจ์ ไม่พ้นทุกข์หรอก ถ้าเห็นแจ้งอริยสัจจ์นะมันจะสลัดคืน จิต คืนให้โลกไป ทุกอย่างก็เป็นอันเดียวกันรวดเลย
มันไม่ยากนะ ไม่ยากหรอก เมื่อไหร่หยุดความปรุงแต่งเมื่อนั้นก็เห็น แต่ใจของเรามีธรรมชาติปรุงแต่ง เนี่ย มันยากตรงนี้ ใจของเรามีธรรมชาติปรุงแต่ง พอใจเราปรุงแต่งเราก็ไปช่วยใจเราปรุงแต่งด้วย เลยไปกันใหญ่ ปรุงแต่งซ้อนปรุงแต่ง
ทีแรกจิตมันปรุงของมันเอง เท่านั้นไม่พอนะ เราไปช่วยมันปรุงด้วย ก็เลยยุ่งเหยิง ซับซ้อน เหมือนขยุ้มด้าย พระพุทธเจ้าบอกเหมือนขยุ้มด้ายนะ ด้าย มาก้อนหนึ่ง ขย้ำๆไป ไม่รู้เลยว่าต้นปลายอยู่ที่ไหน ยุ่งเหยิงไปหมดเลย ไม่ต้องไปสาวนะ ขว้างมันทิ้งไปทั้งขดนั่นแหละ ไม่ต้องไปหาเงื่อนต้นเงื่อนปลายมัน ขว้างมันทิ้งไป
ถ้าเรารู้แล้วไร้สาระ ก็โยนทิ้งไป ถ้าเห็นว่ามีสาระก็ยังยึดเอาไว้ ค่อยฝึกนะ วันหนึ่งจะรู้แจ้งเห็นจริง จะเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธเจ้าสุดๆเลย มอบกายถวายชีวิตกันจริงๆเลย อัศจรรย์ในสิ่งที่ท่านค้นพบ ทำไมหนอท่านอัศจรรย์จริงๆท่านค้นพบของที่ธรรมดา ใครๆเขาก็ต้องหาของไม่ธรรมดาใช่มั้ย ต้องประเภท Unseen ถึงจะตื่นเต้น พระพุทธเจ้านะ เข้าใจถึงสิ่งที่เห็นอยู่ต่อหน้าต่อตาทุกวันนั้นแหละ
สิ่งที่เราเห็นอยู่ต่อหน้าต่อตา ก็คือสิ่งที่เรียกว่า “ตัวเราๆ” นี้แหละ กายกับใจนี้ เข้าใจตัวนี้ ตัวเราไม่มี ตัวเราไม่มีนะ เราเห็นตัวเราไม่มี ก็หมดความเห็นผิดว่ามีตัวเรา เป็นพระโสดาบัน…
CD: สวนสันติธรรมแผ่นที่ ๒๕
file: 510426.mp3
ระหว่าง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒ ถึง นาทีที่ 11 วินาทีที่ 36
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่