Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ไม่ได้ภาวนาเอาดี เอาสุข เอาสงบ แล้วเราภาวนาเพื่ออะไร?


mp 3 (for download) : ไม่ได้ภาวนาเอาดี เอาสุข เอาสงบ แล้วเราภาวนาเพื่ออะไร?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ขั้นแรกเลยของการภาวนานะ เราต้องรู้ว่าเราภาวนาเพื่ออะไร เราไม่ได้ภาวนาเพื่อหาความสุข เพื่อเอาความสุข เอาความดี เอาความสงบ เพราะความสุข ความดี ความสงบ เป็นแค่ผลพลอยได้ ถ้าภาวนาแล้วก็มีเองแหละแต่ไม่ใช่เป้าหมาย เป็นของแถมของระหว่างทาง

ถ้าเรามุ่งภาวนาเอาความดี ความสุข ความสงบ ดีมันยังไม่เที่ยง สุขก็ยังไม่เที่ยง สงบก็ยังไม่เที่ยง ถ้ามุ่งเอาของไม่เที่ยง มันก็ได้มาแล้วไม่นานก็เสียไป ดีได้ก็ยังชั่วได้อีก สงบได้ก็ฟุ้งซ่านได้อีก มีความสุขได้ก็มีความทุกข์ได้อีก เพราะของเหล่านี้ยังไม่เที่ยง เราจะภาวนาเอาของที่ดีกว่านั้น แต่ถ้าภาวนาไปเราก็จะเป็นคนดีนะ มีความสุข มีความสงบ มากขึ้น มากขึ้น อันนั้นเป็นผลพลอยได้ ไม่ใช่ตัวหลักหรอก

เราภาวนาเนี่ย มุ่งไปเพื่อให้เห็นความจริง ความจริงของกาย ความจริงของใจ ความจริงของมันก็คือ ความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจ เป็นของไม่เที่ยง เป็นของที่ถูกบีบคั้นทนอยู่ไม่ได้ เป็นของที่บังคับไม่ได้ไม่อยู่ในอำนาจ ทั้งกายทั้งใจนะ จะเคลื่อนไหว จะเปลี่ยนแปลง จะตั้งอยู่ จะเกิด จะตั้งอยู่ หรือจะดับไปเนี่ย เป็นไปตามเหตุทั้งสิ้น ไม่ใช่ของที่สั่งได้ ไม่ใช่ของที่บังคับได้ เรียกว่าอนัตตา

ถ้าเราภาวนามาให้เห็นกายเห็นใจ เป็นไตรลักษณ์แล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือการปล่อยวางจะเกิดขึ้น เราจะคลายความยึดถือในกายยึดถือในใจ เมื่อไรไม่ยึดถือกายไม่ยึดถือใจ อย่างท่านพุทธทาสท่านบอกไม่ยึดในตัวกูของกู นะ ไม่ยึดตัวกูของกู ความทุกข์ไม่มีที่ตั้งนะ ความทุกข์มันตั้งอยู่ที่กาย ความทุกข์มันตั้งอยู่ที่ใจ เราวางกายวางใจลงไปแล้ว ความทุกข์มันไม่มีที่อาศัยอยู่ ใจมันจะพ้นจากความทุกข์ไป

ตรงนี้เรายังไม่เห็นด้วยตัวเราเอง นะ แต่เวลาเราภาวนาเนี่ย เราจะเริ่มเห็นเหมือนกัน เห็นร่องรอย ว่าเมื่อไหร่หมดความยึดถือนะก็จะหมดความทุกข์ ร่องรอยของมันก็คือ เราจะเห็น ใจเราค่อยๆคลายออกจากโลก ภาวนาไปนะ ใจค่อยห่างโลกออกไปเรื่อย คลายออกจากโลก ยิ่งใจเราคลายออกจากโลกมากเท่าไหร่นะความทุกข์ก็ยิ่งลดลงเท่านั้น ห่างออกไป ก็ความทุกข์มันอยู่ที่กายความทุกข์มันอยู่ที่ใจ พอเราไม่หยิบฉวยกายไม่หยิบฉวยใจขึ้นมา ครอบครองเป็นเจ้าของ ความทุกข์มันก็หล่นหายไปด้วย เนี่ยระหว่างภาวนาก็เริ่มเห็นแล้วอันนี้

เวลาที่ใจตั้งมั่นเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน จะเห็นโลกอยู่ห่างออกไป ร่างกายก็อยู่ห่างออกไป มันเริ่มเห็นร่างกายนี้เป็นเหมือนวัตถุธาตุ หรือบางคนเห็นเหมือนกายของคนอื่นไม่ใช่ของเราแล้ว อยู่ห่างๆออกไป ความรู้สึกสุขทุกข์ก็อยู่ห่างๆออกไป กุศลอกุศลทั้งหลาย แต่เดิมเคยครอบงำจิตใจได้ ก็เริ่มเห็นกุศลอกุศลทั้งหลายอยู่ห่างๆออกไป มันห่าง มันห่างออกไปนะ ในที่สุดมันพรากออกจากกัน มันแยกออกจากกันถาวรนะ ไม่อยู่ด้วยกันหรอก

แต่จิตนั้นกระจายตัวรวมเข้ากับธรรมชาติ เข้ากับความว่าง เพราะทุกอย่างมันจะว่างในตัวของมันอยู่แล้ว เป็นจิตที่ไม่ยึดถืออะไร จะกระจายตัวออกไป รวมเข้าเป็นเนื้อเดียวกับความว่าง หลวงปู่ดูลย์บอกว่า พอจิตเนี่ยรวมเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์ของจักรวาล เป็นหนึ่ง เรียกว่านิพพาน ตรงนั้นไม่มีความทุกข์เหลืออยู่นะ มีแต่ความสุข เพราะนิพพานมีความสุข จิตสัมผัสกับนิพพาน จิตมีความสุขมาก

เนี่ยเราจะสัมผัสกับนิพพานได้นะ ต้องวางความยึดถือกายยึดถือใจให้ได้ ยังวางไม่ได้ก็ทุกข์ แบกเอาไว้มากก็ทุกข์ เพราะขันธ์ ๕ รูปนามกายใจนั้นเป็นตัวทุกข์ เป็นภาระ เป็นของหนัก ตราบใดที่เรายังต้องแบกของหนักอยู่ตลอดเวลา ก็จะทุกข์อยู่ ท่านบอกพระอรหันต์นะ พระอริยเจ้า วางของหนักลงแล้ว แล้วไม่หยิบฉวยขึ้นมาอีก ก็พ้นจากทุกข์ เพราะฉะนั้นตัวที่ทำให้เราพ้นจากทุกข์ได้ก็คือตัววางนี่เอง ถ้าแบกอยู่ก็ทุกข์อยู่ ถ้าวางไปก็พ้นทุกข์ไป แต่วางได้เพราะอะไร เพราะปัญญาแก่รอบนะ เพราะเห็นความจริง ความจริงของรูปธรรมนามธรรมว่ามันเป็นไตรลักษณ์ ไม่ใช่ของดี ไม่ใช่ของวิเศษ ไม่ใช่ของน่ารักน่าหวงแหนอย่างที่เคยรู้สึก ถ้าเห็นได้ก็จะวางเห็นไม่ได้ก็ไม่วาง เห็นได้นิดหน่อยก็วางนิดหน่อย เห็นได้แจ่มแจ้งก็วางหมด

หัดภาวนาก็เริ่มเห็นเป็นลำดับ ลำดับไป ค่อยหัดไป ทุกวัน ทุกวัน ไม่ท้อถอย ความสุขรออยู่ข้างหน้า ไม่ใช่ภาวนาเอาความสุขนะ ถ้าภาวนาเอาความสุขเอาความดี ความสุขความดีตัวนี้ไม่เที่ยง ยังไม่เที่ยงอยู่ มีความสุขที่เที่ยงรออยู่ข้างหน้า คือ นิพพาน นิพพานจะเจอได้ก็ต่อเมื่อเราวางความยึดถือในกายในใจได้ วางความยึดถือในกายในใจได้เพราะมีปัญญาแก่รอบเห็นความจริง ความจริงของกายของใจ ไม่ใช่ความจริงเรื่องอื่นด้วย เราจะเห็นความจริงของกายของใจว่าเป็นทุกข์นะ เป็นไตรลักษณ์ เป็นทุกข์ เป็นก้อนทุกข์ล้วนๆเลย ถ้าเห็นอย่างนั้นก็วาง ไม่แบกไว้ละ ไม่ใช่ของดี

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530423.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๓๓ ถึงนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 1,090 times, 1 visits today)

Comments are closed.