เมื่อภาวนาต้องคอยแจกแจงรูปนามหรือไม่?
เรื่องแจกแจงอะไรเป็นรูปอะไรเป็นนามนี่ ผมก็แจงแจงไม่เป็นหรอกครับ
เพราะไม่ได้ศึกษาที่จะแจกแจงแบบนี้มา
อย่างเวลาเมื่อยนี้ ผมจะหัดรู้ไปเลยว่ามีความเมื่อย (ความเมื่อยเป็นเวทนา)
ใหม่ๆ พอรู้สึกว่าเมื่อย ก็จะมาหัดสังเกตว่า จิตจะไหลไปอยู่กับความเมื่อย
บางครั้งปวดเมื่อยมากจิตก็ดิ้นรนเพราะทุกขเวทนา อยากหายจากทุกขเวทนา
แล้วพอเปลี่ยนอิริยาบท เห็นความปวดเมื่อยก็จะค่อยๆเบาลง
เห็นเลยว่าจิตมีความสุขขึ้น เลิกดิ้นรนที่จะให้หาย
หัดๆไปมากเข้า จิตก็จะเริ่มเป็นกลางต่อความปวดเมื่อยได้ดีขึ้น
จิตดิ้นรนเพราะทุกขเวทนาน้อยลงไปตามลำดับ
เพราะจิตเริ่มเข้าใจว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป
จิตก็จะสามารถแยกรูปแยกนาม คือแยกออกมาเห็นได้ว่า
รูป(ร่างกาย)ก็ส่วนหนึ่ง ความปวดเมื่อ(เวทนา)ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
จิตที่ดิ้นรนยินดียินร้ายก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ตอบซะนอกเรื่องไปเยอะเลย
“คำเรียกเมื่อย”
คำเรียกนั้นคือ สมมุติหรือคำบัญญัติขึ้นมาเพื่อใช่สื่สารถึงสภาวะเมื่อย
สภาวะเมื่อยจัดเป็นทุกขเวทนาทางกายครับ
จริงๆแล้ว ในส่วนของการปฏิบัติภาวนา
ไม่จำเป็นต้องแจกแจงได้ว่าอะไรเป็นรูปอะไรเป็นนามหรอกครับ
ถ้าจะศึกษาแบบแจกแจงได้ ต้องไปเรียนปริยัติหรือเรียนพระอภิธรรมมัตตสังคหะ
เพราะจะสอนแจกแจงไว้ว่าอะไรคือรูปอะไรคือนามครับ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่