“ดร.รัต นาภรณ์” ชี้ “ฐิตินาถ” ขอทวงเงิน 4.3 ล.จาก “พระปราโมทย์” ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะ เพราะหลักธรรมง่ายๆ บริจาคไปแล้วไม่ควรเอาคืน อัดไม่ใช่กลัยาณมิตรที่ดี รู้จักกันมา 10 ปี แต่พอขัดใจก็ออกมาทำลาย ด้าน “ชัยพันธ์” แนะควรพึงสังวรณ์ไว้ทั้งประชาชนและพระ ทำอะไรหากไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้เสมอ
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันพุธที่ 29 ก.ย.โดยมี น.ส.ผมหอม แสวงดี เป็นผู้ดำเนินรายการ และเชิญ ดร.รัตนาภรณ์ ธรรมโกศล นายเทิดภูมิ ใจดี และนายชัยพันธ์ ประภาสะวัต ร่วมพูดคุยในรายการ
น.ส.ผมหอม กล่าวเปิดประเด็นถึงบทความ “ของจริง กับของปลอม ดูไม่ยาก เรื่องของพระปราโมทย์ กับ ฐิตินาถ ณ พัทลุง” โดยในบทความระบุว่าฝ่าย น.ส.ฐิตินาถกับพวกเปิกเกมรุกกล่าวหาพระปราโมทย์เพียงข้างเดียว และหลักฐานที่ทำมาแสดงก็ล้วนแล้วแต่ไม่มีมูล ในขณะที่ทางพระปราโมทย์ถือคติ “พระไม่ตีกับโยม” ไม่ตอบโต้ แต่ชี้แจงเท่าที่จำเป็น ปรากฏว่าฝ่ายพระชี้แจงได้ทุกข้อกล่าวหา ซึ่ง น.ส.ฐิตินาถต้องการทวงเงิน 4 ล้าน 3 แสนบาท ที่เคยบริจาคไปคืน
ดร.รัตนาภรณ์กล่าวว่า เรื่องพระหนีไม่พ้นสีกา กับเงินๆ ทองๆ ที่จะทำให้มัวหมอง ที่จริงหลักธรรมง่ายๆบริจาคไปแล้วทำไมจะเอาคืนล่ะ เหมือนการเอาข้าวใส่บาตรไปแล้ว พอไม่พอใจจะขอคืนมันก็ดูแปลกๆ หรืออย่างกรณีข้อกล่าวหาที่ว่าพระปราโมทย์พักในกุฏิที่ใกล้กันกับแม่ชี มีหน้าต่างตรงกัน มองเห็นกันได้โดยไม่มีสิ่งใดๆขวางกั้น สื่อไปดูแล้วก็รู้ว่ากุฏิไม่ได้ใกล้กันจริง
“ช่วงดีก็ดีกันเป็น 10 ปี แต่พอขัดใจก็ออกมาทำลาย กัลญาณมิตรไม่ทำกันหรอก ยิ่งท่านเป็นพระด้วย โบราณเขาบอกว่าบาป เข้าใจ น.ส.ฐิตินาถต้องการทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ถ้ามันไม่ถูกล่ะ คนนี้เขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ แต่วันนี้ทวงตังค์คืนก็เริ่มไม่ชอบด้วยเหตุผลแล้ว” ดร.รัตนาภรณ์กล่าว
นายชัยพันธ์กล่าวว่า กรณีนี้เป็นบทเรียนของสังคม เป็นตัวอย่างอันหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้ศาสนาเรา พระถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือเยอะ เป็นเรื่องของโลกวัชชะ โลกติเตียนความไม่เหมาะสม พระกับชีไม่ควรอยู่ใกล้กัน ทำให้ติเตียนได้ง่าย แล้วนี่เป็นอดีตภรรยาอีกมันเลยยิ่งดูทะแม่งๆ จะเป็นพระ เป็นภิกษุณีก็เป็นได้แต่ไม่ควรยุ่งกับเรื่องเงินๆ ทองๆ รับโอนไม่ได้มีการโอนให้แม่ชีอีก ตนไม่ขอตัดสินใครผิดใครถูก
นายชัยพันธ์กล่าวอีกว่า มนุษย์ก็ดีพระก็ดีควรพึงสังวรณ์ไว้ ทำอะไรที่ไม่อยู่ในครรลองคลองธรรมมันก็เกิดเรื่องขึ้นได้เสมอ โยมก็ดีสีกาก็ดีที่ออกมาเอาผิดพระครั้งนี้ ก็บอกถึงสติปัญญาของตัวเองด้วย แทนที่เราจะยึดมั่นในคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เราดันวิ่งไปหาพระเกจิชื่อดัง ต้องเข้าคิวคอย ธรรมะคือสิ่งที่มีแยู่แล้วแต่พระพุทธเจ้าไปค้นพบ ทุกวันนี้ยังมีสำนักสงฆ์ใหญ่โตบอกว่าเป็นวิชาที่ตรัสรู้ขึ้นเอง ต้องเอาเงินมาเยอะๆนะจะได้ขึ้นสวรรค์ ศาสนาต้องมีการสังคยนาไม่ได้ปฏิรูปแต่บ้านเมือง คนไทยหลายคนเป็นพุทธแต่ปากไม่เคยศึกษาหลักธรรมของศาสนาจริงๆ
และพระหลายแสนรูปที่มีอยู่ทุกวันนี้การปฏิบัติดีเพื่อตัวเองเท่านั้นไม่เพียงพอ แต่ต้องนำพาสังคมให้ไปสู่การปฏิบัติดี เรื่องพระปราโทย์ กับสีกา เอามาเพื่อเรียนรู้ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์ ชั่วดีอยู่ที่ใจทั้ง 2 คน
อ้างอิง : ASTV Manager Online
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่