Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์ กับ อ.สุรวัฒน์: จิตไม่ถึงฐาน

จิตไม่ถึงฐาน

ตอนที่จิตไม่ถึงฐาน ก็คือยังเผลอไปแบบหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับใจลอยขาดสติ
พอจิตไม่ถึงฐานแล้วเห็นว่าจิตไม่ถึงฐาน
ถ้าจิตยังไม่มีกำลังตั้งมั่นพอ สภาวะที่ไม่ถึงฐานก็จะยังไม่หายไป
แต่ก็ไม่ต้องฝืนจะให้หายนะครับ ให้หัดรู้ไปว่าจิตไม่ถึงฐานนั่นแหละครับ
แล้วจิตจะกลับมาถึงฐานได้ (แต่อาจนานหน่อย)
หรือถ้ารู้สึกว่าจิตไม่มีแรง จะทำความสงบแบบสมถะก็ได้ครับ
พอจิตได้พักในความสงบก็จะมีกำลัง แล้วกลับมาถึงฐานได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada news: อธิบดี DSI แจ้ง หลวงพ่อปราโมทย์ไม่มีความผิด

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

DSI เผยผลสอบเจ้าสำนักสวนสันติธรรม ไม่พบกระทำความผิด เรื่องเงินบริจาค ที่ดิน และพระธรรมวินัย
TNN News : อธิบดี DSI แจ้ง หลวงพ่อปราโมทย์ไม่มีความผิด

23 ก.ย. 53 : นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เปิดเผยว่า จากการรายงานเบื้องต้นในการตรวจสอบข้อร้องเรียนของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มอดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ทั้งกรณีเรื่องของเงินบริจาค ที่ดิน ที่อ้างว่ามีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้เป็นชื่อของแม่ชีอรนุช สันตยากร อดีตภรรยานั้น ยังไม่พบว่า พระปราโมทย์ได้มีการกระทำความผิดจริงตามที่มีการร้องเรียน โดยพระปราโมทย์ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ทั้งเรื่องของเงินบริจาคที่มีคณะกรรมการดำเนินการร่วม กรณีที่ดินที่ขอจัดตั้งเป็นวัด ตรวจสอบเรื่องความใกล้ชิดกับแม่ชีอรนุช ที่ถูกร้องเรียนว่า กุฏิอยู่ใกล้กัน รวมไปถึงการสอนที่ถูกร้องว่าอวดอุตริมนุษธรรม ไม่พบว่าพระปราโมทย์มีการกระทำใดๆที่ผิดต่อพระธรรมวินัย

ทั้งนี้เมื่อดีเอสไอได้ตรวจสอบกรณีดังกล่าวแล้ว ไม่พบความผิดปกติตามที่ร้องเรียนก็ไม่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ยังคงต้องดูข้อมูล ข้อเท็จจริงต่อไปอีกระยะหนึ่ง และเรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาต่อไป

ขณะที่นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสวนสันติธรรม เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 25 ก.ย.นี้ พระปราโมทย์ จะเปิดสวนสันติธรรม เพื่อให้สื่อมวลชน ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง ในทุกกรณีโดยเฉพาะเรื่องของการสอน และกุฏิของพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุช เพื่อพิสูจน์ความจริงว่าไม่เป็นไปตามข้อกล่าวหา นอกจากนี้ในส่วนของลูกศิษย์พระปราโมทย์ยังได้หารือที่จะดำเนินการฟ้องกลับ ผู้ร้องที่ทำให้สวนสันติธรรมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่พระปราโมทย์ยังคงห้ามปรามไว้ เพราะไม่ต้องการสร้างกรรมต่อกัน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความคิดเห็นจากพระรูปหนึ่งกรณีข่าวสวนสันติธรรม (กันยายน ๕๓)

ความคิดเห็นจากพระรูปหนึ่ง

ความคิดเห็นจากพระรูปหนึ่ง

หลายวันมานี้ เราคงจะเห็นข่าวพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ลงหนังสือพิมพ์ และเป็นข่าวทางหน้าจอโทรทัศน์หลายช่อง มีการโหมข่าว ชงเรื่อง วิพากษ์วิจารณ์ ใส่สีกันอย่างเต็มที่จากทั้งทางผู้ร้องเรียน และจากทางสำนักข่าวต่างๆ ( นั่นเป็นสิ่งที่นักข่าวที่มุ่งแต่จะขายข่าวมักจะทำเป็นประจำอยู่แล้ว โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับพระ และอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาข่าวเกี่ยวกับพระในด้านลบมักเป็นเรื่อง จริงโดยส่วนใหญ่ และสั่นคลอนศรัทธาไปมากแล้ว ) ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้จักท่าน หรือรู้จักแค่เพียงผิวเผิน เมื่อได้ฟังหรือดูข่าวนี้ ก็คงร่วมพิพากษากันตามเนื้อข่าวที่ได้รับฟัง หรือได้อ่านจากสื่อที่นักข่าว และผู้ร้องเรียนเหล่านั้นนำเสนอ ส่วนใหญ่แล้วนักข่าว และผู้เสพข่าวเหล่านั้นล้วนมีชุดคำตอบภายในใจอยู่แล้ว เมื่อเป็นข่าวที่เขียนถึงพระสงฆ์ในแง่ลบ โดยยังไม่ทันรู้ถึงเรื่องราวข้อเท็จจริงของอีกด้านหนึ่ง ( และนั่นก็เป็นธรรมดาในสังคมโลก )

แต่เหตุการณ์นี้จะเป็นกรณีที่ทุกคนควรศึกษา เพราะทางด้านพระอาจารย์ปราโมทย์ และกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาต่างดำเนินชีวิตกันอย่างสงบ ทำกิจวัตรตามปกติ ไม่ออกมาเต้นผางๆ เพื่อตอบโต้ แก้ข่าวอย่างเผ็ดร้อนเดือดพล่านแบบกรณีข่าวอื่นๆ ที่เราเคยเห็น การออกมาชี้แจงโต้ข่าวกันกลับไปกลับมา โดยเฉพาะในวงการเมือง และวงการดารา ซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าทางผู้นำเสนอข่าว เพราะมันขายได้ และคนส่วนใหญ่มักชอบติดตาม แต่ในกรณีนี้จะมีก็แต่คำชี้แจงต่อสื่อมวลชนอย่างสุภาพเพียงสองสามหน้ากระดาษเท่านั้น แต่ด้วยคำชี้แจงแบบไม่โจมตีใครเช่นนี้ ผู้ที่เคยศึกษางานของท่าน และต้องการทราบข้อมูล หรือรอฟังอยู่ ส่วนใหญ่ก็เกิดความสบายใจขึ้นทันทีว่า “ไม่มีอะไร” แต่นักข่าว และผู้คนบางกลุ่มอาจจะไม่พอใจในถ้อยแถลง ที่ไม่มีการตอบโต้กันอย่างเผ็ดร้อน ตามความคุ้นเคยจากการอ่านข่าวเรื่องอื่นๆ มา แหละนี่คือสันติวิธีในการแก้ปัญหา ที่คนในสังคมไม่ค่อยรู้จัก ไม่คุ้นเคย และไม่ค่อยได้เห็น แต่กรณีเช่นนี้จะเกิดให้เห็นก็เฉพาะกลุ่มผู้ศึกษาธรรม และกลุ่มนักภาวนาที่แท้จริงเท่านั้น เพราะ จิตใจของเขาจะไม่ขวนขวายที่จะเบียดเบียนใคร เพราะมีศีลคอยปกป้องการกระทำทางกาย และวาจาอยู่ จะกล่าวไปใยกับการยื่นฟ้องร้องกล่าวโทษผู้ทรงธรรมในร่มกาสาวพัสตร์นี้ แม้คดีความในเรื่องนี้ยังไม่ได้จบลง แต่เชื่อเหลือเกินว่า ในสภาวะจิตใจของลูกศิษย์ลูกหาของท่าน “เรื่องนี้จบลงแล้ว” ( จบลงในทุกขณะที่คิดถึงมัน )

เหตุผลหนึ่งที่กระแสข่าวนี้อ่อนแรงไปอย่างรวดเร็วสำหรับในกลุ่มลูกศิษย์ลูกหาที่เรียนธรรมะ และตั้งใจภาวนาตามแนวทางที่ท่านสอน เพราะนี่มิใช่ครั้งแรกที่ท่านอาจารย์ปราโมทย์ถูกโจมตี เพียงแต่กลุ่มผู้โจมตีได้เปลี่ยนช่องทาง หรือเปลี่ยนแผนในการโจมตีให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น และก็ถือว่าทำได้สำเร็จในวงกว้าง ( และก็ย่อมได้สร้างกรรมเป็นวงกว้างอีกด้วย ) ข้อมูลต่างๆ ส่วนหนึ่งเคยลงโจมตีไว้ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่กลับเป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟาง ไม่ให้ผลเด่นชัด และเป็นวงกว้าง เหตุหนึ่งคงมาจากผู้รับสื่อส่วนใหญ่ ได้รับข้อมูลทั้งสองด้าน รวมถึงข้อมูลการโจมตีไม่มีน้ำหนัก และเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้มีผู้คนส่วนใหญ่เทใจเชื่อถือได้อีกทั้งลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ปราโมทย์จำนวนมากก็ใช้การสื่อสารอินเทอร์เน็ต

แม้ในช่วงต้นของการโจมตีอาจดูดีได้ผล และมีผู้คนหวั่นไหวเป็นอันมาก แต่เมื่อมีผู้รู้หลายท่านได้ออกมาเขียนบทความแสดงความเห็นอย่างเป็นเหตุเป็นผล และเป็นเหตุเร้ากุศล เช่น พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล คุณดังตฤณ และท่านอื่นๆ เหตุการณ์นี้ก็สงบไปจากจิตใจของผู้ที่ยังลังเลสงสัยอยู่ในที่สุด และครั้งนั้นทางด้านลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็ใช้การแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี เช่นกัน ในช่วงนั้นตัวของท่านอาจารย์ปราโมทย์เองก็ยกเลิกกิจนิมนต์ภายนอกทั้งหมดเพื่อลดกระแสการเผชิญหน้า และการมุ่งร้ายของอีกฝ่าย เว็บไซต์วิมุตติซึ่งเป็นช่องทางหนึ่งในการเผยแผ่ธรรม ที่เป็นผลงานของพระอาจารย์ปราโมทย์ ก็ปิดเงียบ เพื่อสร้างกระแสความสงบ ถึงแม้จะมีการเปิดเว็บไซต์บางแห่งเพื่อโจมตีท่านโดยตรงอีกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดผลในวงกว้างได้

แต่ในกรณีการโจมตีระลอกใหม่ครั้งนี้ไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนกลุ่มคนดังกล่าวจะมีการเตรียมการ และหาข้อมูลหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการโจมตีครั้งนี้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการมุ่งประเด็นไปทางเรื่องเงินๆ ทองๆ จำนวนมหาศาลที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ และตีข้างกระทบใน ในเรื่องของแม่ชี อดีตภรรยาทางโลกผู้มีปฏิปทาในทางธรรมที่ดี โดยไม่อธิบายรายละเอียดที่ชัดเจนในวิถีการเป็นอยู่ในสวนสันติธรรม และไม่ได้กล่าวถึงการมีคณะสงฆ์ที่มีความตั้งใจในการภาวนาที่ดีอยู่ที่นั่น ซึ่งแสดงถึงสถานปฏิบัติธรรมที่มิใช่มีเพียงท่านอยู่ตามลำพังกับแม่ชี ซึ่งข้อมูลแบบครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้ เป็นความต้องการที่จะสื่อถึงอาบัติหนักของพระภิกษุ และสิ่งที่ชาวบ้านติเตียน เพื่อให้เกิดแรงโน้มเอียงอย่างรวดเร็ว ที่จะเกิดความเชื่อถือในข้อมูลที่ผู้โจมตีนำเสนอออกมา ทั้งประเด็นหลัก ประเด็นย่อย อีกทั้งยังห้อยท้ายด้วยความน่าเห็นใจจากการถูกทำร้ายจิตใจก่อนจนทนไม่ไหว และเมื่อผู้นำการโจมตีเป็นผู้หญิงและคณะบุคคลผู้มีชื่อเสียง จึงสามารถเพิ่มกระแสความน่าสนใจได้อย่างรวดเร็ว และเชื่อเหลือเกินว่ากลุ่มผู้โจมตีก็ย่อมมั่นใจในความถูกต้องของตัวเอง และเชื่อว่าตนมีดี แหละงานนี้น่าจะสำเร็จผลตามที่ต้องการ

ผู้เขียนเชื่อว่าการเปลี่ยนช่องทางการใช้สื่อใหม่นั้นต้องมีการวางแผนกันเป็นอย่างดี และรู้ถึงแนวโน้มอันเป็นผลที่จะได้รับ เพราะถ้าช่องทางในอินเทอร์เน็ตได้ผลไม่เข้าเป้าแล้ว นี่จะเป็นช่องทางที่จะสั่นสะเทือนได้แรงกว่า เหตุผลง่ายๆ ก็คือ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และทีวี คนไทยเข้าถึงได้กันได้แถบทุกหย่อมหญ้า เพราะในสื่อช่องทางนี้ผู้คนย่อมไม่รู้จักท่านมากกว่าที่จะรู้จักท่านมาก่อน และระดับการรับสื่อของกลุ่มคนมีหลากหลาย และส่วนใหญ่คือ “คนนอกวงการ” ( ผู้ที่เป็นชาวพุทธที่ไม่ได้ศึกษาธรรมะ และเจริญภาวนา ) ดังนั้นมันจึงได้ผลเป็นวงกว้างกว่า อีกทั้ง เมื่อใดที่ข่าวพระภิกษุถูกเลือกลงหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ นั่นหมายความว่า เป็นที่สนใจจากทุกฝ่ายแน่นอน เพราะนั่นล้วนเป็นข่าวด้านลบทั้งสิ้น เหตุผลง่ายๆ ก็คือ มันขายได้ และเชื่อเถอะว่าไม่ว่าความจริงจะ เป็นเช่นใด ทัศนะคติของนักข่าว และคนส่วนใหญ่มักฟันธง ปลงใจไปแล้วว่า “นี่คือเรื่องจริง” ( อย่างที่บอก เหตุหนึ่งก็มาจากข่าวลบที่เป็นจริงของพระนอกธรรมวินัยที่มีโอกาสขึ้นหน้าหนึ่งทั้งหลาย ที่ถอนศรัทธาผู้คนไปมากแล้ว ดังนั้นคงโทษใครไม่ได้ นอกจากจะช่วยกันดูแล ปกป้องรักษาอย่างเข้าใจ )

ผู้คนเหล่านั้นย่อมพิพากษากันตามใจชอบ โดยไม่แม้กระทั่งจะฟังข่าวอีกด้านก่อน และไม่มีการค้นหาข้อมูลว่า พระรูปนั้นเป็นใคร มีประวัติความเป็นมาเช่นไร ปฏิปทาท่านเป็นอย่างไร ในส่วนนี้ต้องขวนขวายเอาเอง เพราะนักข่าวย่อมไม่นำมาเสนอเป็นแน่ ( เพราะส่วนใหญ่แล้วไม่รู้จักท่าน และไม่ใช่คนเข้าวัดหรือเป็นนักภาวนากันสักเท่าไร ) สุดท้ายแม้ผลออกมาจะไม่ได้ตรงตามที่นักข่าวฟันธงเชื่อไว้ ก็เป็นไปได้ยากที่สื่อเหล่านั้นจะตามแก้ข่าวให้อย่างเป็นธรรม ให้สอดคล้องกับยามที่ตีข่าวให้ดัง

จะว่าไปแล้วการโจมตีจนเป็นข่าวดังคราวนี้ ย่อมเกิดผลกระทบในวงกว้าง และแรงเสื่อมศรัทธานั้นย่อมมีอย่างมากมายแน่ ทั้งจากกลุ่มผู้ศรัทธาทั่วไปในพระพุทธศาสนา กลุ่มผู้ประกอบบุญ กลุ่มที่เริ่มภาวนา และยังลังเลสงสัยอยู่ ตลอดจนถึงผู้ที่กำลังจะได้ศึกษางานของท่าน หรือพึ่งได้ศึกษา เพราะเกรงตนจะเดินผิดทาง หรือเป็นเป้าในการถูกตำหนิจากบุคคลรอบข้างที่ปลงใจเชื่อข่าวนี้ไปแล้ว จึงจำเป็นต้องสงวนท่าทีไว้ แหละนี่ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับเขาเหล่านั้น เพราะถ้าเราตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเขา เราก็อาจจะรู้สึกไม่ต่างจากเขาเมื่อได้รับข่าวนี้ แต่สำหรับในวงการนักภาวนาลูกศิษย์ลูกหาของท่าน ที่ภาวนาพอเห็นดอกเห็นผลบ้างแล้ว ก็คงไม่ต้องกล่าวถึงว่า จะลังเลสงสัยหรือไม่ บางทีอาจตั้งใจภาวนากันมากขึ้นอีกด้วย เพราะเล็งเห็นถึงความเหนื่อยยากของครูบาอาจารย์ ที่เมตตาสั่งสอนด้วยใจจริง และเห็นโทษภัยของกระแสโลก ถ้ากลุ่มคนเหล่านี้จะส่งกระแสใดๆ ออกมา ก็คงเพียงเพื่อ ให้เกิดการรวมใจกันเป็นกำลังใจแด่ครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพศรัทธาเท่านั้น แต่สำหรับครูบาอาจารย์ท่านนี้ การปฏิบัติบูชาคุณพระพุทธเจ้า คือ กำลังใจที่ดีที่สุดสำหรับท่าน

สุดท้ายนี้ ถ้าใครคิดว่าผู้เขียนเชียร์พระอาจารย์ปราโมทย์ ผู้เขียนก็จะยิ้มให้อย่างเข้าใจ แต่ถ้าใครคิดว่า ผู้เขียนกำลังนำเสนอกรณีตัวอย่างแห่งสันติวิธีในการแก้ไขปัญหา ผู้เขียนก็ต้องขออนุโมทนาสาธุด้วย แต่ทั้งหมดก็เป็นแค่เพียงมุมมอง และการวิเคราะห์เป็นการส่วนตัว อาจมีข้อผิดพลาดตามภูมิปัญญาอันจำกัด อย่างไรก็ดี ถ้าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการสร้างกระแสแห่งกุศลจิตของผู้ใดแล้ว ก็ถือว่าบทความนี้ยังพอมีประโยชน์บ้าง แต่ถ้าผู้อ่านท่านใดเกิดความขุ่นข้องหมองใจ และไม่มีความเห็นร่วมกับความเห็นนี้ ผู้เขียนก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

“ศีลที่ดีป้องกันไม่ให้เราไปเบียดเบียนผู้อื่น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป้องกันไม่ให้ผู้อื่นมาเบียดเบียนเราได้เสมอไป”

พระผู้ศึกษาปฏิบัติธรรมรูปหนึ่ง
๑๙ ก.ย. ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: คือการให้กำลังใจในการภาวนา หรือ คือการหลอกลวง

จากการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์มติชน เปิดจดหมายน้อย2ฉบับอ้างลายมือ “พระปราโมทย์” เขียนถึง “ฐิตินาถ” ซึ่งอ้างถึงจดหมาย 2 ฉบับ ดังนี้

จดหมายฉบับที่ 1

จดหมายฉบับที่ 1

จดหมายฉบับที่ 2

จดหมายฉบับที่ 2

จากข่าวดังกล่าวนั้น ในส่วนที่เป็นการพิสูจน์ว่าจดหมายทั้งสองฉบับนั้นเป็นเอกสารจริงหรือไม่ การพิสูจน์ย่อมตกเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ เราๆท่านๆในฐานะคนติดตามข่าว คงไม่สามารถที่จะไปพิสูจน์อะไรได้จริงๆจังๆแน่นอน ดังนั้นจะเว้นธุระตรงนั้นไปก่อน และเราจะมาดูในตัวสาระสำคัญของจดหมายฉบับนี้แทน (ขอใช้คำว่า “ผู้เขียนจดหมาย” แทนตัวผู้เขียนจดหมาย และคำว่า “ผู้รับจดหมาย” แทนตัวผู้รับจดหมายไปก่อน เพราะเหตุที่ยังไม่ทราบเป็นที่แน่นอนว่า เป็นจดหมายที่ใครเขียนขึ้น)

หากเราพิจารณาถึงสาระสำคัญที่ได้จากจดหมายฉบับนี้ ก็น่าเป็นเรื่องของเจตนาของผู้เขีียนจดหมายที่ต้องการสื่อสารไปถึงผู้รับจดหมาย ซึ่งอ่านแล้วก็เข้าใจได้ว่า ผู้เขียนจดหมายมีเจตนาที่จะกระตุ้นเตือนให้ผู้รับจดหมายนั้น ตั้งใจภาวนา มีความมั่นคงในการภาวนา อย่าปล่อยปละละเลย อย่าประมาท อย่าทอดธุระเสีย โดยไม่ได้มีส่วนใดที่เขียนไปเพื่อเรียกร้องหรือชักจูงให้ผู้รับจดหมายต้องบริจาคเงินทอง ทำการเรี่ยไร หรือทำการอื่นใดอันเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทองแม้แต่น้อย ส่วนเนื้อหาในเรื่องที่อ้างถึง เจ้าของจดหมายก็มิได้เป็นผู้บอก ว่าตนเป็นผู้ระลึกได้เอง ย่อมไม่อาจใช้เป็นหลักฐานได้ว่า เป็นการอวดอุตริมนุสธรรมแต่อย่างใด

การอวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนแ่ก่อนุปสัมบัน (ผู้ที่ไม่ไ่ด้บวช) นั้น จะเข้าข่ายอาบัติปาราชิกก็ต่อเมื่อ
1. การพูดต้องระบุชัดเจน ว่าตนเองได้ภูมิอริยะชั้นใด เช่น ได้โสดาบัน ได้สกทาคามี หรือ ว่าตนเองได้สมาธิในฌานระดับใด เช่น ได้ปฐมฌาน ได้ทุติยฌาน เป็นต้น
2. ผู้พูดต้องเป็นผู้ที่ไม่มีความสามารถตามที่กล่าวอ้าง และรู้ตัวอยู่ด้วยว่าไม่มีตามที่กล่าวอ้าง (แต่หากเข้าใจผิด ไม่ต้องอาบัติปาราชิก)
3. ผู้พูดจะพูดเอง หรือ จะนัดแนะให้คนอื่นพูดแทนตนก็ดี หากเข้าข่าย 2 ข้อข้างบน ต้องอาบัติปาราชิก แต่หากมีคนอื่นไปพูดต่อๆกันไปเอง ไปตีความกันเอาเอง โดยที่ผู้พูดไม่ได้นัดแนะให้พูด ก็ไม่เข้าข่ายอาบัติปาราชิกเช่นกัน

และหากพิจารณาต่อไปอีกว่า ทำไมผู้เขียนถึงต้องเลือกใช้วิธีการเช่นนี้ ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงที่ตนเองจะต้องเดือดร้อนในภายหลัง เพียงเพื่อกระตุ้นให้ผู้รับจดหมายหมั่นเพียรภาวนา ก็น่าจะได้เห็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของความเป็นครู (ซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้) ที่เสียสละตนเองถึงเพียงนี้ เพียงเพื่อให้ลูกศิษย์ได้มีความมั่นคงในการภาวนา สมดังคำที่เคยได้ยินมาในอดีตว่า “ธุระของศิษย์ คือ ธุระของครู”

และเมื่อพิจารณาถึงผลที่เกิดขึ้นในวัีนนี้ ก็น่าพิจารณาต่อไปได้อีกว่า เมื่อการตัดสินใจใช้วิธีการที่สุ่มเสี่ยงเช่นนี้แล้ว แต่ผลสุดท้ายกลับมาเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น มีการแปรเจตนาอันดีของผู้ส่งจดหมายมาเป็นเรื่องในทำนองนี้ด้วยแล้ว ก็น่าจะมองเห็นภาพรวมของความเป็นจริงได้อีกมาก

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ได้รู้ก็คือ ผู้ที่ทำหน้าที่ครูบาอาจารย์ได้พยายามทำหน้าที่ของตนจนถึงที่สุดแล้ว

หมายเหตุ ขออ้างถึงคำกล่าวของ อ.สุรวัฒน์ ที่ว่า

“เรื่องการตีความคำพูดนั้น ก็แล้วแต่ใครจะตีความจะเข้าใจกันว่าอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญคือ ต้องดูว่าการสนทนานั้นมุ่งเพื่อประโยชน์ใดเป็นสำคัญครับ … ในการสนทนาครั้งนั้น ฟังดูก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า เพื่อประโยชน์ของการแนะนำการปฏิบัติภาวนา หาใช่เพื่อประโยชน์อื่นใดเลยครับ … และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ได้มุ่งเพื่ออวดอ้าง ไม่ได้เพื่อทำให้ใครหลงเชื่อ ไม่ได้เพื่อหวังลาภสักการะ แต่ประการใดทั้งสิ้น ^_^”

อ้างอิง: Dhammada News: หลักฐานอวดว่าเป็นอรหันต์ แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

video: สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA (๖)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงพระธรรมเทศนา
ณใ สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA
เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒
มีทั้งสิ้น ๙ ตอน

mp4 (part 6) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

wmv (full video) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กลัวความชั่ว แต่อย่ากลัวความทุกข์

mp3 (for download) : กลัวความชั่ว แต่อย่ากลัวความทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

กลัวความชั่ว แต่อย่ากลัวความทุกข์

กลัวความชั่ว แต่อย่ากลัวความทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราอย่ากลัวทุกข์นะ พวกเราอย่ากลัวทุกข์ กลัวความชั่ว กลัวความชั่วนะ อย่ากลัวทุกข์  อย่ากลัวปัญหาในชีวิต  ปัญหาในชีวิตเกิดตลอดเวลา พอมีปัญหาแล้วเนี่ย ถ้าเราภาวนาไม่เป็น ใจมันจะทุกข์ ความทุกข์เกิดขึ้น ก็อย่ากลัวมัน เรียนรู้มัน   คนพ้นทุกข์ได้ ก็เพราะรู้ทุกข์แจ่มแจ้ง พระพุทธเจ้าถึงสอนว่า ทุกข์น่ะ ให้ “รู้”    สมุทัยคือความอยากน่ะ ให้ “ละ”

ของเรากลับข้างนะ เราอยากละทุกข์  กลับหัวกลับหางเลย  เราอยากใช่ไหม อยากอะไร อยากละทุกข์   ท่านให้ “รู้” ทุกข์ แต่เราจะ “ละ” ทุกข์ กลับหัวกลับหางนะ ฉะนั้นเราไม่พ้นหรอก ถ้าเราอยากพ้นทุกข์จริงๆนะ  เรียนรู้ทุกข์ไป ทุกข์อยู่ทีกาย เรียนรู้อยู่ที่กาย   ทุกข์อยู่ที่ใจ เรียนรู้อยู่ที่ใจ เรียนรู้ลงไปเรื่อย จนปัญญามันเกิด มันค่อยพ้นเป็นลำดับๆ ไป ต้องเห็นทุกข์นะ จึงจะเห็นธรรม

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่  ๓๔
File: 530228A
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๔๖ ถึงนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๕๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์ กับ อ.สุรวัฒน์: เครื่องอยู่ (วิหารธรรม)

เครื่องอยู่ (วิหารธรรม)

การใช้เครื่องอยู่ ก็เพื่อเป็นเครื่องสังเกตว่าเผลอลืมเครื่องอยู่ไป
ซึ่งหลังจากที่เผลอไปแล้ว จิตจะนึกขึ้นได้ว่าลืมเครื่องอยู่ไป
ซึ่งตรงที่นึกได้นั้น จิตจะนึกได้เอง เกิดสติขึ้นมาได้เอง
พร้อมๆกับรู้ว่า เมื่อกี้ลืมเครื่องอยู่ไป
แล้วจิตจะกลับมาอยู่กับเครื่องอยู่ได้อีกครั้ง

ถ้ามองโดยภาพรวม จะเรียกว่าตั้งใจก็ได้ครับ
แต่เป็นการตั้งใจรู้สิ่งที่ใช้เป็นเครื่องอยู่เท่านั้น
(แต่ต้องไม่ตั้งใจหรือฝืนที่จะไม่ให้ลืมเครื่องอยู่จนเคร่งเครียด)
ส่วนตรงที่เกิดสติหลังจากเผลอไปแล้วนึกขึ้นได้
เป็นการเกิดสติขึ้นเอง ไม่ใช่เราไปตั้งใจหรือจงใจทำให้เกิดสติครับ

ส่วนที่ถามว่า เมื่อไหร่จะปล่อยเครื่องอยู่ได้
ก็คงต้องฝึกไปจนจิตสามารถมารู้อยู่กับเครื่องอยู่ได้เองบ่อยๆ เพราะความเคยชินครับ
(ไม่ใช่ว่าเราจะปล่อยทิ้งเครื่องอยู่ไปเลยนะครับ)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: สำนักพุทธชี้สวนสันติธรรมตั้งเป็นสาขาวัดบูรพารามถูกต้อง

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=18365

ทนายความและลูกศิษย์เตรียมเปิดสวนสันติธรรมตรวจสอบกุฎิเสาร์นี้ -สำนักพุทธชี้ตั้งเป็นสาขาวัดบูรพารามถูกต้อง

22 ก.ย. 53 : นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รอง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการร้องเรียนให้ตรวจสอบพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่ามีการก่อตั้งโดยให้สวนสันติธรรมเป็นสาขาวัดบูรพาราม พระอารามหลวง จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นวัดที่พระปราโมทย์อุปสมบทไม่ถูกต้องนั้น สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ตรวจสอบไปยังวัดต้นสังกัด ได้รับแจ้งว่าทางวัดบูรพารามให้ความยินยอมที่จะให้พระปราโมทย์เปิดสวนสันติธรรมเป็นสาขา ในฐานะที่เป็นอาจารย์และลูกศิษย์ที่หลวงปู่ดูลย์เคยเป็นเจ้าอาวาส

ซึ่งไม่ถือว่าก่อให้เกิดความเสียหาย แต่เป็นการยกย่องอาจารย์ ส่วนการบริหารจัดการภายในสวนสันติธรรมนั้น ทางวัดบูรพารามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังขอเวลาในการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์ ความสัมพันธ์กับแม่ชีอรนุช สันตยากร รวมทั้งที่ดิน และบัญชีบริจาค อย่างละเอียด โดยในวันเสาร์นี้ลูกศิษย์และทนายความพระปราโมทย์จะเปิดกุฏิให้สื่อมวลชนเข้าตรวจสอบนั้น ตัวแทนจากสำนักพระพุทธศาสนาจะร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อพิสูจน์ว่า มีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และหากมีการร้องเรียนกลับจากฝ่ายพระปราโมทย์ให้ตรวจสอบผู้ร้อง ก็คงต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้มีรายงานว่าในกลุ่มของผู้ร้องเรียนพระปราโมทย์ พร้อมที่จะให้ตรวจสอบกลับเช่นกัน โดยยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนในการตรวจสอบพระปราโมทย์ ทั้งเรื่องการอวดอ้างว่าเป็นพระอรหันต์ รวมทั้งความสัมพันธ์ของพระปราโมทย์และแม่ชีอรนุชที่มีกุฎิอยู่ในโซนพิเศษ

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ซึ่งตรวจสอบพระปราโมทย์ตามคำร้องของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มลูกศิษย์บางคนนั้น แม้จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบพระปราโมทย์ แต่ก็ ยังไม่มีการตั้งเรื่องให้เป็นคดีพิเศษ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของดีเอสไอ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: DSI เผยสวนสันติธรรมชี้แจงข้อมูลได้ระดับหนึ่ง

อ้างอิง  : http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=470041&lang=T&cat=
.
นายประวิทย์ ไชยบัวแดง หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออก กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงแนวทางการสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนให้ตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม ว่า ภายหลังดีเอสไอรับข้อร้องเรียน 3 ประเด็น แต่เมื่อตรวจสอบข้อกฎหมายดีเอสไอสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ใน 2 ประเด็น คือ ประเด็นการได้มาซึ่งที่ดินของสำนักสวนสันติธรรม และประเด็นยักยอกฉ้อโกงทรัพย์หรือเงินบริจาค ส่วนประเด็นที่ร้องว่า คำสอนของพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม เข้าข่ายอวดอุตริมนุสสธรรม นั้น ไม่เข้าข่ายเป็นประเด็นในพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ คงต้องเป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
.
นายประวิทย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ศูนย์ปฏิบัติการพิเศษพื้นที่ภาคตะวันออกได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าพื้นที่ไปตรวจสอบการบริหารจัดการของสวนสันติธรรม โดยได้นำบัญชีรายรับรายจ่ายของสำนักปฏิบัติธรรมมาตรวจสอบจำนวน 6 แฟ้มใหญ่ ซึ่งเป็นบัญชีรายรับรายจ่ายตั้งแต่ปี 2548 – 2553 โดยบัญชีแรกเป็นชื่อบัญชีร่วมระหว่างนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยาพระปราโมทย์ และนางฐิตินาถ ณ พัทลุง ไฮโซเจ้าของหนังสือเข็มทิศชีวิต ต่อมาเมื่อนางฐิตินาถ ถอนตัวจากสวนสันติธรรม บัญชีธนาคารทั้งหมดจึงเป็นชื่อนางอรนุช หรืออุบาสิกาอรนุชเพียงคนเดียว ตนจึงได้รวบรวมและส่งข้อมูลทั้งหมดให้สำนักการเงินการธนาคารตรวจวิเคราะห์บัญชีรายรับรายจ่ายทั้งหมด ส่วนประเด็นที่ดินของสวนสันติธรรมที่เป็นชื่อนางอรนุช ก่อนหน้านี้นางอรนุชได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อหน้านายอำเภอศรีราชาแสดงความจำนงยกที่ดินของสวนสันติธรรมให้เป็นที่ดินของวัด นางอรนุชจึงไม่น่าจะมีเจตนาที่จะเอาที่ดินดังกล่าวเป็นของตนเองอยู่แล้ว
.
ด้านพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในเวลา 13.30 น. ตนได้นัดนายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ขอชี้แจงว่าการตรวจสอบกรณีสวนสันติธรรมยังอยู่ในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้น หากมีมูลความผิดจะต้องเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษมีมติว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นทางสวนสันติธรรมสามารถชี้แจงข้อมูลที่รับฟังได้ในระดับหนึ่ง คงเหลือแต่เพียงการวิเคราะห์เอกสารทางการเงิน และทางบัญชีซึ่งต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกพอสมควร ดังนั้นดีเอสไอจึงไม่อยากเปิดเผยรายละเอียดก่อนการตรวจสอบจะเสร็จสิ้น เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

video: สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA (๕)

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงพระธรรมเทศนา
ณใ สโมสรพุทธธรรมนำทอง AIA
เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๒
มีทั้งสิ้น ๙ ตอน

mp4 (part 5) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

wmv (full video) for download: THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การปฏิบัติจริงๆอยู่ในชีวิตประจำวัน

การปฏิบัติจริงๆอยู่ในชีวิตประจำวัน

การปฏิบัติจริงๆอยู่ในชีวิตประจำวัน

mp3 for download: Daily Life Practice

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าทำสมถะรวดไปไม่ดีนะ  ทิ้งสมถะไปเลยก็ไม่ดี ปฏิบัติแล้วแห้งแล้ง แต่ต้องรู้จังหวะของตัวเอง จังหวะนี้ควรจะพักผ่อนทำสมถะ จังหวะนี้จิตใจตั้งมั่นดีแล้วควรเจริญปัญญา

ถ้ารู้กายได้ก็รู้กาย รู้จิตได้รู้จิตไป รู้จิตได้ก็รู้จิต รู้จิตไม่ได้รู้กาย เห็นกายนี้ยืนเดินนั่งนอนไป รู้กายไม่ได้ทำสมถะ ทำสมถะไม่ได้ ไปหาอะไรก็ได้ที่เป็นกุศลทำ

เห็นมั้ยหลวงพ่อลดระดับให้เยอะเลยนะ ทำสมถะก็ไม่ได้แล้วก็ไปหาอะไรที่เป็นกุศลทำ เช่น ไปเลี้ยงเด็กกำพร้า ให้อาหารหมาแมว ยกเว้นที่นี่นะ ขอร้องว่าอย่ามาให้อาหารหมาแมวที่นี่ เดี๋ยวหมามาอยู่เต็มวัดเลย พวกเราภาวนายาก หรือไปเลี้ยงปลาก็ได้ หลายวัดเขามีวังมัจฉาให้ซื้ออาหารเลี้ยงปลานะ ปลาได้กินอาหาร วัดได้เงิน มีความสุขทั่วๆกัน พอเราเลี้ยงไปละ แหม ใจเรามีความสุข รู้ว่ามีความสุข กลับมาดูใจได้ละ เพราะงั้นการปฏิบัติจริงๆอยู่ในชีวิตของเรานี่แหละ เข้าใจหลักการปฏิบัติแล้วเนี่ย การปฏิบัติกับการดำรงชีวิตจริงๆจะอยู่ด้วยกัน ถ้าใครการปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตยังแยกส่วนกัน ยังอีกไกล

ถ้าใครสามารถปฏิบัติอยู่ในชีวิตจริงๆได้เนี่ย เส้นทางเดินนี้สั้นมากเลย ใครสามารถเจริญสติในชีวิตประจำวันได้อย่างแท้จริง นับถอยหลังได้ละ เจ็ดวันเจ็ดเดือนเจ็ดปี..

CD สวนสันติธรรมแผ่นที่ ๑๒
ลำดับที่ ๒
File: 25490505B
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙
ระหว่างนาทีที่ ๔๑ วินาทีที่ ๔๙ ถึง นาทีที่ ๔๓ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ประธานบ้านอารีย์อ้างลูกศิษย์หลวงพ่อฯลือว่าตนโดนปีศาจกิ้งก่าสมัยทวาราวดีเข้าสิง

ข่าวปีศาจกิ้งก่าสมัยทราวดี

ข่าวปีศาจกิ้งก่าสมัยทราวดี

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ท ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลในข่าว

จากบางส่วนของข่าว : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285074373&grpid=00&catid=

นายวีรณัฐ โรจนประภา ประธานบ้านอารีย์ บอกว่าอยู่กับพระปราโมทย์มานานที่สุดเป็นลูกศิษย์มาตั้งแต่ปี 2541  ธุรกิจของครอบครัวคือโรงพิมพ์บางกอก จึงพอมีความรู้เรื่องสิ่งพิมพ์ทำงานถวายท่าน ถึงวันนั้นยังรู้สึกอกตัญญูเพราะพ่อแม่อยากให้ทำธุรกิจของครอบครัว แต่ตนกลับมามาทำงานถวายท่านปราโมทย์ คอยตรวจปรู๊ฟตัวหนังสือตัดถ้อยคำที่ไม่เหมาะในซีดีออกเป็นคนคอยประสานเรื่องสื่อตลอด

………………. (ย่อความข่าว ถึงใจความสำคัญที่ต้องการนำเสนอ)

“ผมรู้สึกผิดเหมือนกันที่ผมเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ระบบการเรียนการสอนแบบนี้แพร่ไปในวงกว้าง ระบบการสอนที่พึ่งอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ทำให้คนพึ่งตัวเองไม่ได้ ซึ่งผมได้คัดข้อความจาก 8 ข้อนำมา 3 ข้อไปยื่นสำนักพระพุทธศาสนาโดยมีหลักฐานเป็นไฟล์เสียงที่ท่านเทศนาเองเกี่ยวกับเรื่องไสยศาสตร์เมื่อวันที่ 21 มกราคม ผมคิดว่ามันทำให้ผมเสื่อมเสียและมี   การขยายความออกไปจากกลุ่มลูกศิษย์ท่านว่า “ผมโดนปีศาจกิ้งก่าสมัยทวาราวดี” เข้าสิง ลือกันไปขนาดที่ว่าที่ตั้งมูลนิธิฯของผมถูกกล่าวร้ายว่าเป็นสถานที่อโคจร ทั้งหมดนี้ทำให้ผมถูก มองด้วยความดูแคลนถูกมองไปในเรื่องผลประโยชน์ กล่าวหาว่าอยากได้ตำแหน่งโสดาบัน  เมื่อท่านไม่พยากรณ์ให้จึงออกมาโวย” นายวีรณัฐ กล่าว

*** ข่าวเทียบเคียง***

1. คุณวีรณัฐ เคยกล่าวถึงการประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์ ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ของคุณสรยุทธ์ ทางช่อง  3 ซึ่งเจ้าของการประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์ตัวจริง ได้ออกมาชี้แจงตามข่าวนี้
Dhammada News: คำชี้แจงของผู้เปิดประมูลย่ามและเหรียญหลวงปู่ดูลย์

2. คำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านสอนให้คนพึ่งตัวเองไม่ได้ จริงหรือ?
Dhammada News: เปิดคำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ฉบับ Dhammada.net

เสียงสะท้อนจากพยานผู้ปฎิบัติธรรมตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ ที่นี่
>>>Update เสียงจากหัวใจบริสุทธิ์ 2<<<


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: เปิดคำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ฉบับ Dhammada.net

หลวงพ่อปราโมทย์สอนอะไร?

เวปธรรมดาใคร่ขอให้ท่านผู้ที่เพิ่งรู้จักหลวงพ่อปราโมทย์ที่กำลังเป็นข่าวร้อนแรง ได้ลองศึกษาธรรมะของหลวงพ่อปราโมทย์

ที่กำลังมีการกล่าวหาว่าสอนเพี้ยน หรือ เน้นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ ด้วยเหตุนี้เวปธรรมดาจึงขอเชิญท่านทั้งหลายจงมาพิสูจน์ด้วยตนเองเถิด

จากคลิปธรรมะ : หลวงพ่อสอนอะไร? หลวงพ่อสอนเหตุให้เกิดสติ

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าเมื่อไรรู้สภาวะตรงตามความเป็นจริงลงปัจจุบัน เมื่อนั้นสติก็เกิดแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าอยากให้สติเกิดนะ ไม่มีใครสั่งให้สติเกิดได้ สติเป็นอนัตตา สติเองก็ตกอยู่ใต้อนัตตา ไม่มีใครสั่งสติให้เกิด แต่ถ้ามีเหตุสติถึงจะเกิด เพราะฉะนั้นมาเรียนที่หลวงพ่อนะ ถ้ามาเรียนบ่อยๆ จะรู้เลย หลวงพ่อสอนเหตุให้เกิดสติ เหตุให้เกิดสติก็คือการที่จิตนี้จำสภาวะธรรมได้

เพราะฉะนั้นมาเรียนที่หลวงพ่อ ไม่ได้มาเรียนเรื่องอื่นหรอก เรียนเรื่องสภาวะธรรม เช่น ความโลภเป็นอย่างนี้ ความโกรธ ความหลง ฟุ้งซ่าน หดหู่ อิจฉา ดีใจ เสียใจ เป็นสุข เป็นทุกข์ หัดรู้สภาวะแต่ละอย่างๆ สภาวะอะไรเกิดขึ้นในจิตในใจคอยหัดรู้หัดดูไป ต่อไปจิตมันจำสภาวะได้ พอสติมันจำสภาวะได้นี่ พอสภาวะอันนั้นเกิดขึ้นสติจะเกิดเอง ทันทีที่สติเกิดเอง สัมมาสมาธิก็เกิดเอง จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเลย จิตจะรู้ ตื่น เบิกบาน จิตจะสงบ สะอาด สว่าง รู้ ตื่น เบิกบาน ตั้งมั่นขึ้นมา แล้วก็จะเห็นสภาวะธรรมทั้งหลายเกิดแล้วก็ดับไป เกิดแล้วก็ดับไป นี่เป็นการเจริญปัญญา

เพราะฉะนั้นเราจะเรียนนี่ ต้องเรียนจนสติตัวจริงเกิด ถ้ามาเรียนที่หลวงพ่อ จะเห็นว่าหลวงพ่อไม่ได้เน้นว่าให้นั่งท่าไหน ให้เดินท่าไหน หรือว่าห้ามกินข้าว หรือว่าห้ามนอนอะไรอย่างนี้ ไม่ได้เน้นตรงนั้น เพราะจริตนิสัยคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ใครเคยทำกรรมฐานอะไรก็ทำอย่างนั้นแหละ ถนัดอะไรก็ใช้กรรมฐานอันนั้นแหละ เพียงแต่ว่าทำให้สติตัวจริงมันเกิด

ส่วนใหญ่ที่เราทำกรรมฐานแล้วสติไม่ค่อยเกิดเพราะอะไร เพราะเราชอบไปเพ่ง เราไปเพ่งใส่ตัวอารมณ์กรรมฐาน เช่น เราดูท้อง เราก็ไปเพ่งท้อง เราดูลมหายใจ เราก็ไปเพ่งลมหายใจ เราขยับมือทำจังหวะ เราก็ไปเพ่งใส่มือ เราเดินจงกรม เราก็ไปเพ่งใส่เท้า พอไปเพ่งใจมันก็แข็งๆ ทื่อๆ นะ มันจงใจปฏิบัติ สติตัวจริงไม่ได้เกิดขึ้นมา สติตัวจริงไม่เกิด จิตใจก็ไม่ตั้งมั่นมีสัมมาสมาธิ จิตไม่ตั้งมั่น ไม่อ่อนโยน ไม่นุ่มนวล ไม่คล่องแคล่วว่องไว ไม่ควรแก่การงาน

เพราะฉะนั้นเรียนกับหลวงพ่อ บางคนฟังแล้วจะงง มาใหม่ๆ จะงงนะ ว่าหลวงพ่อพูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง บอกให้ก็ได้ หลวงพ่อสอนให้พวกเราหัดดูสภาวะธรรมนั่นเอง ต้องหัดรู้สภาวะธรรม สภาวะธรรมก็คือตัวรูปธรรม นามธรรม ถ้ามาเรียนที่หลวงพ่อบางคนหลวงพ่อก็สอนให้ดูกาย ทำสมาธิก่อนแล้วก็ดูกาย แต่ส่วนมากจะสอนให้ดูจิตใจตัวเอง เพราะอะไร เพราะคนที่มาที่นี่ส่วนมากเป็นพวกคิดมาก พวกทิฏฐิจริต พวกคิดมาก วันๆ นะนั่งคิดทั้งวัน พวกคิดมากเหมาะกับการดูจิต

การดูจิตนี้ให้ตามรู้ตามดูไปเลย จิตใจเราแต่ละวันไม่เหมือนกัน เดี๋ยวสุขเดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย คอยรู้คอยดูไปเรื่อย ในที่สุดจิตจะจำสภาวะธรรมได้ เมื่อจิตจำสภาวะธรรมได้แล้ว พอสภาวะธรรมใดๆ ปรากฏขึ้นมานี่สติจะเกิดเอง ไม่ต้องแกล้งให้เกิดนะ เกิดเอง สติที่เกิดเองเพราะมีเหตุคือจิตจำสภาวะได้นี่อัศจรรย์ อกุศลจะดับทันทีเลย กุศลจะเกิดขึ้นทันทีเลย อย่างเรากำลังเผลอๆ อยู่ จิตมันรู้จักว่าเผลอเป็นอย่างไร มาเรียนที่หลวงพ่อๆ ชอบไล่นะว่า เผลอไปแล้วๆ นี่เพราะอะไร เพราะเผลอนี่เป็นกิเลสที่เกิดบ่อยที่สุด ความหลง โมหะ เกิดบ่อยที่สุด ถ้าเรารู้ว่าเผลอคืออะไร เราจะปฏิบัติได้แทบทั้งวันแล้ว เพราะเราเผลอทั้งวัน

ทีนี้พอเราจำสภาวะได้ เช่น จำว่าเผลอเป็นแบบนี้ ใจเราเผลอ เราหลงไปคิดเป็นแบบนี้ พอมันเผลอไปคิดปั๊บ สติจะเกิดเลย จะระลึกได้นะว่าเผลอไปแล้ว อ้อ เผลอไปแล้วๆ นี่จิตจะตื่นขึ้นในฉับพลันโดยที่ไม่ต้องเจตนาจะตื่นเลยนะ จิตจะตื่นในฉับพลัน จะรู้สึกตัวขึ้นมาเลย ใจก็จะตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว สัมมาสมาธิก็เกิดขึ้น เราก็จะเห็นเลยทุกสิ่งล้วนแต่ไหลมาแล้วไหลไป ผ่านมาแล้วผ่านไป นี่เป็นขั้นเจริญปัญญา เพราะฉะนั้นการปฏิบัตินี่ขั้นต้นทำให้มีสติ ขั้นกลาง ขั้นปลายนี่ทำให้มีปัญญา คอยรู้ไปเรื่อย

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๒
ลำดับที่ ๑
File: 490505A
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๙
ระหว่างนาที่ ๑๕ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์ฯ ยังคงเปิดรับบทความครับ

โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์ เพื่อหลวงพ่อ ผู้มีแต่ให้

โครงการร่วมแสดงพลังหัวใจบริสุทธิ์ เพื่อหลวงพ่อ ผู้มีแต่ให้

ทีมงานเว็บ dhammada.net ขอแจ้งให้ทราบว่า ยังคงเปิดรับบทความถึงวันที่ 30 กันยายน 2553

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

เว็บ Dhammada.net

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์ กับ อ.สุรวัฒน์: ข้อแนะนำของการทำในรูปแบบ

ข้อแนะนำของการทำในรูปแบบ

ส่วนเรื่องการทำตามรูปแบบ
พออยากนั่งสมาธิ ก็ให้หัดดูจิตที่อยากก่อนนะครับ
อย่ารีบนั่งทั้งๆที่ยังอยากอยู่ ให้ความอยากคลายลงก่อนแล้วค่อยนั่ง
ส่วนจะนั่งนานแค่ไหน ก็แล้วแต่จริตนิสัยตัวเองครับ
เพราะการนั่งทำความสงบนั้น แม้จะนั่งได้ไม่นาน
ก็ช่วยให้จิตมีกำลัง แล้วออกมาหัดรู้กายรู้ใจได้ต่อแล้วครับ
ภาวนาไปเรื่อยๆ จิตก็จะพัฒนาเกิดสติ เกิดสมาธิ(ตั้งมั่น) ได้มากขึ้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: แกนนำกลุ่มชาวพุทธรักศาสนาร้องสภาเพื่อให้กมธ.ศาสนาสอบหลวงพ่อปราโมทย์เพิ่มอีก 1 แห่ง

อ้างอิง : http://thairecent.com/Politic/2010/719428/

อดีตศิษย์พระปราโมทย์ บุกสภา ร้องคณะกรรมาธิการการศาสนา สอบพฤติกรรมเจ้าสำนักสวนสันติธรรมศรีราชา ระบุ มีหลายเรื่องน่าสงสัย แถมเงินบริจาคส่อถูกยักยอก กรรมาธิการรับลูก พร้อมเชิญ 2 ฝ่ายมาชี้แจงข้อมูลเพื่อความเป็นธรรม

ที่รัฐสภา วันนี้ (21 ก.ย.) นายไกรศร เลียนษี อดีตลูกศิษย์พระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรมศรีราชา จังหวัดชลบุรี ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นางอนิก อัมระนันท์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการการศาสนา เพื่อขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระปราโมทย์

นายไกรศร กล่าวว่า ช่วงปลายปี 2552 เป็นต้นมา มีหลักฐานหลายอย่างที่ทำให้คณะลูกศิษย์เชื่อได้ว่า พระปราโมทย์ไม่ใช่พระอรหันต์ดังที่กล่าวอ้าง ขณะเดียวกัน ได้พยายามหาหลักฐานพฤติกรรมที่น่าสงสัยหลายอย่าง จนได้รับทราบข้อมูลมากขึ้น ทั้งพฤติกรรมเข้าข่ายอวดอุตริมนุสธรรม โน้มน้าวให้ญาติโยมเข้าใจว่าพระปราโมทย์บรรลุมรรคผลเป็นพระอรหันต์ มีอิทธิฤทธิ์ระลึกชาติ มนต์ดำ คุณไสย ปฏิบัติกรรมฐานที่บิดเบือน

นายไกรศร กล่าวว่า นอกจากนั้น ยังมีเหตุให้เชื่อได้ว่ามีความผิดปกติในการแสดงบัญชีทรัพย์สินเงินทำบุญที่บริจาคให้สวนสันติธรรม แสดงยอดต่ำกว่าจริงแค่ประมาณ 21 ล้านบาท ขณะที่อดีตกรรมการสำนักสงฆ์หลายคน ระบุว่า ความจริงมีไม่ต่ำกกว่า 50-100 ล้านบาท ทำให้สงสัยว่าเงินที่หายไปไม่ได้นำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ หรือก่อสร้างถาวรวัตถุลงทุนก่อสร้าง แต่ถูกนำไปใช้ในลักษณะส่วนตัว อาจมีการยักยอกทรัพย์

“เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาของไทยเป็นวงกว้าง จึงต้องการให้กรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่รวมกับพฤติกรรมน่าสงสัยบางประการที่ไม่เหมาะสมสำหรับผู้ดำรงเพศภูมิสมณะ เช่น สร้างกุฏิที่พักอาศัยของตนเอง คู่กับกุฏิของแม่ชีอรนุช อดีตภริยา ซึ่งยังไม่ได้หย่าขาดจากกันตามกฎหมาย ทั้งนี้ ตนยินดีจะนำหลักฐานและผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการเพื่อประโยชน์ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริง

ด้าน นางอนิก กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า กรรมาธิการพร้อมรับฟังข้อมูลทุกด้านเพื่อความชัดเจน เพราะศาสนาเป็นตัวบ่งชี้ถึงมาตรการและศีลธรรมของสังคม โดยจะเชิญทั้งสองฝ่ายมาให้ข้อมูลก่อนเพื่อความเป็นธรรมและฟังความให้รอบด้านเพราะการดูแลปกป้องพระพุทธศาสนาถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

.

*** ข่าวสำคัญที่เกี่ยวข้อง ที่ควรอ่านและทำความเข้าใจ ***

หลักฐานอวดอุตริ อ้างอรหันต์ บางส่วนที่มาจากการออกข่าว

1. Dhammada News: หลักฐานอวดว่าเป็นอรหันต์ แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

2. Dhammada News: กรณีคลิปหลักฐานการบอกกล่าวเป็นพระอรหันต์

.

ผลการตรวจสอบเบื้องต้นจากสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ

1. Dhammada News: สำนักพุทธฯไม่พบผิดปกติสวนสันติธรรม

2.Dhammada News: แกนนำกลุ่มชาวพุทธรักศาสนาไม่ยอมรับการชี้แจงจาก

สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเรื่องการครอบครองที่ดินของสวนสันติธรรมว่าไม่มีความผิด

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: “สวนสันติธรรม”เตรียมเปิดให้สื่อพิสูจน์ที่ตั้งกุฏิ/25 ก.ย.น่าจะรู้ผลสอบกรณีหลวงพ่อปราโมทย์

พศ.เผยผู้ว่าฯชลบุรีเตรียมสอบข้อเท็จจริงกรณี”พระปราโมทย์” คาดจะรู้ผลอย่างเร็ว 25 ก.ย.นี้ “สวนสันติธรรม” เตรียมเปิดให้สื่อมวลชนพิสูจน์ที่ตั้งกุฏิ “พระปราโมทย์-อุบาสิกาอรนุช” ทนายความสวนสันติธรรม เผยชี้แจงกรณีบัญชีเงินฝากต่อดีเอสไอ สำนักงานพระพุทธศาสนา เจ้าคณะผู้ปกครองแล้ว ไม่มีใครติดใจ ยันที่ต้องโอนเงินเข้าบัญชีอุบาสิกาอรนุช เป็นการบริหารเงินของสวนสันติธรรม หวังได้ดอกเบี้ยเพิ่ม

เมื่อวันที่ 21 ก.ย.2553  นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนพระปราโมทย์ ปาโมชโช สวนสันติธรรมว่า จากการติดตามเรื่องดังกล่าว ตนทราบว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบเรื่องสวนสันติธรรม ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี เป็นประธาน กำลังดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยคณะกรรมการฯจะดำเนินการแจ้งผลการตรวจสอบได้ภายใน 7 วัน ซึ่งคาดว่า จะรู้ผลอย่างเร็วในวันเสาร์ ที่ 25 ก.ย. อย่างช้าน่าจะภายในวันจันทร์ที่ 27 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อทราบผลอย่างเป็นทางการ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)ชลบุรี จะแจ้งข้อมูลมายังพศ.ได้รับทราบต่อไป

“สวนสันติธรรม”เตรียมเปิดให้สื่อพิสูจน์ที่ตั้งกุฏิ

จากกรณีสวนสันติธรรม ของพระปราโมทย์ ปาโมชโช เตรียมที่จะเปิดให้สื่อมวลชนเข้าพิสูจน์ข้อเท็จจริงถึงสถานที่ตั้งของกุฏิพระปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช ซึ่งเป็นอดีตภรรยา ในครั้งนี้  นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของสวนสันติธรรม ให้สัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์ว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้ชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องบัญชีเงินฝากของทางสวนสันติธรรมทั้งหมดต่อเจ้าคณะผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และเจ้าหน้าที่จากส่วนคุ้มครองพระพุทธศาสนา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)ไปแล้ว

พร้อมทั้งให้ดูบัญชีเงินฝากทั้งหมดซึ่งมี 6 บัญชีมีเงินอยู่ประมาณ 21 ล้านบาท ซึ่งก็ไม่มีเจ้าหน้าที่จากส่วนใดติดใจ และตนได้ชี้แจงไปว่าการที่มีการโอนเงินเข้าบัญชีของอุบาสิกาอรนุชนั้น เป็นการบริหารเงินของทางสวนสันติธรรมเอง เพราะบัญชีที่ใช้ชื่อของอุบาสิกาอรนุชนั้นเป็นบัญชีเงินฝากประจำ จึงมีการโอนเงินเข้ามาเพื่อหวังที่จะได้ดอกเบี้ยเงินฝากที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการที่มีผู้กล่าวหาว่าทั้งพระปราโมทย์ และอุบาสิกาอรนุช ต้องการสะสมทรัพย์สินนั้น ตนอยากถามว่าทั้งสองท่านจะเก็บทรัพย์สินไปทำไม ในเมื่อตอนที่พระปราโมทย์ ยังไม่ได้บวชเป็นพระ ก็ยังไม่มีบุตร จึงไม่มีเหตุผลว่าจะสะสมทรัพย์ไปให้ใคร

นายธนเดช กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีข้อกล่าวหาในการตั้งกุฏิของทั้งสองท่านที่อยู่ใกล้กัน และยังอยู่ในที่ลับตาคนนั้น เพื่อเป็นการสร้างความชัดเจนให้กับสังคมทางสวนสันติธรรมจะมีการเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามาเยี่ยมชมภายในสวนสันติธรรมโดยรอบ รวมทั้งจุดที่ตั้งกุฏิของทั้งสองท่านด้วย เพื่อให้หายสงสัย โดยทางสวนสันติธรรมจะเปิดให้เข้าได้ในวันที่ 25 ก.ย. เวลา 08.00น. แต่ตนไม่ยืนยันว่าจะได้พบพระปราโมทย์ หรือไม่ เพราะท่านได้บอกกับลูกศิษย์ว่าเรื่องนี้ไม่อยากยุ่ง แต่ต้องการที่จะสอนธรรมะเพียงเท่านั้น แม้ในช่วงแรกลูกศิษย์จะต้องการให้ท่านออกมาแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดก็ตาม

อ้างอิง : http://www.komchadluek.net/detail/20100921/73898/พศ.เผยผู้ว่าฯชลเล็งสอบพระปราโมทย์25ก.ย.รู้ผล.html

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: หลักฐานอวดว่าเป็นอรหันต์ แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

สอนให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดตน

สอนให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดตน


* ภาพจาก FaceBook ตัดมาเฉพาะข้อความของอาจารย์สุรวัฒน์เท่านั้น

อาจารย์ สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา ท่านได้กล่าวใน FaceBook ของท่านว่า ” หลักฐานที่เป็นข่าวในมติชน http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284988742&grpid=00&catid เป็นไฟล์เสียงสนทนาธรรมระหว่างผมกับหลวงพ่อ ที่มีคนบันทึกไว้ในช่วงหลังจากหลวงพ่อเทศน์สอน… ลองฟังกันดูนะครับ ^_^”

แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

FaceBook ของ อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

ท่านประกาศว่า “งานนี้ยินดีไปเป็นพยานในศาลเลยครับ”

“เรื่องการตีความคำพูดนั้น ก็แล้วแต่ใครจะตีความจะเข้าใจกันว่าอย่างไร แต่ประเด็นสำคัญคือ ต้องดูว่าการสนทนานั้นมุ่งเพื่อประโยชน์ใดเป็นสำคัญครับ … ในการสนทนาครั้งนั้น ฟังดูก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยว่า เพื่อประโยชน์ของการแนะนำการปฏิบัติภาวนา หาใช่เพื่อประโยชน์อื่นใดเลยครับ … และที่สำคัญที่สุดคือ ไม่ได้มุ่งเพื่ออวดอ้าง ไม่ได้เพื่อทำให้ใครหลงเชื่อ ไม่ได้เพื่อหวังลาภสักการะ แต่ประการใดทั้งสิ้น ^_^”

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: กรณีคลิปหลักฐานการบอกกล่าวเป็นพระอรหันต์

ภาพประกอบ : หลวงพ่อปราโมทย์กำลังก้มกราบพระผู้มีอาวุโสกว่า

จากข้อมูลข่าวของ มติชน : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1284988742&grpid=00&catid=

ทางทีมงาน เวปธรรมดา ใคร่ขอเรียนแจ้งข้อมูลและเชิญชวนท่านสาธุชนได้ปรดร่วมพิจารณาคลิปหลักฐานการบอกกล่าว

ว่าเป็นพระอรหันต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ที่ทางผู้ร้องเรียนนำมาเสนอ อนึ่งคลิปดังกล่าวทางเวปธรรมดา ได้ตรวจสอบแล้ว

ว่า ไม่ได้เป็นคลิปสนทนาบอกกล่าวระหว่างหลวงพ่อกับบุคคลใดในข่าวหรือกลุ่มผู้ร้องเรียนเลย หากแต่เป็นการสนทนา

ธรรมระหว่างอาจารย์กับลูกศิษย์เป็นการภายใน ซึ่งเป็นบุคคลที่พร้อมยืนยันตัวได้”

.

เนื้อความข่าว

เมื่อวันที่ 20 กันยายน น.ส. ฐิตินาถ และกลุ่มผู้ร้องเรียนพฤติกรรมพระปราโมทย์ ประกอบด้วย นายไกรสร เลียนษี อดีตลูกศิษย์ ดร.เทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร แกนนำชาวพุทธรักษ์ศาสนา และนายวีรณัฐ โรจนประภา อดีตประธานบ้านอารีย์  ได้เดินทางมาที่สำนักงาน “มติชนออนไลน์” นอกจากชี้แจงพฤติกรรมของพระปราโมทย์แล้วยังระบุว่ามีคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของพระปราโมทย์ซึ่งสนทนากับลูกศิษย์คนหนึ่งในลักษณะส่ออวด”อุตริมนุสสธรรม”

.

………….. (ย่อเนื้อความข่าวไปยังส่วนที่กล่าวถึงคลิปหลักฐาน)

.
น.ส.ฐิตินาถ อ้างว่า อริยบุคคล   แบ่งตามประเภทบุคคลมี 4 ประเภทคือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์   การผ่านชั้นที่ 2 หมายถึง  พระปราโมทย์ ผ่านชั้น  พระสกิทาคามี   ตามไฟล์เสียง  นาทีที่ 3.53
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของพระปราโมทย์มีเนื้อหาดังนี้

“…..โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีครูบาอาจารย์คอยบอก โยนิโสมนสิกาสำคัญที่สุด ต้องสังเกต อย่าเชื่อง่าย เราจะรู้ว่าไม่ใช่ จิตไม่ได้ค้นคว้าของมันอยู่ พูดอีกก็หลุดอีก พอหลายๆทีเข้า ก็โอ้ชาตินี้ทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้จะไปทางไหน มันจบมุมเหมือนหลังชนกำแพง ถ้ารู้ที่วิเศษเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ เลย บางคนเห็นว่าไม่ใช่ตัวเรา เห็นแล้วมันวางแต่ว่าต้องมีโยนิโสมนสิกากำกับการดูนะ ถ้าดูไปเฉยๆ บางทีใจไปค้างไว้ข้างใน หลวงพ่อเคยเจอ ตอนนั้นผ่านชั้นที่ 2 แล้ว เข้าไปดูอย่างโสรัจ พอดีไปเจอ

เจอหน้าแล้วท่านยิ้มหวานเลย ผู้รู้ๆ ออกมาอยู่นอกๆ นี้ ตอนนั้นงงเลย ทำไมต้องมาอยู่ข้างนอก ท่านก็ให้บอกต่อ กิเลสอยู่ข้างนอกเนี่ย ตอนที่บรรลุลงไปข้างในก็เผลอไปหมดแล้ว มีภายในมีภายนอก….

จบเนื้อข่าว

.

ทางทีมงานเชื่อว่าทุกท่านคงจะได้รับคำตอบแล้วว่าคลิปดังกล่าว หลวงพ่อได้ทำการบอกว่าตนเป็นพระอรหันต์

หรือพระสกิทาคามีหรือไม่? หรือเป็นการอธิบายขั้นตอนการภาวนาแก่บุคคลที่ฟังเท่านั้น หรือหากมีการตีความว่า

เป็นการกล่าวถึงอริยะภูมิก็น่าจะเป็นการตีความไปเองของปัจเจกบุคคลใช่หรือไม่? ทั้งหมดนี้ก็ขอให้ท่านสาธุชน

ได้โปรดพิจารณาเองเทอญ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: สำนักพุทธฯไม่พบผิดปกติสวนสันติธรรม

สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ระบุการตรวจสอบบัญชีการเบิก-จ่ายเงินบริจาค ของสวนสันติธรรม ไม่พบความผิดปกติ

20 ก.ย. 53 : นายนพรัตน์ เบญจนวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยถึงการประชุมมหาเถรสมาคมในวันนี้(20 ก.ย.) ไม่มีการนำประเด็นร้องเรียน เรื่องพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม เข้าพิจารณา แต่จากรายงานเบื้องต้นที่ได้รับจากเจ้าคณะภาค ซึ่งได้ตรวจสอบกรณีเงินบริจาคในทุกบัญชีของสวนสันติธรรม ยังไม่พบความผิดปกติใดๆ ตามที่มีการร้องเรียน

ส่วนกรณีที่ดินของสวนสันติธรรม รวมทั้งคำสอนของพระปราโมทย์นั้นยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยพระผู้เชี่ยวชาญด้านคำสอนซึ่งไม่สามารถกำหนดระยะเวลาได้

ขณะที่นายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายวีรรัฐ โรจนประภา ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์ ได้เตรียมยื่นเอกสารต่อมหาเถรสมาคม และสมเด็จพระวันรัต ในฐานะรักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ให้ตรวจสอบ พระปราโมทย์ ประเด็นเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรมว่าบรรลุโสดาบันอีกครั้งในบ่ายวันนี้

ด้านนายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า จากการนำซีดีสอนธรรมะของพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม ทั้งหมดมาฟังเพื่อตรวจสอบ ยังไม่พบว่ามีการสอนธรรมะที่เป็นการอวดอ้างว่าบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบรรณ หรือพระอรหันต์ โดยมีพระเถระผู้ใหญ่หลายคนที่ตรวจสอบคำสอน ก็ไม่พบว่าเป็นไปตามที่นางฐิตินาถ ณ พัทลุง และกลุ่มที่ร้องเรียนกล่าวหา เพราะตามปกติคำสอนของพระสายวัดป่านั้น ครูบาอาจารย์จะสามารถดูจิตของลูกศิษย์เพื่อให้รู้ว่าสามารถปฏิบัติได้จริงตามคำสอนหรือไม่ และพระเถระผู้ใหญ่ได้แจ้งแล้วว่าไม่มีความผิดปกติ หรืออวดอุตริใดๆ

นอกจากนี้ยังเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระปราโมทย์ และแม่ชีอรนุชว่า ตั้งแต่อุปสมบท พระปราโมทย์ ระมัดระวังตัว ในการปฏิบัติตนจึงไม่เคยอยู่กับแม่ชีอรนุชแบบ 2 ต่อ 2 แต่จะมีพระอุปถาก หรือโยมอยู่ด้วย ส่วนกุฏิ ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน และไม่สามารถมองเห็นหน้าต่างกันได้ ซึ่งสื่อมวลชนหลายแห่งก็ได้พิสูจน์แล้วจึงไม่ผิดพระธรรมวินัย เช่นเดียวกับภาพถ่ายที่ ระบุว่าพระปราโมทย์เดินทางไปพม่า 2 ต่อ 2 กับแม่ชีอรนุชนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีภาพถ่ายอื่นๆที่ยืนยันว่ามีการเดินทางไปเป็นหมู่คณะ แต่กลับนำภาพถ่ายใบเดียวมานำเสนอ

ทั้งนี้ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและเอกสารประกอบแก่เจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอในพื้นที่ไปแล้ว แต่หากดีเอสไอ ต้องการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมตามที่นางฐิตินาถเสนอเพิ่มอีก ก็พร้อมที่จะชี้แจงต่อไป

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=18293

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 712345...Last »