Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เราเกิดมาทำไม?


mp 3 (for download) : เราเกิดมาทำไม?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: ชาวพุทธมีบุญนะ ชาวพุทธนั้นเป็นคนมีบุญ เรารู้ว่า อะไรเป็นสาระแก่นสารของชีวิต อะไรเป็นสาระ อะไรไม่ใช่สาระ อะไรมีประโยชน์ อะไรไม่มีประโยชน์ อะไรอยู่ในลู่ในทาง อะไรนอกลู่นอกทาง ชาวพุทธที่ดีจะรู้สิ่งเหล่านี้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่ได้มีชีวิตแบบตามยถากรรม

คนซึ่งไม่มีหลักของทางจิตใจนั้น เหมือนมีชีวิตตามยถากรรม อยู่ไปวันๆหนึ่ง เกิดมาก็โตไป กินข้าวแล้วก็โตไป ตามยถากรรมนะ เรียนหนังสือตามยถากรรม ออกมาทำงาน มีครอบครัว มีลูกมีเมีย แย่งชิงกันไป แล้วก็แก่ไปตายไป ตามยถากรรม ไม่มีอะไร นะ ไม่มีอะไรในชีวิตเลย ไร้สาระ

พวกเราได้ฟังธรรม ที่พระพุทธเจ้าสอน เรารู้ว่าอะไรเป็นสาระเป็นแก่นสาร ทุกคนเกิดมา เรามีเป้าหมายในชีวิต เรารู้ว่าเราเกิดมาทำไม เรารู้กระทั่งว่า “ทำไมถึงเกิดมา” รู้ลึกซึ้งนะ

หลวงพ่อเคย คราวหนึ่งไปนั่งอยู่กับหลวงปู่เทสก์ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งนะ สงสัยชีวิตจะมีความทุกข์มาก ร้องไห้นะ ร้องโฮ โฮ โฮ มา มาหาหลวงปู่

“หลวงปู่.. ทำไมหนูต้องเกิดมา..”

“เพราะไม่รู้.. เพราะไม่รู้”

“ทำไมหนูต้องเกิดมา..” ซ้ำอีก หลวงปู่ก็บอก “เพราะไม่รู้..”

“หลวงปู่ไม่รู้แล้วใครจะรู้..” ว่าอย่างนี้

ความจริงท่านตอบให้เรียบร้อยแล้วนะ เพราะความไม่รู้ ถึงเกิดมานะ เกิดอะไร เกิดทุกข์นั่นแหละ จะเกิดอะไร

คนไหนความจำดีๆ เกิดระลึกชาติได้ บางคนระลึกชาติได้ ความจำดีๆ แล้วจะรู้สึกเลยว่า ชาติไหนที่ไม่ได้เจอพระพุทธศาสนานะ ชีวิตมันวังเวง มันรู้สึกวังเวงนะ มันไม่ได้ชั่วนะ จะชั่วจะดีมันก็แต่ละคนมันก็อบรมของตัวเองมา กระทั่งคนดีๆนั้นแหละ ชาติใดไม่ได้เจอพระพุทธศาสนา มันรู้สึกวังเวง ไม่รู้ว่าอยู่ไปทำอะไร ก็ทำคุณงามความดีไปนั้นแหละ แต่ไม่รู้เป้าหมายของชีวิต

พระพุทธเจ้ามาสอนเรานะ ให้เรารู้ว่าเป้าหมายของชีวิตเรานี้คืออะไร บางคนก็ถาม เกิดมาทำไม เกิดมาทำอะไรก็ช่างมันเถิดนะ แต่ว่าจริงๆ ทุกคนมีเป้าหมายของชีวิตที่จะต้องพัฒนาจิตใจของตัวเองไปสู่ความพ้นทุกข์ให้ได้

ทำไมเราต้องมีชีวิตที่อมอยู่กับความทุกข์ เหมือนคนอมโรค เรื่องอะไรต้องทำอย่างนั้น เราสามารถมีชีวิตที่มีความสุขได้ คนไหนได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้านะ จะได้รับประโยชน์ ได้รับความสุข

เพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้า เวลาท่านจะส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนาเนี่ย ท่านก็บอกพระสาวก มอบหมายหน้าที่ให้ บอกว่า ให้ไปประกาศธรรมะ ที่งามในเบื้องต้น ในท่ามกลาง ในที่สุด เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข ของมหาชนจำนวนมาก

เห็นมั้ย สิ่งที่จะได้จากการฟังธรรมนะ คือ ประโยชน์ ความสุข ประโยชน์หมายถึงว่าอะไร หมายถึงต้องมีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วก็ไม่ใช่มีชีวิตที่ดีขึ้นแบบเป็นทุกข์ด้วย ต้องมีความสุขด้วย

บางคนเข้าใจผิด เห็นศาสนาพุทธสอนเรื่องความทุกข์เยอะ ก็เลยว่าศาสนาพุทธเนี่ย มองโลกแง่ร้าย ความจริงไม่ได้มองโลกแง่ร้าย ท่านให้เรียนรู้ปัญหา ชีวิตมันมีปัญหานะ เรียนรู้ลงมา เรียนรู้ลงมา ชีวิตมีความทุกข์ ก็เรียนรู้ลงมา ความทุกข์อยู่ในกายในใจ รู้อยู่ที่กายที่ใจนี้ เรียนรู้ไปเรื่อยๆนะ แล้วก็ความทุกข์มันจะค่อยๆ หายไป

แต่เดิมหลวงพ่อพูดอย่างนี้นะ พูดแล้วก็ ต้องออมๆหน่อย พูดมากไม่ได้ ถึงวันนี้หลวงพ่อกล้าพูดเต็มปากเต็มคำ เพราะหลวงพ่อมีพยานเยอะแยะเลย ว่าถ้าศึกษาปฏิบัติธรรมแล้วจะมีความสุข มีความสุขมากที่สุดเลย

อย่างคนที่ได้ศึกษาได้ฟังธรรมกับหลวงพ่อนะ สักพักเดียว ไม่นานหรอกนะ บางคนฟังครั้งเดียว สองครั้ง บางคนปฏิบัติตามดูจิตดูใจสักเดือนหนึ่ง บางคนแค่ฟังซีดีนะ แล้วก็คอยสังเกตจิตใจตนเองไปเรื่อยๆ ก็มาบอกหลวงพ่อเรื่อยๆเลยว่า จิตใจของเขาเปลี่ยนไป เคยมีความทุกข์มากก็ทุกข์น้อยนะ เคยทุกข์นานๆก็ทุกข์สั้นๆ เนี่ย หลวงพ่อมีพยานเยอะนะ ว่าปฏิบัติธรรมแล้วมันพ้นทุกข์จริงๆ ไม่ใช่หลับหูหลับตาทำไปเถอะ ทุรนทุรายลำบากไปสารพัดนะ แล้วหวังว่าชาติหน้ามันจะสบายกว่านี้ ตายแล้วมันจะดีกว่านี้

ศาสนาพุทธไม่ได้อนาถาถึงขนาดที่ว่า ต้องตายก่อนแล้วถึงจะดี เราสามารถดีได้ในปัจจุบัน สามารถมีความสุขได้ในปัจจุบัน พิสูจน์ได้ด้วยตัวเองเลยเห็นมั้ย ถ้าหากบอกว่า เอ้า..ทำดีไปนะ สร้างคุณงามความดีสารพัดไป เดี๋ยวชาติหน้าจะดี พิสูจน์ยาก ใช่มั้ย พิสูจน์ยาก

แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้านะ ผู้ปฎิบัติสามารถเห็นได้ด้วยตัวเอง ในชีวิตนี้แหละ เห็นในปัจจุบันนี้แหละ บางคนศึกษาธรรมะเพียงเดือน สองเดือน ก็เปลี่ยน ตัวเองเปลี่ยนแปลง ที่วัดหลวงพ่อนี้มีมารายงานเยอะแยะเลย ชีวิตจิตใจนี้เปลี่ยน ตัวเองรู้สึกได้ คนในบ้านรู้สึกได้

มีผู้หญิงคนหนึ่งนะมาเรียนสองสามครั้งมั้ง เสร็จแล้วก็ วันหนึ่ง พาพี่สาวมาด้วย พี่สาวตามมา แล้วไปเล่าให้แม่ชีนุชฟัง พี่สาวก็บอกเลยเนี่ย คนนี้เหรอ เมื่อก่อนร้าย เห็นแก่ตัว ไม่ดีอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้นะ แหมบรรยายต่อหน้าเลยนะ ไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ เดี๋ยวนี้ดีขึ้น ก็เลยต้องมาฟังธรรมบ้าง เพราะว่ามันเปลี่ยนจริงๆ เปลี่ยนคนได้นะ ธรรมะของพระพุทธเจ้านะเปลี่ยนคนได้ และคนที่จะเปลี่ยนได้คือคนซึ่งลงมือศึกษาปฎิบัตินี่ล่ะ เปลี่ยนจริงๆ

พวกศาสนาอื่นนะ สมัยพุทธกาล ถึงกับเตือนกันว่าอย่ามาฟังธรรมของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้ามีมนต์เปลี่ยนใจ ถ้ามาพบพระพุทธเจ้าแล้วเปลี่ยนใจ เลิกนับถือศาสนาเก่าๆ

ทำไมล่ะ เพราะว่าศาสนาพุทธนี้สมบูรณ์ด้วยเหตุด้วยผล พิสูจน์ได้ด้วยตัวของเราเอง เส้นทางที่จะพิสูจน์ก็ไม่ได้ยากลำบากเกินไป แค่มีสติขึ้นมาแล้วรู้สึกกายรู้สึกใจไป กายเป็นอย่างไรก็รู้ว่าเป็นอย่างนั้น จิตเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น ตามรู้ตามดูอย่างนี้เรื่อยๆ รู้สึกตัวไปแล้วคอยรู้ไปเรื่อยๆ ชีวิตจิตใจจะเปลี่ยน แล้วก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็วด้วย


CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๓
File: 510817.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 2,236 times, 1 visits today)

Comments are closed.