Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ตามรู้…คำเดียวกันความหมายต่างกัน


ตามรู้…คำเดียวกันความหมายต่างกัน

ได้สนทนากับคุณพิมพ์ทอง

เรื่องคำสอนหลวงปู่เทสก์ ตาม link

http://www.thewayofdhamma.org/page2/moradok26.html

จึงขอนำมาเก็บเป็นบันทึกไว้ดังนี้

………………………………………………..

จริงๆ แล้วผมไม่อาจยกเอาสอนหลวงปู่เทสก์

มาขยายความต่อเลยครับ เพราะผมเอง

ไม่ได้ศึกษาธรรมหลวงปู่เทสก์มาก่อน

แต่จากการอ่าน  link ที่ให้ไว้เมื่อครู่นี้

ผมเข้าใจว่า หลวงปู่เทสก์แสดงธรรม

ได้ถูกต้องและชอบแล้วเป็นอย่างยิ่ง…(สาธุ)

.

ผมเข้าใจว่าเจตนาของคุณพิมพ์ทอง

จึงน่าจะต้องการให้อธิบายว่า

มีความสอดคล้องหรือไม่อย่างไร

กับที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมไว้

เพราะมีคำหลวงปู่เทสก์ที่ว่า “ตามรู้”

ซึ่งอ่านแล้วเข้าใจว่า ไม่ใช่การปฏิบัติที่ถูกต้อง

แต่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมไว้ว่า “ให้ตามรู้”

ซึ่งเหมือนกับว่าหลวงพ่อปราโมทย์สอนผิด

แต่ผมเข้าใจว่า หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรม

ได้ถูกต้องและชอบแล้วเป็นอย่างยิ่ง…(สาธุ)

.

ดังนั้น การใช้คำเดียวกันว่า “ตามรู้”

ของหลวงปู่เทสก์ กับ หลวงพ่อปราโมทย์

เป็นการใช้คำเดียวกัน

แต่มีความหมายต่างกันครับ

.

ทีนี้ก็มาดูกันว่า

ใช้คำเดียวกัน แต่มีความหมายต่างกันอย่างไร

.

ความหมายต่างกันตรงที่…

หลวงปู่เทสก์แสดงธรรมไว้

ตามวิธีแบบแผนของสายพระป่า

ซึ่งเป็นวิถีแบบแผนที่เป็นที่ยอมรับ

กันอย่างแพร่หลายว่า

นำไปสู่มรรคผลนิพพานได้จริง

ผมเองก็มีความเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเลย

.

ส่วนที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมนั้น

เป็นการแสดงธรรมตามวิธีปฏิบัติที่แตกต่างกันไป

คือเป็นแนวทางที่ใช้การฝึกสติให้มีจิตตั้งมั่น

ด้วยการหัดรู้สภาวะของกายของจิต (สภาวะรูปนาม)

ซึ่งในกรณีหัดรู้ใจสภาวะทางจิตนี้

จะต้องให้เกิดจิตที่มีสภาวะธรรมต่างๆขึ้นก่อน

แล้วจึงหัดระลึกอย่างมีสติไป จนจิตมีความตั้งมั่น

.

การที่ “ต้องให้เกิดจิตที่มีสภาวะธรรมต่างๆขึ้นก่อน

แล้วจึงหัดระลึกอย่างมีสติไปจนจิตมีความตั้งมั่น” นี้

หลวงพ่อปราโมทย์จะใช้สำนวนว่า “ตามรู้ตามดู”

ซึ่งไม่ได้หมายถึง

การปล่อยให้จิตส่งออกตามอารมณ์ไปอย่างไม่สิ้นสุด

(ไม่ได้หมายถึง ตามรู้ตามเห็นอาการของจิต

ดังที่หลวงปู่เทสก์แสดงธรรมไว้นั่นเอง)

.

ในการตามรู้ตามดู

ดังที่หลวงพ่อปราโมทย์แสดงธรรมนั้น

ถ้าเมื่อไรที่หัดรู้สภาวะจนจิตจำสภาวะนั้นๆ ได้

จิตจะเกิดสติ มีความตั้งมั่นขึ้นอัตโนมัติ

แทนที่จิตที่ส่งออกตามอารมณ์ซึ่งเพิ่งดับไป

.

เช่น เมื่อจิตเกิดโทสะ

จิตจะส่งออกไปกับอารมณ์โทสะ

ซึ่งเมื่อเกิดโทสะแล้วหากมาหัดรู้หัดดูจิตที่มีโทสะ

(ตามหลักการเจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ที่ว่า จิตมีโทสะก็รู้ชัดว่าจิตมีโทสะ)

เมื่อหัดรู้ไปจนจิตจำสภาวะมีโทสะได้

จิตที่ส่งออกไปกับอารมณ์โทสะจะดับไป

แล้วเกิดเป็นจิตที่มีสติมีความตั้งมั่นขึ้นมา

เมื่อจิตมีสติมีความตั้งมั่นขึ้นมาได้

จิตก็จะเกิดความสงบ ประหนึ่งถูกควบคุมไว้

ด้วยกำลังของสติและสมาธิ ดังที่หลวงปู่เทสก์

แสดงธรรมถึง “การควบคุมจิต” นั่นเอง

.

ถึงตรงนี้ เส้นทางการภาวนาที่ต่างเส้นทางกัน

ก็จะมาบรรจบกัน คือเมื่อจิตมีสติมีความตั้งมั่น

จิตผู้รู้ก็จะสามารถรู้รูปนามจนเห็นไตรลักษณ์ได้ต่อไป

แต่แม้เส้นทางจะมาบรรจบกันแล้ว

ก็จะยังมีความต่างกันคือ

จิตที่มีสติมีความตั้งมั่น ที่เกิดจากการปฏิบัติ

ตามวิธีแบบแผนสายพระป่าจะเรียกกันว่า “จิตผู้รู้”

จิตผู้รู้นี้จะเกิดดับต่อเนื่องกันได้นานนับขั่วโมง

นับวันหรือหลายวันตามกำลังของสมาธิ

แต่จิตที่มีสติมีความตั้งมั่น ที่เกิดจากการปฏิบัติ

ตามวิธีที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนนั้น

จะเกิดดับได้เพียงชั่วขณะหรือเป็นจิตที่มีขณิกสมาธิ

ซึ่งเมื่อหัดให้จิตเกิดสติเกิดความตั้งมั่นอยู่เนืองๆ

จิตก็มีคุณภาพเพียงพอในการรู้รูปนามจนเกิดปัญญาได้ต่อไป.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 447 times, 1 visits today)

Comments are closed.