ความทุกข์ที่พระองค์นำมาแสดง เป็นของตื้นๆ พื้นๆ อย่างยิ่ง
เป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ๆ กันอยู่แล้ว
เพราะใครๆ ก็เคยเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตาย
หรือใครๆ ก็รู้ว่า การประสบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์
การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ และเมื่อไม่ได้อย่างที่ใจอยากก็เป็นทุกข์
ใครๆ ก็เคยเศร้าโศก ร่ำไรรำพัน ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ คับแค้นใจ เหี่ยวแห้งใจตอนโตขึ้นมาหน่อย อ่านพระพุทธประวัติบ้าง ชาดกบ้าง
แล้วรู้สึกรักพระพุทธเจ้าเป็นกำลัง
เพราะท่านต้องทนลำบากบำเพ็ญบารมีมาตั้งสี่อสงไขยแสนมหากัปป์
ในพระชาติสุดท้ายก็ทรมานพระกายจนสลบ
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของมหาบุรุษที่กินใจเด็กๆ มาก
แล้วก็มาสงสัยอยู่อีกหน่อยหนึ่งว่า
ท่านทนลำบากตั้งมากมาย เพียงเพื่อจะทราบและสั่งสอนว่า
ใครๆ ก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายกระนั้นหรือ
ความลำบากของพระองค์ กับธรรมที่ทรงรู้ เหตุใดจึงมีน้ำหนักต่างกันนัก … ขอเชิญอ่านต่อได้ที่ CoffeeBreak
คุณสันตินันท์ เขียนไว้เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๓ เวลา ๙ นาฬิกา ๕๔ นาที ๔๒ วินาที
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่