Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: การพิจารณากาย โดย คุณสันตินันท์

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ และศิษย์ส่วนมากของท่าน
ปฏิบัติธรรมด้วยการพิจารณากาย
(มีเพียงส่วนน้อย เช่นหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ที่ปฏิบัติตัดตรงเข้าสู่จิต)
แต่ก่อนจะพิจารณากาย ท่านให้ทำจิตให้สงบเสียก่อน
ด้วยการบริกรรมพุทโธเป็นหลัก
แต่ศิษย์ของท่านบางองค์ กำหนดลมหายใจควบเข้าไปด้วย
มีบางองค์เท่านั้น ที่ใช้กรรมฐานพิเศษออกไปตามจริตนิสัย
เช่นหลวงปู่ขาว อนาลโย ท่านเจริญเมตตาเพราะมีปกติเจ้าโทสะ… ขอเชิญอ่านต่อได้ที่ CoffeeBreak

คุณสันตินันท์ เขียนไว้เมื่อ วันจันทร์ที่ ๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๓ เวลา ๘ นาฬิกา ๒๓ นาที ๔๒ วินาที

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ดูจิต ที่ฟุ้งซ่าน

mp3 for download: ดูจิต ที่ฟุ้งซ่าน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ดูจิต ที่ฟุ้งซ่าน

ดูจิต ที่ฟุ้งซ่าน

โยม: นมัสการครับ ขอโอกาสครับ คือ รู้สึกว่าจิตไม่ค่อยมีกำลังครับ ก็เลยไปนั่งสมาธิเพิ่มน่ะครับ แล้วก็เวลานั่ง ก็ปรากฎว่า คือ จิตมันเดี๋ยวก็ไปดูท้องพองยุบ เดี๋ยวก็มาขึ้นมาพุทโธ ดูลมหายใจน่ะครับ แล้วก็คราวนี้ พอจิตมันไหลไป ก็รู้ แล้วคราวนี้พอ พอรู้เสร็จปุ๊บ ก็จะเข้า เข้าสู่ เข้าสู่วิหารธรรมเดิมน่ะครับ ก็ จิตมันก็ไม่รู้ว่าจะไปจับตัวไหนว่า คือจับไม่ถูกว่าจะไปท้อง หรือว่าจะไปลมหายใจ หรือว่าจะไปพุทโธอะไรพวกนี้ครับ

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้ามันส่ายไปทางโน้นทางนี้นะ เรารู้ทันจิตเข้าไปเลย ว่าจิตกำลังฟุ้งซ่านอยู่ จิตก็จะสงบลงมา ทีนี้พอสงบลงมาแล้ว มันจะไปอยู่ที่ท้อง เราก็รู้ทัน มันหนีไปอีกก็รู้ทัน แต่บางทีเปลี่ยนเร็ว หนีตรงโน้น ปุ๊บปั๊บๆ ถ้าเวลามันเปลี่ยนเร็วนี่นะ ให้รู้ทันในภาพรวม ไม่ต้องไปดูทีละอัน รู้ทันในภาพรวมว่าจิตกำลังฟุ้งซ่านอยู่ มันก็จะสงบลงมา พอสงบลงมานะ มันก็จะค่อยๆเปลี่ยนช้าๆ จะค่อยไหลเนิบๆมา ไม่เปลี่ยนวุบวับวุบวับดูไม่ทันหรอก

โยม: ผมต้อง ต้องเลือกเอาอย่างไหนอย่างหนึ่งหรือเปล่าครับ หรือว่า

หลวงพ่อปราโมทย์: เบื้องต้นก็เอาไว้อย่างหนึ่งก่อน นะ แต่ว่าจุดหลัก ถ้าฟังอย่างที่คุณว่าเนี่ย คุณใช้อะไรเป็นวิหารธรรมรู้เปล่า? คุณใช้จิตเป็นวิหารธรรม คุณเห็นจิตมันเคลื่อนไปเคลื่อนมาตลอด คุณก็รู้ทันจิตที่เคลื่อนไปเคลื่อนมา นะ แต่อย่าไปไหลตามมันไป เห็นจิตมันเคลื่อน ใจเราเป็นคนดูอยู่นะ

โยม: ครับ แต่ว่า บางทีพอจิตมันรวมนิดนึงครับหลวงพ่อ แล้วก็มันสบายกว่าเดิม แต่ว่าตอนนี้ไม่แน่ใจว่าไปสร้างภพอะไรอยู่ เพิ่มหรือเปล่า

หลวงพ่อปราโมทย์: อย่าไปกลัวนะ การภาวนาทั้งหลายเนี่ย เป็นภพทั้งสิ้นล่ะ แต่เป็นภพที่จะทำให้เกิดสติเกิดปัญญา เพื่อจะพ้นจากภพนะ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวภพเลย ถึงเราไม่ไปจงใจปฏิบัติเป็นภพขึ้นมา จิตก็มีภพอยู่ดี เดี๋ยวก็เป็นภพมนุษย์ ภพสัตว์ ภพเปรต ภพอสุรกาย เป็นไปเรื่อย จิตเราเปลี่ยนภพอยู่ตลอดเวลาแล้ว การที่เราลงมือปฏิบัติก็เป็นภพเหมือนกันนะ ไม่ต้องกลัวหรอก แต่เป็นภพที่เกื้อกูลให้มีสติมีปัญญา ภพส่วนใหญ่เกื้อกูลให้หลงนะ

โยม: ขอบคุณครับ

หลวงพ่อปราโมทย์: ไปฝึกนะ จิตดีขึ้นแล้วล่ะ รู้สึกตัวมั้ย เห็นความเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า เมื่อก่อนเครียดกว่านี้เยอะเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๑๑ ถึง นาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๓๓
 
 

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้สภาวะไปทำไม?

รู้สภาวะไปทำไม?

รู้ไปทำไม?
ถ้าไม่หัดรู้ไม่หัดดูก็ไม่เห็นไตรลักษณ์
ไม่เห็นไตรลักษณ์ก็ไม่เกิดปัญญาไม่พ้นทุกข์
มีเท่านี้แหละครับ

การภาวนาหลายคนว่ายากที่จะหัดรู้ให้เป็น
แต่ยากกว่าที่จะมีความเพียรไม่ท้อถอยที่จะหัดรู้
พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสไว้ทำนองว่า “จะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร”
…เพียรไว้นะครับ  :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีภพทีไร มีทุกข์ทุกที

mp3 for download: มีภพทีไร มีทุกข์ทุกที

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราสังเกตมั้ย กิเลสมันเกิดทั้งวัน พวกนักเรียนที่เรียนมาแล้ว เคยเห็นมั้ย กิเลสมันเกิดขึ้นได้เรื่อยๆ เดี๋ยวก็โลภ เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็หลง เดี๋ยวฟุ้งซ่าน เดี๋ยวหดหู่ เดี๋ยวลังเลสงสัย อะไรอย่างนี้ ใจเรานี่หมุนไปเรื่อยๆนะ เดี๋ยวกิเลสตัวนั้นเกิด เดี๋ยวกิเลสตัวนี้เกิด ทุกคราวที่ใจเราทำงานขึ้นมานี่ ภาษาพระเรียกว่า “ภพ” นะ

เวลาที่จิตใจของเราหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป ทำงานปรุงแต่งอะไรไป เขาเรียกว่ามันสร้างภพไปเรื่อย ภพมีสองส่วน ภพหนึ่งเรียกภพโดยการเกิด อย่างเราตอนนี้เราเกิดในภพของมนุษย์ ภพของมนุษย์เนี่ย เรียกว่าเป็นกามภพ ถ้าเราเข้าฌานก็เป็น รูปภพ อรูปภพ อันนี้เป็นภพโดยการเกิด เรียกว่า “อุปัติภพ” ตัวนี้ตอนนี้เรามีอยู่แล้ว เราเป็นภพของมนุษย์ นะ เราเกิดเป็นมนุษย์ เรียกว่าเป็นภพใหญ่ของมนุษย์ มีภพใหญ่เป็นมนุษย์

แต่มันยังมีภพอีกชนิดหนึ่งนะ เรียกว่า “กรรมภพ” กรรมภพเนี่ย คือการที่จิตทำงานขึ้นแต่ละคราว แต่ละคราว เมื่อไรจิตใจเรามีความโลภขึ้นมานะ ขณะนั้น จิตเรา ร่างกายเราเป็นมนุษย์จริง แต่ใจเราเป็นเปรต เวลามีความโลภ สังเกตมั้ย ใจมีความสุขหรือมีความทุกข์ นึกออกมั้ย เวลาเราอยากโน้นอยากนี้ ใจเรามีความทุกข์นะ เวลาเรามีความโกรธขึ้นมาเนี่ย ใจเราก็อยู่ในภพที่เป็นสัตว์นรก สัตว์นรกเนี่ย จิตใจไม่แช่มชื่น ไม่เบิกบาน เจือด้วยโทสะ เจือด้วยความทุกข์ตลอดเวลา

เวลาเรามีความโกรธ หรือเวลาเรามีความทุกข์ เราสุขมั้ย เราไม่สุขใช่มั้ย มันเป็นภพของเปรต มีความโลภเราก็มีความทุกข์นะ เป็นภพของสัตว์นรกมีโทสะ มีความโกรธขึ้นมา เราก็มีความทุกข์ เป็นภพของสัตว์เดรัจฉาน ใจลอย ตัวนี้ดูยากแล้ว โมหะ ใจลอยไป ดูยาก หลงๆไปวันหนึ่งๆ นะ ดูยากแล้วว่าเป็นตัวทุกข์ อันนี้ต้องค่อยๆฝึกก่อน ทีแรกก็จะเห็นที่ภพที่มีโทสะ บางครั้งก็เห็นได้ง่ายว่าเป็นทุกข์ ภพที่มีความโลภขึ้นมา เห็นได้ง่ายว่ามีความทุกข์

ถ้าใจของเราเป็นบุญเป็นกุศลขึ้นมานะ เราก็เป็นภพของมนุษย์ ใจเรามีความสุขนะ อยู่กับความสุข มีความละอายบาป เกรงกลัวต่อบาป เราก็อยู่ในภพเทวดา ร่างกายเรายังเป็นคนอยู่ แต่ใจเราเป็นเทวดา บางทีเราทำสมาธินะ ร่างกายเราเป็นคน ใจเราเป็นพรหม เป็นพระพรหมเงียบๆ สงบนะ

เพราะฉะนั้นใจเราแหละ เสวยภพโน้น เสวยภพนี้ ตลอดเวลา เปลี่ยนภพตลอด คือเปลี่ยนสภาวะ พูดคำว่าภพแล้วงง เปลี่ยนมาเป็นว่า มันเป็นสภาวะต่างๆ เดี๋ยวใจเราก็มีสภาวะที่เป็นสุข เดี๋ยวใจก็มีสภาวะเป็นทุกข์ เดี๋ยวใจโลภ ใจโกรธ ใจหลง ใจฟุ้งซ่าน ใจหดหู่

บางภพหรือบางสภาวะเนี่ย ดูง่ายว่าเป็นทุกข์ บางภพที่ละเอียดปราณีตนะ บางสภาวะที่ละเอียดปราณีตนะ ดูยากว่าเป็นทุกข์ ต้องภาวนากันนานๆ ยกตัวอย่างใจของพรหมเนี่ยดูยากที่สุดเลยว่าเป็นภพ มันมีความสุข มันมีความสงบ มีอุเบกขาอยู่อย่างนั้น ดูยาก และใจอื่นๆนะ ก็ดูง่ายหน่อย ใจเทวดาก็ดูยาก มีความสุขเยอะไป

เวลาพวกเรามีความสุข เรารู้สึกมั้ย เรามักจะเผลอ เรามักจะเพลินในความสุข เราจะลืมกายลืมใจ เพราะฉะนั้นพวกเทวดาเนี่ย เผลอๆเพลินๆไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่นะ ยกเว้นว่าเคยศึกษาธรรมะมาก่อน เป็นเทวดาแล้วก็ภาวนาได้อีก ถ้าไม่เป็น หรือเคยศึกษามาก่อน ก็หลงๆไปวันหนึ่ง วันหนึ่ง ไม่มีสาระอะไร

เวลาที่เราเป็นคนนะ ใจเราเปลี่ยนภพอยู่ตลอดเวลา มีภพทีไรมีทุกข์ทุกที นี่.. พระพุทธเจ้าบอกอย่างนี้ มีภพทีไรก็เป็นทุกข์ทุกที เห็นมั้ยเราโลภขึ้นมาทีหนึ่ง จิตมีความโลภขึ้นมา นี่เป็นจิตโลภ เป็นจิตของเปรต เราก็มีความทุกข์

บางทีเรามีความคิดความเห็นนะ เราว่าต้องอย่างนี้ ต้องอย่างนี้นะ คนอื่นไม่เชื่อเรา เราโมโหเลยนะ เนี่ยบังคับคนอื่นให้เชื่อตามเรา เรายึดในความคิดความเห็นของเรา ก็เป็นภพชนิดหนึ่ง ชื่อว่า อสุรกาย พวกเจ้าทิฎฐิ เจ้ามานะ เจ้าความเห็น เพราะฉะนั้นอสุรกายเยอะนะ ลูกศิษย์หลวงพ่อเนี่ย พวกเรียนหนังสือมากเนี่ย พวกอสุรกายนะ อสุรกายจำแลงมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๕
 

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Download Now! CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๖ (๕)

ดาวน์โหลดพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

Download Now

Download Now

    uploaded: ๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓

  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK

*หมายเหตุ THAI-1 กับ THAI-2 เป็น Server คนละเครื่อง แต่ไฟล์สำหรับ Download นั้นเหมือนกันทุกไฟล์

ท่านที่สนใจจะ Download ไฟล์อื่นๆ ท่านสามารถเข้าไป Download ได้ที่หน้า Download

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วก็ค่อยรู้เอา จงใจจะรู้ทำให้เครียด

mp3 for download: ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วก็ค่อยรู้เอา จงใจจะรู้ทำให้เครียด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ให้ความรู้สึกเกิดก่อน แล้วก็ค่อยรู้เอา จงใจจะรู้ ทำให้เครียด

ให้ความรู้สึกเกิดก่อน แล้วก็ค่อยรู้เอา จงใจจะรู้ ทำให้เครียด

หลวงพ่อปราโมทย์: ให้เราคอยรู้สึกกายรู้สึกใจนะ เราเห็นกายมันทำงาน เห็นกายมันยืน มันเดิน มันนั่ง มันนอน ใจเราเป็นคนดูมัน เราเห็นจิตใจเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คอยดูเฉยๆ อย่าไปบังคับมันนะ

ก่อนจะรู้ ก็อย่าไปจงใจจะรู้ พวกเราบางคนภาวนาแล้วเครียด เพราะว่าเราทำผิด บางคนภาวนาเครียดเนี่ย เพราะว่าก่อนจะรู้เนี่ย จงใจจะรู้ เวลาคิดถึงการปฏิบัติก็เริ่มต้นด้วยการ “ส่งจิตไปดู” แกว่งใหญ่ เที่ยวหาใหญ่ ว่าจะดูอะไรดี ใครเคยเป็นมั้ย เวลาจะดูจิตนั้นน่ะ เริ่มต้นด้วยการพยายามไปดูว่าตอนนี้มีอะไรให้ดู อย่างนี้ผิดนะ

ต้องให้ความรู้สึกเกิดก่อน แล้วก็ค่อยรู้เอา โลภขึ้นมาแล้วรู้ โกรธขึ้นมาแล้วรู้ หลงขึ้นมาแล้วรู้ ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วค่อยรู้ อย่าไปจงใจดักรอดู ถ้ารอดูเมื่อไหร่นะ จะเพ่ง ใจจะนิ่งๆ ทื่อๆ ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปดักดู ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วค่อยรู้ โกรธขึ้นมาแล้วรู้ว่าโกรธ โลภขึ้นมาแล้วรู้ว่าโลภ หลงแล้วรู้ว่าหลง เห็นมั้ยให้มันเกิดขึ้นก่อน

เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ห้ามโกรธนะ โกรธก็ได้ โลภก็ได้ หลงก็ได้ เราไม่ได้ห้ามหรอก มันเกิดขึ้นมาแล้วเราคอยรู้ แต่รู้ไวๆ ไม่ใช่เมื่อวานโกรธ วันนี้ถึงจะรู้ อย่างนี้ช้าไป ใช้ไม่ได้ โกรธมาแล้ว ๓ นาที แล้วยังไม่ทันจะหายโกรธ ระลึกขึ้นได้แล้ว โอ๊ะ.. โกรธนี่ อย่างนี้ใช้ได้ นะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๓๘

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไม่ค่อยตั้งมั่น ดูจิตเกิดดับได้บางวัน

จิตไม่ค่อยตั้งมั่น ดูจิตเกิดดับได้บางวัน

ถ้ามีโอกาสปฏิบัติตามรูปแบบมากขึ้นก็ควรทำครับ
แต่อย่าคาดคั้นจิตเองว่าทำแล้วต้องตั้งมั่น ต้องดูเกิดดับได้ทุกวัน
ให้ทำเพราะเป็นกิจที่พึงทำ ทำแล้วจิตจะเป็นอย่างไรก็ให้รู้ไปตามที่เป็นนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สติที่รู้กายรู้ใจเรียกว่าสติปัฏฐาน สติที่รู้อารมณ์อื่นๆเรียกว่าสติธรรมดา

สติที่รู้กายรู้ใจเรียกว่าสติปัฏฐาน สติที่รู้อารมณ์อื่นๆเรียกว่าสติธรรมดา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สติที่รู้กายรู้ใจเรียกว่าสติปัฏฐาน สติที่รู้อารมณ์อื่นๆเรียกว่าสติธรรมดา

สติที่รู้กายรู้ใจเรียกว่าสติปัฏฐาน สติที่รู้อารมณ์อื่นๆเรียกว่าสติธรรมดา

หลวงพ่อปราโมทย์: ศึกษาธรรมะนะ ดีแล้วล่ะ คนไหนมีธรรมะ ก็ชีวิตมีความมั่นคง เราไม่รู้อนาคตของแต่ละคนนะ ว่าเราจะเผชิญอะไรกับชีวิตบ้าง การที่เราเรียนธรรมะไว้เนี่ย เหมือนเราสร้างต้นทุนให้ตัวเองไว้ เพื่อจะต่อสู้กับชีวิต แต่ละคนๆนี่ กว่าจะตั้งหลักได้ ตั้งตัวได้ บางคนล้มลุกคลุกคลาน บางคนตั้งหลักตั้งตัวไม่ได้ทั้งชาติเลย

แต่ถ้าเรามีธรรมะไว้นะ เราจะชีวิตเรามีระเบียบ มีแบบแผน ไม่ค่อยตุปัดตุเป๋ออกนอกลู่นอกทาง โอกาสที่จะตั้งเนื้อตั้งตัวได้ก็เยอะหน่อย อยู่กับโลก บางที เราระวังเต็มที่แล้ว อยู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ ซึ่งเราไม่คาดฝัน ในโลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องที่คาดฝันไปไม่ถึง มันนำความทุกข์มาให้เรา เช่นเราอยู่ดีๆ พ่อแม่เราตายไป อะไรอย่างนี้ ก็เป็นไปได้ หรือว่ามีครอบครัว แฟนเรานอกใจเราอะไรอย่างนี้ ก็เป็นไปได้ ทำงานไปแล้วตกงาน หรือกิจการล้มละลาย ก็เป็นไปได้ มีลูกแล้วลูกเกเร ทำความหายนะให้ ทำความทุกข์ให้พ่อให้แม่ ก็เป็นไปได้อีก อยู่ดีๆยังแข็งแรงอยู่นะ อยู่ๆก็เจ็บป่วยขึ้นมาอะไรอย่างนี้ เป็นมะรงมะเร็ง เด็กๆก็เป็นนะ ไม่ใช่ไม่เป็น หลวงพ่อเคยเห็น ที่สถาบันมะเร็ง เด็กเล็กๆเลยก็เป็นมะเร็ง

เพราะฉะนั้นชีวิตเรานี่เต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่แน่นอน เราก็ต้องศึกษาธรรมะเอาไว้ ถ้าคนไหนมีธรรมะไว้นี่ เราจะสามารถอยู่กับความไม่แน่นอนได้อย่างที่มีความมั่นคงพอสมควร

ยิ่งถ้าเรามีธรรมะมากๆนะ เรารู้สึกแน่นอนเลย ที่ใจเราจะไม่ทุกข์ โลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์ แต่ใจเราจะไม่ทุกข์ นี่ถ้าภาวนาสำเร็จนะ ถึงที่สุดจริงๆแล้วจะไม่ทุกข์อีกแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องสร้างต้นทุนให้ตัวเองไว้ ด้วยการศึกษาธรรมะเอาไว้

การศึกษาธรรมะ ไม่ใช่การศึกษาอะไรที่ยากๆหรอก อย่าไปคิดว่าธรรมะเป็นเรื่องยากๆ ธรรมะเป็นเรื่องห่างไกล ธรรมะเนี่ยต้องเรียนอีกหลายชาติ นะ ถึงจะสำเร็จ ไม่ใช่เลย ถ้าพวกเราเข้าใจหลักที่พระพุทธเจ้าสอนเนี่ย เราจะพัฒนาจิตใจของตัวเองได้อย่างรวดเร็วมากเลย ใช้เวลาไม่นานหรอก บางคนใช้เวลาเดือนเดียวนะ เรียนกับหลวงพ่อเดือนหนึ่ง ใจก็เปลี่ยนแปลงไปมากเลย เคยมีความทุกข์มากๆนะ ก็เหลือทุกข์น้อยๆ เคยทุกข์นานๆ ก็เหลือทุกข์สั้นๆ จิตใจมันมีความอบอุ่น จิตใจมีความมั่นคง

คนในโลกนี้นะ ทุกวันนี้ คนไม่มีความอบอุ่นเลย ความมั่นคงก็ไม่มีหรอก ทุกอย่างเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง รวดเร็วมากเลย ความอบอุ่นก็ไม่มี ครอบครัวแตกกระจัดกระจายไป อะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเรามีธรรมะแล้ว นอกจากจะมั่นคงแล้วเรายังอบอุ่นด้วย มันมีความสุขอยู่ได้ด้วยตนเอง สมมุติว่าเราเป็นลูกกำพร้าเราก็มีความสุขนะ เพราะเรารู้พ่อแม่ที่แท้จริงอีกท่านหนึ่งของเราก็ยังอยู่ คือ พระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทอดทิ้งเรานะ อยู่ในใจเรานี่เอง ใจของเราเข้าถึงธรรมะแล้วก็จะเจอพระพุทธเจ้า ท่านถึงบอก “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา” พวกเราไม่ได้เจอร่างกายของพระพุทธเจ้า แต่ว่าถ้าเราเข้าใจธรรมะเราจะเจอพระพุทธเจ้าตัวจริง คนไหนได้ธรรมะแล้วจะรู้สึก มีชีวิตมีความอบอุ่น ไม่ว้าเหว่ ไม่ขาดที่พึ่งที่อาศัย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องค่อยๆฝึก ค่อยๆเรียนธรรมะนะ

การเรียนธรรมะไม่ใช่ยากอะไรหรอก เราอย่าไปวาดภาพว่าการปฎิบัติธรรมนั้นคือการนั่งสมาธินะ เราอย่าไปวาดภาพการปฎิบัติธรรมว่าคือการเดินจงกรม ต้องเดินสวยๆ ต้องเดินนานๆ ไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่หรอก การนั่งสมาธิ การเดินจงกรมเป็นแค่รูปแบบของการปฎิบัติ เหมือนเครื่องแบบนักเรียนเท่านั้นเอง ดูสวยๆ แต่เนื้อแท้คือการมีสติของเรา จิตเรามีสติจริงมั้ย จิตเรามีสัมมาสมาธิมีความตั้งมั่นจริงมั้ย เราสามารถเจริญปัญญาได้ถ้ามีสติแล้วก็มีสัมมาสมาธิ นี้เป็นเนื้อแท้ของการปฎิบัติ

การมีสติเนี่ย ไม่ใช่ว่าต้องเดินจงกรมอยู่ถึงมีสติ ต้องนั่งสมาธิอยู่ถึงมีสติ เราทำอะไรอยู่ก็มีสติได้นะ ถ้าค่อยๆฝึกไป เข้าห้องน้ำก็มีสติได้นะ นั่งถ่ายไป ท้องผูกท้องไม่ผูกอะไรเนี่ย ก็เจริญสติได้ จะกินข้าวเราก็มีสติได้ ทำอะไรๆเราก็มีสติได้ ยกเว้นเวลาเรียนหนังสือนะ เวลาอ่านหนังสือ เวลาไปเรียนหนังสือ ไม่ใช่เวลาเจริญสติปัฏฐาน แต่ต้องมีสติเรียนสิ่งที่อาจารย์สอน คนละอันกัน

คำว่าเจริญสติที่หลวงพ่อพูดว่า พูดถึง หมายถึง ‘สติปัฏฐาน’ ได้แก่ สติที่คอยรู้กายรู้ใจ สติที่รู้กายรู้ใจเรียกว่าสติปัฏฐาน สติที่รู้อารมณ์อื่นๆเรียกว่าสติธรรมดา เวลาเราเรียนหนังสือ เวลาเราทำงานที่ต้องคิด เราใช้สติธรรมดา จดจ่ออยู่กับการเรียนนะ แต่เวลาที่เหลือเนี่ย พยายามมีสติปัฏฐาน สร้างสติปัฏฐาน คือคอยรู้สึกตัวไว้ คอยรู้สึกกาย คอยรู้สึกใจไปเรื่อย ถ้ารู้สึกได้นะ ความทุกข์มันจะค่อยๆหายไปเอง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๗
 

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตส่งออก

จิตส่งออก

“จิตส่งออก” ไม่ได้จำกัดเพียงแค่การหลงไปคิด (ส่งออกทางใจ)
แต่มีความหมายครอลคลุมไปถึง การส่งออกไปทางทวารต่างๆ ทั้ง ๖ คือ
ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ดังนั้นแม้ว่าขณะที่จิตไม่ได้หลงไปคิด แต่จิตก็ยังส่งออกทางทวารอื่นได้ครับ
และการภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์นั้น ก็ไม่ใช่การฝืนบังคับจิตไม่ให้ส่งออก
แต่เมื่อใดที่จิตส่งออกไปแล้ว ก็ให้หัดรู้ว่าจิตส่งออก
ใหัรู้เพื่อให้เห็นว่า จิตส่งออกก็ไม่เที่ยง จิตจะส่งออกก็สั่งห้ามไม่ได้
จะส่งออกหรือไม่ส่งออกก็ย่อมเป็นไปตามเหตุปัจจัย
แล้วก็ต้องไม่ฝืนที่จะไม่คิดเพราะไม่อยากให้จิตส่งออกนะครับ
ให้หัดรู้รูปนามอย่างมีสติมีความตั้งมั่นไปจนกว่าจะแจ้งอริยสัจ
แล้วจิตจะละสมุทัยที่เป็นจิตส่งออก (ละตัณหา) ลงได้อย่างแท้จริงครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธี ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต

mp3 for download : วิธี ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิธี ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต

วิธี ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต

หลวงพ่อปราโมทย์ : ค่อยสังเกตไป ร่างกายที่เคลื่อนไหว เป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า หัดอย่างนี้เรื่อยๆ ดูเหมือนดูคนอื่น ถ้าดูตัวเองยังไม่ออก ลองดูคนอื่นก่อน ดูคนที่นั่งข้างๆเรา เราเห็นไหม คนที่นั่งข้างๆเรานี้ เป็นสิ่งที่จิตของเราไปรู้เข้า เป็นสิ่งถูกรู้ ไม่ใช่ตัวเรา ดูคนข้างๆแล้วลองย้อนมาดูร่างกายตัวเอง ดูเหมือนดูเป็นคนอื่นน่ะ ดูเหมือนมันเป็นคนอื่น เป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ เหมือนเป็นคนอื่น ใจเราเป็นคนดู ค่อยๆหัดอย่างนี้เรื่อยๆ

ต่อไปมันจะเห็นเลยนะ ร่างกายที่หายใจอยู่ ร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอนอยู่ ร่างกายที่เคลื่อนไหวร่างกายที่หยุดนิ่งนี้ เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู ไม่ใช่จิตหรอก จิตเป็นผู้รู้ผู้ดู ร่างกายไม่ใช่จิตหรอก ค่อยๆฝึกอย่างนี้นะ

พอเราแยกจิตจากกายได้แล้ว ต่อไปก็แยกต่อไปอีก นั่งไปนานๆความปวดความเมื่อยมันเกิดขึ้น อย่างคุณแต๋มนั่งแล้วเมื่อย แล้วต้องเปลี่ยนอิริยาบถ เปลี่ยนอิริยาบถนั้นหนีอะไร? หนีความทุกข์นะ ทีนี้ก่อนเปลี่ยนอิริยาบถให้เรารู้ทันนิดหนึ่งก่อน เปลี่ยนได้ ไม่ใช่ว่าเปลี่ยนไม่ได้หรอก

นั่งไปนานๆ มันปวดมันเมื่อยขึ้นมา ค่อยๆสังเกตเอา สังเกตไหม? ความปวดความเมื่อยนี้ไม่ใช่ขาของเราหรอก ขานี้ตั้งอยู่ก่อนแล้วนะ ความปวดความเมื่อยแอบเข้ามาอยู่ทีหลัง ตามเข้ามาทีหลัง เพราะฉะนั้นมันเป็นคนละอันกัน ดูอย่างนี้นะ มันก็จะแยกขันธ์ได้อีกขันธ์หนึ่ง

ตัวร่างกายที่เรารู้สึกอยู่นี่ มันเป็นวัตถุ เป็นก้อนธาตุ ตัวนี้เรียกว่า “รูปตัวความเจ็บความปวดที่มันแอบเข้ามาอยู่ในรูปนี้ เรียกว่า “เวทนา“  บางทีเวทนาก็เกิดที่ใจนะ แอบเข้าไปอยู่ในใจก็ได้ เช่น มีความสุขแอบเข้าไปอยู่ในใจ มีความทุกข์แอบเข้าไปอยู่ในใจ มีความรู้สึกเฉยๆแอบเข้าไปอยู่ในใจ ทำไมใช้คำว่า “แอบ” เพราะเราไม่ค่อยเห็น ถ้าเราเห็นมันก็ไม่ได้แอบนะ มันเข้ามาเราก็มองเห็น เพราะฉะนั้นตัวเวทนา ตัวสุขตัวทุกข์นี้ อยู่ในกายก็ได้ อยู่ในใจก็ได้ เราค่อยๆหัดแยกไป

ความสุขความทุกข์ อย่างความปวดความเมื่อย ไม่ใช่ขานะ แล้วก็ไม่ใช่จิตด้วย มันเป็นสิ่งที่จิตไปรู้เข้า ใครเห็นว่าความปวดเป็นจิตบ้าง มีไหม? ใครรู้สึกว่าความปวดเป็นตัวเรา มีไหม? สังเกตไหมเรารู้สึกว่าร่างกายเป็นตัวเรานะ แต่พอความเจ็บความปวดรู้สึกว่าไม่ใช่เราแล้ว เป็นสิ่งแปลกปลอมอยากไล่มันไป เพราะฉะนั้นเวทนาก็ดูไม่ยากนักนะ

ดูให้ดี เราจะเห็นเลย ร่างกายอยู่ส่วนหนึ่ง ความปวดความเมื่อยอยู่ส่วนหนึ่ง จิตอยู่อีกส่วนหนึ่ง เป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ หัดแยกอย่างนี้เราได้ ๓ ขันธ์แล้ว ได้รูป ได้เวทนา ได้วิญญาณขันธ์ คือตัวจิต

พอแยกได้อย่างนี้เราก็ดูต่อไป อย่าเพิ่งเปลี่ยนอิริยาบถ ให้มันปวดมากๆหน่อย พอมันปวดมากๆนะ มันเกิดความทุรนทุรายขึ้นที่ใจ จริงไหม หรือว่าพอปวดมากๆแล้วความทุรนทุรายเกิดขึ้นที่ขา? ขาไม่ได้ปวดนะ ขาเป็นวัตถุ วัตถุปวดไม่เป็น เวทนามันแทรกเข้าไปอยู่ในขา มันเลยรู้สึกว่าปวด ถ้าเราดูให้ดีเราจะเห็นว่า ความปวดกับขาเป็นคนละอันกัน

อันนี้หลวงพ่อเคยสอนผู้หญิงบางคน บอกว่าถึงเวลามีรอบเดือน ปวดท้องอย่างรุนแรงเลย ต้องกินยาเลยนะ ต้องเจ็บมากปวดมาก บอกให้ค่อยๆสังเกตนะ ท้องไม่ได้ปวดหรอก ความปวดมันแทรกเข้ามาอยู่ที่ท้อง เขาไปดูๆนะ เขาเห็นว่าร่างกายไม่ได้ปวดนะ ความปวดแทรกเข้ามาอยู่ในร่างกาย ดูอย่างนี้ไม่ต้องกินยาแล้ว รู้สึกร่างกายสบายดี ร่างกายไม่เห็นเป็นไร ค่อยๆแยกขันธ์ไป

ทีนี้พอความปวดเกิดขึ้นมากๆ ความกระสับกระส่าย ความทุรนทุราย ความร้อนอกร้อนใจ ความกลัว ความกังวล ความหงุดหงิดรำคาญ อันนี้เกิดขึ้นที่ใจ ปวดมากๆอยากเปลี่ยนอิริยาบถ ความอยากเปลี่ยนอิริยาบถเกิดขึ้นที่ใจ ไม่ได้เกิดที่ขา ใจเราเป็นคนอยากเปลี่ยนอิริยาบถ นั่งนานๆมันปวดใช่ไหม? ใจมันอยากเปลี่ยนอิริยาบถ มันปวดอยู่ที่ขา แต่ใจมันอยาก

หัดดูให้ดีเราจะเห็นเลย ความอยากที่เกิดขึ้นที่ใจ ไม่ใช่จิตหรอก จิตมันเป็นผู้รู้ผู้ดูอยู่ ความอยากเป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในใจ เช่นเดียวกับความปวดที่แปลกปลอมเข้ามาในขา แบบเดียวกันเปี๊ยบเลย มันแปลกปลอมเข้ามาเพราะฉะนั้น เราหัดดูนะ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นทางใจ ไม่ใช่จิตหรอก เป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
ลำดับที่ ๗
File: 530606A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๗ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: เพื่อนคู่ใจของนักปฎิบัติ โดยคุณสันตินันท์

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: เพื่อนคู่ใจของนักปฎิบัติ โดยคุณสันตินันท์

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: เพื่อนคู่ใจของนักปฎิบัติ โดยคุณสันตินันท์

ถ้าเราศึกษาประวัติของพระมหาเถระในอดีต หรือครูบาอาจารย์ในยุคปัจจุบัน
จะพบว่าบางท่านจะมีสหธรรมิกที่สนิทสนมคุ้นเคยเป็นพิเศษ
เช่นท่านพระสารีบุตร จะเป็นเพื่อนสนิทกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ
และเมื่อทั้งสองท่านต่างมีภารกิจมากขึ้น มีโอกาสสนทนากันเองน้อยลง
ท่านพระสารีบุตรก็มีท่านพระมหาโกฏฐิตะ เป็นคู่สนทนาอยู่บ่อยครั้ง

ในยุคสมัยของเรานี้ ท่านพระอาจารย์มั่นกับท่านพระอาจารย์เสาร์
ท่านก็มีความใกล้ชิดต่อกันตราบจนมรณภาพ … ขอเชิญอ่านต่อได้ที่ CoffeeBreak

คุณสันตินันท์ เขียนไว้เมื่อ วันพุธที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๔๓ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๒๕ นาที ๒๓ วินาที

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิปัสสนาคือ เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์

mp3 for download: วิปัสสนาคือ เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิปัสสนาคือ เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์

วิปัสสนาคือ เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์

หลวงพ่อปราโมทย์: นักเรียนคนไหนไม่มีมือถือมีมั้ย? ยกมือให้หลวงพ่อดู หลวงพ่อจะได้ชื่นใจ โอ้..ดีมากนะ ดีมาก นักเรียนคนไหนมีมือถือบ้าง ยกมือซิ.. งั้นๆแหละไม่ชื่นใจ นะ ไม่มีสตางค์ซักหน่อยนะ หาเงินไม่ได้เลย บริโภคเยอะไป ใช้อะไรบ้างนะ ส่ง message หรือส่งอะไร ถูกเขาหลอกนะ หลวงพ่อเคยมีมือถือนะ แต่ก่อนนี้ อย่างมือถือนะ เดือนหนึ่งนะเสียแต่ค่าอะไร เขาเรียก ค่ารายเดือนน่ะ ไม่ค่อยมีค่าจ่ายน่ะ ไม่ได้ค่าพูดไม่ค่อยมี

สังเกตดูเวลาเรามีมือถืออยู่หนึ่งอัน พอมีรุ่นใหม่นะ เพื่อนเอารุ่นใหม่มา เราอยากได้ มีใครเห็นของเพื่อนใหม่กว่า แล้วก็เฉยๆอุเบกขามีมั้ย ไม่ค่อยมีหรอก มีแต่อยากได้นะ บางทีเราไปซื้อมานะ รุ่นนี้เราว่าซื้อได้ถูกมากแล้วนะ ซื้อมาได้ราคา ราคาหมื่นบาท เราว่าเราซื้อได้ถูกนะ เพื่อนมันซื้อมารุ่นเดียวกัน เหมือนกันเปี๊ยบเลย ราคาเก้าพัน จากความสุขที่มีอยู่แล้วกลายเป็นความทุกข์อีกแล้ว

หรือเราไม่มีซักเครื่องนะ เห็นคนอื่นมาเราอยากจะได้ใช่มั้ย ใจที่มีความอยากขึ้นมา ก็มีความทุกข์แล้ว ใจที่เห็นของคนอื่นเขาดีกว่านะ อิจฉาเขา นี่มีความทุกข์อีก เป็นโทสะตระกูลอิจฉา เพราะฉะนั้นใจเราเนี่ยหมุนเวียนที่จะสร้างความทุกข์ขึ้นมาแผดเผาตนเองอยู่ตลอดเวลา ห้ามได้มั้ย ห้ามไม่ได้นะ ใจจะโลภก็ห้ามไม่ได้ ใจจะโกรธก็ห้ามไม่ได้ ใจจะหลง ใจจะฟุ้งซ่าน ใจจะหดหู่ ใจจะลังเลสงสัย ห้ามไม่ได้ เราบังคับมันไม่ได้จริงหรอกนะ แล้วทำอย่างไร เราถึงจะสู้กับกิเลสไหว พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ทันนะ คอยรู้ทัน

ต่อไปนี้ ง่ายๆเลยนักเรียนทั้งหลาย ใจเราโลภขึ้นมา ใจเรามีความอยากขึ้นมา เราก็รู้ทันว่าตอนนี้อยากละ ใจเราโกรธขึ้นมา หรือใจเรากลัว หรือใจเราอิจฉา หรือใจเรากังวล นี่เป็นตระกูลโทสะนะ หวงแหนนี่ตระกูลโทสะ โทสะเกิดขึ้นในใจเราก็คอยรู้ทัน ใจลอยไป ใจฟุ้งซ่านไป ใจหดหู่ไป นี่พวกโมหะ เราก็รู้ทันนะ ใจ ใจมันซึมๆไป ก็รู้ทัน

ต่อไปนี้ง่ายๆเลย การปฏิบัติธรรม อย่าไปวาดภาพว่าต้องไปนั่งสมาธิมากๆ ไปเดินจงกรมมากๆ หัดเจริญสติในชีวิตประจำวันให้มากนะ การเจริญสติในชีวิตประจำวันนี้แหละ คือหัวใจของกรรมฐานเลย หัวใจของการปฎิบัติ ไม่ใช่หลวงพ่อพูดเองนะ ครูบาอาจารย์บอกมาอีกทีหนึ่ง ว่าหลวงปู่มั่นสอนท่านมากัน บอก หลวงปู่มั่นสอนบอกว่า ทำสมาธิมาก นั่ง..ลูกเดียวเลย ไม่ทำอย่างอื่นเลย นั่งเอาความสงบอย่างเดียวเลย ท่านบอก ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามาก พิจารณาธรรมะมากๆนะ ฟุ้งซ่าน หัวใจสำคัญของการปฎิบัติธรรมนะ คือการเจริญสติ มีสติในชีวิตประจำวันนี่แหละ เราจะยืน เราจะเดิน เราจะนั่ง เราจะนอนนะ ใจเราเป็นอย่างไร เราคอยรู้ทันไปเรื่อย คอยรู้ทันใจของเรา

พอรู้บ่อยๆ จะเห็นเลย เดี๋ยวใจก็เสวยภพนี้ เดี๋ยวใจก็เสวยภพนี้ เดี๋ยวใจเราก็เป็นเปรต เดี๋ยวใจเราก็เป็นอสุรกายเจ้าความคิดเจ้าความเห็น เดี๋ยวใจเราก็เป็นสัตว์นรก มีความทุกข์ขึ้นมา เดี๋ยวใจเราก็แช่มชื่นเป็นบุญเป็นกุศลนะ ก็เป็นเทวดาขึ้นมา มีศีลมีธรรม เป็นมนุษย์ เป็นเทวดา ใจเราเข้าถึงความสงบ บางช่วงใจเราเข้าถึงความสงบ ใจเราก็เป็นพระพรหม เนี่ยใจเราหมุนไปเรื่อยๆ ให้เราคอยรู้ทันใจนะ เราจะเห็นว่าใจเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ใจไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนะ มันหาความสุขหาความสบายที่แท้จริงไม่ได้ แต่ตัวนี้ดูยากนิดนึง โดยเฉพาะจิตที่ละเอียดที่ปราณีต เป็นภพที่ละเอียดที่ปราณีตนี่ดูยาก ว่าเป็นตัวทุกข์ เราจะเห็นแต่หยาบๆก่อน

เพราะฉะนั้นเบื้องต้นนะ ใจเราโกรธขึ้นมาเราดูเลย เห็นมั้ย ใจมันดิ้นเร่าๆหาความสุขไม่ได้ ใจมันโลภขึ้นมารู้ทันเลย ใจมันดิ้นเร่าๆหาความสุขไม่ได้ คอยรู้ทันใจตัวเองไป อย่าไปบังคับนะ อย่าไปห้ามมัน อย่าไปควบคุมมัน ให้รู้ลูกเดียวเลย

คำว่า “วิปัสสนา” เนี่ย มาจากคำสองคำนะ คำว่า “วิ” ตัวหนึ่ง คำว่า “ปัสสนา” คำหนึ่ง “ปัสสนา” แปลว่า “การเห็น” นะ ปัสสนาแปลว่าการเห็น “วิ” ตรงกับคำว่า “วิเศษ” นี่เอง เห็นอย่างยอดเยี่ยมเลย เห็นอะไร เห็นกายเห็นใจเป็นไตรลักษณ์นะ จึงจะเรียกว่า “วิปัสสนา” ถ้าเราคอยรู้สึกกายรู้สึกใจนะ เราเห็นกายมันทำงาน เห็นกายมันยืน มันเดิน มันนั่ง มันนอน ใจเราเป็นคนดูมัน เราเห็นจิตใจเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย คอยดูเฉยๆ อย่าไปบังคับมันนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 521204B.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ความคิด

ความคิด

เรื่องความคิดต้องแบ่งช่วงเวลาด้วยนะครับ
ถ้าเป็นช่วงเวลาที่ต้องทำงานทำหน้าที่ต่างๆ ที่ต้องใช้การคิด
ก็ต้องอยู่ความคิด เก็บเกี่ยวเอาความคิดมาใช้ทำงานทำหน้าที่

แต่ถ้าเป็นช่วงที่ไม่จำเป็นต้องคิด
ก็ต้องมาหัดดูจิตที่หลงลืมตัวไปอยู่ในโลกของความคิด ไม่ต้องสนใจว่าคิดเรื่องอะไร
หรือถ้าเผลอหลงตามความคิดจนเกิดสภาวธรรมอื่นขึ้นแล้ว
เช่นหลงคิดแล้วเกิดโทสะ ก็ให้หัดดูสภาวธรรมคือจิตที่โกรธซึ่งกำลังปรากฏเป็นปัจจุบันไปเลยครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ขันธ์ ๕ นั้นไม่มีตัวเราอยู่แล้ว ไม่ต้องหาทางละอัตตาตัวตน ตัวตนไม่มี

mp3 for download: ขันธ์ ๕ นั้นไม่มีตัวเราอยู่แล้ว ไม่ต้องหาทางละอัตตาตัวตน ตัวตนไม่มี

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขันธ์ ๕ นั้นไม่มีตัวเราอยู่แล้ว ไม่ต้องหาทางละอัตตาตัวตน ตัวตนไม่มี

ขันธ์ ๕ นั้นไม่มีตัวเราอยู่แล้ว ไม่ต้องหาทางละอัตตาตัวตน ตัวตนไม่มี

หลวงพ่อปราโมทย์ เราค่อยๆเรียนนะ ค่อยๆดูไป ความรู้สึกโกรธเกิดขึ้น รู้ทัน เห็นมั้ยความโกรธไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ไม่ต้องคิดเอานะ ความรู้สึกโกรธก็รู้.. ความรู้สึกโลภเกิดขึ้นก็รู้.. ฟุ้งซ่านก็รู้ หดหู่ก็รู้ หัดรู้ไปเรื่อยๆ ความสุขความทุกข์เกิดขึ้นก็รู้ หัดรู้ไปเรื่อย รู้สบายๆ ไม่ต้องกลัวโง่

ทีแรกมีสติก่อน มีสติรู้ไปเรื่อย.. ตามรู้ตามดูไป อะไรเกิดขึ้นตามรู้ตามดูไปเรื่อยๆ ถ้าใจเราตั้งมั่นจริง ใจจะทำตัวเป็นแค่คนรู้คนดูใช่มั้ย จิตทำหน้าที่รู้ เห็นมั้ยจิตไม่เข้าไปแทรกแซง จิตทำหน้าที่ของจิตเท่านั้น คือ รู้ จิตเข้าไปแทรกแซงได้ เพราะจิตถูกกิเลสมันปรุงแต่งแล้ว ไม่ pure pure แล้ว ไม่ใช่จิตที่ทำหน้าที่รู้แล้ว แต่เป็นจิตที่ประกอบด้วยโลภะ อยาก ถ้าจิตทำหน้าที่รู้เฉยๆนะ จิตจะเห็นความจริง

ความโกรธเกิดขึ้น จิตทำหน้าที่รู้ ก็จะเห็นเลย ความโกรธไม่ใช่ตัวเรา จิตที่ไปรู้ความโกรธก็ไม่ใช่ตัวเรา เนี่ยจะเห็นอย่างนี้ เห็นของจริง ขันธ์ ๕ นั้นไม่มีตัวเราอยู่แล้ว ไม่ต้องหาทางละอัตตาตัวตนนะ ตัวตนไม่มี

เราภาวนาไปเรื่อยนะ ถึงวันหนึ่งเราก็ล้างความเห็นผิดว่ามีตัวตน ล้างความหลงสมมุตินั่นเอง เพราะหลงสมมุตินั่นแหละ เลยสำคัญผิดว่ามีตัวมีตนขึ้นมา มีเรามีเขาขึ้นมา ดูของจริงนะ ดูทะลุสมมุติลงไป เห็นสภาวะแท้ๆ สภาวะแท้ๆไม่เคยเป็นเราเลย

รูปนี้ที่เคลื่อนไหว รูปยืน รูปเดิน รูปนั่ง รูปนอน รูปหายใจออก รูปหายใจเข้า รูปพอง รูปยุบ ไม่เคยเห็นเคยบอกเลยว่ามันเป็นเรา

เวทนา ความรู้สึกสุข ความรู้สึกทุกข์ ความรู้สึกเฉยๆ ทางกายทางใจ อะไรอย่างนี้ ไม่เคยเห็นมันบอกว่าเป็นเราเลย

สัญญาก็ทำหน้าที่จำได้หมายรู้ แต่สัญญานี้ตัวเหลวไหลนะ มันจำสมมุติน่ะ ส่วนมากมันจำสมมุติเอา แล้วก็โดนหลอก ว่ามีตัวตน มีเรา มีเขา เพราะฉะนั้นสัญญาเว้นไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งไปยุ่งกับมัน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
File: 530103.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กระทู้เก่ามาเล่าใหม่: หยุดแค่ขณะแรกที่รู้ หรือ แว่บแรกที่รู้ จริงๆ โดย คุณสันตินันท์

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

จากหนังสือ อตุโลไม่มีใดเทียม

ในระหว่างการสนทนาระหว่างพระราชาคณะรูปหนึ่งกับหลวงปู่ดูลย์
ท่านเจ้าคุณรูปนั้นเอ่ยขึ้นตอนหนึ่งว่า
“เขาว่าคนที่สนใจเรียนคาถาอาคมอันศักดิ์สิทธิ์
สมัยก่อนเป็นยักษ์”
หลวงปู่ลุกขึ้นนั่งทันที แล้วกล่าวว่า
” ผมไม่ได้สนใจในเรื่องเหล่านี้เลยท่านเจ้าคุณ
ท่านเจ้าคุณเองเคยศึกษาถึง ปัญจทวาราวัชชนจิตไหม” >>>

คุณไพ นำคำสอนหลวงปู่ดูลย์ จาก อตุโลไม่มีใดเทียม มาเขียนไว้เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ เวลา ๑๒ นาฬิกา ๒๕ นาที ๒๐ วินาที

อ่านเพิ่มเติมได้ที่ CoffeeBreak

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ดูจิตเห็นไตรลักษณ์

ดูจิตเห็นไตรลักษณ์

ให้หัดดูสภาวะปรากฏให้เห็นได้ไปสบายๆ ก่อนนะครับ
เช่นรู้ว่าเมื่อกี้เผลอขาดสติไป รู้ว่าจิตมีโมหะ รู้ว่าจิตมีโทสะ
อย่าเพิ่งไปพยายามที่จะดูความเป็นไตรลักษณ์มากไปกว่าที่เห็นได้อยู่
แล้วเมื่อดูสภาวะได้ตามที่ปรากฏบ่อยๆ
จิตจะค่อยๆ เห็นไตรลักษณ์ได้ในมุมใดมุมหนึ่งเอง
และส่วนมากจะเห็นในมุมขอความไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จุดอ่อนของฆราวาส คือ ไม่อดทน และไม่ต่อเนื่อง

mp 3 (for download) :จุดอ่อนของฆราวาส คือ ไม่อดทน และไม่ต่อเนื่อง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จุดอ่อนของฆราวาส คือ ไม่อดทน และไม่ต่อเนื่อง

หลวงพ่อปราโมทย์: เมื่อก่อนเขียนไว้ บอกว่า อะไรนะ หนทางยังมีอยู่ ผู้เดินทางยังไม่ขาดสาย ลงมือเสียแต่วันนี้ ก่อนที่กระแสลมแห่งกาลเวลา จะพัดพารอยพระบาทของท่านหายไป เพราะถ้าถึงวันนนั้นนะ เราจะระหกระเหินอีกแสนนาน

ลงมือแต่วันนี้นะ ลงมือเจริญสตินะ ไม่ใช่ลงมือทำอย่างอื่น อย่างอื่นทำมาเยอะแล้ว ลงมือเจริญสติ หัดรู้สึกกาย หัดรู้สึกใจ กายเป็นอย่างไรรู้มันไป จิตเป็นอย่างไรรู้มันไป ฝึกอยู่อย่างนี้แหละ เดี๋ยววันหนึ่งก็จะเข้าถึงความบริสุทธิ์หลุดพ้นเป็นลำดับ ลำดับไป ต้องสู้นะ เส้นทางนี้ต้องอดทน

อดทนอย่างแรกเลย อดทนต่อคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ต้องอดทน อดทนอันที่สองนะ อดทนต่อความยากลำบากทางร่างกาย อย่างบางทีจะมาเรียนใช่มั้ย ต้องตื่นนอน ต้องเบิ่งตาใช่มั้ย มันตื่นไม่ขึ้น ต้องทรมาน อุตส่าห์มา พากเพียรมา เหน็ดเหนื่อย มาเรียนได้ชั่วโมงกว่าๆ ขับรถกลับบ้านไปละ เสียเวลาไปหนึ่งวันแน่ะ เหนื่อย

ต้องอดทนต่อความลำบากทางกาย อดทนต่อกิเลส นี้ตัวสำคัญเลย ต้องอดทนต่อกิเลสตัณหาที่มันจะมายั่วยวนให้เราไม่ปฏิบัติ มายั่วยวนให้เราเลิกรู้กายรู้ใจ ตัวนี้ต้องอดทนมากเลย อาศัยความอดทนนี้นะ ถึงจะผ่านไปได้ เรียนให้รู้หลักแล้วอดทน ปฎิบัติไปด้วยความอดทน รู้กายรู้ใจไป จุดอ่อนของฆราวาสนะ คือไม่อดทน ไม่ต่อเนื่อง ทำบ้างหยุดบ้าง เหยาะๆแหยะๆ อยากได้ของดีนะแต่เหยาะแหยะ ไม่ได้กินหรอกนะ

รัชกาลที่ ๖ ท่านแต่งกลอน บอกอะไรนะ ไม่คิดสอยมัวแต่คอยดอกไม้ร่วง ใช่มั้ย คงชวดดวง บุปผชาติ สะอาดหอม ไม่คิดสอยนะ นั่ง..เมื่อไหร่จะบรรลุ.. บรรลุอะไร บรรลุโมหะสิ ต้องสู้นะ ขี้เกียจ ก็อย่าไปปล่อยให้ความขี้เกียจครอบงำ ขี้เกียจได้ แต่ต้องปฏิบัติ ลุกขึ้นมาเดินจงกรม ลุกขึ้นมาไหว้พระสวดมนต์ ยืน เดิน นั่ง นอน ต้องรู้สึกตัว ต้องเข้มแข็งนะ ต้องอดทนนะ ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ อย่ามาพูดเลยว่าจะอยากได้ มรรค ผล นิพพาน ไม่ได้อยากจริง อยากแต่ปาก อยากแต่เวลามาพูดเอาใจหลวงพ่อนะว่า หนูอยากนิพพาน พูดเอาใจเรา ลับหลังเราไปช็อปปิ้งเพลินเลย ใช่มั้ย ต้องสู้นะ ต้องเด็ดเดี่ยว ไม่มีอะไรสำคัญเท่าอดทนเลย


สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๓
Track: ๑๑
File: 510202.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๕๗ ถึง นาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เรื่องของจิตผู้รู้

เรื่องของจิตผู้รู้

จิตผู้รู้ คือจิตที่ประกอบด้วยสติ มีอุเบกขา มีความตั้งมั่นในการรู้รูปนาม
จิตผู้รู้จะเกิดได้ ๒ กรณีคือ ทำสมถะจนถึงขั้นของฌานที่ ๒
กับเจริญสติตามรู้รูปนาม(กายใจ) จนจิตมีสติ มีอุเบกขา มีความตั้งมั่น
จิตผู้รู้ที่เกิดจากการทำฌาน จะเกิดดับต่อเนื่องได้ยาวนานเป็นชั่วโมง เป็นวัน หลายวัน
ส่วนจิตผู้รู้ที่เกิดจากการตามรู้รูปนาม จะเกิดขึ้นและตั้งอยู่เพียงชั่วขณะ
จึงไม่นิยมเรียกว่าจิตผู้รู้ (มักเรียกว่าจิตมีสติ หรือจิตมีความรู้สึกตัว)
แต่ก็มีคุณสมบัติที่จะสามารถใช้เจริญปัญญาต่อไปได้เช่นกัน

สำหรับจิตที่ผ่านการเจริญสติมาจนเป็นผู้รู้ได้เองบ่อยๆ
ก็จะสามารถดูกายหรือดูจิตได้โดยไม่ต้องคอยฝืนบังคับครับ
(แต่ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดสติในบางครั้ง)
และยังต้องมีความเพียรตามรู้รูปนามอยู่เนืองๆ ครับ


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

mp 3 (for download) : ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

ข้อแตกต่างระหว่างผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็น

หลวงพ่อปราโมทย์: จิตนะมันก็คล้ายๆเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กซนด้วย จิตของทุกคนเป็นเด็กซนๆ นะ เพราะฉะนั้นจิตจะเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลง ทำงานอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราเป็นแบบผู้ใหญ่ใจร้าย เราไปถือไม้เรียวเฝ้าเด็กไว้เนี่ย เด็กก็ตัวแข็งๆ ไม่กล้ากระดุกกระดิก เด็กก็ผิดธรรมชาติแล้ว เด็กไม่กล้าเคลื่อนไหว

จิตนี้เหมือนกัน ถ้าเราไปนั่งเพ่ง นั่งจ้อง นะ จิตก็จะนิ่ง ไม่กล้าเคลื่อนไหว ไม่กล้ากระดุกกระดิก เพราะฉะนั้นเราอย่าไปเพ่งมัน ปล่อยให้มันทำงานเป็นอิสระเลย แล้วมีสติตามดู ผู้ปฏิบัติกับคนปฏิบัติไม่เป็นเนี่ย ต่างกันนิดเดียว เด็กๆที่ปฏิบัติไม่เป็นนะ จิตมันเดี๋ยวก็แกว่งขึ้น เดี๋ยวก็แกว่งลง เดี๋ยวสุข เดี๋ยวทุกข์ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ตลอดเวลา จิตมันเป็นอย่างนั้นเอง เป็นธรรมชาติ เจอสิ่งนี้มันดีใจ เจอสิ่งนี้มันไม่พอใจนะ เปลี่ยนแปลงไป

แต่ว่าเด็กนั้นอารมณ์มันเปลี่ยนแปลงนะ แต่มันไม่รู้ นะ มันไม่รู้ มันมัวแต่หลงออกไปภายนอก ผู้ปฏิบัติต่างจากเด็กนิดเดียว ตรงที่ว่าเรารู้ทัน จิตเราโลภขึ้นมาเรารู้ทัน จิตเราโกรธขึ้นมาเรารู้ทัน จิตเราหลงขึ้นมารู้ทัน จิตฟุ้งซ่าน จิตหดหู่ จิตสงสัย จิตเป็นอย่างไรคอยรู้ทันไปเรื่อยๆ แต่ว่าปล่อยจิตให้มันทำงานไปอย่างอิสระนะ เหมือนเราเป็นเด็กๆ ปล่อยจิตมันให้ทำงานไป เหมือนจิตใจของเด็กธรรมดานั่นเอง

นี่ฝึกไปอย่างนี้ ง่ายๆ เราก็จะได้เห็นความจริง ว่าจิตนี้เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา นี่คือ “ไม่เที่ยง” นะ จิตนั้นทนอยู่ในสภาวะอันใดอันหนึ่งไม่ได้ เช่นสุขก็สุขไม่นานนะ ทุกข์ก็ทุกข์ได้ชั่วคราว เนี่ยเรียกว่ามันเป็น “ทุกขัง” มันทนอยู่ไม่ได้ มันถูกบีบคั้นตลอดเวลา จิตนี้นะ เราสั่งมันไม่ได้ มันจะสุข มันจะทุกข์ มันจะดี จะชั่ว เราสั่งมันไม่ได้ นี่เรียกว่า “อนัตตา”

เราดูของจริงนะ เราจะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดูในกาย ดูในจิตนะ ดูไปเรื่อยๆ ดูเขาทำงานไปเรื่อย อย่าไปบังคับเขา ถ้าเราลืมดู เรียกว่า “หลงไป” นะ ใช้ไม่ได้ ถ้าเราไปเพ่งกายเพ่งจิต มันก็นิ่งๆ ไม่เห็นความจริง ก็ใช้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้เรารู้เล่นๆ

เพราะฉะนั้น เด็กๆ เนี่ย จิตใจมันจะเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลง มันอยากจะวิ่งมันก็วิ่งนะ ร่างกายมันก็เคลื่อนไหวไป หกล้มขึ้นมา มันเจ็บมันก็ร้องไห้ มันไม่ได้มีมารยา นะ ของเราถ้าหกล้มใช่มั้ย เราเจ็บเนี้ยไม่เท่าไหร่ แต่อายมากกว่า เห็นมั้ย เด็กไม่อาย รู้สึกมั้ย แต่หลวงพ่อไม่ได้สอนให้พวกเราหน้าด้านนะ แต่เทียบให้ฟังน่ะ อย่างเด็กหกล้มเนี่ย เด็กเจ็บ แต่ของเราเนี่ยอาย ใช่มั้ย เจ็บด้วย แล้วอายด้วย นี่บวกมารยาเข้าไป นะ ถ้าเรามีใจอย่างเด็กๆ นะ ใจซื่อๆ ความรู้สึกใดๆ เกิดขึ้น ก็มีสติรู้ทันนะ ต่างกับเด็กตรงที่เด็กมันไม่รู้เท่านั้นเอง

แต่เด็กบางคนรู้นะ หลวงพ่อตอนอายุสิบขวบ ไฟไหม้ข้างบ้าน ตกใจ วิ่งจะไปบอกพ่อ วิ่งไป ตึ๊บ ตึ๊บ ตึ๊บ วิ่งไปสามก้าวเท่านั้น มันไปเห็นจิตที่ตกใจเข้า ความตกใจมันดับลงตรงนั้นเลย นะ มันตื่นขึ้นมา เพราะฉะนั้นเด็กบางคนมันก็เป็นเหมือนกันนะ ทีนี้พวกเรานะ ปล่อย..ให้กายให้ใจเขาทำงาน ให้เขาเคลื่อนไหว ให้เขาเปลี่ยนแปลงแล้วเราตามดู

ผู้ปฏิบัติไปพลาดตรงไหน พลาดตรงที่ไปทำลายหัวใจของเด็กๆ เสียนะ เป็นหัวใจที่เต็มไปด้วยมารยานะ เรากดข่ม บังคับตัวเองสารพัดเลยนะ จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน ก็ไม่เป็นธรรมชาตินะ ใจเราจะมีความรู้สึกอะไร เราก็คอยควบคุม คอยบังคับ คอยกดข่ม จนเครียดไปหมดเลย นะ เพราะฉะนั้นเราเต็มไปด้วยความทุกข์ เราสร้างความทุกข์ขึ้นมาเอง เราสร้างความลำบากในกายในใจขึ้นมาเอง

ลองเปลี่ยนซะนะ อย่าไปเพ่งกาย อย่าไปเพ่งใจ อย่าไปกำหนดกาย อย่าไปกำหนดใจ ให้มีสติรู้กาย ให้มีสติรู้ใจ รู้ไปเรื่อยๆ รู้ไปเล่นๆ วันหนึ่งเราจะเห็นความจริงเลย ทั้งกายทั้งใจนี้ เป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตานะ เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มันไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง เห็นแต่สภาวธรรม แต่ไม่มีตัวเรา

เช่น ความโกรธเกิดขึ้น เราเห็นเลย ความโกรธไม่ใช่ตัวเราหรอก เป็นสภาวธรรมที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความโลภเกิดขึ้นก็ไม่ใช่ตัวเรา เป็นแค่สภาวธรรมอย่างหนึ่ง เกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไปหมดเลย ความสุขเกิดขึ้นนี่ เรามีสติรู้อยู่ มีใจตั้งมั่น เห็นเลย ความสุขนั้นเป็นแค่สิ่งที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป เป็นของแปลกปลอมมาชั่วครั้งชั่วคราว ความสุขไม่ใช่ตัวเรา นะ

เราจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาผ่านไปล้วนแต่ไม่ใช่ตัวเรา นี่เราคอยรู้สึกไป รู้สึกไปนะ ในกายนี้ก็มีแต่สภาวธรรม ไม่ใช่ตัวเรา ในจิตก็มีแต่สภาวธรรม ไม่ใช่ตัวเรา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเศก (ศาลาลุงชิน) ครั้งที่ ๒๗
เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕๒
CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๒๗
File: 520215.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๔๑

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Download Now! CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๖ (๔)

ดาวน์โหลดพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

Download Now

Download Now

    uploaded:๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓

  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม วันศุกร์ที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK

*หมายเหตุ THAI-1 กับ THAI-2 เป็น Server คนละเครื่อง แต่ไฟล์สำหรับ Download นั้นเหมือนกันทุกไฟล์

ท่านที่สนใจจะ Download ไฟล์อื่นๆ ท่านสามารถเข้าไป Download ได้ที่หน้า Download

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 41234