Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ความคิดเป็นเหตุ

ความคิดเป็นเหตุ

ถาม : 1. ที่ผมเข้าใจว่าความคิดจะดูเหมือนว่าจะเป็นต้นเหตุของความทุกข์และสุขไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ครับ  ?

ตอบ : ๑. ความคิดเป็นเพียงอารมณ์ที่จิตไปรู้เท่านั้น
จิตที่ไปรู้อารมณ์ (รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์) ใดๆ
ก็จะเกิดการปรุงแต่งตามมาเพราะมีอวิชชาเป็นเหตุครับ
ถ้าละอวิชชาได้ จิตจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
จะคิดอะไร จะกระทบอารมณ์ใดๆ ก็ไม่ปรุงแต่ง ไม่ยึึดถือครับ

ถาม : 2. ความรู้สึกที่มีความร้อนอยู่ในตัวเวลาที่จิตมีความฟุ้งซ่านไม่ทราบเกิดจากสาเหตุใดครับสามารถแก้ไขได้อย่างไรครับ ?

ตอบ : ๒. เป็นอาการตามปกติธรรมดาครับ ไม่ต้องไปดิ้นรนจะแก้ไข
แต่พอรู้ว่ามีอาการนี้ ก็ให้รู้ไปอย่างมีสติ ตั้งมั่น
เพื่อจะหัดดูให้เห็นไตรลักษณ์ของอาการนี้นะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตเคล้ากับความฟุ้งซ่านให้รู้ทัน

mp3 for download : จิตเคล้ากับความฟุ้งซ่านให้รู้ทัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตเคล้ากับความฟุ้งซ่านให้รู้ทัน

จิตเคล้ากับความฟุ้งซ่านให้รู้ทัน

โยม : คือนึกว่าจะไม่ส่งการบ้าน ช่วงนี้เห็นกิเลสไหลมาไหลไป เหมือนน้ำไหลมาไหลไป

หลวงพ่อปราโมทย์ : อยู่บนบกมั้ย หรือว่าอยู่ในน้ำ

โยม : อยู่บนบกค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ.. ต้องอยู่บนบกนะ เราอยู่บนบกนะ เห็นกิเลสไหลมาไหลไป เหมือนเห็นน้ำไหล ตัวเราอยู่บนบก อยู่บนบกคือใจเราเป็นคนดู ดูอยู่ห่างๆ หลงไปคิดนะ หลงไปแล้ว ก็ดีนะพี่ไวย แต่ใจยังฟุ้งซ่านอยู่ คือความฟุ้งซ่านยังครอบงำจิตอยู่ ตอนนี้รู้สึกมั้ย

โยม : ฟุ้ง มันฟุ้งเล็กๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ.. นะ แล้วจิตมันเคล้าอยู่กับความฟุ้ง ให้รู้ทันอีกที จนกระทั่งมันขาดออกจากกัน แต่ว่าขาดเอง ไม่ได้ดึงไว้ ไม่ได้ดึงให้ขาด

เอ้า..เชิญโยมไปทานข้าวไป

นิมนต์เลยครับ นิมนต์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๒๐ ถึง นาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จากอยู่กับผู้รู้ จนถึงทำลายผู้รู้

จากอยู่กับผู้รู้ จนถึงทำลายผู้รู้

การมีผู้รู้ก็เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่ถูกรู้เป็นไตรลักษณ์
ส่วนสภาวะใดไม่อาจแยกผู้รู้กับสิ่งที่ถูกรู้ได้
ก็สามารถพลิกมาหัดดูความเป็นอนัตตาของจิตผู้รู้ได้นะครับ
ส่วนหนึ่งของการอยู่กับผู้รู้ ก็เพื่อจะเห็นความจริงว่า
ผู้รู้เองก็เป็นไตรลักษณ์ ผู้รู้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะยึดถือเอาไว้ได้
และเมื่อวันใดที่ปัญญาแก่รอบ
ความยึดมั่นถือมั่นต่อผู้รู้ก็จะถูกละออกไป
หรือที่เรียกกันว่า ทำลายผู้รู้นั่นเอง
ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนทิ้งผู้รู้ไปในขณะที่ปัญญายังไม่แก่รอบนะครับ
เพราะจะกลายเป็นการทิ้งทางเดินไปสู่ความพ้นทุกข์นั่นเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ฝึกสติเรียนรู้กายเรียนรู้ใจ (คลิป VDO)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยิ่งรีบร้อนยิ่งไม่ได้

mp3 for download : ยิ่งรีบร้อนยิ่งไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ยิ่งรีบร้อนยิ่งไม่ได้

ยิ่งรีบร้อนยิ่งไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ : ภานาอย่าหวังผล ภาวนาให้มุ่งทำเหตุไป การที่เราคอยมีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางนั้น มันเป็นคุณงามความดี ทำไปแล้วก็มีความสุขในปัจจุบันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนถึงผลของมันเลย เราก็รู้ของเราไปทุกวันๆ มันก็มีความสุขน่ะ ไม่ใช่ว่ารู้แล้วทุกข์ทรมานเมื่อไหร่ ถ้ารู้แล้วทุกข์ทรมานแปลว่าทำผิด ถ้าทำถูก จิตเป็นกุศล จิตที่เป็นมหากุศลจิตเนี่ย จะมีเวทนาได้สองอย่างเท่านั้น คือโสมนัสเวทนา มีความสุขผุดขึ้นมา จะมีอุเบกขาเวทนา เป็นกลาง ความเป็นกลางของจิตก็เป็นความสุขนะ บนความเป็นกลางของเวทนาตัวนี้ ก็เป็นความสุขชนิดหนึ่ง เป็นความสุขที่ปราณีตยิ่งกว่าโสมนัสเสียอีก

เพราะจิตที่เป็นกุศลมันมีความสุขอยู่ในตัวของมันเอง การที่เรามีสติรู้กายรู้ใจไปเรื่อยๆนี่เป็นกุศล เรามีความสุขอยู่ทุกวันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนว่าจะต้องบรรลุเมื่อไหร่เลย ยิ่งรีบร้อนยิ่งไม่ได้ จำไว้นะ ทำเหตุไปเรื่อย ผลมันเกิดขึ้นเอง หน้าที่ของเราทำเหตุให้มากๆ มีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางเรื่อยไป วันหนึ่ง เหตุมันสมควรกับผลนะ ผลมันก็เกิดขึ้น ค่อยๆฝึกไป ไม่ยากเท่าที่คิดนะ ไม่ยากหรอก แต่ว่าขี้เกียจไม่ได้นะ ไม่ทำไม่ได้ ทำผิดก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมาเรียนกับหลวงพ่อเนี่ย สิ่งที่หลวงพ่อพยายามบอกพวกเราก็คือวิธีทำที่ถูก ให้มีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางนะ นี่บอกวิธีให้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๑๘ ถึง นาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๕๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ ต้องอาศัยรู้เจตสิกอาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ

mp3 for download : ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ ต้องอาศัยรู้เจตสิกอาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ ต้องอาศัยรู้เจตสิกอาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ

ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ ต้องอาศัยรู้เจตสิกอาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นภาวนาไปนะ อย่าไปเพ่งใส่จิต ภาวนาแล้วก็รู้จิตแต่ละดวงๆนะ รู้โดยอาศัยรู้ผ่านเจตสิกบ้าง อาศัยผ่านอายตนะที่จิตมันเกิดดับอยู่บ้าง เราจะเห็นว่าจิตเองก็เกิดดับ ยากมากที่จะเห็นจิตเกิดดับ อาศัยรู้เจตสิก อาศัยรู้ความรับรู้ทางอายตนะ ก็จะเห็นจิตเกิดดับได้ ถึงวันหนึ่งก็จะแจ้ง จิตมันก็เกิดดับเหมือนกัน จิตก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน จิตก็เป็นทุกข์เหมือนกัน จิตก็เป็นอนัตตาเหมือนกัน

จิตจะเกิดที่ตา หรือเกิดที่หู หรือเกิดที่ใจ เราก็สั่งไม่ได้ ยกตัวอย่างนั่งฟังหลวงพ่อพูด รู้สึกมั้ย บางทีมองหน้าหลวงพ่อ บางทีก็ตั้งใจฟัง บางทีก็สลับไปคิด ฟังไปคิดไปๆ เห็นมั้ยว่าจิตมันฟังบ้างจิตมันคิดบ้าง เลือกได้มั้ย เลือกไม่ได้ เนี่ยดูของจริงลงไปอย่างนี้ เห็นเลยมันเลือกไม่ได้ มันสั่งไม่ได้ จิตมันสุข หรือจิตมันทุกข์ ก็เลือกไม่ได้ใช่มั้ย จิตมันดีหรือจิตมันชั่วก็เลือกไม่ได้ ดูลงไปอย่างนี้ เราจะเห็นว่าแต่ละอันๆ มันเลือกไม่ได้เลย จิตมันเกิดดับ

เนี่ยเฝ้ารู้ลงไปนะ อย่างนี้เรียกว่าเราดูจิตตัวเองอยู่ ไม่ได้ดูลอยๆ เฉยๆ เป็นผู้รู้อยู่เฉยๆ แต่ดูโดยมันร่วมอยู่กับเจตสิก มันร่วมกับอายตนะ ต้องอาศัยสิ่งเหล่านี้มาช่วย ถึงจะเห็นว่าจิตแต่ละดวงนั้นเกิดแล้วดับทั้งสิ้น

เฝ้ารู้เฝ้าดูไปนะ ๗ วัน ๗ เดือน ๗ ปี ดูไปสบายๆ ดูไปเรื่อยๆ วันหนึ่งก็แจ้งขึ้นมานะ จิตไม่ใช่เรา ถ้าจิตไม่ใช่เรา จะไม่มีอะไรเป็นเราอีกแล้ว เพราะในบรรดาขันธ์ ๕ ทั้งหลายเนี่ย กายไม่ใช่เราดูง่ายที่สุดเลย ฝึกกับหลวงพ่อเดือนเดียวก็เริ่มเห็นแล้วว่า กายไม่ใช่เรา ฝึกว่าจิตไม่ใช่เรา ดูกันแรมปีนะ ดูกันไปเรื่อย อย่าไปท้อถอยนะ วันนี้ยังไม่เห็นไม่เป็นไร ดูไปเรื่อย

ต่อมามันจะเริ่มเห็นน่ะ บางวันก็เป็นเรา บางขณะเป็นเรา บางขณะไม่เป็นเรา เริ่มเห็นแว้บๆแล้ว ตัวเราเกิดขึ้นชั่วคราวแล้วก็แว้บ..ก็หายไป แต่พอเผลอเมื่อไหร่นะ ก็รู้สึกว่าจิตเป็นเราขึ้นมาอีกนะ ต้องดูไปเรื่อยจนวันหนึ่งเกิดอริยมรรค โสดาปัตติมรรคตัดฉับเข้าให้ หลังจากนั้นจิตไม่เป็นเราอีกแล้ว ไม่มีเงาแห่งความเป็นเราเกิดขึ้นในจิตอีกต่อไป นี่ละแล้วเป็นสมุจฺเฉทปหานฺ* ฝึกเอานะ ฝึกเอา ไม่ได้ยากหรอก ง่ายสุดๆเลย ถูกเขาด่าแล้วโมโห รู้ว่าโมโหไป เห็นจิตมันโมโหไม่ใช่เราโมโห ดูอย่างนี้ เห็นร่างกายมันยืนไม่ใช่เรายืน แต่ไม่ใช่คิดเอานะ

หลวงพ่อพูดให้ฟังเนี่ยไม่ใช่พูดให้คิด แต่พูดนำร่องให้จิตของพวกเรา พวกเราเองมีหน้าที่ฝึกรู้สึกตัวไปเรื่อยๆ อย่าเผลออย่าเพ่ง รู้สึกเรื่อยๆ รู้กายบ้างรู้ใจบ้าง รู้เล่นๆไป เดี๋ยววันหนึ่งจะเห็นเลย ร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอน ไม่ใช่เรายืนเดินนั่งนอน จิตที่สุขที่ทุกข์ที่ดีที่ชั่วไม่ใช่เราดีเราชั่วเราสุขเราทุกข์อะไร เห็นกายเห็นใจมันทำงาน

ที่พูดเนี่ยพูดนำร่องให้จิตมันฟัง มิใช่พูดให้พวกเราจำใส่สมองนะ จำใส่สมองไปแล้วกิเลสจะเอาไปกินหมดเลย พูดให้ฟังเล่นๆไปอย่างนั้นไม่ต้องซีเรียส ให้หัดมีสติรู้กายรู้ใจของเราไปเรื่อยๆ ดูมันทำงานไป ดูกายดูใจไป แล้วจิตที่มันเคยได้ยินธรรมะนำร่องไว้อย่างนี้ เดี๋ยววันหนึ่งมันจะเฉลียวมาเห็นเอง มันเฉลียวนะ ไม่ใช่ฉลาด มันเฉลียวมาเห็นเองว่า กายนี้ที่กำลังเคลื่อนไหวไม่ใช่เราหรอก จิตที่กำลังทำงานอยู่นี้ไม่ใช่เรา มันเห็นเองนะ

พวกเราก็มีหน้าที่รู้สึกตัว รู้กายรู้ใจ ไม่ลืมมันนาน ไม่เพ่งมันไว้ รู้สึกไป ส่วนธรรมะนี้หลวงพ่อก็พูดนำร่องให้จิตมันรู้ไว้นะ เดี๋ยววันหนึ่งมันจะเห็นด้วยตัวของเราเอง

เอ้า.. เชิญไปทานข้าว นิมนต์เลยครับ

*สมุจเฉทปหาน การละกิเลสได้โดยเด็ดขาดด้วยอริยมรรค
อ้างอิงจาก : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520418.mp3
ลำดับที่ ๑
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ความรู้สึกเหมือนอยู่ในตัวหุ่นยนต์

ความรู้สึกเหมือนอยู่ในตัวหุ่นยนต์

ถาม : คือเมื่อมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในตัวหุ่นยนต์ หรือ เหมือนไม่ใช่ตัวของเรา อย่างที่เคยรู้สึก อย่างนี้คือ เกิดปัญญาหรือ กำลังเดินปัญญาอยู่ใช่มั๊ยครับ?? ถ้าอย่างนั้นจากจุดนี้ต้องฝึกอย่างไร และจากจุดจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างตามลำดับครับ??

ตอบ : ที่รู้สึกว่าเหมือนอยู่ในตัวหุ่นยนต์ เป็นเพราะจิตมีสติตั้งมั่น
รู้ว่ากายเป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้ ซึ่งก็คือจิตกำลังเจริญปัญญา
มาถึงตรงนี้ก็ฝึกต่อไปเหมือนที่ฝึกมานั่นแหละครับ
ส่วนที่ถามว่าจากจุดนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
อันนี้ไม่ต้องไปคิดถึงล่วงหน้าเลยครับ
ให้มีสติรู้สภาวะที่กำลังปรากฏ ณ ปัจจุบันไปเท่านั้นนะครับ

โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีปัญญาดีคือเข้าใจอริยสัจจ์

mp3 for download : มีปัญญาดีคือเข้าใจอริยสัจจ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

มีปัญญาดีคือเข้าใจอริยสัจจ์

มีปัญญาดีคือเข้าใจอริยสัจจ์

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตัวสำคัญคือมีสติไว้ พอมีสติจิตเป็นกุศล จิตที่เป็นกุศลนะมันสว่าง แล้วถ้าเป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญานี้จะสว่างมาก ท่านถึงบอกว่า แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี พระอริยเจ้าทั้งหลายนี้แสงมาก เคยฟังสวดมนต์ของสวนโมกข์มั้ย บอกว่า พระอริยเจ้ามีปัญญาดี มีปัญญาดีคือท่านเข้าใจอริยสัจจ์ พวกเราภาวนาเนี่ย วันหนึ่งจะเข้าใจอริยสัจจ์ เรียกว่ามีปัญญาดี ตอนนี้ปัญญายังไม่ดีนะ ยังไม่เห็นอริยสัจจ์

ปัญญาก็เป็นชั้นๆนะ ปัญญาเป็นขั้นๆไป สมาธิก็เป็นขั้นๆไป ยกตัวอย่างปุถุชนนะ ศีลนี่น้อย ปุถุชนที่มีศีลนี่มีน้อย สมาธิก็ไม่ค่อยมี ปัญญาก็ไม่มี พอได้เป็นพระโสดาบันนะ มีศีลบริบูรณ์ มีสมาธิเล็กน้อย มีปัญญาเล็กน้อย ดูสิขนาดพระโสดาบันยังบอกว่ามีปัญญาเล็กน้อยเลย ปัญญาเล็กน้อยของพระโสดาบันก็คือ ท่านเห็นความจริงว่าตัวเราไม่มี ของเรายังเห็นว่ามีตัวเรา รู้สึกมั้ย เพราะฉะนั้นพูดซื่อๆว่าไม่มีปัญญา พูดตรงๆก็คือ ยังไม่มีปัญญา ถ้าเป็นพระโสดาบันเนี่ยมีปัญญาเล็กน้อย คือ เห็นความจริงแล้วตัวเราไม่มี

พอได้พระสกทาคาฯนะ ก็มีศีลบริบูรณ์ มีสมาธิปานกลาง มีปัญญาเล็กน้อย สมาธิปานกลางหมายถึงใจจะตั้งมั่น ไม่แฉลบซ้ายแฉลบขวา ใจของพวกเรารู้สึกมั้ยแฉลบตลอดเวลา วับ วับ วับ วับ วับ ตลอดเวลานะ ใจเราไม่มีคำว่าตั้งมั่น ทำสมาธิก็ตั้งขึ้นมาได้ด้วยการเพ่งเอาไว้ แต่ที่จะตั้งด้วยตัวเองมันไม่ตั้ง มันแฉลบตลอดเวลา กระทั่งพระโสดาฯยังแฉลบเลย พระสกทาคาฯนี่ใจมีสมาธิปานกลาง หมายถึงว่ามันตั้งมั่นอยู่ได้ โดยที่ไม่ได้บังคับ ไม่ได้ประคอง ยกตัวอย่างเวลาหลงไปนะ จะหลงสั้น ไหลแว้บไปก็รู้สึกแล้ว แล้วใจก็จะตั้งมั่นขึ้นมา ไหลแว้บก็รู้สึกแล้ว ใจก็ตั้งมั่นขึ้นมา เวลาของความตั้งมั่นมันเยอะ

ของเรานึกออกมั้ย เวลาหลงเยอะ เวลารู้ตัว เวลาตั้งมั่น มีนิดเดียว นึกออกมั้ย หลงทีหนึ่ง ๕ นาที แล้วรู้สึกตัวทีหนึ่ง ๑ แว้บ ใช่มั้ย หลงไป ๓ นาที รู้สึกแว้บหนึ่ง อะไรอย่างนี้ อันนี้พวกภาวนาเก่งแล้วนะ คนภาวนาไม่เป็นมันหลงทั้งวันเลย หลงตั้งแต่ตื่นจนหลับเลย ไม่มีรู้สึกตัวสักแว้บเดียวเลย เพราะฉะนั้นปุถุชนนั้นลำบาก พระพุทธเจ้าถึงบอกว่า คนส่วนใหญ่ตายแล้วไปอบาย เพราะไม่ค่อยมีสติ

ถ้าเป็นพระโสดาฯนะ ศีลบริบูรณ์แล้ว สมาธิเล็กน้อย ปัญญาเล็กน้อย เป็นพระสกทาคาฯก็มีศีลบริบูรณ์ มีสมาธิปานกลาง มีป้ญญาเล็กน้อย ปัญญายังน้อยนะ พระสกทาคาฯ นี่ขนาดสกทาคาฯปัญญายังน้อย แล้วพวกเราล่ะจะขนาดไหน สรุปพวกเรายังไม่ได้มีปัญญานะ

ถ้าได้พระอนาคาฯนะ ท่านบอกว่า มีศีลบริบูรณ์ มีสมาธิบริบูรณ์ มีปัญญาปานกลาง สมาธิของพระอนาคาบริบูรณ์แล้ว เพราะว่าอะไร เพราะว่ากามมันมายั่วไม่ได้แล้ว ท่านเห็นความจริงในกายนี้แจ่มแจ้งเลย กายนี้ทุกข์ล้วนๆเลย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็เป็นตัวทุกข์ล้วนๆเลย รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็เป็นตัวทุกข์นะ ไม่เห็นจะเป็นของดีของวิเศษเลย เพราะฉะนั้นใจท่านไม่ไหลไปในกามคุณอารมณ์ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ใจของท่านตั้งมั่นนะ เพราะใจไม่ไหลไป ใจก็ตั้งมั่นอยู่ โดยไม่ต้องประคองไม่ต้องรักษา อย่างนี้ถือว่ามีสมาธิบริบูรณ์แล้ว

ปัญญาของท่านปานกลาง ปัญญาปานกลางเป็นอย่างไร คือท่านเห็นความจริงแล้วว่า กายนี้มันทุกขฺ์ล้วนๆนะ นี่คือปัญญาปานกลาง พวกเราเห็นกายเป็นทุกข์ล้วนๆมั้ย ไม่เห็นนะ เราเห็นว่ากายนี้เป็นทุกข์บ้าง เป็นสุขบ้าง แถมยังเห็นอีกว่ากายนี้เป็นตัวเรา ใจนี้เป็นตัวเรา เบื้องต้นก็ไม่มีนะ เบื้องกลางก็ไม่มี ตัวปัญญา

ทีนี้พอภาวนาจนสุดขีดเลย ศีลบริบูรณ์ สมาธิบริบูรณ์ ปัญญาบริบูรณ์ เต็มบริบูรณ์ คือ ภูมิของพระอรหันต์ พระอรหันต์มีปัญญาบริบูรณ์ได้อย่างไร ปัญญาบริบูรณ์ของท่าน คือท่านเห็นว่าตัวจิตนี้แหละตัวทุกข์ ท่านหมดความยึดถือจิต เมื่อไม่ยึดถือจิตก็จะไม่ยึดถือสิ่งใดอีกแล้ว เพราะสิ่งที่เรายึดถือเหนียวแน่นที่สุดก็คือตัวจิตนั่นเอง เพราะท่านเห็นจิตเป็นตัวทุกข์ ท่านก็ปล่อยวาง ไม่ยึดถือ มีปัญญาแก่รอบแล้ว เห็นแจ่มแจ้งในขันธ์ ๕ ทั้งรูป ทั้งนาม ทั้งกาย ทั้งใจ ว่าเป็นตัวทุกข์ล้วนๆ นี้เรียกว่ารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง

เมื่อรู้ทุกข์แจ่มแจ้ง ท่านละสมุทัยอัตโนม้ติ ความอยากให้กายให้ใจเป็นสุข ความอยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์ไม่เกิดขึ้นอีก เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ทุกข์แจ่มแจ้งนะ ก็ละสมุทัย เป็นสมุจฺเฉทปหานฺ*เลย ไม่เกิดขึ้นอีกแล้วสมุทัย ละแล้วละเลยนะ

เมื่อสมุทัยถูกละ นิโรธ คือนิพพาน ก็ปรากฎเต็มบริบูรณอยู่ต่อหน้าต่อตา เพราะนิโรธคือความสิ้นตัณหา นิพพานคือความสิ้นตัณหา สิ้นตัณหาได้เพราะรู้ทุกข์แจ่มแจ้ง

*สมุจเฉทปหาน การละกิเลสได้โดยเด็ดขาดด้วยอริยมรรค
อ้างอิงจาก : พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๔๐ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๒๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีง่ายๆ ที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์

วิธีง่ายๆ ที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์

คือ … ยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ แล้วปฏิบัติกายใจให้สมควรกับสถานการณ์นั้นๆ อะไรที่ต้องจัดการไปตามวิธีของโลกก็จัดการไปให้ถูกต้องชอบธรรม อะไรที่แค่รู้แค่ดูกายใจได้ ก็แค่รู้แค่ดูมันไป ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จะรู้ได้อย่างไรว่าจิตทำหรือเราทำ

mp3 for download: mind or me 501130B

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตทำหรือเราทำ

จิตทำหรือเราทำ

โยม : อย่างบางทีเอ่อ..มันมีการกระทำอะไรบางอย่างน่ะครับ แล้วเราจะแยกได้ยังไงว่ามันเป็นเราจงใจทำหรือว่ามันทำของมันเองล่ะครับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราคอยเป็นคนดูไปนะ เหมือนเราดูละครน่ะ เราก็เห็นกายเห็นใจเขาเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่มีเจตนา มีความจงใจขึ้นมา เราไปทำเองนะ ใจมันจะแน่นๆขึ้นมา จะหนักๆแน่นๆ แข็งๆขึ้นมา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แสดงธรรมที่ สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๒
ลำดับที่ ๑๔
ไฟล์ 501130B
นาทีที่ ๒๐ วินาทีที่ ๕๔ ถึงนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ปัญหาจากที่ทำงาน

ปัญหาจากที่ทำงาน

ถาม : ถ้าอยู่ในสังคมทีต้องทำงานมากๆ เรายังอยู่ทางโลกอยู่ เวลาเราทำดีเรา เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ถ้าเราต้องเจอคนที่เขาคิดลบมากๆจะทำไงดี ?

ตอบ : จริงๆ แล้ว ในเมื่อเราทำหน้าที่การงานอย่างมีศีลมีธรรม เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่า ใครเค้าจะคิดยังไงกับความสำเร็จของเราหรอกครับ ใครคิดลบกับเรามากๆ เราก็ทำเป็นไม่ใส่ใจความคิดเค้า ไม่จำเป็นต้องพยายามไปเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดเค้า แล้วก็ปฏิบัติกับเค้าเหมือนปกติทั่วไปนี่แหละครับ ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รู้ด้วยใจ ตายแล้วความรู้นี้ไม่หาย

mp3 for download : รู้ด้วยใจ ตายแล้วความรู้นี้ไม่หาย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รู้ด้วยใจ ตายแล้วความรู้นี้ไม่หาย

รู้ด้วยใจ ตายแล้วความรู้นี้ไม่หาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : จนเข้าถึงความบริสุทธิ์ก็ด้วยปัญญาที่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปของนามนี้แหละ พระพุทธเจ้าจึงบอก บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา ไม่ได้ถึงความบริสุทธิ์ด้วยศีล ไม่ได้ถึงความบริสุทธิ์ด้วยสมาธินะ แต่ถึงความบริสุทธิ์ด้วยปัญญา ลำพังมีศีลนะ ก็บริสุทธิ์บ้าง สกปรกบ้าง มีสมาธิ เดี๋ยวสมาธิก็ยังเสื่อม ให้มีปัญญาเข้าใจ จิตมันเข้าใจนะ ไม่ใช่เราเข้าใจนะ

ยกตัวอย่างเวลาเราฟังธรรมะนะ เราฟังแล้วก็จดนะ จดๆไว้ ท่องๆไว้ เหมือนฟังเลคเชอร์เนี่ย อันนี้เราเข้าใจ สมองมันเข้าใจ แต่ถ้าจิตเข้าใจ มันจะซาบซึ้งเลย ฝังลึกเข้าไปนะ ข้ามภพข้ามชาติ ในความรู้ชนิดนี้

หลวงพ่อมีเพื่อนเป็นนักอภิธรรมเยอะ บางคนก็มาบอกว่าเรียนอภิธรรมมากๆไว้ ชาติหน้าจะได้รู้ธรรมะง่าย มันข้ามภพข้ามชาติ โถ.. โม้ พอสอบเสร็จก็ลืมแล้ว ไม่ทันจะข้ามภพข้ามชาติหรอกนะ เนี่ยจำด้วยสมอง หรือพอแก่หน่อยก็ลืมแล้ว

ไม่เหมือนการภาวนานะ เราเห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง ผุดขึ้นในใจ เห็นความสุข ความทุกข์ ผุดขึ้นมาหายไปๆ เรารู้ของเราอยู่อย่างนี้เรื่อย.. มันรู้ด้วยใจ มันจะฝังเข้าไปในใจ ตายแล้วความรู้นี้ไม่หายนะ สะสมไปอีก ชาติหน้าเราภาวนาง่ายกว่านี้อีก คนที่เขาภาวนาง่ายๆในชีวิตนี้ เพราะเขายากมาก่อน ไม่ใช่อยู่ๆก็บุญพาวาสนาส่งนะ ใส่บาตรมาเยอะ ชาตินี้บรรลุพระอรหันต์ไว ไม่ใช่นะ หรือเคยเจอพระพุทธเจ้า ไปใส่บาตรพระพุทธเจ้า แล้วก็ สา..ธุ นิพฺพาน ปจฺจโย โหตุ ชาตินี้กินๆนอนๆแล้วก็บรรลุ ไม่มีทางหรอก ไม่มีของฟรี ไม่มีของฟลุ้คหรอก

เราทำบุญใส่บาตร ผลคืออะไร เราละความโลภของเรา เมื่อความโลภลดลงก็ภาวนาง่าย ต้องอย่างนี้ถึงจะฉลาด ทำบุญใส่บาตรแล้วหวังว่าจะเกิดปัญญา นี่คนละเรื่องกันเลย เหมือนอยากได้ลูกมะม่วงแล้วไปทำนา อะไรอย่างนี้ ไม่ได้หรอก คนละเรื่องกัน ก็ทำเหตุกับผลให้ตรงกันนะ

อยากให้เกิดปัญญา ก็มีสติรู้กายรู้ใจ ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางไป ส่วนศีลและสมาธิเป็นเครื่องสนับสนุน ทำเหตุกับผลให้พอดีกัน ถามว่าเมื่อไหร่พอดีล่ะ ให้ทำไปเรื่อยๆ มีหน้าที่ก็ทำไปเรื่อย.. คล้ายๆเรากินข้าวนะ เรากินข้าวเรารู้มั้ย เมื่อไหร่จะอิ่ม เรายังไม่รู้ ใช่มั้ย เราค่อยๆกินไปเรื่อยๆ ถึงเวลาหนึ่งมันก็อิ่ม ถามว่าอิ่มของแต่ละคนเท่ากันมั้ย ไม่เท่ากันน่ะ แต่ละคนกินเท่านี้ไม่อิ่มเท่ากัน บางคนต้องกินเยอะๆถึงจะอิ่ม บางคนกินนิดๆหน่อยๆก็อิ่ม บางคนไม่ทันจะกินก็อิ่ม ก็มีนะ พวกกินไม่ลงแล้ว เบื่อ

เราภาวนาไปนะ จนใจเราอิ่ม จนใจเราพอ ใจเราพอแล้วเขาก็ตัดของเขาเอง ไม่มีใครสั่งจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ จำไว้นะ ไม่มีใครทำจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ จิตที่เจริญสติเจริญปัญญาจนแก่รอบนั้นแหละ เขาบรรลุมรรคผลนิพพานของเขาเอง เราสั่งเขาไม่ได้

เพราะฉะนั้นไม่รีบร้อนนะ เราทำเหตุ เราเจริญสติ เจริญปัญญาไปเรื่อย รู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นแล้วก็เป็นกลางเรื่อยไป ทุกอย่างที่ปรากฎขึ้นในกายในใจ คอยรู้เท่าที่รู้ได้ ไม่ใช่รู้ตลอดเวลา รู้ตลอดเวลาไม่ได้เพราะสติไม่ได้เกิดตลอดเวลา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญร่วมบูรณปฎิสังขรณ์สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน

โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

ความเป็นมา

เมื่อประมาณปี พ.ศ. 236 พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จมา ณ ลุมพินี โดยคำแนะนำของพระอุปคุตเถระว่า สถานที่แห่งนี้คือที่ประสูติจากพระครรภ์มารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเป็นหนึ่งในสังเวชนียสถานสี่แห่งที่พระพุทธองค์ทรงรับสั่งกับพระอานนท์ก่อนจะปรินิพพานว่า ให้เป็นสถานที่แทนตัวพระพุทธองค์ภายหลังเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานแล้วสำหรับให้พุทธบริษัทมาสักการะและปลงธรรมสังเวช พระเจ้าอโศกมหาราชจึงทรงให้สร้างเสาหินอโศกและพระสถูปไว้เป็นสัญลักษณ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้รับรู้และมาสักการะบูชาสังเวชนียสถานแห่งนี้ได้อย่างถูกต้อง

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ร้อยปี ลุมพินีก็ถูกปล่อยให้รกร้างมายาวนานเกือบยี่สิบศตวรรษ จนมีการขุดค้นพบเสาหินอโศก เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2438 และเมื่อถึงสมัยกึ่งพุทธกาล ฯพณฯ อูถั่น ชาวพุทธพม่าซึ่งเป็นเลขาธิการองค์การสหประชาชาติตอนนั้น ก็ได้พยายามผลักดันโครงการพัฒนาลุมพินีให้เป็นโครงการขององค์การสหประชาชาติเป็นผลสำเร็จ และได้ตั้งคณะกรรมการระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาลุมพินีขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2513 ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศที่นับถือพุทธศาสนา 13 ประเทศร่วมเป็นกรรมการ โดยมีการทำแผนแม่บทพัฒนาลุมพินีสถานให้เป็นพุทธอุทยานขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่นับหมื่นเอเคอร์ อย่างไรก็ตามกาลเวลาผ่านไปแล้วกว่า 40 ปี จนถึงทุกวันนี้การพัฒนาลุมพินีตามแผนแม่บทที่วางไว้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมากนัก

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ได้มีชาวพุทธจากหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยพยายามจะขออนุญาตบูรณปฏิสังขรณ์ลุมพินีในบริเวณ ” สวนอันศักดิ์สิทธิ์ ” ( Sacred Garden ) ตามแผนแม่บทซึ่งเป็นที่ตั้งเสาหินอโศกและวิหารมายาเทวีมานานนับสิบ ๆ ปี แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตเพราะบริเวณสถานแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นมรดกโลก จนปัจจุบันสถานที่บริเวณดังกล่าวชำรุดทรุดโทรมลงมาก

จนเมื่อคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีโอกาสไปสักการะบูชาลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 ได้เห็นความทรุดโทรมของสังเวชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เช่น ทางเดินบริเวณรอบวิหารมายาเทวีเฉอะแฉะเป็นดินโคลนเวลาฝนตก ลานที่จะนั่งสวดมนต์หรือนั่งเจริญภาวนาก็ไม่มี รวมถึงไม่มีห้องสุขาในบริเวณนั้นด้วยซึ่งจะเป็นปัญหามากสำหรับผู้สูงอายุที่เดินทางมาสักการะบูชา เป็นต้น จึงตั้งจิตอธิษฐานขอทำหน้าที่เป็น “สะพานบุญ” ชักชวนพุทธศาสนิกชนชาวไทยมาร่วมบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติจากพระครรภ์มารดาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และได้ทำเรื่องขออนุญาตบูรณปฏิสังขรณ์บริเวณ “สวนอันศักดิ์สิทธิ์” ของลุมพินี ในนามประธานมูลนิธิไทยพึ่งไทย โดยได้รับการอนุเคราะห์ช่วยติดต่อประสานงานเป็นอย่างดียิ่งจากท่าน เจ้าคุณราชรัตนรังษี (วีรยุทธ วีรยุทโธ) ท่านเอกอัคราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ และ ท่านพระมหาสุพจน์ กิตฺติวณฺโณ ซึ่งหากปราศจากการช่วยเหลือจากทั้ง 3 ท่านการดำเนินการขออนุญาตคงไม่สำเร็จลุล่วงได้

ซึ่งในที่สุดก็ได้รับการตอบอนุญาตจากกองทุนพัฒนาลุมพินี (Lumbini Development Trust หรือ LDT) ให้สามารถดำเนินการบูรณะปรับปรุงบริเวณ “สวนอันศักดิ์สิทธิ์” และได้รับอนุมัติแบบจากคณะกรรมการมรดกโลก เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 (11/01/2011)

ถือเป็นโชคดีของชาวไทยเพราะการบูรณปฏิสังขรณ์ในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่การดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งแรกโดย พระเจ้าอโศกมหาราชเมื่อประมาณ 2,300 ปีก่อน และการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งที่ 2 โดยท่านอู่ถั่น ในนามขององค์กรสหประชาชาติเมื่อ 40 ปีก่อน และในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 รอบ 2554 ปีที่เราชาวไทยจะได้มีโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติจาก LUMBINI DEVELOPMENT TRUST และคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อร่วมถวายเป็นพุทธบูชาในวโรกาสที่พระพุทธศาสนาจะมีอายุครบ 2,600 ปี ในพ.ศ. 2555 ตลอดจนเพื่อร่วมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องวโรกาสมหามงคล 60 ปี ราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

การออกแบบบูรณปฏิสังขรณ์มี อาจารย์วันชัย รวยอารีย์ เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบ อาจารย์อนุสรณ์ ภักดิ์สุขเจริญและผศ.ดร.ไขศรี ภักดิ์สุขเจริญ หัวหน้าภาคภาควิชาการวางแผนภาคและเมืองคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบ โดยมีMR. BASANTA Senior Archaeology Officer ของ Lumbini Development Trust เป็นผู้ร่วมออกแบบ

ทางมูลนิธิจึงได้กราบเรียนเชิญท่านเจ้าคุณราชรัตนรังษี (วีรยุทธ วีรยุทโธ) เป็นที่ปรึกษาโครงการและผู้ควบคุมกำกับโครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยหลังสุดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ได้เดินทางไปประเทศเนปาลเพื่อ ลงนามในบันทึกความเข้าใจในการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติร่วมกับท่านลามะACHARYA KARMA SANGBO SHERPA ตำแหน่ง VICE-CHAIRPERSON ของ LUMBINI DEVELOPMENT TRUST ณ บริเวณหน้าวิหารมายาเทวี และได้วางศิลาฤกษ์ทางเดินรอบวิหารมายาเทวี โดยท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ วีรยุทโธ) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และ ท่าน ส.ส.สมพล เกยุราพันธุ์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2554 ตลอดจนได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงทางเดินเท้าบริเวณรอบวิหารมายาเทวีแล้ว

2. วัตถุประสงค์

2.1 เพื่อบูรณะปรับปรุงสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ตามกรอบการดำเนินงานที่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการกองทุนพัฒนาลุมพินี ( Lumbini Development Trust )

2.2 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

2.3 เพื่อเทิดพระเกียรติ และประกาศเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย ให้ชาวพุทธทั่วโลกได้รับทราบ ในฐานะที่ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นองค์อัครพุทธศาสนูปถัมภก

2.4 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศ ได้มีโอกาสร่วมสร้างบุญกุศลในการบูรณะปรับปรุงสังเวชนียสถานที่มีคุณค่าความสำคัญยิ่งต่อชาวพุทธทั่วโลก ตลอดจนช่วยเสริมสร้างสามัคคีธรรมในหมู่คนไทย ท่ามกลางวิกฤติปัญหาความขัดแย้งแตกแยกในสังคมปัจจุบัน

3. รายละเอียดการบูรณปฎิสังขรณ์

3.1 สร้างทางเดินโดยรอบบริเวณวิหารมายาเทวี

3.2 สร้างลานปฏิบัติธรรม จำนวน 5 ลาน บริเวณหน้าเสาหินอโศก, ต้นมหาโพธิ์ และบริเวณใกล้เคียง

3.3 ขอพระราชทาน”กังหันชัยพัฒนา”มาติดตั้งเพื่อปรับปรุงสภาพน้ำ ณ สระอโนดาต สระน้ำ อันศักดิ์ที่สรงพระวรกายของสิทธัตถะราชกุมาร ภายหลังการประสูติจากพระครรภ์มารดา

3.4 สร้างอาคารเอนกประสงค์ และห้องน้ำสำหรับผู้สักการะ (กำลังรอการอนุมัติแบบจาก LDT.)

3.5 ปรับปรุงถนนทางเข้าสู่บริเวณ “สวนอันศักดิ์สิทธิ์” (Sacred Garden)

3.6 จัดสร้างสวนโดยรอบวิหารมายาเทวี และบริเวณสวนอันศักดิ์สิทธิ์ (Sacred Garden) เพื่อให้สวยงามดุจดั่งเมื่อครั้งพุทธกาลที่พระพุทธเจ้าประสูติ

4. แนวทางดำเนินการ

4.1 ทำเรื่องกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ให้ทรงทราบถึงความเป็นมาของโครงการ ที่คนไทยทั้งประเทศได้มี ส่วนร่วมทำถวายเป็นพระราชกุศลนี้ด้วยสามัคคีธรรม

4.2 ออกแบบแปลนการบูรณะปรับปรุงลุมพินีสถาน ซึ่งเป็นที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ณ ประเทศเนปาล ร่วมกับเจ้าหน้าที่โบราณคดีจากคณะกรรมการกองทุนพัฒนาลุมพินี ( Lumbini Development Trust )

4.3 ขออนุมัติแบบแปลนการบูรณะปรับปรุงจากคณะกรรมการ Lumbini Development Trust และจากคณะกรรมการมรดกโลก

4.4 เมื่ออนุมัติแบบแปลนแล้วคณะกรรมการ Lumbini Development Trust จะเป็นผู้จัดหาผู้รับเหมาก่อสร้าง

โดยวัดไทยลุมพินีจะเป็นผู้อนุมัติการจ่ายเงินและเป็นผู้จ่ายเงินให้แก่ผู้รับเหมารวมทั้งจะเป็นผู้ควบคุมการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งนี้

4.5 ทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ชักชวนให้พุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศ ได้มีส่วนร่วมทำบุญในการบูรณะปรับปรุงสังเวชนียสถาน ที่มีคุณค่าความสำคัญยิ่งต่อชาวพุทธทั่วโลกนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โดยจะมุ่งเน้นที่จำนวนคน ซึ่งมีส่วนร่วมทำบุญคนละเล็กละน้อย ให้ได้ปริมาณคนที่มีส่วนร่วมมากที่สุดเพื่ออาศัยโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งแห่งการเสริมสร้างสามัคคีธรรมในหมู่คนไทย

4.6 เมื่อการบูรณะปรับปรุงเสร็จตามเป้าหมายแล้ว จะจัดตั้งกองทุนถาวรเพื่อไว้ใช้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเช่น การดูแลสวน, ห้องน้ำ ฯลฯ รวมทั้งไว้ใช้ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในอนาคต โดยจะมอบให้วัดไทยลุมพินีโดยท่านเจ้าคุณพระราชรัตนรังษี เป็นผู้ดูแลกองทุนนี้ต่อไป

5. ระยะเวลาดำเนินการ

มีนาคม – ธันวาคม 2554

6. ช่องทางการบริจาคเงิน

1) โอนเงินผ่านธนาคาร ชื่อบัญชี “กองทุนลุมพินีสถาน”

1.1 “กองทุนลุมพินีสถาน” ธนาคาร ไทยพาณิชย์ จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาลาดพร้าวซอย 10 เลขที่ 047-255916-4 หรือเช็คสั่งจ่ายในนาม กองทุนลุมพินีสถานโดยมูลนิธิไทยพึ่งไทย

1.2 ” กองทุนลุมพินีสถาน ” ธนาคารกสิกรไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาประดิษฐ์มนูธรรม เลขที่613-2-10884-4 หรือเช็คสั่งจ่ายในนาม กองทุนลุมพินีสถานโดยมูลนิธิไทยพึ่งไทย

1.3 ” กองทุนลุมพินีสถาน ” ธนาคาร กรุงไทย จำกัด บัญชีออมทรัพย์ สาขาลาดปลาเค้า 41 เลขที่199-0-17327-6หรือเช็คสั่งจ่ายในนาม กองทุนลุมพินีสถานโดยมูลนิธิไทยพึ่งไทย

1.4 ” กองทุนลุมพินีสถาน ” ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์เกษตร บัญชีออมทรัพย์ สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ (อาคาร B) เลขที่บัญชี199-2-03083-3 หรือเช็คสั่งจ่ายในนาม “กองทุนลุมพินีสถานโดยมูลนิธิไทยพึ่งไทย

2) SMS พิมพ์คำว่า LUM ส่งมาที่หมายเลข 4596999 (ครั้งละ 9 บาท)

3) ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่ร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ทุกสาขาทั่วประเทศ

7. ผลที่คาดว่าจะได้รับ

7.1 สังเวชนียสถานที่มีคุณค่าความสำคัญยิ่งต่อชาวพุทธทั่วโลก ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล ได้รับการบูรณะปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่มีส่วนร่วมการทำบุญอย่างกว้างขวาง

7.2 ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสร่วมทำบุญมหากุศลถวายเป็นพุทธบูชา และพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสปีมหามงคล

7.3 สังคมไทยมีบรรยากาศแห่งสามัคคีธรรมมากขึ้น จากกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนร่วมสร้างบุญกุศลในโครงการนี้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในวโรกาสปีมหามงคล

หมายเหตุ ติดต่อสำนักงานกองทุนได้ที่ โทร. 02-971-7575 (ในเวลาราชการ) โทรสาร 02-971-6777

www.lumbinidevelopment.org‏ หรือ www.sudarat.com

โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

โครงการบูรณปฏิสังขรณ์สถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ลุมพินีสถาน ประเทศเนปาล เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสมหามงคล 60 ปีราชาภิเษก และ 84 พรรษามหาราชา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีแก้การกลัวตาย

วิธีแก้การกลัวตาย

ถาม : 1.ถ้าตอนนี้ตัวเราเองกำลังรู้สึกกลัวตายขึ้นมา   จะมีวิธีไหนบ้างคะที่จะทำให้ตัวเราสงบลง   เลิกห่วง เลิกยึดติด

ตอบ : ต้องยอมรับความจริงว่าใครๆ ก็ต้องตาย แล้วหัดดูจิตที่กลัวไปครับ
แต่ไม่ใช่ดูจิตที่กลัวเพื่อให้หายกลัวนะครับ
ต้องดูเพื่อจะดูว่า จิตที่กลัวมันกลัวตลอดเวลามั้ย กลัวถาวรมั้ย
หรือเกิดก็กลัว พอไปสนใจอย่างอื่นก็ลืมไปแล้วว่ากลัว

ถาม : 2.ถ้าตอนเราเป็นมนุษย์เราเคยปฏิบัติธรรม เรียนรู้วิธีการปฏิบัติ  ถ้าเกิดเราตายไปแล้ว ในภพภูมิใหม่เราสามารถปฏิบัติต่อได้หรือไม่ค่ะ

ตอบ : การหัดปฏิบัติธรรมมาก็จะเป็นวาสนาสั่งสมอยู่ที่จิต
เมื่อมีโอกาสมีปัจจัยพอ เช่นอยู่ในภพภูมิที่เหมาะ
จิตก็จะสนใจแล้วกลับมาหัดปฏิบัติธรรมต่อได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มีศีล ต้องมีเจตนางดเว้นการทำบาปทางกายทางวาจา

mp3 for download : มีศีล ต้องมีเจตนางดเว้นการทำบาปทางกายทางวาจา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

มีศีล ต้องมีเจตนางดเว้นการทำบาปทางกายทางวาจา

มีศีล ต้องมีเจตนางดเว้นการทำบาปทางกายทางวาจา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ยกตัวอย่างอยากจะได้ศีล ให้ใจเรามีศีลจริงๆ ต้องมีเจตนางดเว้นการทำบาปอกุศลทางกายทางวาจา ถ้าไม่มีเจตนางดเว้นก็ไม่ได้เรียกว่ามีศีล

ยกตัวอย่างเด็กเล็กๆ เกิดใหม่ๆนะ เป็นชู้กับใครไม่ได้ บอกไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ใช่หรอกนะ มันไม่ประพฤติเพราะไม่มีความสามารถจะประพฤติ หรือแก่งั่กเลยนะ เดินยังไม่ไหวเลย กระย่องกระแย่งนะ มีชู้ไม่ไหว อะไรอย่างนี้ ก็ไม่ได้จัดว่าเป็นศีล

มีศีลหมายถึงว่ามีเจตนาที่จะงดเว้นจริงๆ ถึงมีโอกาสทำก็ไม่ทำ ผลของศีลก็มีอยู่ ท่านก็สอนนะ สีเลนะ สุคติง ยันติ (สีเลน สุคตึ ยนฺติ) ศีลนั้นมีความสุขอยู่เบื้องหน้านะ สีเลนะ โภคะสัมปทา (สีเลน โภค สมฺปทา) มีโภคะ ถือศีลแล้วรวยได้ คนไม่มีศีลไม่รวยง่ายนะ ยกตัวอย่างกินเหล้า ติดยาเสพติด คบคนไม่ดี อะไรพวกนี้นะ หาเจริญยาก ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ลำบาก สีเลนะ นิพพุติง ยันติ (สีเลน นิพฺพุตึ ยนฺติ) ศีลนี้เป็นปัจจัยไปสู่นิพพาน เนี่ย อานิสงส์ของศีลก็มี

เราต้องรักษาศีล ถึงทำผิดได้ก็ไม่ทำนะ ถูกยั่วยวนอย่างไรก็ไม่ทำผิด อย่างนี้เรียกว่ามีศีล ถ้าเรามีศีลเราจะงดงามนะ มีความงามในตัวเอง มีความน่าเชื่อถือ มีเครดิต คนไม่มีศีลไม่มีเครดิต พอไม่มีเครดิต พอไม่ได้รับความเชื่อถือนะ โอกาสจะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงอะไรนี้ ยาก

เพราะฉะนั้นเราต้องมีเจตนางดเว้น การทำผิดทำบาป ทางกายทางวาจานะ ต้องเจตนางดเว้น ตั้งใจไว้เลย ตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้านะ ตั้งใจไว้ วันนี้จะไม่ทำผิดศีล กลางวันก่อนจะกินข้าวนะ ตั้งใจไว้ วันนี้จะไม่ทำผิดศีลอีก ถ้าตั้งใจอย่างนี้เข้าไปในร้านอาหารบางแห่งไม่ได้ละ จะต้องไปเลือกเอาตัวนี้ๆ อะไรอย่างนี้นะ อย่างนี้ทำไม่ได้ละ ก่อนจะนอนนะ ตั้งใจไว้อีก จะไม่ทำผิดศีล จำเป็นยังไงก่อนจะนอนก็ต้องตั้งใจ เผื่อไม่ได้ตื่น เผื่อนอนหลับไปแล้วไม่ตื่นอีกเลย ไฟครอกตาย หรือเป็นโรคหัวใจวายตาย อย่างน้อยตอนก่อนจะตายได้รักษาศีลไว้แล้ว มีศีลเป็นเครื่องคุ้มครองเรา

ลองตั้งใจรักษาศีลวันละ ๓ ครั้งนะ ก่อนอาหาร แถมอีกครั้งหนึ่ง ก่อนนอน ถ้าตั้งใจอย่างนี้นะ ใจเราจะเคล้าเคลียในธรรมะง่ายขึ้น มันจะมีกำลังนะ ทำให้เราไปสู่มรรคผลนิพพานได้ง่าย ถ้าทุศีลเสียอย่างหนึ่ง อย่ามาอวดเรื่องสมาธิเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530425A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๒๔ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิปัสสนาแท้ๆ ต้องเห็นสันตติขาด หรือ ฆนะแตก

mp 3 (for download) : วิปัสสนาแท้ๆ ต้องเห็นสันตติขาด หรือ ฆนะแตก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: รู้กายรู้ใจแล้วต้องเห็นไตรลักษณ์ ถ้าไม่เห็นไตรลักษณ์ อาศัยสัญญาลงไปหมายรู้ ดูลงที่กาย ในมุมอะไรที่เหมาะกับการดูกาย ในมุมของความเป็นทุกข์ กายนี้มีแต่ทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลานะ อย่าไปมองมุมของกายในแง่อนิจจัง ดูยาก เพราะอายุของกายมันยาวกว่าจิต กายมันอายุยืนกว่าจิต รูปอายุยืนกว่านาม

เพราะฉะนั้นดูความเป็นทุกข์ของมัน กายนี้มีแต่ทุกข์บีบคั้นอยู่ตลอดเวลา หายใจออกหายใจเข้าเต็มไปด้วยความทุกข์ ไม่หายใจก็ทุกข์ ยืนเดินนั่งนอนเต็มไปด้วยความทุกข์ ดูไปเรื่อยๆ ทำไมต้องเปลี่ยนอิริยาบถ เพราะมันมีความทุกข์บีบคั้นเรื่อยๆ อันนี้เป็นการหมายเข้าไปๆ ยังไม่ใช่ของจริงนะ

หรือมองในมุมของอนัตตา ร่างกายเป็นแค่วัตถุเป็นก้อนธาตุ ไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา เป็นวัตถุ มันเป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้า มีธาตุไหลออก นี่ไปหมายเอา นี่เรียกอนัตสัญญา ไปหมายเอา อันนี้ยังไม่ขึ้นวิปัสสนาแท้ๆ วิปัสสนาแท้ๆไม่ได้เจตนาไปหมายเอา แต่เป็นการนำร่องให้จิตซึ่้งไม่ยอมเดินปัญญานั้นมันรู้จักการเดินปัญญา รู้จักมามองไตรลักษณ์ พอมันมองไตรลักษณ์เป็นแล้ว คราวเนี้ยมันจะเห็นรูปนามนั้นแสดงไตรลักษณ์โดยตัวของมันเอง ไม่ได้มีเจตนา ตรงนี้จะขึ้นวิปัสสนาละ จะเห็นรูปเกิดแล้วก็ดับไป เห็นนามเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เห็นรูปแตกกระจายตัวออกไป นามแตกกระจายตัวออกไป ความเป็นกลุ่มเป็นก้อนของรูปนามแตกออกไป เรียกว่าฆนะ ฆนะ ฆ.ระฆัง น.หนู ฆนะมันแตก

หรือเห็นความเกิดดับ เห็นจิตดวงหนึ่งเกิดขึ้นดับไป มีช่องว่างมาคั่น ดวงหนึ่งเกิดขึ้นดับไป มีช่องว่างมาคั่น อันนี้เรียกว่าสันตติมันขาด ตรงที่ขึ้นวิปัสสนาเนี่ย บางคนเห็นฆนะมันแตก ฆนะไม่ใช่ค.ควายนะ เป็นฆ. ระฆัง ฆนะ ฆ.ระฆัง น. หนู เห็นฆนะมันแตก เห็นสันตติมันขาด

อย่างบางคนภาวนาเห็นมั้ยขันธ์มันกระจายตัวไป ที่หลวงพ่อบอกขันธ์มันกระจายออกไป นั่นคือฆนะมันแตกแล้ว หรือบางคนเห็นว่ามันเกิดแล้วดับวับ แล้วมีช่องว่างมาคั่น เนี่ยสันตติมันขาด ถ้าเห็นอย่างนี้นะ จะรู้เลยว่าตัวตนจริงๆไม่มี

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๕
Track: ๔
File: 510421.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : คำถามเรื่องพระโสดาบัน

ถาม : ผมมีความสงสัยว่าท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เวลาเข้าถึงขั้นพระโสดาบันแล้วจะมีลักษณะจิตอย่างไรครับและจะมีวิธีสังเกตยังไงว่าใช่ครับ คือที่ผมถามเพราะผมตั้งใจว่าชาตินี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ได้ถึงระดับนี้ครับ(แม้อาจจะเป็นสิ่งที่ยากเกินเอื้อมก็ตามครับ) ขอบคุณครับ?

ตอบ : ตามตำราตามหลักธรรมนั้น
พระโสดาบันจะละสังโยชน์ ๓ ได้คือ
ละความเห็นผิดว่ามีตัวตนที่ถาวร (ละสักกายทิฏฐิ)
ละความลังเลสงสัยต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่ามีจริงหรือไม่ (ละวิจิกิจฉา)
และละความเข้าใจผิดการปฏิบัติผิดๆ ที่นอกศีลนอกธรรม
ที่ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ (ละสีลัพพตปรามาส)
ส่วนจะได้จริงหรือไม่นั้น คงมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่บอกได้ถูกจริง
ในยุคสมัยนี้ก็มีบ้างที่อาจรู้แจ้งตัวเองว่า ละอะไรลงได้บ้างแล้ว
และก็มีมากที่เข้าใจผิดว่าละสังโยชน์ ๓ ได้แล้ว ทั้งที่จริงก็ยังละไม่ได้
เพราะฉะนั้นการตั้งเป้าว่าจะภาวนาให้ได้พระโสดาบันนั้น
แม้จะเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องวางใจเป็นกลางให้ได้
การจะได้ไม่ได้ก็อย่าไปยึดถือจนเป็นอุปสรรคต่อการภาวนานะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

mp3 for download : จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

โยม : ครับ หลวงพ่อ เห็นจิตมันไหลไปคิดเร็วขึ้นบ้างครับ

หลวงพ่อ : ดีสิ เห็นมั้ยไหลทั้งวัน แว้บๆๆๆ เนี่ยปุถุชนใช่มั้ย จิตไม่มีสมาธิ ไม่ตั้งมั่น ไหลแว้บๆ แล้วพอกิเลสหลอกนะ ก็ผิดศีลง่าย เพราะฉะนั้นให้เรามีสตินะ เราคอยรู้ ใจไหลแว้บๆคอยรู้ไปเรื่อยๆ สติมันเร็วขึ้นๆ เก๊ารู้สึกมั้ย แล้วใจมันมีแรงมากขึ้น มีกำลัง สมาธินี้ก็ดีขึ้น ใจก็มีแรงมากขึ้น ดีแล้วไปฝึกต่อนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ทำยังไงถึงจะเห็นทุกข์?

ทำยังไงถึงจะเห็นทุกข์?

ต้องมีสติ มีความตั้งมั่นรู้รูปนามอยู่เนืองๆ ครับ จึงจะเห็นทุกข์ได้
แต่ถ้าไม่เห็นทุกข์ แต่สามารถเห็นความไม่เที่ยง ความเกิดดับของรูปนามได้
หรือเห็นความไม่ใช่ตัวตนของรูปนามได้
จิตก็สามารถละความเห็นผิดได้ ละความยึดรูปยึดนามได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

mp3 for download : จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ : จับหลักให้แม่น มันไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่หรอกนะ ดูเรื่องที่ถาม ลองดู แต่ละวันๆคล้ายๆกัน นานๆจะมีใครมาเล่าสภาวะน่าฟัง ภาวนาผิดมันก็เริ่มแต่ไม่ได้มีสตินะ ไม่ได้มีสติจริงๆ เนี่ยก็เพ่งเอาๆ อะไรอย่างนี้ หรือไม่ก็คิดเอาๆ พวกเพ่งเอา พวกคิดเอา ไม่มีวันเข้าใจธรรมะ พวกรู้เอา นี่รู้ บางคนก็ไปรู้แล้วก็ไปจ้อง อะไรอย่างนี้ บางคนรู้แล้วก็เข้าไปแทรกแซง
จับหลักให้แม่นๆ สังเกตใจของตนเองไป การภาวนาของเราตอนนี้เราไปประคองไว้ เราไปแทรกแซง เราไปควบคุมไว้ หรือเราไปเพลินๆ นิ่งๆ ว่างๆ อยู่ในสภาวะอันใดอันหนึ่ง ไม่ได้รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง อะไรอย่างนี้ เราสังเกตของเรา ก็เอาตัวรอดได้

หลวงพ่อเรียนจากครูบาอาจารย์น่ะ ไม่ได้อยู่ใกล้ท่านนะ ครูบาอาจารย์แต่ก่อนอยู่ทางอีสาน กว่าจะไปหาได้ครั้งหนึ่งๆไม่ใช่ง่ายเลย ต้องเก็บวันลาไว้ เป็นข้าราชการ เราต้องเลือกวันที่ดีๆ วันที่มีวันหยุดเยอะๆ จะได้ช่วงมาฆะทีหนึ่ง วิสาขะ อาสาฬหะ ช่วงนี้จะมีวันหยุด แล้วก็วันเฉลิมฯของในหลวง ช่วงวันเฉลิมฯเดือนธันวาเนี่ยจะได้นานหน่อย มีวันที่ ๑๐ อีกวัน เราลาคร่อมไปคร่อมมาก็ได้เยอะ เนี่ยคิดดูนะ เฉลี่ย ๓-๔ เดือน ถึงจะได้ไปหาครูบาอาจารย์ครั้งหนึ่ง ถ้าหลวงพ่อช่างถามเหมือนพวกเราคงตายคาที่เลย ไม่มีใครมาตอบให้นะ

อาศัยอะไร อาศัย “โยนิโสมนสิการ” อาศัยความช่างสังเกตของเรา ว่าที่เราภาวนาอยู่เนี่ย มันถูกหลักที่ครูบาอาจารย์บอกมั้ย ค่อยๆสังเกตเอา สังเกตแล้วเราก็บอกว่า อย่างนี้น่าจะถูกนะ เราก็ลองดู ลองปฏิบัติดู เราคิดว่าทำแบบนี้ดี ลองๆไปหลายๆวัน ทบทวนนะ ทบทวนไปทบทวนมาไม่ใช่ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ หรือว่าอย่างนี้จะดี อะไรอย่างนี้ สุดท้ายก็จะกลับมาหาหลักที่ครูบาอาจารย์บอกให้ ให้มีสติรู้กายรู้ใจ ลงปัจจุบัน ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เมื่อไรทิ้งหลักอันนี้นะ ก็คือ พลาดไปแล้ว ถ้าจับหลักนี้แม่น ไม่ต้องถามใครแล้ว สังเกตเอา จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426B.mp3
ลำดับที่ ๕
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๑๘ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 2 of 41234