Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : คำถามจากนักภาวนาที่บ้าดารา

คำถามจากนักภาวนาที่บ้าดารา

ถาม : เป็นคนที่ชื่นชอบดาราคนนึงอย่างมาก
ขอคำแนะนำด้วยค่ะว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเลิกไร้สาระ เลิกบ้าดาราได้ซะทีค่ะ

อ.สรว : หัดดูจิตที่หลงไปชอบไปหลงบ้าดาราครับ
แล้วพอรู้สึกว่าจิตหลงไปแล้ว ก็ให้กลับมารู้ตัวเองไว้นะครับ

ถาม : พอดูจิตที่มันชื่นชอบเค้า ดูจิตที่อยากรู้อยากดูข่าวคราวของเค้าแล้ว
มันก็ยังชื่นชอบอีก แล้วก็ตามดูละคร ตามดูข่าวคราวของเค้าต่อไป
หนูแก้ยังไงก็ไม่หายค่ะ รู้สึกว่ามันเสียเวลามากเลยค่ะ

อ.สรว : ชอบก็ให้รู้ว่าชอบ อย่าพยายามดูอะไรเพื่อจะให้หายชอบครับ

แล้วพอติดตามดูข่าวดูอะไรไป ก็ให้ย้อนกลับมาดูจิตตัวเองบ่อยๆ ด้วยนะครับ :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระอนาคามียังเห็นว่าจิตเป็นต้วสุข

mp3 for download : พระอนาคามียังเห็นว่าจิตเป็นต้วสุข

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

พระอนาคามียังเห็นว่าจิตเป็นต้วสุข

พระอนาคามียังเห็นว่าจิตเป็นต้วสุข

หลวงพ่อปราโมทย์ : ที่พวกเราทำอยู่ทุกวันนี้นะเรียกว่า “เบื้องต้นแห่งมรรค” ยังไม่ใช่ตัวมรรค เบื้องต้นของมรรค หรือ “บุพภาคมรรค” มรรคในส่วนเบื้องต้น คือการที่หัดเจริญสติรู้กายรู้ใจไป อาศัยการหัดรู้กายรู้ใจเนี่ยก็ค่อยๆเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา แก่รอบขึ้นเป็นลำดับๆไป สุดท้ายก็จะแจ้งเลย ขันธ์ ๕ ทั้งหมดเป็นตัวทุกข์ ขันธ์ ๕ ตัวสุดท้ายนะ ที่ใจยอมรับว่าเป็นตัวทุกข์ก็คือตัวจิต

พระอนาคาฯยังเห็นว่าจิตเป็นตัวสุขอยู่ เพราะอะไร เพราะพระอนาคาฯมีสมาธิบริบูรณ์ จิตตั้งมั่น เด่นดวง เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อยู่ทั้งวันทั้งคืนอย่างนั้นเอง ไม่ต้องรักษาด้วย ก็เลยรู้สึก โอ้..ตรงนี้ดีจังเลย ถ้าเมื่อไหร่ตรงนี้หายไปนะก็เป็นทุกข์ ถ้ายังอยู่กับจิตผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ก็มีความสุข นี่เรียกว่าปัญญาไม่แก่รอบนะ ยังเห็นว่าจิตผู้รู้เป็นตัวสุขอยู่ ถ้าเป็นจิตผู้คิด ผู้นึก ผู้ปรุง ผู้แต่ง ถึงจะเป็นตัวทุกข์ ถ้าปัญญาระดับพระอรหันต์นะ จะเห็นว่า ขันธ์ ๕ ทั้งหมดเป็นตัวทุกข์


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๙ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: หลวงพ่อปราโมทย์มาแสดงธรรมที่ศาลาลุงชิน 20 มี.ค. 54

แจ้งข่าว หลวงพ่อปราโมทย์มาแสดงธรรมที่ศาลาลุงชิน ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2554 นี้ครับ

ตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 10.00 น. ตั้งแต่ครั้งนี้เริ่ม 8.30 น. เป็นต้นไปนะครับ

แนะนำให้มาถึงศาลาก่อน 7.30 น. เพื่อจะได้มีที่นั่งครับ

แผนที่ศาลาลุงชิน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไม่เดินปัญญา

จิตไม่เดินปัญญา

ถาม : ช่วงนี้มีอาการคิดว่ารู้ แต่ไม่มีปัญญา มันไม่รู้สึกดี เป็นมาเป็นเดือนแล้วค่ะ คืออาการเสื่อมใช่ไหมคะ

ตอบ : เป็นแบบรู้เฉยๆ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
หรือไม่เห็นไตรลักษณ์หรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่เสื่อมหรอกครับ
แต่เป็นอาการที่เรียกว่า จิตไม่เดินปัญญา
ก็ให้รู้ไปว่าจิตรู้เฉยๆ ไม่เดินปัญญา
แล้วก็ให้หาอะไรทำที่ทำให้จิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงให้เห็นบ้างครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: รวมบัญชีร่วมบริจาคและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น Update!!!

ขอสรุปข่าวบัญชีร่วมบริจาคและการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น

ช่องทางตอนนี้มี 6 ช่องทาง

1.กระทรวงการต่างประเทศได้เปิดบัญชีรับเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น สำหรับผู้ประสงค์จะบริจาค ที่

ธนาคารกรุงไทย สาขาสามยอด
ชื่อบัญชี: เงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่น

บัญชีออมทรัพย์
เลขที่บัญชี: 002-0-27146-8
============================================

2.บัญชีของช่อง3

ธนาคารกรุงเทพ สาขาเอ็มโพเรียม
ชื่อบัญชี: ครอบครัวข่าว 3 ช่วยเหลือผู้ประสบภัยญี่ปุ่น

บัญชีกระแสรายวัน

เลขที่บัญชี: 096-301-5995

=====================================

3. สภากาชาดไทยเปิดรับบริจาคเงินช่วยสึนามิญี่ปุ่น

ธ.กรุงไทย สาขาสุรวงศ์ กระแสรายวัน 023-606799-0

=====================================

4. บริจาคได้ผ่าน Google Checkout  โดยจะส่งต่อให้กาชาดญี่ปุ่นโดยตรงครับ

http://www.google.com/crisisresponse/japanquake2011.html

=====================================

5. บริจาคผ่านทาง SMS (Dtac , AIS ,True) โดยครอบครัวข่าว 3

=====================================

6. ท่านที่ต้องการร่วมกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวญี่ปุ่น
สามารถร่วมบริจาคเงินผ่าน”มูลนิธินักเรียนทุนรัฐบาลญี่ปุ่น”
โดยพี่พนิดา เหรัญญิกมูลนิธิจะช่วยเป็นธุระรวบรวมให้และนำไปมอบให้กับสถานทูตโดยตรงในวันที่ 23 มี.ค.

ธนาคารทหารไทย สาขาถนนเทพารักษ์ กม. 22
บัญชีกระแสรายวัน 139-1-00411-4
ชื่อบัญชี นางพนิดา ฟูคูฮารา

**** ปิดรับวันที่ 20 มีค 54 ค่ะ ****

ผู้ที่โอนเงินแล้วสามารถแฟกซ์ใบโอนไปที่ 02 705 0992
หรือถ้าไม่สะดวกแฟกซ์จะมาแจ้งชื่อและยอดเงินไว้ที่นี่ก็ได้ค่ะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมตรงได้ที่นี่ค่ะ
=====================================

ติดต่อสื่อสาร คนหาย ขอความช่วยเหลือ แหล่งข่าว ช่องทาง บริจาค

การติดต่อสื่อสาร

TRUEMOVE : ช่วยเหลือคนไทยในญี่ปุ่น รับสายฟรี รับ SMS ฟรี โทรติดต่อ call Center 66891001331 ฟรี ถึง 13 มี.ค

ลูก ค้าทรูมูฟแบบเติมเงินที่อยู่ในญี่ปุ่น ทรูมูฟเติมเงินให้ลูกค้ารายละ 1,000 บาทไว้ใช้งาน รับ SMS ฟรี และโทรติดต่อ call center +66891001331 ฟรีถึง 13 มี.ค

AIS: ส่ง SMS แจ้งให้ลูกค้าที่ใช้บริการข้ามแดนอัตโนมัติ สามารโทรกลับไทยได้ครึ่งราคา และรับสายจากไทยฟรี ตั้งแต่วันนี้ 14 มี.ค. 54 ^^ ในญี่ปุ่นโทรเข้า Call Center ฟรีผ่านเบอร์ +6622719000 ถึงวันที่ 17 มี.ค.54

Dtac: ที่อยู่ญี่ปุ่น โทรกลับเมืองไทยครึ่งราคา รับสายจากเมืองไทยไม่เสียเงิน ถึง 14 มี.ค+++++++++++++++++++++++++++++++++

ติดตามญาติ หรือผู้สูญหาย

1 โดยสถานฑูต

ให้ระบุชื่อและที่อยู่ของญาติไปที่ “สถานทูตไทยโตเกียว” Email: rtetokyo@hotmail.com

2 โดยระบบสืบค้นจากหมายเลขโทรศัพท์

โทรศัพท์ เคลื่อนที่ของญี่ปุ่นได้ให้บริการตรวจสอบบุคคลที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นว่า ปลอดภัยหรือไม่ โดยการพิมพ์หมายเลขโทรศํพท์มือถือของบุคคลนั้นๆ ตามเครือข่ายที่บุคคลนั้นใช้อยู่ดังนี้

- NTT Docomo http://dengon.docomo.ne.jp/Etop.cgi?es=0

- emobile http://dengon.emnet.ne.jp/en/service.do

- Softbank http://dengon.softbank.ne.jp/pc-e1.jsp

- KDDI http://dengon.ezweb.ne.jp/E/service.do

+++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อมูลข่าวสาร

สถานฑูตญี่ปุ่น

TWITTER : @rtetokyo

Facebook: @อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย

เบอร์โทรฉุกเฉิน (สำหรับเราติดต่อสอบถาม หรือแจ้งให้เพื่อนๆที่อยู่ทางนั้นติดต่อกรณีต้องการความช่วยเหลือ)

เบอร์สถานทูตญี่ปุ่น (โตเกียว)(813) 3441-1386

สถานกงสุลใหญ่ในโอซาก้า (816)62629226-9

คนไทยที่ต้องการติดต่อญาติที่ญี่ปุ่น ให้ติดต่อผ่านกรมการกงศุล หมายเลข 02 575 1046 -9 นอกเวลาราชการ 02-643 5000

dtac ลูกค้าที่อยู่ญี่ปุ่น โทรกลับเมืองไทยครึ่งราคา รับสายจากเมืองไทยไม่เสียเงิน ถึง 14 มี.ค เที่ยงคืน

+++++++++++++++++++++++++++++++++

ร่วมบริจาคช่วยผู้ประสบภัย

กท.ต่างประเทศชวนคนไทยบริจาคช่วยเหลือญี่ปุ่น

บัญชี “เงินบริจาคช่วยผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่น”

ธ.กรุงไทย สามยอด

002-0-27146-8

http://bit.ly/fMBYRO

+++++++++++++++++++++++++++++++++

กระทรวงการต่างประเทศเปิดศูนย์รับความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น

ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวประมาณ ๘.๙ ริกเตอร์ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๔ เวลาประมาณ ๑๒.๔๖ น. (เวลาไทย) นั้น

กระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดศูนย์รับความช่วยเหลือแก่ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงินและสิ่งของแก่ผู้ประสบภัยในญี่ปุ่น ดังนี้

๑. ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคสิ่งของ โดยเฉพาะผ้าห่ม สามารถนำมาบริจาคได้ที่กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา หรือกรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๓๐ น. ทุกวันโดยไม่เว้นวันหยุดราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา ๑๒.๐๐ น. ของวันนี้ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป

๒. ผู้ที่ประสงค์จะบริจาคเงิน กระทรวงการต่างประเทศได้เปิดบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารกรุงไทย
สาขาสามยอด ชื่อบัญชี : เงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ญี่ปุ่น เลขที่บัญชี ๐๐๒ ๐ ๒๗๑ ๔๖๘

******************************
๑๒  มีนาคม  ๒๕๕๔

+++++++++++++++++++++++++++++++++

รวมข่าวจากแหล่งต่างๆ

NHK

http://www3.nhk.or.jp/daily/english/12_14.html

ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/oversea/155196

http://www.thairath.co.th/content/oversea/155254

+++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อมูลโดยFacebook: @อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย

และหลายๆแหล่งค่ะ

ถ้ามีข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติมจะเอามาแชร์กันในหน้านี้นะคะ

http://www.facebook.com/notes/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%B6%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%8D%E0%B8%B5%EF%BF%BD%EF%BF%BD/195998723755258

และ Facebook คุณ ตัน ภาสกรนที

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมือง Sendai ประเทศญี่ปุ่น หากญาติผู้ประสบภัยหรือผู้สูญหายต้องการความช่วยเหลือในการประสานงานด้านภาษาญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ เพื่อติตต่อกับหน่วยงานที่ประเทศญี่ปุ่น สามารถติดต่อแจ้งข้อมูล ได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือเหตุการณ์สึนามิฉุกเฉิน บ.ไม่ตัน จำกัด email : online@mai-tan.com หรือแจ้งที่ facebook ของผมhttp://www.facebook.com/tanmaitan ในหัวข้อนี้ได้เลยครับ

รวมถึงศูนย์กลางข้อมูลที่ http://www.facebook.com/event.php?eid=194289643938717

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บริจาค โดยการ กด Like ให้กับ Oishi News Station ผ่าน Facebook http://www.facebook.com/oishigroup?ref=ts

“はい” (Hai) ในภาษาญี่ปุ่นหมายความว่า ใช่ แต่จากนี้ ชาวญี่ปุ่นจะได้รู้จักกับความหมายใหม่
คำว่า “ให้” คือน้ำใจ…จากคนไทยทุกคน

โออิชิ ขอชวนคนไทยมาร่วมกัน “ให้” น้ำใจช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศญี่ปุ่น โดยการ
- โออิชิ ขอร่วมบริจาคเงินรายได้ 5% จากทุกร้านอาหารในเครือ เพื่อให้คนญี่ปุ่นเข้าใจความหมายของคำว่า “ให้” จากคนไทยทุกคน
- กด Like ใน facebook.com/oishigroup ทุก 1 คลิก จะเปลี่ยนเป็น
เงินบริจาค 10 เยน จากเรา
- สมทบทุนผ่านกล่องรับบริจาคหน้าร้าน

นอกจากนั้น

ไทยให้…ญี่ปุ่นได้รับ โออิชิช่วยผู้ประสบภัยญี่ปุ่น (กด Like และ Share ต่อกันเยอะ ๆ นะครับ)

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับ ลานสนทนาคนรักหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงปู่ทวด สำหรับข้อมูล

http://www.prommapanyo.com/smf/index.php

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

mp3 for download : สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

สิ่งทั้งหลาย มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ : ชีวิตจิตใจของเรานะ แต่ก่อนมืดๆมัวๆ แต่มืดมัวมาตลอดเนี่ย ดูไม่รู้หรอกว่ามัว เหมือนเราเป็นตาต้อ สมมุติว่าเราเป็นต้อนะ มองอะไรไม่ชัดมาตั้งหลายปีนะ เราก็รู้สึกว่าชัดดีแล้ว วันไหนไปลอกต้อออกนะ ถึงจะรู้ว่ามันชัดกว่ากันเยอะเลย

ทุกวันนี้คนในโลกมันหลงตลอด มันรู้สภาวะไม่ได้หรอก มันมืดๆมัวๆ จิตใจก็มืดบอดมัว.. แต่วันใดที่ตื่นขึ้นมาก็จะรู้เลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเนี่ยมันมืด พอเราตื่นขึ้นมา เรามีสติ เรารู้เนื้อรู้ตัวขึ้นมา จิตใจเราสว่างไสวขึ้นมา มันรู้ มันตื่น มันเบิกบาน จิตใจเข้าถึงความสงบ เข้าถึงความสะอาด เข้าถึงความสว่างขึ้นมา จิตใจมีความสุขอยู่ในตัวเอง แล้วก็คอยรู้กาย คอยรู้ใจ ของเราเรื่อยไป

เนี่ยถ้าฝึกอย่างถูกต้องนะ ประมาณเดือนเดียว เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ไม่ใช่ฝึกมาสิบปี ยิ่สิบปี ก็ยังเหมือนเดิม ถ้าสิบปี ยี่สิบปี ยังเหมือนเดิมนะ ฝึกผิดแน่นอน หรืออย่างมากที่สุดไปฝึกสมถะ แต่ถ้าฝึกวิปัสสนาจริงๆนะ หัดรู้สภาวะจนสติเกิดเอง ถัดจากนั้น รู้สภาวะทั้งหลายไปด้วยจิตที่มีความตั้งมั่น เป็นกลาง

จิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางก็คือจิตที่ไม่ทำผิดใน ๓ กาล นั้นเอง ก่อนรู้ไม่ได้อยากรู้เที่ยวแสวงหา ระหว่างรู้ไม่ถลำลงไปรู้แต่ตั้งมั่นสักว่ารู้ว่าเห็นอยู่ รู้แล้วไม่แทรกแซง เนี่ยเรียกว่าจิตเราตั้งมั่น เป็นกลาง

ถ้าเรามีสติรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เราจะเห็น ทั้งกายนี้ใจนี้ไม่มีตัวเรา ร่างกายก็เป็นเพียงรูปที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ จิตใจเป็นแค่นามธรรมที่เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่เปลี่ยนแปลงแบบฟลุ้คๆด้วย แต่เปลี่ยนแบบมีเหตุทั้งสิ้นเลย

ยกตัวอย่างเช่น ความโกรธจะเกิดขึ้นไม่ใช่อยู่ๆความโกรธจะเกิดขึ้นเอง ความโกรธต้องมีเหตุนะความโกรธถึงจะเกิด ความโลภก็ต้องมีเหตุความโลภถึงจะเกิด ความหลงก็ต้องมีเหตุของมันความหลงถึงจะเกิด สิ่งทั้งหลายนะ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เราจะเห็นไปเรื่อยๆ เห็นความจริงเลย ทั้งกายทั้งใจนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมานี้เป็นของไม่เที่ยง ทุกอย่างที่เกิดอยู่ก็ทนอยู่ไม่ได้นาน เดี๋ยวก็ดับไป ทุกอย่างที่เกิดนั้นเกิดเพราะเหตุ ไม่ใช่เกิดเพราะเราสั่งนะ คอยดูไปเรื่อยๆเลย เห็นเลยทั้งกายทั้งใจไม่ใช่ตัวเราหรอก มันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นอนัตตาตลอดเวลา

ฝึกมากเข้าๆนะ ใจก็ละความเห็นผิดไป ฝึกไปตั้งนาน.. สิ่งที่เกิดขึ้นคือการละความเห็นผิด เบื้องต้นจะละความเห็นผิดก่อนว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวเรา ละตรงนี้ได้เรียกว่าเป็นพระโสดาบัน จะเห็นแล้วว่าตัวเราจริงๆไม่มีหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๓๓ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: มอบอัฐิหลวงตามหาบัวให้ 25 วัดป่า – บางส่วนมอบให้พระผู้ใหญ่

มอบอัฐิอังคารหลวงตามหาบัวแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมาที่กุฏิวัดป่าบ้าตาด เบื้องต้นแบ่งแจกไปแล้ว 25 วัดป่าที่มีเจดีย์อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังแบ่งให้กับพระผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ ทั้งหลวงปู่บุญมี-หลวงปู่ลี-หลวงปู่แบน

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลา 20.30 คืนที่ผ่านมา (10 มี.ค.) ที่กุฏิหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี คณะพระภิกษุสงฆ์ที่ได้รับความไว้วางใจในการแบ่งอัฐิของหลวงตามหาบัวได้ทำการประชุมและทำการแบ่งอัฐิหลวงตาเพื่อจัดสรรให้กับวัดป่า พระที่เป็นศิษย์ใกล้ชิดและญาติผู้ใกล้ชิด โดยมีศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่งนั่งรอดูอย่างสนใจ

โดยอัฐิอังคารได้แบ่งเก็บไว้เพื่อสร้างเจดีย์ที่วัดป่าบ้านตาด และวัดป่าอื่นที่มีเจดีย์อยู่แล้วอีก 25 วัด พร้อมกับแบ่งให้กับพระผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เช่น หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี , หลวงปู่ลี กุศลธโร วัดถ้ำภูผาแดง, หลวงปู่แบน ธนกโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร และให้พระที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงตา ที่เคยจำพรรษาในวัดบ้านตาด และวัดที่มีการช่วยเหลืองานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงแก่สรีระหลวงตามหาบัว

อย่างไรก็ตามวัดที่ยังไม่ได้รับแบ่งอัฐิอังคารของหลวงตาบัวไปในคืนที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้ยืนคำร้องขอรับอัฐิอังคารได้ที่ศาลาการเปรียญในวัดป่าบ้านตาดเพิ่มเติม จากนั้นคณะสงฆ์จะได้ทำการพิจารณาต่อไป

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000031573

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ลิขิตจากหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ของดรับกิจนิมนต์

ลิขิตจากหลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ของดรับกิจนิมนต์ ดังมีข้อความว่า…

ณ เวลานี้หลวงพ่อรู้สึกตัวว่า สมควรแล้วที่จะต้องวางภาระการงาน สุขภาพร่างกายไม่เหมาะแก่การใช้งาน ขอพึ่งพาหมู่มิตรช่วยเป็นภาระแทนสืบต่อกิจการงานสอนธรรมปฏิบัติธรรมต่อไป กิจนิมนต์ หลวงพ่อของดทั้งหมด กิจใดที่เห็นว่าจำเป็นจะตัดสินใจด้วยตนเอง ด้วยความเหมาะสมกับสุขภาพร่างกายในเวลานี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อผู้อื่น และก็เป็นภาระต่อผู้อื่นมามากแล้ว

ผู้ใดต้องการพบ หรือฟังธรรมปฏิบัติธรรม ขอให้มาที่วัดป่าสุคะโต ต.ท่ามาไฟหวาน อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ สอบถามได้ที่ ๐๙๗ ๓๗๓๕๑๒๔ -๐๘๕๔๙๒๗๗๐๙

หลวงพ่อคำเขียน สุวณฺโณ
๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๔

กราบขอบพระคุณ ท่านพระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต สำหรับข้อมูลครับ _/I\__/I\__/I\_

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

มรรคผลจะเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องพร้อม

mp3 for download : มรรคผลจะเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องพร้อม

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

มรรคผลจะเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องพร้อม

มรรคผลจะเกิด ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องพร้อม

หลวงพ่อปราโมทย์ : เรียนหลักของการปฏิบัติให้แม่นๆนะ เราต้องทำด้วยตัวเอง ชาวพุทธเราไม่มีของฟรีหรอก ไม่มี ทุกอย่างอยู่ในเรื่องของกฎของกรรม ใครทำคนนั้นก็ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้ ทำแบบไหนก็ได้แบบนั้น ทำชั่วก็ได้รับผลของความชั่ว ทำดีก็ได้รับผลของความดี รักษาศีลก็ได้รับผลของศีล ทำทานก็ได้รับผลของทาน ทำสมถะได้ความสุขได้ความสงบ ได้ความดี ทำวิปัสสนาได้ปัญญาเห็นความจริง เพราะฉะนั้นต้องทำให้ตรง

เวลาที่มรรคผลจะเกิดนะ ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องพร้อม เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้พร้อมนะ ท่านบอกกุศลทำให้ถึงพร้อม ไม่ใช่เจริญปัญญาอย่างเดียวแล้วจะบรรลุได้นะ ศีลก็ต้องรักษา สมาธิก็ต้องทำ เพราะฉะนั้นถ้าศีล สมาธิ ปัญญา ไม่พร้อม ไม่มีอริยมรรคเกิดขึ้น ถ้าจะทำก็ต้องทำเหตุ กับผล ให้ตรงกัน อยากได้ผลอย่างนี้ ต้องทำเหตุอย่างนี้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530425A.mp3
ลำดับที่ ๑๒
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๑๕ ถึง นาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: อัฐิหลวงตาบัว สีเขียวมรกต ใส่ผอบพลาสติกใสแจก

โชว์ “อัฐิหลวงตาบัว” สีเขียวมรกต สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ศิษยานุศิษย์ต่างพากันก้มลงกราบ เตรียมแบ่งใส่ผอบพลาสติกใสแจกวัด ส่วนที่เหลือก็จะเก็บใสตู้เซฟไว้ ยอดเงินบริจาคมีจำนวน 436,688,675 บาท ทองคำ 110 กก. 8 บาท 17 สต…

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่ใต้ถุนศาลาการเปรียญวัดป่าเกสรศีลคุณ หรือวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี ได้แจ้งให้คณะสงฆ์ และศิษยานุศิษย์ทราบว่า จะมีการประชุมคณะสงฆ์ ที่กุฏิหลวงตามหาบัว เพื่อประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องจัดแบ่งอัฐิธาตุหลวงตา เพื่อความถูกต้อง และเป็นธรรม ในฐานะที่อาตมาเป็นลูกศิษย์ วันนี้เดินเข้ามาในวัดรู้สึกเย็นในหัวใจ อยากให้หลวงตายังครองธาตุขันธ์อยู่กับพวกเรานานๆ ถึงอย่างไรคำสอนของหลวงตา ยังอยู่ที่จิตใจของเราทุกคน ตอนนี้มีหลวงพ่อสุดใจ ทันตมโน เป็นเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จึงอยากนิมนต์หลวงปู่ลี กุสลธโร วัดภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นลูกศิษย์องค์โตของหลวงตา มาจำพรรษาที่วัดป่าบ้านตาด 1 พรรษา เพื่อเป็นหลักใจให้คณะสงฆ์และศิษยานุศิษย์ ให้หลวงพ่อสุดใจบริหารดูแลปกครองคณะสงฆ์ หลวงปู่ลีเป็นหลักใจ

ต่อมา เวลา 12.30 น. หลังจากประชุมเสร็จ คณะสงฆ์นำโดยหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก พระอาจารย์สุดใจ ทันตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ได้นำอัฐิหลวงตาใส่พาน ออกมาให้คณะสงฆ์และสื่อมวลชนถ่ายภาพ โดยอัฐิวางไว้ในพาน ส่วนอัฐิที่ระบุว่าเป็นฟันจำนวน 4 ซี่ใส่ไว้ในโกศแก้ว พระอาจารย์สุลาน ปภัสโล พระลูกศิษย์ก้นกุฏิ ได้ชี้ไปที่อัฐิสีเขียวมรกตขนาดนิ้วก้อยที่วางปะปนอยู่ในพาน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ศิษยานุศิษย์ต่างพากันก้มลงกราบ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสัสโก เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย อ.นายูง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า คณะสงฆ์ได้มีการประชุม รับฟังความคิดเห็นการแจกจ่ายอัฐิหลวงตามหาบัวสรุปว่า ก่อนจะมีการแบ่งจะต้องกำหนดกติกาว่า ควรจะแบ่งกันอย่างไร เอาใส่อะไร แบ่งกันที่ไหน ใครเป็นผู้รับผิดชอบ ใครแจก แจกอย่างไร ให้ใครบ้าง เถ้าที่เหลือจะทำอย่าไร เก็บรักษาอย่างไร ใครรับผิดชอบ ทำอย่างไรจึงจะสงบ ทั้งหมดก็ดำเนินการได้ทั้งหมด คือมีคณะกรรมการเป็นพระสงฆ์ 5 รูป มีพระอาจารย์สุดใจ ฑันตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด เป็นประธาน อัฐิจะแบ่งเป็น 1. เก็บไว้สร้างเจดีย์ที่วัดบ้านตาด และสถานที่อื่นอย่างเช่นที่ จ.ร้อยเอ็ด 2. ให้พระเถระผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือกัน เช่น หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ วัดป่านาคูณ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี, หลวงปู่ลี กุศลธโร วัดถ้ำภูผาแดง อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี หลวงปู่แบบ ธนกโร วัดดอยธรรมเจดีย์ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร 3. เจดีย์เก่าสร้างมาแล้ว มีความเคารพนับถือหลวงตา ซึ่งมีการขอมา 4.พระในวัดบ้านตาด และ 5. วัดที่มีการช่วยเหลือกันมา ซึ่งพระอาจารย์สุดใจ จะเป็นผู้พิจารณา หากตัดสินใจไม่ได้ก็ให้หารือพระอีก 4 รูป ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีวัดจำนวนเท่าใด

หลวงพ่ออินทร์ถวาย กล่าวต่อว่า อัฐิ และอังคาร สมควรแจกให้วัดที่เคารพหลวงตา จึงจะเห็นคุณค่า เมื่อพิจารณาแล้วจะแจ้งให้ทราบ เดินทางมารับที่วัดป่าบ้านตาด อยู่ต่างประเทศก็ต้องมารับ จะไม่ส่งไปให้ทางไปรษณีย์เด็ดขาด โดยจะแบ่งให้ตามขนาดวัดใหญ่-เล็ก รวมทั้งสำนักสงฆ์ของพระ ที่เคยจำพรรษากับหลวงตา ทั้งหมดจะบรรจุไว้ใน “ผอบพลาสติกใสแข็ง” ติดชื่อวัด และเจ้าอาวาสไว้ชัดเจน เมื่อแต่ละวัดเอาไปแล้ว จะเอาไปแบ่งให้ลูกวัดอย่างไร ก็เป็นเรื่องของวัดนั้นๆ ให้ไปแล้วจะไม่ให้อีก ส่วนที่เหลือก็จะเก็บใสตู้เซฟไว้

“อาตมาเคยเก็บ และเห็นอัฐิครูอาจารย์มามาก แต่อัฐิของหลวงตามีความแตกต่าง อัฐิของครูอาจารย์อื่นจะเป็นท่อน แต่อัฐิของหลวงตาจะแตกกระจายละเอียดเป็นเม็ดเล็กๆ เหมือนกับเมล็ดข้าวสารกระจายอยู่ทั่ว เหมือนกับว่าหลวงตาต้องการแจกจ่ายให้ทั่ว โดยในวันที่ 11 มี.ค. จะเริ่มแจกจ่ายได้ ไม่มีพิธีการอะไรมากมาย ส่วนเงินทำบุญหลวงตา เงินสดจากตู้บริจาค เงินโอน และเช็ค จากบัญชี 3 ธนาคาร กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงไทย ยอดประจำวันที่ 10 มี.ค. มีจำนวน 436,688,675 บาท ส่วนยอดทองคำ 110 กก.8 บาท 17 สต.”.

อ้างอิง : http://www.thairath.co.th/content/region/154933

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : แจ้งข่าว หลวงปู่ท่อน ญาณธโร อยู่ รพ.วิชัยยุทธ ข้อมูล ณ 10 มี.ค. 54

สวัสดีครับทุกท่าน

ขณะนี้หลวงปู่ท่อน ได้มาถึงกรุงเทพและพำนักที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธแล้ว

ท่านสามารถเข้าพบหลวงปู่ท่อนได้ในช่วงเวลา

ห้าโมงเย็น – สองทุ่ม…

เช็คแล้วครับว่า

9-12 มีนาคม  2554

สามารถเข้ากราบท่านได้

ณ.โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ชั้น ๑๓ ….ตึกเก่า ห้อง1316

ข้อมูล ณ วันที่ 10 มีนาคม 2554

=======

Ps.

กำหนดการที่เหลือรบกวนญาติธรรมทุกท่านupdate กับพยาบาล ward ชั้น13 ;อาคารเก่า

ได้เลยนะครับที่

โรงพยาบาลวิชัยยุทธ: โทรศัพท์:0-2265-7777, 0-2618-6200-20

เวลาโทรเช็คต้องระบุกับพยาบาลนะครับว่าขอต่อ อาคารเก่า ;พยาบาล ward ชั้น13

ที่อยู่:114/4 ถนนเศรษฐศิริ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400

(เวลาหลวงปู่ท่อนมากรุงเทพท่านจะพักที่ร.พ วิชัยยุทธ อาคารเก่า ชั้น 13 เป็นประจำครับ;

อาคารเก่าของร.พ วิชัยยุทธจะอยู่ซอยที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์เก่านะครับ ท่านที่สะดวกมาทางรถไฟฟ้าสามารถนั่งมาลงตรงสถานีอารีย์ได้และนั่งวินมอเตอร์ไซค์ประมาณ20บาทมาได้อย่างง่ายดายครับ ).

==============================

ร่วมสร้างพระมหาเจดีย์หลวงปู่ท่อน ญาณธโร วัดศรีอภัยวัน จังหวัดเลย

http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=1428.0

ขอขอบคุณและโมทนา ลานสนทนาคนรักหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ หลวงปู่ทวด ผู้ให้ข้อมูล

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สติปัฏฐานทำให้เกิดปัญญา

mp3 for download : สติปัฏฐานทำให้เกิดปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สติปัฏฐานทำให้เกิดปัญญา

สติปัฏฐานทำให้เกิดปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทีนี้เราจะทำอย่างไรให้เราจะมีศีลบริบูรณ์ มีสมาธิบริบูรณ์ มีปัญญาบริบูรณ์ ขึ้นมาได้นะ เราต้องหัดเจริญสตินะ ถ้าเจริญสติถูกต้อง ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะเกิดขึ้นมา

สติที่จะทำให้ ศีล สมาธิ ปัญญา เกิดเนี่ย ต้องเป็นสติปัฏฐาน ความจริง ถ้าพูดตรงๆก็คือ สติธรรมดาเนี่ยทำให้มีศีลได้ สติธรรมดาทำให้มีสมาธิได้ แต่สติธรรมดาทำให้เกิดปัญญาไม่ได้ ต้องสติปัฏฐานถึงจะทำให้เกิดปัญญา

ยกตัวอย่าง เรามีสตินะ กิเลสเกิดขึ้นในใจเราคอยรู้ ความโลภ ความโกรธ ความหลง เกิดขึ้น เรารู้ทัน กิเลสครอบงำจิตไม่ได้นะ ศีลมันเกิดขึ้นเอง ยังไม่ทันจะเห็นความเป็นไตรลักษณ์เลย ยังไม่ได้เห็นว่า โลภ โกรธ หลง เป็นไตรลักษณ์เลยนะ แค่รู้ทันมัน มันดับไปเองแล้ว เพราะมีสติเมื่อไหร่นะ อกุศลจะดับทันที เมื่ออกุศลดับไปนะ อกุศลครอบงำจิตไม่ได้ จิตก็ไม่ผิดศีล เห็นมั้ย แค่มีสติธรรมดานี่แหละ ก็ไม่ผิดศีลได้

ยกตัวอย่าง มันเกลียดคนนี้มากเลย เห็นแล้วเกลียดมากเลย มันเกิดรู้ทันว่าเกลียดขึ้นมานะ ยังไม่ทันจะเห็นว่าความเกลียดก็เป็นไตรลักษณ์ จิตที่ไปรู้ความเกลียดก็เป็นไตรลักษณ์ ยังไม่เห็นน่ะ แค่มีสติขึ้นมาความเกลียดก็ดับไป ความเกลียดครอบงำจิตไม่ได้ ก็ไม่ฆ่าเขา ไม่ตีเขา ไม่ด่าเขา อะไรอย่างนี้ ศีลก็มีขึ้นมา

ไปเห็นของคนอื่น สวยๆงามๆ ใจมันอยากได้ เกิดรู้ทันว่าอยากได้ เนี่ยยังไม่ทันมีปัญญาเห็นไตรลักษณ์เลยว่า ความอยากก็เป็นไตรลักษณ์ จิตที่รู้จิตที่มีความอยากขึ้นมา ก็เป็นไตรลักษณ์ อะไรอย่างนี้ สิ่งที่เราไปอยากเข้าก็เป็นไตรลักษณ์ ยังไม่เห็นหรอก แค่มีสติขึ้นมานะ เห็นใจมันอยาก ความอยากก็ดับไปแล้ว

ทำไมมันดับได้เอง เพราะเมื่อไรมีสติเมื่อนั้นจิตเป็นกุศล จิตที่เป็นกุศล ไม่เกิดร่วมกับอกุศล อกุศลต้องดับไปเอง ไม่ต้องทำอะไร มันดับของมันเอง ตรงนี้ยังไม่ถึงขั้นวิปัสสนานะ ถึงขั้นมีสติรู้ทันก็ดับไป

หรือจิตใจของเราแส่ส่าย วิ่งซ้ายวิ่งขวาตลอดเวลา วิ่งร่อนเร่ไปเรื่อย เรามีสติรู้ทันนะ ใจก็ตั้งมั่นขึ้นมา หรือไปกำหนด มีสติไปจับอยู่ในอารมณ์อันเดียวที่มีความสุข จิตจะสงบ จิตของเราปกติร่อนเร่ตลอดเวลา หนีไปหนีมาๆ เรื่อย ทำไมมันหนีได้ล่ะ มันถูกอารมณ์มายั่ว เที่ยวหาความสุข เที่ยวหนีความทุกข์ไปเรื่อย เรารู้ทันๆนะ ใจมันจะตั้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นถ้าเราเห็นใจที่วิ่งไปวิ่งมานะ รู้เฉยๆนะ ใจก็จะตั้ง เพราะคนที่รู้เนี่ย ไม่ได้วิ่ง คนที่วิ่งไม่ได้รู้ จิตดวงที่วิ่งนั้นวิ่งไปแล้ว จิตอีกดวงหนึ่งเป็นคนรู้ ก็แยกออกมา ตัวที่วิ่งก็ดับไป เกิดตัวที่ตั้งมั่น เพราะฉะนั้นมีสตินะใจก็ตั้งมั่น ใจก็สงบได้เอง ยังไม่ได้ขึ้นวิปัสสนาเลย

แต่จะมีสติที่จะใช้ทำวิปัสสนา เดินปัญญา เรียกว่าเจริญปัญญา ต้องเป็นสติปัฏฐาน สติอื่นๆใช้ไม่ได้ มีคนหนึ่งเขียนจดหมายมาเล่าให้หลวงพ่อฟัง เขียนมายาวมากเลย เขียนมายาวมาก ไม่เคยเจอใครเขียนจดหมายมายาวเท่านี้ พอๆกับหนังสือเล่มหนึ่งเล็กๆ อ่านซะเหนื่อยเลย ก็เป็นเรื่องคอยรู้ทันนะ แล้วก็คอยคิดพิจารณา ยกตัวอย่างเห็นร่างกายก็พิจารณาเป็นปฏิกูลเป็นอสุภะ อะไรอย่างนี้ อันนี้ยังคิดอยู่ ยังเจือด้วยการคิดอยู่ ตราบใดที่ยังเจือด้วยการคิดจะไม่ขึ้นวิปัสสนาหรอก

ต้องทำสติปัฏฐานให้เป็นนะ คอยรู้ถึงความมีอยู่ของกาย รู้ถึงความมีอยู่ของใจ แล้วก็รู้ความเป็นจริงของกายของใจ ตามดูมันไปอย่างที่มันเป็น นี่คือการเจริญสติปัฏฐานนะ เบื้องต้นคอยรู้สึกถึงความมีอยู่ของกายของใจ อย่าไปเพ่งใส่มัน แค่รู้สึกถึงความมีอยู่ของกายของใจ รู้สึกไปเรื่อยนะ พอเรารู้สึกบ่อยๆ รู้สึกไปเรื่อยนะ ทีแรกเรารู้สึกจะรู้สึกเป็นจุดๆ แต่ที่เรารู้สึกที่ละจุดๆ ทีละขณะๆ เนี่ย พอมากๆเข้านะ มันจะเริ่มเห็นแล้ว ขณะนี้กับอีกขณะหนึ่ง มันเริ่มไม่เหมือนกัน มันจะเริ่มเห็นสภาวะเนี่ยมันเปลี่ยนๆๆไปเรื่อย

ยกตัวอย่างร่างกายนะ อยู่ตรงนี้ๆๆๆ มันก็เปลี่ยน หายใจออก หายใจเข้า เนี่ยมันเปลี่ยนนะ จิตก็เหมือนกัน จิตมันก็ขยับ ปั๊บๆๆๆ มันเปลี่ยนไปเรื่อย

ยกตัวอย่างความโกรธเกิดขึ้นนะ เห็น พุ่งขึ้นมาปึ๊บๆๆๆ ถึงหน้าแล้ว เรียกว่าเลือดขึ้นหน้า นี่โกรธแรง พอไปเห็น เดี๋ยวมันก็ลง ปุ๊บๆๆๆ เดี๋ยวก็ขึ้นอีก พอคิดอีก ขึ้นอีก พอไปรู้มัน มันก็ลง เราเห็น โอ๊ะ! มันเปลี่ยนแปลงแฮะ มันขึ้นๆลงๆได้เองแฮะ การที่เห็นมันเปลี่ยนแปลงเรียกว่าเห็นอนิจจังนะ เห็นเลยมันไม่คงทนอยู่ที่ใดที่หนึ่งนะ(ไม่คงทนอยู่ในสภาพใดสภาพหนึ่งนะ-ผู้ถอด) เรียกว่าทุกขัง ทนอยู่ไม่ได้ เห็นว่ามันเป็นของมันเอง ถ้าเราคิดขึ้นมานะ โทสะก็เกิด พอไปรู้ทัน ไม่ได้คิดนะแต่ว่ารู้ทัน โทสะก็ดับ พอมีสติโทสะก็ดับ พอมีพยาบาทวิตก*โทสะก็เกิด เห็นมั้ย มันเป็นเองมัน ไม่ใช่เรา

นี่เราเดินปัญญา แต่ไม่ใช่คิดนะ ที่พูดให้ฟังเนี่ย ไปรู้เอา ทีแรกเราจะรู้เป็นจุดๆอย่างนี้ แต่รู้บ่อยๆแล้วเราจะเห็นว่ามันเปลี่ยน ไม่ใช่ดูไม่ให้คลาดสายตานะ บางคนเข้าใจผิด คิดว่าต้องจ้องไม่ให้คลาดสายตา เช่นดูพัดเนี่ย จ้องๆๆ อย่างนี้ไม่ใช่หรอกนะ

เวลาที่สติระลึก มันจะรู้ระลึกตรงนี้ได้แว้บหนึ่ง แล้วมันดับไป มันมาระลึกตรงนี้อีกแว้บหนึ่งแล้วมันดับ ระลึกตรงนี้อีกแว้บแล้วมันดับ มันจะเห็นน่ะว่ารูปแต่ละรูปมันเกิดดับได้ นามธรรมแต่ละอันก็เกิดดับวับๆๆๆไป อย่างนี้เรียกว่าเราเจริญปัญญาแล้ว มีปัญญา เห็นอะไร เห็นไตรลักษณ์

ทำสติปัฏฐาน มีสติรู้กาย มีสติรู้ใจ ใจตั้งมั่นเป็นคนดู เราจะเห็นเลย ทั้งกายทั้งใจ เราเห็นปัจจุบันนะ เป็นขณะๆไป พอเห็นหลายๆอันนะ ต่อๆกันไปเรื่อยนะ ตามรู้เนืองๆ ท่านถึงบอกให้รู้เนืองๆ ไม่ใช่รู้ครั้งเดียว ถ้ารู้ครั้งเดียวไม่พอนะ ต้องรู้เนืองๆ

รู้เนืองๆไม่ใช่ว่า วันนี้โกรธแล้วรู้ พรุ่งนี้โกรธรู้อีก อย่างนั้นไม่ใช่ ถ้าความโกรธผุดขึ้นมาก็รู้ไปๆ เห็นมันดับไปนะ เดี๋ยวตัวอื่นเกิดขึ้นมาแล้วก็รู้..เห็นมันดับไป นี่รู้เนืองๆ แต่ไม่ได้จ้อง ถ้าจ้องเนี่ยรู้แบบไม่ให้คลาดสายตานะ ผิดนะ

*พยาบาทวิตก ความตริตรึกในทางคิดร้ายต่อผู้อื่น, ความคิดนึกในทางขัดเคืองชิงชัง ไม่ประกอบด้วยเมตตา
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๙ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีจัดการกับความเหงา

วิธีจัดการกับความเหงา

จะมีวิธีจัดการกับความเหงาอย่างไรบ้าง
ในกรณีที่เราต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีคู่
เราจะมีอุบายสอนจิตอย่างไรบ้าง ?

ตอบไปว่า…
หัดเจริญสติไปเลยครับ เมื่อจิตย้อนกลับมารู้สึกตัว
(จิตอยู่กับตัวเองได้จนเคยชิน)
จิตที่อยู่กับตัวเองอย่างสติได้
ก็จะมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้
แล้วจะไม่รู้สึกเหงา
แม้ต้องอยู่คนเดียวในวันที่จะตายด้วยซ้ำไป
^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีการเริ่มต้นภาวนาของผู้มาใหม่

mp3 for download : วิธีการเริ่มต้นภาวนาของผู้มาใหม่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะนะ ฟังด้วยการเปิดใจกว้างๆ ทำใจสบายๆ ถ้าฟังด้วยใจที่ปิดกั้นตัวเอง ก็เรียนอะไรใหม่ๆยาก ฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ฟังไปก่อน แล้วค่อยเอาไปพิจารณาดู ไปลองทำดู ยังไม่ต้องเชื่อนะ เชื่อง่ายไม่ฉลาด แต่ถ้าฟังอะไรแล้วไม่เชื่อเลยก็ไม่ฉลาด ใครเขาพูดอะไรให้ฟังพูดธรรมะ หลวงพ่อพูดธรรมะให้ฟัง ก็ฟังไว้ก่อน แล้วเอาไปลองทำดู ทำแล้วเห็นผลอย่างไรนะ เรารู้ด้วยตัวของเราเอง อย่างนี้ค่อยเรียกว่าฉลาดหน่อย ถ้าพูดอะไรแล้วก็เชื่อตลอดเลยก็ไม่ฉลาดหรอก กลายเป็นคนงมงาย ขาดปัญญา พูดอะไรแล้วก็ไม่เชื่อเลย ก็ไม่ฉลาดนะ ฟุ้งซ่าน

เพราะฉะนั้นฟังไว้แล้วเอาไปลองปฏิบัติ ลองดูสิว่าเราจะเจริญสติ เราจะหัดรู้สภาวะไปเรื่อยๆ จนสติที่แท้จริงเกิดขึ้นมา พอสติที่แท้จริงเกิดขึ้นมาแล้วลองดูสิ จิตมันจะเป็นอย่างไร มันเป็นกุศลหรือมันเป็นอกุศล จิตทีเป็นกุศลเป็นอย่างไร จิตที่เป็นอกุศลเป็นอย่างไร ลองดูของเราเอง

เบื้องต้นก็หัดรู้สภาวะไป ลองดู ร่างกายหายใจออกคอยรู้สึก ร่างกายหายใจเข้าคอยรู้สึก ร่างกายยืน ร่างกายเดิน ร่างกายนั่ง ร่างกายนอน คอยรู้สึกไปนะ ร่างกายมีความสุขมีความทุกข์ ก็คอยรู้สึก จิตใจมีความสุขมีความทุกข์ จิตใจเฉยๆ ก็คอยรู้สึก มีเฉยๆเกินขึ้นมาอีกอันหนึ่งนะ จิตใจจะมีราคะหรือไม่มี มีโทสะหรือไม่มี มีโมหะหรือไม่มี ฟุ้งซ่านหรือหดหู่ คอยดูเรื่อยๆไปนะ หัดรู้จักสภาวะแต่ละอย่างๆที่เกิดขึ้นในกายในใจเรื่อยๆไป

ลองไปทำดูนะ แล้วดูสิ หัดรู้สภาวะอย่างนี้แล้วสติจะเกิดหรือไม่เกิด ถ้าหัดรู้สภาวะแล้วสติไม่เกิดนะ ก็หลวงพ่อปราโมทย์โกหกหลอกลวง ถ้าหัดรู้สภาวะสักเดือนหนึ่ง อย่าไปคิดเอานะ ให้รู้สภาวะไม่ใช่ให้คิดเรื่องสภาวะ แล้วก็ไม่ได้ให้เพ่งสภาวะ ไม่ใช่ไปเพ่งร่างกาย เพ่งลมหายใจ เพ่งมือ เพ่งเท้า เพ่งท้อง ให้แค่รู้สึกอยู่ในกาย รู้สึกอยู่ในใจ คอยรู้สึกตัวบ่อยๆ ต่อไปสติมันจะเกิดได้เอง นี่คำท้าพิสูจน์ข้อที่ ๑ ไปหัดรู้สภาวะดูสิว่าสติจะเกิดหรือไม่เกิดนะ

พอสติเกิดแล้วนะ หัดรู้ต่อไปอีก ดูไป ดูด้วยใจที่เป็นกลาง ใจที่เป็นกลางก็คือ ก่อนจะรู้ ไม่ใช่อยากรู้ ให้สภาวะเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยรู้เอา ระหว่างรู้ไม่ถลำลงไปรู้นะ รู้อยู่ห่างๆ เหมือนเรายืนอยู่บนตลิ่ง บนริมแม่น้ำ เราเห็นอะไรต่ออะไรไหลผ่านไปในแม่น้ำ เราดูอยู่ห่างๆ เราอย่ากระโดดลงไปในแม่น้ำ

รู้แล้วก็ไม่เข้าไปแทรกแซงนะ เช่น พอเราเห็นสาวสวยขึ้นมา เราไม่ต้องพยายามจะไม่เห็น เพราะตามันมองเห็น ตามันมองเห็นเราก็รู้นะ พอรู้แล้วจิตเกิดราคะขึ้นมา เห็นสาวสวยเห็นหนุ่มหล่อ จิตเกิดราคะขึ้นมาก็ให้คอยรู้ ไปหัดรู้อย่างนี้เรื่อยๆ อย่าเข้าไปแทรกแซง ไม่ใช่ว่าพอจิตมีราคะขึ้นมาก็หาทางแก้ไข จิตมีโทสะก็หาทางแก้ไข อันนั้นไม่เรียกว่า “รู้ด้วยความเป็นกลาง” แต่เป็นการรู้แล้วยังเข้าไปแทรกแซง เรารู้แล้วจบลงที่รู้ รู้แล้วไม่เข้าไปแทรกแซงนะ เนี่ยพอเรามีสติเกิดแล้วเราก็รู้อันโน้นรู้อันนี้ไป

วิธีรู้ก็คือ รอให้สภาวะเกิดก่อนแล้วค่อยรู้นะ อย่าอยากรู้ อย่าเที่ยวแสวงหาว่าจะดูอะไรดี ให้สติมันระลึกเอง ระหว่างรู้อย่ากระโดดลงไป อย่าถลำลงไปจ้อง ถ้าถลำลงไปมันจะจ้อง มันเป็นการเพ่ง พอรู้แล้วนะ ไม่เข้าไปแทรกแซง อะไรจะเกิดขึ้น จะเป็นความสุขหรือเป็นความทุกข์ จะเป็นกุศลหรือเป็นอกุศล ให้รู้ไปเรื่อยๆด้วยใจที่เป็นกลาง ไม่ใช่ว่าพอความสุขเกิดขึ้นอยากให้อยู่นานๆ กุศลเกิดขึ้นก็อยากให้อยู่นาน หรือพอใจอยากให้เยอะกว่านี้อีก อกุศลเกิดขึ้นอยากให้หายไป ความทุกข์เกิดขึ้นอยากให้ดับไปเร็วๆ อะไรอย่างนี้ อย่างนี้เรียกว่าไม่เป็นกลาง

ถ้าเราไม่เป็นกลางเมื่อไหร่เราจะเข้าไปแทรกแซงนะ เราไม่ได้รู้ตามความเป็นจริงแล้ว แต่จะรู้ไปแล้วก็เข้าไปแทรกแซง เห็นความทุกข์เกิดขึ้นมา พอรู้ว่ามันทุกข์นะ ก็หาทางทำอย่างไรจะให้หาย ภาวนาอยู่ ภาวนายังไม่เป็น ไปบังคับตัวเอง จิตมันแน่นขึ้นมา หาทางทำอย่างไรจิตจะหายแน่นอะไรอย่างนี้ หรือว่าจิตมันจะหลง จิตมันจะต้องคิด จิตมีหน้าที่คิด พอจิตคิดไปเราก็มาคิดต่อ ทำอย่างไรจิตจะไม่คิด หาทางแทรกแซงตลอด ถ้าเราแทรกแซงอยู่ เราจะไม่มีคำว่า “สักว่ารู้” หรอกนะ

ให้เรารู้อย่างที่เขาเป็นนะ ก่อนจะรู้ไม่ต้องอยากรู้ ระหว่างรู้ก็ไม่ต้องอยากรู้ให้ชัดจนถลำลงไปจ้อง รู้แล้วก็ไม่ต้องไปอยากแก้ไข หรืออยากควบคุม รู้แล้วจบลงที่รู้ รู้แล้วสักว่ารู้ เนี่ยใครทำได้อย่างนี้นะ ท้าพิสูจน์ มีสติรู้ทุกสิ่งทุกอย่างในกายในใจด้วยจิตที่เป็นกลาง ไม่เข้าไปแทรกแซง ไม่เผลอไป ไม่เพ่งไว้ นี่เป็นคำท้าพิสูจน์อีกคำหนึ่งนะ ลองดูสิ ทำไปแล้วเราจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในตัวเองมั้ย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๒๑ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรมสวนสันติธรรม (มีนาคม ๒๕๕๔)

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม



หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม

ไม่มีการแสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม


รถตู้โดยกลุ่มธรรมดา.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางกลุ่มธรรมดา.net

รถตู้โดยกลุ่มธรรมทาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รถตู้โดยลุงเมา (คณะเจ้าภาพหลากหลาย) กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รถตู้โดยชมรมพุทธศาสน์ กฟผ. กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น


1. รถตู้โดยกลุ่มธรรมดา.net

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2554 (ดูรายการรถตู้ฟรีโดยเ้จ้าภาพท่านอื่น คลิ้กที่นี่)

วัน เวลา นัดพบ วันที่รับสมัคร
วันเสาร์ที่ 12 มี.ค. 54 5.00 น. ปั๊มปตท. รังสิต 28 ก.พ. – 10 มี.ค. 54
วันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค. 54 5.00 น. ปั๊มปิโตรนาส เจริญนคร 28 ก.พ. – 10 มี.ค. 54
วันเสาร์ที่ 19 มี.ค. 54 5.00 น. ปั๊มเอสโซ่ สถานีอารีย์ 7 – 17 มี.ค. 54
วันอาทิตย์ที่ 27 มี.ค. 54 5.00 น.
5.10 น.
ปั๊มเอสโซ่ บางแค
ปั๊มปตท. พระราม 2
14 – 24 มี.ค. 54

แผนที่
(คลิ้กที่ภาพ เพื่อดูแผนที่ขนาดเต็ม)

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค

ปั๊มปตท.พระราม 2

ปั๊มปตท.พระราม 2


โดยมีรายละเอียดและการสำรองที่นั่ง ดัง นี้
1. กรุณาสำรองที่นั่งภายในวันเวลาที่ รับสมัคร โดยส่งชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนที่นั่งที่ต้องการจองมาที่

    คุณเอ้ หมายเลขโทรศัพท์: 089-445-6269 (เวลา บ่าย 2 ถึง 2 ทุ่ม ทุกวัน)
    คุณดี หมายเลขโทรศัพท์: 089-694-2994
    โดยโทรศัพท์ หรือ ส่งข้อความเท่านั้น กรุณาอย่าฝากข้อความ

2. ทางกลุ่มฯของดรับบริจาคหรือเรี่ยไร สมทบทุนทุกกรณี หากมีการเรี่ยไรจากผู้ให้บริการ จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฯ และทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องสมทบทุนได้ และหากมีกรณีเช่นนี้ขอความกรุณาแจ้งมาทางเมล์ของกลุ่มฯด้วยครับ

3. หากมีปัญหาจากการให้บริการ หรือไม่ได้รับความสะดวกประการใด หรือมีข้อเสนอแนะประการใด กรุณาติดต่อมาที่ van.dhammada.net@gmail.com ได้

4. อนึ่งขอให้ทุกท่านตรงต่อเวลาและใน กรณีที่มีเหตุจำเป็นจะยกเลิกการสำรองที่นั่ง กรุณาแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ผู้อื่นได้ใช้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยครับ


2. รถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รายการรถตู้ฟรีเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปฟังธรรมที่สวนสันติธรรม (ดูรายการรถตู้ฟรีของ Dhammada.net คลิ้กที่นี่)

วันและเวลาออกเดินทาง จุดนัดพบ การสำรองที่นั่ง คณะเจ้าภาพ
5.30 น. อาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน Mc Donald’s ที่ แมกซ์วาลู ศรีนครินทร์
(เปิด 24 ชม.)
ติดต่อ02-717-5111
ที่คุณกบ หรือ
คุณหนิงเท่านั้น
กลุ่มธรรมทาน
5.00 น. อาทิตย์ที่ 1 ของทุกเดือน ปั๊ม ปตท สนามเป้า ข้าง ททบ. 5
ตรงข้าม รพ.พญาไท 2
ติดต่อ ลุงเมา
084-360-6881,
086-780-4368,
086-556-2623
บ้านขนมนันทวัน จ.เพชรบุรี
5.00 น. อาทิตย์ที่ 2 ของทุกเดือน บ.สาลี่เอกชัย จ.สุพรรณบุรี
5.00 น. เสาร์หรืออาทิตย์ที่ 3
ของทุกเดือน
บ.ชัยรัชการ จก.
โตโยต้า บางนา-ตราด กม. 16
5.00 น. อาทิตย์ที่ 4 ของทุกเดือน กลุ่มเพื่อน ทพญ. ยาหยี,
ทพญ. จ๊ะจ๋า
ร.พ.รามาธิบดี
5.00 น. อาทิตย์ที่ 5 ของทุกเดือน (ถ้ามี) คุณสุปรียา (น้อง)
5.00 น. อาทิตย์ที่ 2 ของทุกเดือน ม.เอเชียอาคเนย์ ม.เอเชียอาคเนย์
5.00 น. เสาร์ที่ 2 ของทุกเดือน
(กรุณาสำรองที่นั่ง
ก่อน 12.00 น.ของวันพฤหัสที่ 2 ของเดือน)
หน้าป้อมยาม กฟผ. ถ.จรัญสนิทวงศ์ ติดต่อ คุณใกล้รุ่ง
080-465- 4924
เวลา 9.00-20.00 น.
ทุกวัน หรือ
mdc@egat.co.th
กิจกรรมพัฒนาจิต
อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
ชมรมพุทธศาสน์ กฟผ.

เนื่องจากเป็นการเดินทางของหมู่คณะ ขอให้ทุกท่านตรงต่อเวลา และในกรณีที่มีเหตุจำเป็นจะยกเลิกการสำรองที่นั่ง กรุณาแจ้งยกเลิกล่วงหน้าเพื่อให้ผู้อื่นได้มีโอกาสเดินทางแทน
หมายเหตุ
1. จะไม่มีการเดินทางตามตารางข้างต้นหากวันเดินทางที่กำหนดไว้ตรงกับวันที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรมปิด
2. รอบรถตู้ข้างต้นของดรับบริจาคหรือเรี่ยไร ทุกกรณี หากญาติธรรมมีความประสงค์จะร่วมบุญ กรุณาติดต่อเจ้าภาพโดยตรง หากมีการเรี่ยไรให้ช่วยค่าใช้จ่ายจากคนขับรถตู้ ขอความกรุณาแจ้งมาทาง santi.vangroup@gmail.com
3. หากมีข้อร้องเรียน คำถาม หรือมีข้อเสนอแนะประการใด กรุณาติดต่อมาที่ santi.vangroup@gmail.com หรือ mdc@egat.co.th (ในกรณีที่เป็นรถตู้ของชมรมพุทธศาสน์ กฟผ.)

ขออนุโมทนาคณะเจ้าภาพและญาติธรรมผู้แสวงหาธรรมะทุกท่าน


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้อยู่นอกๆ

รู้อยู่นอกๆ

ถาม : อาการ “รู้อยู่นอกๆ” คืออาการรู้แบบแตะๆนิดนึงแล้วปล่อยไป คืออาการ เข้ามาไม่ถึงใจ”, ” จิตไม่ถึงฐาน”,”จิตไม่ตั้งมั่น” คืออาการครือๆกันใช่ไหมคะ

ตอบ : รู้นอกๆ นี่จะเป็นสภาวะที่จิตขาดความตั้งมั่น
ก็เลยออกไปรู้อารมณ์ที่เบาๆสบายๆ
และไม่เห็นว่าที่เบาๆสบายๆ เป็นสิ่งที่ถูกรู้อยู่
การที่หลวงพ่อบอกให้ย้อนมาดูที่ใจ ก็คือให้กลับมารู้สึกตัว
ให้เห็นจิตที่ไหลไปอยู่ที่ความเบาๆสบายๆ
แล้วจิตจะเกิดความตั้งมั่นขึ้นมา
เห็นความเบาๆสบายเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกรู้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่เจริญสติปัญญาจนแก่รอบ บรรลุมรรคผลนิพพานเอง

mp3 for download : จิตที่เจริญสติปัญญาจนแก่รอบ บรรลุมรรคผลนิพพานเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตที่เจริญสติปัญญาจนแก่รอบ บรรลุมรรคผลนิพพานเอง

จิตที่เจริญสติปัญญาจนแก่รอบ บรรลุมรรคผลนิพพานเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราภาวนาไปนะ จนใจเราอิ่ม ใจเราพอ ใจเราพอแล้วเขาตัดของเขาเอง ไม่มีใครสั่งจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ จำไว้นะ ไม่ใครทำจิตให้บรรลุมรรคผลนิพพานได้ จิตที่เจริญสติเจริญปัญญาจนแก่รอบนั้นแหละ เขาบรรลุมรรคผลนิพพานของเขาเอง เราสั่งเขาไม่ได้

เพราะฉะนั้นไม่รีบร้อนนะ เราทำเหตุ คือเราเจริญสติ เจริญปัญญาไปเรื่อย.. รู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลางเรื่อยไป ทุกอย่างที่ปรากฎขึ้นในกายในใจ คอยรู้เท่าที่รู้ได้ ไม่ใช่รู้ตลอดเวลา รู้ตลอดเวลาไม่ได้ เพราะสติไม่ได้เกิดตลอดเวลา

จิตพวกเราเนี่ย ส่วนใหญ่ที่เกิดคืออกุศลนะ ไม่ใช่สติ นึกออกมั้ย เวลาสติเกิดนะ เกิดแว้บเดียว เวลาหลง หลงนาน หลงตั้ง ๑ นาทีแหน่ะ นี่กับคนเก่งๆนะ คนไม่เก่งภาวนาไม่เป็นนะ หลงตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่มีสติสักแว้บหนึ่งเลย คนในโลกไม่มีสติแท้ๆนะ ถึงมีสติ ก็เป็นสติอย่างโลกๆ ไม่ใช่สติปัฏฐาน ไม่ใช่สติรู้กายรู้ใจ คนที่มีสติรู้กายรู้ใจเนี่ย นับตัวได้เลย เพราะฉะนั้นคนที่บรรลุมรรคผลนิพพานถึงมีน้อยเหลือเกิน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426A.mp3
ลำดับที่ ๔
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๓๔ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : กำหนดอุปสมบทหมู่ วัดมเหยงคณ์ 17 เมย.54

ขอเชิญสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา

ร่วมอุปสมบทหมู่  ณ วัดมเหยงคณ์  ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยาฯ

ในวันอาทิตย์ที่  17 เมย..54

และเก็บตัวเข้ากรรมฐาน  วันเสาร์ที่  23-30 เมษายน 2554

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม,

งานธุรการ  >  035-881601-2

ไวยาวัจกร : คุณสมพงษ์  081-8535669

E-Mail :  nectar299@hotmail.com

ขออนุโมทนาครับ

ขอบคุณ คุณ Eikewsang ห้องศาสนาเวป พันทิพครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: อัศจรรย์อรหันต์บัว โดย โพสต์ทูเดย์

หลวงตามหาบัวผ่านการเห็นความอัศจรรย์ไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ อัศจรรย์ญาณสัมปันโน ไว้เป็นร่องรอยให้ผู้อยู่หลังได้ตระหนักว่า ทำจริง รู้จริง ได้ผลจริง นิพพานมีอยู่ชาตินี้ ไม่ได้อยู่ชาติไหน….

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน บอกชัดๆว่า ท่านจะไม่มาเกิดมาตายอีกแล้ว

หลักพระพุทธศาสนาบ่งชัดไว้ว่า ผู้ที่ยังจมอยู่กับกิเลสย่อมเวียนว่ายตายเกิดร่ำไป เว้นแต่จะเป็นพระอริยบุคคลผู้ถ่ายถอนกิเลสได้เท่านั้นจึงจะหักจากวัฏฏะสงสารไปได้

พระอริยบุคคลในพุทธศาสนา มี 4 ประเภท คือ โสดาบัน สกทาคามี อนาคามี อรหันต์

พระโสดาบัน คือ ผู้ที่จะบรรลุพระนิพพานในเบื้องหน้า ไม่มีเป็นอื่น ถึงยังต้องตายเกิดอีกแต่ก็จะไม่ไปเกิดในนรก หรือ เดียรัจฉานเป็นที่หมาย

พระสกทาคามี แปลว่า ผู้กลับมาเพียงครั้งเดียว หมายถึงกลับมาอีกชาติเดียวก็จะบรรลุพระนิพพาน

พระอนาคามี แปลว่า ผู้ไม่มาเกิดอีก ผู้บรรลุธรรมชั้นนี้จะไม่เกิดเป็นมนุษยอีก หากแต่จะไปเกิดในพรหมโลกแล้วตรัสรู้ในพรหมโลก

พระอรหันต์ คือ บุคคลผู้บรรลุพระนิพพาน เป็นผู้ไม่มาเวียนวายตายเกิดอีกแล้ว

หลวงตามหาบัวไม่มาเกิดมาตายอีกแล้ว

พระเถราจารย์แบ่งพระอรหันต์ ได้ 4 ประเภท เป็นการแบ่งตามคุณวิเศษซึ่งแต่ละรูปมีไม่เหมือนกัน กล่าวคือ เป็นพระอรหันต์เหมือนกันกันเพียงแต่คุณวิเศษของท่านไม่เหมือนกัน

ถามกูเกิลโดยไม่ต้องเปิดพระไตรปิฏกก็ได้ความว่า ประเภทที่หนึ่งคือ พระสุกขวิปัสสก คือ พระอรหันต์ผู้ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป

สอง พระอรหันต์ ผู้ได้วิชชา 3 ได้แก่ 1.ระลึกชาติได้ 2.รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย 3.รู้ทำอาสวะให้สิ้น

สาม พระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6 คือ 1.ตาทิพย์ หยั่งรู้เหตุการณ์ใกล้ไกลได้ 2.ทิพยโสต หูทิพย์ 3.เจโตปริยญาณ ทายใจผู้อื่นได้ 4.แสดงฤทธิ์ได้ 5.บุพเพนิวาสานุสสติญาณ ระลึกชาติได้ 5.อาสวักขยะญาณ รู้ญานที่ทำให้อาสวะสิ้นไป

สี่ พระอรหันต์ผู้บรรลุ ปฏิสัมภิทา 4 คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ

แล้ว ปฏิสัมภิทาญาณ ทั้ง 4 คืออะไร ?

ตัดภาษารุงรังออกไป พูดง่ายๆได้ว่า 1.แตกฉานในอรรถ 2.แตกฉานในธรรม 3.แตกฉานในภาษา 4.แตกฉานในปฏิภาณ

แล้วหลวงตามหาบัวเป็นพระอรหันต์ประเภทใด?

ประเภทใดไม่รู้ แต่ความแตกฉานในอรรถ ในธรรม แสดงโดยถูกต้อง มีปัญญาว่องไว ไหวพริบเฉียบแหลม คมคาย ในการโต้ตอบ คล่องแคล่วชัดแจ้ง ฉับพลันทันที ฯลฯนั้นเป็นที่ประจักษ์แจ้งแก่ใจแก่หมู่มวลสาธุชนทั้งปวง

ก่อนจะประจักษ์แจ้งกันทั่วไป หลายสิบปีมาแล้ว หลวงตาบัวรับนิมนต์ศิษย์ไปกราบรอยพระบาทที่เขาวงพระจันทร์

ท่านว่า พอเดินดุ่มถึงยอดเขาไปเพียงคนเดียว ผู้ดูแลรอยพระบาทก็ยกน้ำร้อนน้ำชามาถวายแล้วมองจ้องหน้าท่านอยู่พักหนึ่ง เขาจ้องดูจนผิดปรกติแล้วขอดูลายมือ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า ท่านอาจารย์ไม่ใช่พระธรรมดา ปากเป็นพุทธะ เป็นคนไม่มีแต่ก็ไม่จน ไม่มีเพราะมีเท่าไหร่ไม่สั่งสม

พระปากเป็นพุทธะรูปนี้เวลาแสดงธรรม จะแจกแจงเป็นหม้อใหญ่ หม้อเล็ก หม้อจิ๋ว ตามกำลังของผู้ฟัง แต่ละหม้อต่างกันอย่างไร ท่านเคยแจกแจงไว้เองว่า ตอนสร้างวัดป่าบ้านตาดก็เทศหม้อเล็กหม้อจิ๋วเป็น “ธรรมะเด็ดๆ” ให้พระเณรที่หลั่งไหลเข้ามา

“จากนั้นมาก็เทศน์แกงหม้อใหญ่สอนประชาชนในเรื่องการช่วยชาติ ก็มีแกงหม้อเล็กแฝงนิดหน่อยๆ ที่มีพระกรรมฐานปฏิบัติมากๆ ไปฟังด้วยแล้วออกละ ธรรมะประเภทนี้ออก แกงหม้อเล็กหม้อจิ๋วจะออกๆ ถ้าธรรมดาแกงหม้อใหญ่ออกทั่วไป เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ฟังตามกำลังของตน ขั้นใดที่ควรจะได้กำลังมากน้องเพียง ธรรมะจะออกรับๆเลย ควรได้ชั้นไหนธรรมะจะออกทันทีๆ ควรจะได้ชั้นไหนก็ต้องออกตามนั้น นี่ละที่ว่าแกงหม้อใหญ่ หม้อเล็ก ห้อจิ๋วเป็นอย่างนั้นเอง…”

แกงหม้อจิ๋วของท่านรสชาติเป็นอย่างไร พระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติชอบหลายรูปพูดไว้ในที่ต่างๆกันแล้ว แต่ในที่นี้จะขอยกมาเพียงหนึ่งคือ หลวงปู่คำดี ปภาโส พระอริยสงฆ์แห่งวัดถ้ำผาปู่ จ.เลย หนึ่งในศิษย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

หลวงปู่คำดี อายุพรรษามากกว่าหลวงตามหาบัว แต่ท่านนับถือ หลวงตามหาบัวว่าเป็น ครูบาอาจารย์ของท่าน

หลวงตามหาบัวว่า พอได้ยิน องคมนตรี เชาว์ ณ ศีลวันต์ นำความหลวงปู่คำดีมาบอกเช่นนั้นท่านว่า “อุ๊ย ทำไมมาพูดอย่างนี้”

หลวงปู่คำดีอรรถาธิบายในเวลาต่อมาว่า เมื่อธรรมเกิดขึ้นในใจ จิตมันค่อยเป็นไปๆแล้วจึงระลึกถึงถ้อยคำของหลวงตามหาบัวเทศน์ให้ฟัง ตอนฟังนั้นพอพูดธรรมะสูงขึ้นไป ธรรมละเอียด ท่านไม่เข้าใจ ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่พอธรรมมันเป็นในใจ

“เวลามันเป็นขึ้นมาๆนี้ ธรรมะที่ท่านมหาพูดนั้น พอมันเป็นขึ้นมาทีไร อันนี้ขึ้นมาพับ ขึ้นมารับกันๆๆ น้อมรับๆ…การแจกแจงเรื่องขันธ์ 5 ตลอดจนถึงอวิชชา ที่ผ่านมานี้ผมไม่เคยเห็นหนังสือเล่มใดจะไปเหมือน จะแจงได้ละเอียดลออถูกต้องไม่มีที่แย้งภายในจิตเลยเหมือนหนังสือท่านมหานะ ผมเอานี้แหละเป็นแว่นส่องใจผม…”

ด้วยการฟังเทศนาและหนังสือแว่นส่องใจของหลวงตามหาบัว หลวงปู่คำดีก็ส่องใจของตัวเองจนทะลุไปได้

มิใช่แต่หลวงปู่คำดี ก่อนที่หลายรูปจะทะลุผ่านไปได้ก็ด้วยอาศัยแกงหม้อจิ๋วของหลวงตามหาบัวเช่นกัน เช่น พระอริยเวที (เขียน ฐิตสีโล) ก็อาศัยฟังเทปเทศนาของหลวงตาเป็นแกงหม้อจิ๋วเช่นกัน

ใครกินเข้าไปแล้ว เป็นอย่างไร หลวงตามหาบัวมีคำถามเฉพาะที่ตรวจสอบได้

ท่านว่า ถ้าถามด้วยคำถามนี้แล้วถ้า “จิตไม่เป็น” ตอบไม่ได้เพราะไม่มีในพระไตรปิฎกแต่มีอยู่ในผู้ผู้ปฏิบัติและหลักปฏิบัติเท่านั้น ดังที่ปรากฏหลักไว้ว่า “กัลยาณปุถุชนไม่สามารถแก้ไขปัญหาของพระโสดาบันได้ พระโสดาบันไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาพระสกิทาคามีได้ พระสกิทาคามีไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาพระอนาคามีได้ พระอนาคามีไม่สามารถแก้ไขปัญหาพระอรหันต์ได้ พระอรหันต์ไม่สามารถแก้ไขปัญหาพระอัครสาวกเบื้องซ้ายขวาได้ และพระอัครสาวกเบื้องซ้ายขวาไม่สามารถแก้ไขปัญหาพระพุทธเจ้าได้”

เมื่อหลวงปู่คำดีกินแกงหม้อจิ๋วเข้าไปแล้ว ท่านก็มี “หนังสือน้อย” ปรากฏว่า “ท่านตอบได้ดี จึงแน่ใจว่าท่านผ่านเรียบร้อยแล้ว…”

แล้วฤทธิ์ของแกงหม้อใหญ่เป็นอย่างไร?

เอาแค่ธรรมะขั้นพื้นฐานคือว่าด้วย ทาน หรือ การให้ การเสียสละ จะพบว่า ทอดตาทั่วแผ่นดิน จะมีใครทำผ้าป่าช่วยชาติยกแผ่นดินแล้วมีคนเสียสละขนาดนี้ ร่วมมากขนาดนี้ ได้ทองคำขนาดนี้

เป็นอัศจรรย์ญาณสัมปันโนโดยแท้!

แม้หลวงตามหาบัวจะเผยแผ่ธรรมะเพื่อให้คนตื่นขึ้น ให้รู้ว่ามรรคผลนิพพานมีจริง เส้นทางแห่งการดับทุกข์มีจริง มนุษย์มีศักยภาพที่จะหักวัฏฏะสงสารกันได้ทุกคนถ้าตั้งใจจริงและไม่แสดงอะไรให้คนเห็นหรือเข้าใจผิด หลงไปติดฤทธิ์ หรือพึ่งพิงรูป เหรียญ สิ่งศักดิ์สิทธิหรือสิ่งอื่นใด มากกว่าพึ่งพิงธรรมะ และพึ่งพิงตนเองแต่มิใช่ว่า ศิษย์ไม่ได้ประจักษ์ว่า ท่านมิได้มีสิ่งเหล่านี้

ท่านมี ท่านรู้ แต่ท่านไม่ค่อยแสดงต่างหาก

ถ้ามีเหตุ ท่านถึงแสดง

หนึ่งในหลายๆเรื่องที่มีการรวบรวมไว้โดยศิษย์บางกลุ่มก็มีอาทิ โยมผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถลูกชายไปวัดแล้วมีรถวิ่งสวนมาอย่างเร็วแล้วเลี้ยวกระกันหันเกือบชนกัน โยมผู้นี้เลยทั้งบ่นทั้งด่าคนขับรถคันนั้นมรตลอดทาง เมื่อมาถึงวัดตักบาตร พระฉันเสร็จก็เข้าไปรอรับพร จู่ๆหลวงตามหาบัวก็พูดขึ้นกับโยมผู้นี้ว่า “เรื่องรถเรื่องถนน เขาผิดก็ต้องให้อภัยเขา อย่าด่าเขาเลย”

โยมฟังแล้วไม่ทันเฉลียวใจเพราะมัวแต่นึกว่า ถึงอีกคันเป็นหลานเขยก็ต้องด่า อย่าเข้าข้างกัน แต่ไม่ทันได้ปริปาก หลวงตาก็พูดขึ้นมาอีกว่า “จะเป็นหยังก็ช่าง เขาผิดก็ให้อภัยเขา เพราะเป็นถนนเส้นเดียวกัน”

เรื่องเล่าเนื่องจากมีเหตุเช่นนี้มีอยู่ไม่น้อย ทั้งระดับบุคคลและระดับบ้านเมือง

เรื่องเหลือวิสัยเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงบุญญาธิการของหลวงตามหาบัวก็คือ เมื่อเดินหน้าโครงการช่วยชาติจนธนาคารแห่งประเทศไทยยอมรับเงินบริจาคเข้าคลังหลวงแล้ว บรรดาทรัพย์สินทั้งที่เป็นเงินดอลล่าร์ และทองคำก็ได้ถูกส่งมอบให้แก่ธปท.เป็นระยะๆ

ทุกอย่างดูราบรื่น เรียบร้อยแต่หลวงตากลับปารถขึ้นมาว่า “มันไม่เข้า”

ท่านหมายถึง ทรัพย์ทั้งหมดนั้นมันไม่เข้าคลังหลวงสมเจตนารมย์

ก็ธปท.รับไปแล้ว ทำไมไม่เข้า เอาไปไว้ที่ไหน ศิษย์ทั้งหลายก็ว่ามอบไปแล้วมันก็เข้าแล้ว ทำไมหลวงตาว่าไม่เข้า ท่านก็ยืนยันเหมือนเดิมว่า มันไม่เข้า

พอท่านเอะอะขึ้นเช่นนี้ จึงมีการไปตรวจสอบกันจึงพบว่า แรกๆธปท.รับเงินและทองเหล่านั้นไปแล้วเอาไปใส่บัญชีพิเศษประเภทหนี้สินรหัสบัญชี 2-58-07-01-8 เอาไว้แล้วธปท.จะเสนอขออนุมัติให้โอนเป็นรายได้เมื่อเห็นสมควร

แปลว่า เอาเงินนี้ไปตั้งไว้เพื่อรอแปรสภาพให้เป็นรายได้ของ ธปท. ไม่ได้เอาไปใส่ไว้ใน “บัญชีฝ่ายออกบัตร” ซึ่งมีไว้หนุนหลังเวลาพิมพ์ธนบัตรออกมาใช้

การใส่ผิดที่ ผิดบัญชีก็ผิดเจตนาคือ แทนที่จะเอาไปช่วยชาติก็จะกลายเป็นเอาไปช่วย ธปท.เสียฉิบ

หลวงตาเรียกบัญชีฝ่ายออกบัตร ฝ่ายการธนาคาร ทุนรักษาระดับอัตราแลกเปลี่ยน ฯลฯ ไม่เป็น ท่านพูดแต่ว่า มันไม่เข้า ไม่เอาไปใส่ตุ่มที่ควรจะใส่

พวกศิษย์เรียนสูงๆ รู้วิชาเศรษฐศาสตร์ รู้วิชาทางโลก เพิ่งหูตาตื่นเพราะหลวงตาบอก

เรื่องเหลือวิสัยแบบนี้ ไม่เรียก อัศจรรย์ญาณสัมปันโน ก็ไม่รู้จะเรียกอะไร

ความอัศจรรย์เหล่านี้เป็นเพียงดอกผลข้างทางของพระอริยะ

หลวงตามหาบัว ไม่ได้บอกเพียงว่า ท่านไม่เสียดายชาติเกิดแล้ว ไม่เกิดไม่ตายแล้ว ท่านบอกด้วยว่า ถ้าพิจารณาตามหลักธรรมแล้วไม่มีอะไรเกิด ไม่มีอะไรตาย ถ้าค้นหาความตายให้ชัดเจนด้วยปัญญาจนประจักษ์แล้วจะไม่กลัวตาย ถ้ารักษาสติให้ดี บำรุงปัญญาให้แก่กล้า จะรู้ทุกระยะแม้ขณะที่ขันธ์กับจิตขาดออกจากกัน หรือที่ภาษาโลกเรียกว่าตาย นี่คือ รู้ชนิดหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ในเวลาตายตามสมมุติ

ความรู้อีกชนิดหนึ่งคือ รู้ขณะกิเลสทั้งมวลขาดกระเด็นออกจากใจ ด้วยอำนาจของสติปัญญา

ท่านว่า รู้ชนิดนี้แล้ว ไม่เหลืออะไรอยู่ภายในใจเลย และรู้ทุกระยะ จิตไม่เคยลดละความรู้ รู้ทุกระยะ ทุกเวลา อกาลิโก คือไม่จำกัดด้วยกาลเวลา

ท่านว่า ให้ฝึกซ้อมเอาไว้แล้วจะไม่เสียที เอาจิตพิจารณาสภาวธรรมทั้งปวงแล้วจะเห็นความอัศจรรย์ขึ้นมา ปฏิบัติไปแล้วจะเห็นจริง ปล่อยวางได้ก็จะอยู่เหนือสิ่งเหล่านั้น เมื่อไม่มีอะไรกดทับใจก็จะมีแต่ความเป็นอิสระเต็มตัว

ขอให้เห็นความจริง จะเป็นก็เป็น ตายก็ตาย

หลวงตามหาบัวผ่านการเห็นความอัศจรรย์ไปแล้ว ทิ้งไว้แต่ อัศจรรย์ญาณสัมปันโน ไว้เป็นร่องรอยให้ผู้อยู่หลังได้ตระหนักว่า ทำจริง รู้จริง ได้ผลจริง นิพพานมีอยู่ชาตินี้ ไม่ได้อยู่ชาติไหน

อ้างอิง : http://www.posttoday.com/ธรรมะ-จิตใจ/สว่าง-ณ-กลางใจ/77769/อัศจรรย์อรหันต์บัว

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เคล็ดลับของการดูจิต ๓ ขั้นตอน

mp 3 (for download) : เคล็ดลับของการดูจิต ๓ ขั้นตอน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เคล็ดลับของการดูจิต ๓ ขั้นตอน

เคล็ดลับของการดูจิต ๓ ขั้นตอน

หลวงพ่อปราโมทย์ : เอา.. ต่อไปหลวงพ่อจะสอนปิดท้ายนิดหนึ่ง เป็นเคล็ดลับของการดูจิต พวกเราเคยได้ยินคำว่า “ดูจิต” มั้ย ยุคนี้ใครไม่ได้ยินนะ เรียกว่าเชยแหลกเลย บางคนดูยังไม่เป็นหรอกนะ ก็ยังอุตส่าห์บอกว่าดูจิต ใครไม่ดูจิตเรียกว่าล้าสมัย จริงๆเคล็ดลับของการดูจิตเนี่ยไม่ยากเท่าไหร่ มีอยู่ ๓ ขั้นตอนนะ

การดูจิตไม่ใช่ทั้งหมดของการปฏิบัตินะ บางคนดูกายก็ได้ บางคนดูเวทนาก็ได้ บางคนดูจิตก็ได้ แต่พวกเราเป็นคนในเมือง กรรมฐานที่เหมาะกับคนในเมืองคือการดูจิต ไม่ใช่หลวงพ่อพูดเองนะ หลวงปู่ดูลย์เคยสอนไว้

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๖ วันหนึ่งหลวงพ่อนั่งอยู่กับหลวงปู่ดูลย์ จู่ๆท่านก็พูดขึ้นมานะ ต่อไปการดูจิตจะรุ่งเรืองในเมือง ตอนนั้นเราไม่เชื่อนะ จะรุ่งเรื่องจริงเร้อ มันน่าจะรุ่งริ่งมากกว่า ไปไหนก็ไม่เห็นมีใครรู้จักดูจิตเลย แล้วเมื่อสักอาทิตย์ สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ หลวงพ่อไปเยี่ยมครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง ลูกศิษย์หลวงพ่อชา ท่านก็บอกว่า โอ้..อาจารย์ปราโมทย์สอนให้คนดูจิต ดีนะ หลวงพ่อชาเคยบอกท่านไว้ว่า คนในเมืองน่ะ พวกปัญญาชน พวกคนในเมือง อะไรพวกนี้นะ อย่าไปสอนเรื่องอื่นเลย สอนให้ดูจิตไปเลย แต่ต้องดูด้วยความเป็นกลาง

เพราะฉะนั้นเราดูจิตไปนะ แล้วจิตไม่เป็นกลางคอยรู้ทันไว้ ดูด้วยความเป็นกลาง จิตดีก็รู้ไป ไม่ต้องไปชอบมัน จิตร้ายก็รู้ไป ไม่ต้องไปเกลียดมัน รู้อย่างเป็นกลางไปเรื่อย แค่นี้เอง นี่คือคำว่า “ดูจิต” ดูจิตก็คือ จิตใจเราเป็นอย่างไร รู้ ว่าเป็นอย่างนั้น

ทีนี้เราจะดูจิตให้เห็นว่าจิตเป็นอย่างไรรู้ว่าเป็นอย่างนั้นได้เนี่ย มันมี ๓ ขั้นตอน ขั้นตอนที่ ๑ ก่อนจะดู อย่าอยากดูแล้วไปรอดู เวลาพวกเราคิดถึงการดูจิต พวกเราจะไปดักดูไว้ก่อน ไหนดูสิ หายใจไป แล้วดูสิ จิตจะกระดุกกระดิกเมื่อไหร่ จ้องๆๆ จิตจะนิ่งไปเลย ไม่มีอะไรให้ดูนะ มีแต่นิ่ง

เพราะฉะนั้นกฎข้อที่ ๑ ของการดูจิตเนี่ยนะ อย่าดักดู จริงๆแล้วการทำวิปัสสนาจะไม่ดักดูทั้งนั้นแหละ ดูจิตห้ามดักดูเลย ถ้าดักดูเมื่อไรจิตจะนิ่ง การดูจิตก็คล้ายกับการจะดูพฤติกรรมของเด็กซนๆสักคนหนึ่ง ถ้าเราถือไม้เรียวเฝ้าไว้นะ เราไปถือจ้องไว้อย่างนี้นะ เด็กก็ไม่กล้าซน ใช่มั้ย ไม่กล้าซน จิตก็เหมือนกัน ถ้าเราไปนั่งจ้องอยู่นะ มันไม่กล้าซน มันจะนิ่ง เพราะฉะนั้นกฎข้อที่ ๑ ของการดูจิตนะ อย่าไปจ้องมันไว้ ให้ความรู้สึกเกิดขึ้นก่อนนะ แล้วค่อยรู้เอา นี่กฎข้อที่ ๑ นะ ให้ความรู้สึกเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยรู้เอา เช่น ให้ใจลอยไปก่อน แล้วรู้ว่าใจลอย ให้โกรธไปก่อน แล้วรู้ว่าโกรธ ให้โลภไปก่อนแล้วรู้ว่าโลภ

ทำไมต้องให้มันเป็นไปก่อน คำว่า “จิตตานุปัสนนา” เนี่ย โดยคำศัพท์มันนะ คือคำว่า “จิต” คำว่า “อนุ” คำว่า “ปัสสนา” ปัสสนาคือการเห็น อนุแปลว่าตาม ตามเห็นเนืองๆซึ่งจิต เพราะฉะนั้นจิตโกรธขึ้นมา รู้ว่าจิตโกรธ ไม่ใช่ให้ไปรอดูนะว่าต่อไปนี้จิตชนิดไหนจะเกิดขึ้น ถ้าไปอ่านสติปัฏฐานให้ดีท่านจะสอนไว้ชัดๆเลยนะ ท่านบอกว่า ภิกษุทั้งหลาย เมื่อจิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ เห็นมั้ย ราคะเกิดก่อนนะ แล้วรู้ว่ามีราคะ ท่านไม่ได้สอนนะ ภิกษุทั้งหลาย จงรอดูสิว่าอะไรจะเกิดในจิตของเธอ ไม่ได้สอนอย่างนี้เลยนะ เพราะฉะนั้น จิตมีราคะ ให้รู้ว่ามีราคะ จิตมีโทสะ ให้รู้ว่ามีโทสะ จิตหลงไปใจลอยไป รู้ว่าใจลอยไป ไม่ห้ามนะ แต่ใจลอยไปรู้ว่าใจลอยไป ให้สภาวะเกิดก่อนแล้วตามรู้ นี่คือกฎข้อที่ ๑ อันแรกก็คือ ก่อนจะรู้อย่าไปดักนะ อย่าไปดักดู ก่อนจะดูเนี่ย ก่อนจะรู้จิต ก่อนจะดูจิต อย่าไปจ้องเอาไว้ ให้สภาวะเกิดแล้วก็ค่อยตามดูเอา

กฎข้อที่ ๒ ระหว่างดูจิตเนี่ย ระวังอย่าให้ถลำลงไปจ้อง ระวังอย่าถลำลงไปเพ่ง ยกตัวอย่างพวกเรา เวลาหายใจ สังเกตมั้ย เวลารู้ลมหายใจ บางทีจิตไหลไปอยู่ที่ลมหายใจ เวลาดูท้องพองยุบจิตชอบไหลไปอยู่ที่ท้อง เวลาเดินจงกรมจิตไหลไปอยู่ที่เท้า นี่เรียกว่าจิตไม่ตั้งมั่น เวลาเราดูจิตก็เหมือนกัน ถ้าเห็นความโกรธผุดขึ้นมานะ ให้ดูสบายๆนะ ดูแล้วเหมือนจะเห็นว่าคนอื่นโกรธนะ ไม่ใช่เราโกรธนะ ดูห่างๆ เราเห็นความโกรธเหมือนคนเดินผ่านหน้าบ้าน หรือเหมือนเห็นรถยนต์วิ่งผ่านหน้าสเถียรฯอย่างนี้ ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา มันมาแล้วมันไปๆ ใจเราอยู่ห่างๆ เพราะฉะนั้นกฎข้อที่ ๒ เวลาดู อย่าถลำลงไปจ้อง ดูห่างๆ ดูสบายๆ ดูแบบคนวงนอก ดูเหมือนคนดูฟุตบอล นั่งบนอัฒจรรย์เห็นนักฟุตบอลวิ่งไปวิ่งมา อย่ากระโดดลงไปในสนามฟุตบอล

กฎข้อที่ ๓ ก็คือ เมื่อเห็นสภาวะใดๆแล้วนะ อย่าเข้าไปแทรกแซง อันที่ ๑ ก่อนจะรู้ อย่าไปดักรู้ อันที่ ๒ ระหว่างรู้ อย่าไปจ้อง อย่าไปถลำไปจ้อง อันที่ ๓ เมื่อรู้แล้วอย่าเข้าไปแทรกแซง เช่นความโกรธเกิดขึ้น รู้ว่าจิตมันโกรธ อย่าไปห้ามมัน ไม่ต้องห้ามมัน ความโกรธก็จะแสดงไตรลักษณ์ให้ดู เกิดได้ก็ดับได้เหมือนกัน ความโลภเกิดขึ้นก็อย่าไปว่ามันนะ ก็จะเห็นว่าความโลภเกิดขึ้นแล้วก็ดับเองได้ ความสุขความทุกข์มันก็ดับของมันเอง สิ่งทั้งหลายมีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับ บังคับไม่ได้ เราจะเห็นอย่างนี้เนืองๆ เพราะฉะนั้น เราไม่ใช่ว่า สภาวะอะไรเกิดขึ้นก็เข้าไปแทรกแซง

ยกตัวอย่างเวลาเราใจลอยไป เรานั่งหายใจอยู่ พอใจลอยปุ๊บ อุ๊ยใจลอยไมดี ดึงกลับมาอยู่ที่ลม บังคับจิตไม่ให้หนีไปไหนนะ อย่างนี้แทรกแซงแล้ว อย่าไปแทรกแซงนะ ให้รู้ สักว่ารู้ หมายถึง รู้โดยไม่เข้าไปแทรกแซง

ถ้าพวกเราทำได้ ๓ ขั้นตอนนี้นะ ก่อนจะดูนะ อย่าอยากดูแล้วถลำเข้าไปจ้อง ไปอยากดูน่ะ แล้วก็ไปคอยดักดูไว้ก่อน อันที่ ๒ ระหว่างดู อย่าถลำลงไปจ้อง ดูอยู่ห่างๆ เหมือนคนดูฟุตบอลอยู่บนอัฒจรรย์ อันที่ ๓ รู้แล้วไม่เข้าไปแทรกแซง มันดีก็รู้ไป มันก็จะเห็นว่าดีอยู่ชั่วคราวแล้วก็หาย.. มันชั่วก็เห็นไป ความชั่วอยู่ชั่วคราวแล้วก็หาย มันสุขก็รู้ไปนะ แล้วก็จะเห็นความสุขอยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไป ความทุกข์อยู่ชั่วคราวแล้วก็หาย ทุกอย่างอยู่ชั่วคราวแล้วก็หายไปทั้งสิ้นเลย อย่าเข้าไปแทรกแซง เพราะเมื่อเข้าไปแทรกแซงเมื่อไร เป็นสมถะเมื่อนั้นเลย เป็นการทำสมถกรรมฐาน


CD: เสถียรธรรมสถาน วันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๒
File: 520906.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 41234