ถาม: แต่การที่จะเป็นวิปัสสนาเราไม่จำเป็นต้องเห็นกายหรือเห็นจิตแบบชัดๆ ใช่ไหมครับ อาจจะเป็นแบบแวบๆ เปน ช่วงๆ แต่ต้องเห็นแบบห่างๆ กายแยกออกไป ตรงนี้อย่างไรครับ
ตอบ: ให้เห็นแบบรู้อยู่ห่างๆ เห็นเพียงครั้งละแวบสองแวบ ก็เป็นวิปัสสนาแล้วครับ ฝึกให้เห็นบ่อยๆ ก็เกิดปัญญาพ้นทุกข์ได้ครับ
ถาม: แล้วตรงแยกธาตุขันธ์มันจะเป็นอย่างไรเหรอครับ เราต้องคิดเองไปก่อนปะ ขอแบบละเอียดหน่อยนะครับ
ตอบ: ไม่ต้องคิดไปเองหรอกครับ ให้แค่รู้ไปสบายๆ รู้อยู่ห่างๆ ก็จะรู้สึกได้ว่า กายถูกรู้ เวทนาถูกรู้ ความคิดปรุงแต่งถูกรู้ วิญญาณที่รู้อารมณ์ทางทวารต่างๆ ก็ถูกรู้ หรือถ้าแจกแจงไม่ได้ว่ารู้อะไร แค่รู้อยู่ห่างๆ ก็เพียงพอแล้วครับ ไม่ต้องไปกังวลว่าต้องแยกอย่างนั้นอย่างนี้หรอกครับ แค่เห็นว่าอะไรที่ถูกรู้มันเกิดแล้วดับก็ใช้ได้เลยครับ
ถาม: ผมภาวนามามาปีกว่าๆ ก็ดูกายเป็นหลักครับ ก็รู้สลับกายกับหลงไปอะครับ อย่างนี้พอได้ไหมครับ
ตอบ: อย่างนี้แหละครับถูกแล้ว หัดสม่ำเสมอทุกวัน สติปัญญาก็จะพัฒนาไปตามลำดับ
ถาม: ถ้าวันไหนแบบไปเดินจงกรมที่วัด ก็จะเคร่งเครียด กลับมาก็จะมึนๆ
ตอบ: อันนี้ต้องหัดเดินให้สบายกว่าที่ทำอยู่ครับ เพราะถ้ามึนๆ เคร่งเครียดนี่แสดงว่าเราไปฝืนควบคุมบังคับจิตใจไว้ ให้ปล่อยใจสบายๆ รู้กายสลับกับรู้ว่าหลงไปตามปกตินั่นแหละครับ แล้วเมื่อจิตมีกำลังจิตจะตั้งมั่นในการรู้กายไม่เผลอหลงไปได้เองครับ
ถาม: ส่วนมากจะทำตามรูปแบบก่อนนอนครับ คือนอนดูกายตัวเองนอนไปจนหลับไปครับ อย่างนี้พอได้ไหมครับ
ตอบ: ได้ครับ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่