Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เราต้องหลอมรวมการปฏิบัติเข้ากับชีวิตจริงให้ได้

mp 3 (for download) : เราต้องหลอมรวมการปฏิบัติเข้ากับชีวิตจริงให้ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เราต้องหลอมรวมการปฎิบัติเข้ากับชีวิตจริงให้ได้

เราต้องหลอมรวมการปฎิบัติเข้ากับชีวิตจริงให้ได้

หลวงพ่อปราโมทย์: การปฏิบัตินี่ถ้าเราแยกส่วนการปฏิบัติออกจากการดำเนินชีวิตปกติของเรา อย่ามาพูดเรื่องมรรค ผล นิพพานเลย ชาตินี้ไม่ได้ ถ้ายังรู้สึกนะ เวลานี้เป็นเวลาปฏิบัติ เวลานี้ไม่ใช่เวลาปฏิบัติ ถ้ารู้สึกอย่างนี้อย่าพูดเรื่องมรรค ผล นิพพาน เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเราสามารถหลอมรวมการปฏิบัติเข้าในชีวิตจริงของเราได้ ก็ไม่ต้องพูดเรื่องมรรค ผล นิพพานนะ อย่างไรก็ต้องได้ เพราะฉะนั้นต้องหลอมรวมการปฏิบัติเข้าในชีวิตจริงของเราให้ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓
File: 490716.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๒๓ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีแก้เพ่ง

วิธีแก้เพ่ง

ถาม : ปฏิบัติแนวดูจิตมาประมาณหนึ่งปีแล้วค่ะ แรกๆก็ตามรู้ตามดูได้เรื่อยๆ รู้สึกโปร่ง โล่ง เบา มาซักครึ่งปีหลังเนี่ยมันอึดอัด เครียดๆ แล้วก้อเพ่ง บังคับ ก็เข้าใจว่าควรจะแค่รู้ไป ใช่มั๊ยค่ะ แต่มันแค่รู้แล้วอึดอัดมากเลยค่ะ ขอถามว่าเราจะรู้อาการเพ่งได้ถูกต้องอย่างไรค่ะ?

ตอบ : ถ้ารู้ว่าเพ่ง ก็แสดงว่าที่ทำอยู่ไม่ถูกต้องแล้วครับ
พอรู้ว่าเพ่ง ก็ไม่ต้องพยายามให้หายเพ่ง
ให้สังเกตว่าเรารู้แบบไหนได้ระหว่าง

๑. หัดดูว่ายังตั้งใจหรือจงใจดู
โดยหัดดูไปเรื่อย ๆ ว่า ก่อนตั้งใจจะดูจิตจะไม่หนัก
พอตั้งใจจะดูกายดูจิต จิตก็หนักขึ้นมาทันที

๒. หัดดูความอยากที่จะภาวนาให้ได้ดี ๆ หรืออยากดูสภาวะให้ชัด
เพราะความอยากนี้จะทำให้พลาดไปเพ่ง

๓. เราพยายามดูให้ต่อเนื่องเกินกว่าที่จะดูได้
การพยายามดูให้ต่อเนื่อง ก็จะทำให้พลาดไปเพ่งได้

ถ้ารู้ตาม ๑ – ๓ ได้ ก็พอจะหายเพ่งได้ครับ

แต่ถ้าดูอะไรไม่ออกเพราะจิตติดเพ่งมากเกินกว่าจะดูได้
ก็ต้องหยุดดูแบบที่ดูอยู่ แล้วให้ทำตัวให้สบาย ๆ แต่ต้องรักษาศีล ๕ ไว้
เพื่อให้จิตใจผ่อนคลายลงก่อน แล้วค่อย ๆ หัดดูว่า เมื่อกี้เผลอไปเพ่งแล้ว
หรือค่อย ๆ หัดดูว่าเมื่อกี้เผลอไปคิด เผลอไปมอง ฯลฯ
ก็พอจะกลับมาภาวนาถูกต้องได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ขอเชิญฟังบรรยายธรรม “ความสุขที่ปลายจมูก” โดยพระอาจารย์ ไพศาล วันที่ 13 ก.ค. 54

ความสุขที่ปลายจมูก
เชิญฟังบรรยายธรรม โดย พระไพศาล วิสาโล

วันพุธที่ 13 กรกฎาคม 2554 เวลา 17.00-19.00 น.
ณ เครือข่ายพุทธิกา – ร้านหนังสือไตรปิฎก (ซ.อรุณอมรินทร์ 39)

กำหนดการ

17.10 – 17.20 น. – ลงทะเบียน
17.20 – 17.30 น. – ชี้แจงความเป็นมาและแนะนำสถานที่
17.30 – 19.30 น. – ฟังธรรมเรื่อง “ความสุขที่ปลายจมูก” โดย พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม โปรดแจ้งชื่อ, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล ของท่านมาที่ “โครงการฉลาดทำบุญด้วยจิตอาสา”
โทรศัพท์ : 0-2882-5043, 0-2882-4387, 08-6300-5458 อีเมล : boonvolunteer@gmail.com
เว็บไซต์ : www.budnet.org

สร้างสรรค์โดย เครือข่ายพุทธิกา ร้านไตรปิฎก (ศูนย์หนังสือพระพุทธศาสนาและห้องสมุด) ชมรมเพื่อนคุณธรรม

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ไม่มีเวลาภาวนา จะทำอย่างไร?

mp 3 (for download) : ไม่มีเวลาภาวนา จะทำอย่างไร?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ไม่มีเวลาภาวนา จะทำอย่างไร?

ไม่มีเวลาภาวนา จะทำอย่างไร?

โยม : ก็เพิ่งเริ่มปฎิบัตินะครับ ก็รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ก็รู้ตัวว่าเหม่อ เหม่อคิดบ่อย

หลวงพ่อปราโมทย์ : นั่นแหละเก่ง

โยม : ด้วยภาระหน้าที่ที่มี

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือเราไม่ต้องไปให้เหตุผลอธิบายอะไรหรอก เราแค่รู้ว่ามันเผลอไปแล้ว เราคอยรู้ไปเรื่อย รู้ลงปัจจุบันไปเรื่อยๆนะ ใช้ได้ ของคุณน่ะดีแล้ว แต่หลวงพ่อบอกอะไรอย่างหนึ่งนะ ถ้าเราบอกว่า เรามีงานเยอะ ไม่มีเวลาภาวนาเนี่ย พูดไม่ได้นะ หลวงพ่อเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตพิมพ์ คือประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก

มีหลวงพ่อเกษมคุยกับพระเจ้าอยู่หัว พระเจ้าอยู่หัวท่านเล่า ท่านเวลาน้อย งานท่านเยอะ ใช่มั้ย ท่านซอยชีวิตของท่านเป็นช่วงเล็กๆ ท่านมีเวลานาที สองนาที ท่านก็ดูแล้ว งานท่านเยอะกว่าเราแน่ๆเลย เพราะฉะนั้นเราอย่าอ้างว่างานเยอะ ไม่มีเวลาดูนะ ตอนไหนที่ไม่ต้องคิดเรื่องงาน เราก็รู้เอา

หลายคน พอไม่คิดเรื่องงานแล้ว พอหมดเวลางาน โอ๊ยเหนื่อย ขอพักผ่อนก่อน เดี๋ยวมีแรงแล้วจะดู นี่ช้าไป ถ้าปฏิบัติเก่งๆนะ ทำงานเสร็จแล้วเหนื่อย หัวหมุนติ้วๆเลย รู้ว่าหัวหมุนติ้วๆเลย เหนื่อยรู้ว่าเหนื่อยอยู่ รู้สึกว่ารู้อะไรก็ไม่ชัดเจน-รู้ว่ารู้ไม่ชัดเจน นี้เรียกว่าปฏิบัติทั้งหมดเลย ไม่ต้องรอให้ใสปิ๊งๆแล้วค่อดูหรอกนะ อะไรๆมีอยู่ต่อหน้าต่อตา รู้ลงต่อหน้าต่อตาเลย จะได้ไม่เสียเวลา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า

CD: ธรรมเทศนา ๔ วันในสวนสันติธรรม
Track: ๖
ระหว่างนาทีที่ ๕๒ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๕๔ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ง่วงนอน…

ง่วงนอน…

ถาม : ตอนนี้ขณะเดินจงกรม นั่งดูจิตทำไมมันมีอาการง่วงมากๆตลอดเวลา เราจะทราบได้อย่างไรว่า ที่ง่วงนั้นคือนิวรณ์หรือว่าเราอดนอนค่ะ ?

ตอบ : ลองหัดทำหลังตื่นนอนใหม่ดูก่อนนะครับว่า ทำแล้วยังง่วงอีกหรือเปล่า
ถ้าง่วงก็เป็นนิวรณ์ ให้ลองเปลี่ยนไปทำงานบ้านแล้วรู้สึกตัวไป
(ใช้การทำงานบ้านเป็นรูปแบบ) เอาก็ได้ครับ
แต่ถ้าไม่ง่วงก็แสดงว่า เราไปทำตอนที่ร่างกายอ่อนล้าซึ่งร่างกายต้องการพักผ่อนแล้วครับ


ถาม  : และจะทำยังไงให้เรามีสมาธิมากขึ้นเพื่อเจริญสติได้ ?

ตอบ : ต้องหัดทั้งในรูปแบบและในชีวิตประจำวัน หัดสม่ำเสมอทุกวัน
แล้วต้องรู้ทันความอยากมีสติมีสมาธิด้วย
เพราะถ้ารู้ไม่เท่าทัน จิตจะถูกความอยากครอบงำ ทำให้ฝึกแล้วไม่ก้าวหน้าครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การดูจิต ๓ ระยะ

mp 3 (for download) : การดูจิต ๓ ระยะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

การดูจิต ๓ ระยะ

การดูจิต ๓ ระยะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เวลาดูนะ ไม่ว่าจะดูอะไร อย่าถลำลงไปดูนะ ดูเล่นๆ ดูอยู่ห่างๆ ก่อนจะดู ท่องไว้นะ ชาวการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ก่อนจะรู้อย่างจงใจ ให้มันรู้เอง ระหว่างรู้นะ สักว่ารู้สักว่าเห็น อย่าถลำลงไปรู้ รู้แล้วจบลงที่รู้ ไม่ดัดแปลง ไม่แก้ไข ไม่ทำอะไรเลย

เพราะฉะนั้นมี ๓ ระยะนะ ก่อนจะรู้อย่าจงใจ ให้รู้เอง ระหว่างรู้นะ สักว่ารู้สักว่าเห็น อย่ากระโจนลงไปรู้ เหมือนเราดูฟุตบอลน่ะ อยู่บนอัฒจันทร์ รู้แล้วก็ไม่แทรกแซงนะ ด้วยความยินดียินร้าย เกิดยินดียินร้ายได้ แต่รู้ทัน อย่าไปหลงตามความยินดียินร้าย แล้วเราจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


CD: ธรรมเทศนา ๔ วันในสวนสันติธรรม
Track: ๘
ระหว่างนาทีที่ ๔๘ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๓๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะจากพระอาจารย์มั่น : นิโรธของพระอริยะเจ้า ***แนะนำ***

นิโรธของพระอริยะเจ้า

พระอาจารย์จวนเล่าไว้ในประวัติของท่าน เมื่อครั้งบำเพ็ญภาวนาอยู่ที่ถ้ำจันทร์

ข้าพเจ้าจึงมาคำนึงถึงโอวาทที่ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตะมหาเถระได้เคยเล่าเรื่องการเข้านิโรธของพระอาจารย์ลูกศิษย์ท่าน องค์หนึ่งให้ฟัง ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่จำพรรษาร่วมกับท่าน ท่านได้ประกาศให้บรรดาสานุศิษย์ทั้งหลายทราบทุกๆ องค์ว่าในสมัยหนึ่ง ท่านอาจารย์องค์นั้นได้เข้าไปนมัสการท่านพระอาจารย์มั่น ท่านได้ถาม ท่านอาจารย์องค์นั้นว่า “ท่าน….จากกันไปนาน การภาวนาเป็นอย่างไรบ้าง ดีหรือไม่”

ท่านพระอาจารย์องค์นั้น ตอบถวายท่านพระอาจารย์มั่นว่า “กระผมเข้านิโรธอยู่เสมอๆ”

“ เข้าอย่างไร ? ”

“น้อมจิต เข้าสู่นิโรธ”

ท่านพระอาจารย์มั่น ย้อนถามว่า “น้อมจิตเข้านิโรธ น้อมจิตอย่างไร”

ก็ตอบว่า “น้อมจิตเข้านิโรธ ก็คือ ทำจิตให้สงบแล้วนิ่งอยู่โดยไม่ให้จิตนั้นนึกคิดไปอย่างไร ให้สงบและทรงอยู่อย่างนั้น”

“แล้วเป็นอย่างไร เข้าไปแล้วเป็นอย่างไร” ท่านพระอาจารย์มั่นซักถาม

“มันสบาย ไม่มีทุกขเวทนา”

ท่านพระอาจารย์มั่นถามว่า “เวลาถอนเป็นอย่างไร”

ท่านพระอาจารย์องคนั้นตอบว่า “เวลาถอนก็สบายทำให้กายและจิตเบา”

“กิเลสเป็นอย่างไร”

“กิเลสก็สงบอยู่เป็นธรรมดา แต่บางครั้งก็มีกำเริบขึ้น”

พอถึงตอนนี้ ท่านพระอาจารย์มั่นจึงได้ประกาศเรื่องนิโรธให้บรรดาสานุศิษย์ทราบทั่วกันว่า

“นิโรธแบบนี้ นิโรธสมมติ นิโรธบัญญัติเพราะเป็นนิโรธที่น้อมเข้าเอง ไม่มีตัวอย่างว่า พระอริยเจ้าน้อมจิตเข้านิโรธได้ ใครจะไปน้อมจิตเข้าได้ เมื่อจิตยังหยาบอยู่ จะไปน้อมจิตเข้าไปสู่นิโรธที่ละเอียดไม่ได้ เหมือนกับบุคคลที่ไล่ช้างเข้ารูปู ใครเล่าจะไล่เข้าได้รูปูมันรูเล็กๆ หรือเหมือนกับบุคคลที่เอาเชือกเส้นใหญ่จะไปแหย่ร้อยเข้ารูเข็ม มันจะร้อยเข้าไปได้ไหม..? เพราะนิโรธเป็นของที่ละเอียด จิตที่ยังหยาบอยู่จะไปน้อมเข้าสู่นิโรธไม่ได้ เป็นแต่นิโรธน้อม นิโรธสมมติ นิโรธบัญญัติ นิโรธสังขาร นิโรธหลง…!”

แล้วท่านก็เลยอธิบาย เรื่องนิโรธต่อไปว่า

“นิโรธะ” แปลว่า ความดับ คือดับทุกข์ ดับเหตุ ดับปัจจัย ซึ่งเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เกิดทุกข์ทั้งหลาย ดับอวิชชา ดับตัณหานั่นเอง จึงเรียกว่า เป็นนิโรธ อย่าไป ถือเอาว่าจิต ที่ไปรวมลงสู่ภวังค์ หรือฐีติจิต จิตเดิม เป็นนิโรธ มันใช้ไม่ได้

-ท่านว่า-จิตชนิดนั้นถ้าขาดสติปัญญาพิจารณาทางวิปัสสนาแล้ว ก็ยังไม่ขาดจากสังโยชน์ ยังมีสังโยชน์ครอบคลุมอยู่ เมื่อถอนออกมาก็เป็นจิตธรรมดา เมื่อกระทบกับอารมณ์ต่างๆ นานเข้า ก็เป็นจิตที่ฟุ้งซ่านและเสื่อมจากความสงบหรือความรวมชนิดนั้น

ท่านพระอาจารย์มั่นได้ประกาศให้ทราบว่า

“กระผมก็เลยไปพิจารณาดูนิโรธของพระอริยเจ้าดูแล้วได้ความว่า นิโรธะ แปลว่า ความดับ ดับเหตุ ดับปัจจัย ที่ทำให้เกิดทุกข์ ทั้งหลาย คือทำตัณหาให้สิ้นไป ดับตัณหา โดยไม่ให้เหลือ ความละตัณหา ความวางตัณหา ความปล่อยตัณหา ความสละ สลัดตัดขาด จากตัณหานี้ จึงเรียกว่า “นิโรธ”

นี่เป็นนิโรธ ของพระอริยเจ้า….ท่านว่า

นิโรธของพระอริยเจ้านั้นเป็น “อกาลิโก” ความเป็นนิโรธ การดับทุกข์อยู่ตลอดเวลา ไม่อ้างกาล ไม่อ้างเวลา ไม่เหมือน “นิโรธ” ของพวกฤาษีชีไพรภายนอกศาส ส่วนนิโรธของพวกฤาษีชีไพรภายนอกศาสนานั้นมีความมุ่งหมายเฉพาะ อยากแต่จะให้จิตของตนรวมอย่างเดียว สงบอยู่อย่างเดียว วางอารมณ์อย่างเดียว เมื่อจิตถอนจากอารมณ์แล้ว ก็ไม่นึกน้อมเข้ามาพิจารณาให้รู้เห็นสัจธรรม คือให้รู้ทุกข์ รู้เหตุให้เกิดทุกข์ ธรรมเป็นที่ดับทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์ ยินดีเฉพาะแต่จิตที่สงบหรือรวมอยู่เท่านั้น ว่าเป็นที่สุดของทุกข์เมื่อจิตถอนก็ยินดี เอื้อเฟื้อ อาลัย ในจิตที่รวมแล้วก็เลยส่งจิตของตนให้ยึดในเรื่องอดีตบ้าง อนาคตบ้าง ปัจจุบันบ้าง ส่วนกิเลส ตัณหานั้นยังมีอยู่ ยังเป็นอาสาวะนอนนิ่งอยู่ภายในหัวใจ

ท่านเลยอธิบายถึงนิโรธของพระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าต่อไปว่า

นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ของพระอริยเจ้านั้น ต้องเดินตามมัชฌิมปฏิปทา…ทางสายกลาง คือ ความเห็นชอบ ดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ เพียรชอบ ระลึกชอบ ตั้งใจไว้ชอบ…นี่จึงจะถึงนิโรธคือความดับทุกข์ ดับเหตุให้เกิดทุกข์ นิโรธของพระอริยเจ้านั้นเป็นนิโรธอยู่ตลอดกาลเวลา ไม่อ้างกาล ไม่อ้างเวลา ไม่อ้างกาลนั้นจึงจะเข้านิโรธกาลนี้จึงจะออกนิโรธ ไม่เหมือนนิโรธของพวกฤาษีชีไพรภายนอกพระพุทธศาสนา

นี่เป็นคำสอนของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตตะมหาเถระที่ได้แสดงไว้ ข้าพเจ้า (พระอาจารย์จวน) จำความนั้นได้้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ชม VDO หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เทศน์ที่ศูนย์ปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย วันที่ 7 มิถุนายน 2554

ชมหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช เทศน์ที่ศูนย์ปฏิบัติการ บริษัท การบินไทย วันที่ 7 มิถุนายน 2554
ถ่ายทำและตัดต่อ โดย ทีมงานรายการแสงธรรมสว่างใจ
ช่องธรรมะทีวี โดย บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

.
.
ช่วงที่ 1

.
.
ช่วงที่ 2

.
.

ช่วงที่ 3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิปัสสนาต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง

mp 3 (for download) : วิปัสสนาต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

วิปัสสนาต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง

วิปัสสนาต้องรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง

หลวงพ่อปราโมทย์ : กรรมฐานเนี่ย ถ้าเป็นวิปัสสนานะ อันแรกเลย อารมณ์ของวิปัสสนา คือกายกับใจของเรานี้ กายกับใจธรรมดาๆนี้แหละนะ ไม่ใช่เหนือธรรมดานะ

อันที่สองที่ต้องเรียนก็คือ วิธีที่เราจะรู้กายรู้ใจอย่างถูกต้อง จะรู้กายรู้ใจถูกต้องได้ถ้าเราไม่เผลอไปที่อื่นเสีย ใจลอยไปที่อื่น ถ้าเราไม่ไปบังคับกายบังคับใจให้ผิดธรรมดา กายเคลื่อนไหวก็คอยรู้สึกเอา จิตใจเคลื่อนไหวคอยรู้สึกเอา รู้สึกไปตามธรรมชาติ รู้สึกไปตามธรรมดา เพื่อเราจะได้เห็นความเป็นธรรมดา ธรรมดานั้นแหละธรรมะล่ะ คำเดียวกันนะ ธรรมดากับธรรมะ

เพราะฉะนั้นเราเรียนจนเห็นธรรมดาของกาย คือมันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันเป็นก้อนธาตุ เป็นวัตถุ ไม่ใช่ตัวเราหรอก ธรรมดาของจิตก็คือมันไม่เที่ยง มันเป็นของบังคับไม่ได้ เนี่ยเรียนให้เห็นธรรมดา

เพราะฉะนั้นจะทำวิปัสสนาเนี่ย อันแรก ต้องรู้อารมณ์ของวิปัสสนา คือกายกับใจของเรานี้ วิธีรู้กายรู้ใจก็คือ รู้อย่างที่มันเป็น
อย่าเผลอออกไปที่อื่น อย่าไปนั่งเพ่งเอาๆ มันจะนิ่งผิดความเป็นจริง ถ้าเผลอไปก็รู้กายรู้ใจไม่ได้ เพ่งเอาไว้กายกับใจนิ่งผิดความเป็นจริง อย่างนีก็ใช้ไม่ได้ ไม่เห็นของจริง

อันที่สาม ถ้ารู้แล้วเนี่ย มันจะต้องได้ผลลัพธ์ถูกต้อง ตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอน ตรงตามที่พระพุทธเจ้าสอนคือ ถ้าเรารู้กายรู้ใจถูกต้อง เราจะเกิดปัญญา เข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ แล้วเกิดวิมุติ คือปล่อยวางความยึดถือกายยึดถือใจได้

ไม่ใช่ว่าผลของการทำวิปัสสนาก็คือการบังคับจิตได้ บังคับจิตที่ไม่สงบให้สงบได้ บังคับจิตที่ไม่ดีให้ดีได้ คิดว่าเราบังคับได้ การบังคับได้เนี่ยขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้านะ ท่านบอกว่ามันบังคับไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓
File: 490716.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๕๕ ถึง นาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ภาวนาถูกหลักหรือไม่ ?

ภาวนาถูกหลักหรือไม่ ?

ถาม : ขณะทำงานและคอยเฝ้าสังเกตสภาวะ มีแต่ความรู้สึกเฉยๆในอารมณ์เกือบทั้งวัน สักพักรู้สึกว่าร่างกายปวดเมื่อยมาก เลยดูที่ร่างกายมันปวดในความรู้สึกแบบธรรมดาๆ สักพักรู้สึกตัวว่าลืมดูความปวดของร่างกายแต่ระลึกได้ว่าเผลอไปคิด ไม่ทราบว่าภาวนาถูกหลักหรือไม่คะ?

ตอบ : หากมีสติจากการเห็นว่าเผลอไปได้
หากมีสติจากการเห็นกายเคลื่อนไหวได้
หากมีสติจากการเห็นเวทนาได้
หากมีสติจากการเห็นสภาวธรรมใด ๆ ได้

ก็แสดงว่า ภาวนาได้ถูกแล้ว
ถ้าไม่ถูก สติจะไม่เกิด จิตจะไม่ตั้งมั่นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : หลวงพ่อปราโมทย์มาแสดงธรรมที่ศาลาลุงชิน 17 ก.ค. 54

แจ้งข่าว หลวงพ่อปราโมทย์มาแสดงธรรมที่ศาลาลุงชิน ถ.แจ้งวัฒนะ ในวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม 2554 นี้ครับ

ตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 10.00 น. โปรดอ่านอีกครั้ง “เริ่ม 8.30 น. นะครับ”

แนะนำให้มาถึงศาลาก่อน 7.30 น. เพื่อจะได้มีที่นั่งครับ

>>> ท่านที่นำรถมา แนะนำให้นำรถจอดเข้าด้านในของทีจอดรถภายในบริเวณของศาลาฯ ที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น หากท่านไม่ต้องการนำรถเข้ามาจอดภายใน ก็ขอให้นำรถไปจอดที่ห้างโลตัส หรือ บิ๊กซี ทั้งนี้ขอความกรุณาอย่าจอดกีดขวางหน้าบ้านของชุมชนใกล้เคียงศาลาฯ <<<

แผนที่ศาลาลุงชิน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น

mp 3 (for download) : ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์

ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเมื่อไหร่เราแจ้งขึ้นมา แจ่มแจ้ง ปัญญาแจ่มแจ้ง ก็พ้นทุกข์ มันแจ่มแจ้งอริยสัจจ์ อย่างเดิมเราจะเห็นเลยว่า เพราะมีสมุทัยจึงเกิดทุกข์ พอเราแจ่มแจ้งเราจะรู้ว่า เพราะไม่รู้ทุกข์จึงเกิดสมุทัย เพราะมีสมุทัยก็เกิดทุกข์ เพราะไม่รู้ทุกข์ก็เกิดสมุทัย ทุกข์กับสมุทัยเป็นธรรมที่อิงอาศัยกัน เพราะฉะนั้นสังสารวัฏฏ์นี้ไม่มีที่สิ้นสุด พอมีความทุกข์ขึ้นมาเราก็อยากพ้นทุกข์ อยากพ้นทุกข์เราก็ยิ่งดิ้น ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น เพราะฉะนั้นดิ้นไปเรื่อยๆแหละ

แต่ถ้าเมื่อไหร่เรารู้ความจริง เรารู้แจ้งทุกข์ สมุทัยจะดับอัตโนมัติ เพราะฉะนั้นเมื่อไรที่รู้ทุกข์แจ่มแจ้ง สมุทัยจะดับอัตโนมัติ แต่เดิมเราคิดว่า ถ้าดับสมุทัยได้จะดับทุกข์ได้ อันนี้มันถูกเหมือนกันแต่มันถูกครึ่งเดียว สมุทัยดับไป นิโรธก็จะแจ้ง แต่สมุทัยด้บได้ เพราะเรารู้ความจริงของทุกข์ คือรู้ความจริงของกายของใจ ว่ากายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเราแล้ว เราปล่อยวางกายปล่อยวางใจได้ ความดิ้นรนที่จะทำให้กายนี้ใจนี้เป็นสุขพ้นทุกข์ ก็จะหายไป หมดความดิ้นรน พอหมดความดิ้นรน ใจก็แจ้งนิโรธขึ้นมา แจ้งนิพพาน แจ้งสภาวะพ้นทุกข์ สังสารวัฏฏ์เนี่ยเป็นการอิงอาศัยกันระหว่างทุกข์กับสมุท้ย

ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น นี่แหละสังสารวัฏฏ์มีอยู่เท่านี้นะ ถ้าย่อๆลงมาเนี่ย สังเกตดูในใจเรามันเป็นอย่างนั้นมั้ย ยิ่งดิ้นยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ก็ยิ่งดิ้น เวียนอยู่เท่านี้ ตายแล้วตายอีก ก็วนอยู่เท่านี้แหละ หลายคนก็มองว่าถ้าดับตัณหาเสียได้ ก็จะได้พ้นทุกข์ มองได้ชั้นเดียว หลายคนพยายามดับตัณหาด้วยการทรมานตัวเอง

ยกตัวอย่างพวกนิครนถ์เขาก็รู้นะว่า ตัณหาเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ถ้าดับตัณหาได้ก็จะนิพพาน เขามองได้ชั้นหนึ่ง ฉลาดเหมือนกันมองไปได้ชั้นหนึ่ง เขาก็พยายามดับตัณหา เช่นมันอยากกินไม่กิน มันอยากนอนไม่นอน ฝืนมัน ลืมไปว่าตรงที่แกล้งมันทำนั้นน่ะ ทำด้วยตัณหาและทิฎฐิเหมือนกัน

พระพุทธเจ้าฉลาด แหลมคม เรียนลงมาว่า อะไรเป็นต้นตอของตัณหา ท่านพบว่าความไม่รู้ทุกข์นั้นแหละเป็นต้นตอของตัณหา ความไม่รู้ทุกข์นั้นล่ะ คืออวิชาล่ะ อวิชาคือความไม่รู้อริยสัจจ์ ไม่รู้ทุกข์นี้ตัวที่หนึ่งเลย เพราะฉะนั้นในอริยสัจจ์ ๔ แต่ก่อนหลวงพ่อเคยสงสัยนะ ว่าทำไมท่านเริ่มด้วยทุกข์ ทำไมท่านไม่เริ่มด้วยสมุทัย เพราะเวลาเราปฏิบัติเราเห็นสมุทัยก่อนใช่มั้ย มีความอยากแล้วก็มีความทุกข์ ทำไมท่านไม่เจาะจงสอนมาที่ความอยากนี้ ทำไมไปเริ่มต้นที่ทุกข์ เพราะเราเข้าใจธรรมะชั้นเดียว

แต่ถ้าเมื่อไรเราเข้าใจธรรมะนะว่า เพราะไม่รู้ทุกข์จึงเกิดสมุทัย เพราะฉะนั้นถ้ารู้ทุกข์นะ ก็ไม่มีสมุทัย ท่านถึงสอนเริ่มจากทุกข์ก่อน ทุกข์ก็คือกายกับใจนะ ให้เรารู้ทุกข์ ท่านบอกว่า “ทุกข์ให้รู้” เพราะฉะนั้นให้เรารู้ทุกข์ คือรู้กายรู้ใจของตัวเอง พอเข้าใจความเป็นจริงของกายของใจ สมุทัยจะดับทันที ทันทีที่สมุทัยดับ นิโรธจะแจ้งทันที อัตโนมัติหมดเลยนะ เพราะฉะนั้นมรรคก็คือคอยรู้ทุกข์เอาไว้นั่นแหละ รู้ทุกข์จนกระทั่งตัณหาดับ นิโรธแจ้ง ก็พ้นทุกข์ตรงนั้นแหละ คำสอนของท่านสมบูรณ์นะ

แต่ก่อนหลวงพ่อ ก่อนจะไปบวช ก่อนจะปฏิบัติใน(เพศพระ)นี้ เป็นนักวิเคราะห์นะ ชอบวิเคราะห์ ทำงานวิเคราะห์ วิเคราะห์นโยบาย วิเคราะห์แผน เราก็นึกว่าพระพุทธเจ้าสอนอริยสัจจ์ ๔ แบบนักวิเคราะห์ เริ่มต้นด้วยตัวปัญหา มีทุกข์ขึ้นมาก่อนแล้วมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ความจริงไม่ใช่หรอก ท่านสอนมาตามลำดับของการปฏิบัติ เพราะธรรมะท่านสอนเอาไว้ให้ปฏิบัติ ไม่ใช่สอนเอาไว้ให้คิดเล่นๆ ท่านสอนทุกข์ก่อนนี้ถูกต้องแล้ว เพราะเราต้องรู้ทุกข์ ตัวนี้สำคัญมากนะ การรู้ทุกข์ จนกระทั่งละสมุทัย นิโรธแจ้ง มันคือการรู้แจ้งอริยสัจจ์

พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้าไม่รู้แจ้งอริยสัจจ์ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก อริยสัจจ์ ถ้าย่อๆลงมา ถ้าฝ่ายเกิดนะ ก็อย่างที่หลวงพ่อบอกนั้นแหละ ยิ่งดิ้นยิ่งทุกข์ ยิ่งทุกข์ยิ่งดิ้นนั่นแหละ พอย่อลงมาก็แค่นี้แหละ แต่ถ้าจะตัดสังสารวัฏฏ์ให้ขาด ธรรมะฝ่ายวิวัฏฏะ รู้ทุกข์ สมุทัยก็ถูกละ นิโรธก็แจ้ง

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓
File: 490716.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๖ วินาทีที่ ๓๗ ถึง นาทีที่ ๔๑ วินาทีที่ ๑๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การดูจิตคืออะไร? และเคล็ดการดูจิต

พระพุทธเจ้า ปรมาจารย์ ผู้บัญญัติ วิชาดูจิต (จิตตานุปัสสนา)

การดูจิตคืออะไร? และเคล็ดการดูจิต

ดูจิต ก็คือ หัดรู้สึกต่อจิตใจตัวเองในแต่ละขณะ
เช่น ขณะใดที่เกิดความโลภ ความอยาก ก็หัดรู้สึกต่อจิตใจที่มีความโลภมีความอยาก
แต่ไม่ใช่หัดดูว่าโลภอะไร อยากอะไร แค่รู้สึกว่าจิตมีความโลถ มีความอยากเท่านั้น

หรือขณะใดที่เกิดความโกรธ ก็หัดรู้สึกถึงจิตใจที่มีความโกรธ
ไม่ต้องดูว่าโกรธใคร ไม่ต้องดูว่าโกรธเรื่องอะไร
แค่รู้สึกว่าจิตมีความโกรธเท่านั้นเอง

หรือขณะใดที่เผลอหลง เหม่อ ใจลอย
ก็หัดรู้ว่าเมื่อกี้เผลอหลงไป เมื่อกี้เหม่อไป เมื่อกี้ใจลอยไป

หรือขณะใดเกิดรู้สึกว่ามีร่างกายกำลังยืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนไหว
ก็ให้หัดรู้สึกไปสบาย ๆ แล้วเดี๋ยวก็จะลืมกายหรือเผลอหลงไปคิด ไปฟัง ไปมอง
พอเผลอหลงไปคิด ไปฟัง ไปมองแล้ว
ก็หัดรู้สึกว่า เมื่อกี้เผลอหลงไป

เคล็ดในการหัดรู้สึกจิตใจคือ ให้หัดรู้สึกด้วยใจที่ผ่อนคลายสบาย ๆ ไม่เคร่งเครียด
หัดรู้สึกไปเท่าที่จะนึกได้ ไม่ต้องจ้องดูตลอดเวลาครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ภาวนาเล่นๆแบบจริงจัง

mp 3 (for download) : ภาวนาเล่นๆแบบจริงจัง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ภาวนาเล่นๆแบบจริงจัง

ภาวนาเล่นๆแบบจริงจัง

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราชาวการไฟฟ้าจำไว้นะ จงใจปฏิบัติไม่ดี ต้องฝึกจนสติเกิดเอง ถ้าจงใจปฏิบัติเนี่ย จิตเป็นกุศลที่มีกำลังอ่อน แต่ถ้าสติเกิดเองเนี่ย เป็นกุศลที่มีกำลังกล้า ภาษาตำราอภิธรรมเขาเรียกว่า “อสังขาริกัง” ถ้าต้องจูงใจให้เกิดเรียกว่า “สสังขาริกัง” สสังขาริกังมีกำลังอ่อน เพราะฉะนั้นเราจะต้องฝึกจนจิตสภาวะได้แม่น แล้วสติจะเกิดเอง(โดยไม่ต้องจงใจให้เกิด-ผู้ถอด)

สติที่เกิดเองเนี่ยใจจะตั้งมั่นอัตโนมัติเลย แล้วเป็นกุศลที่มีกำลังกล้า จิตดวงนี้แหละเอาไว้รู้กายเอาไว้รู้ใจ มีจิตดวงนี้บ่อยๆขึ้นมา รู้สึก รู้สึกนะ จะรู้กายรู้ใจได้ดี ในอภิธรรมจะเรียกว่าเป็นมหากุศลจิตญาณสัมประยุทธ์อสังขาริกัง มี ๒ ดวง ดวงหนึ่งประกอบด้วยโสมนัสมีความสุข ดวงหนึ่งเป็นอุเบกขา เป็นกลาง กลางแบบนุ่มนวล ไม่ใช่กลางแบบกระด้าง พวกเราที่ภาวนาส่วนใหญ่จิตเป็นกลางแต่เป็นกลางแบบกระด้างๆ กลางแบบกระด้างเป็นอกุศลนะ

เอามา… ถึงไหนแล้ว… คุณมน… ชะตากรรมมาแล้ว.. เบอร์สี่หลงไปแล้วเบอร์สี่ ชาวไฟฟ้าต้องฝึกให้สบายนะ วันนี้เครียดเกินไป จำไว้นะ วันนี้เครียดเกินไป เพราะว่าพอรู้แล้ว ก็เลยขยัน ตั้งใจ จะเอาให้ได้ คิดแต่ว่าจะเอาให้ได้ ถ้าคิดจะเอาจะไม่ได้ จำไว้นะ ทำเล่นๆ ทำเล่นๆ เราต้องทำแบบทำงานอดิเรกน่ะ คนไทยทำงานอดิเรกเก่งนะ ทำงานจริงไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ อะไรที่ตั้งใจมากแล้วไม่ค่อยได้ความหรอก แต่อะไรเล่นๆนะ เอาจริงเอาจัง

เพราะฉะนั้นทำเล่นๆ มีความสุขที่ได้รู้กาย มีความสุขที่ได้รู้จิตใจตนเอง รู้เป็นระยะๆ รู้ไปเล่นๆ หลวงพ่อภาวนาก็ภาวนาแบบเล่นๆนะ แต่ก่อนนี้ แต่ว่าจริงจัง เล่นแบบจริงจัง คือหมายถึง(ภาวนา)ไม่เลิก ทุกวันจะตามรู้กายตามรู้ใจ แต่ไม่ใช่ตามรู้เพื่อจะเข้าไปแทรกแซงบังคับ ไม่ใช่ตามรู้เพื่อเอาอะไรสัก(สิ่งสัก)อย่างเดียว แต่ตามดูความเปลี่ยนแปลงของเขาไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


CD: ธรรมเทศนา ๔ วันในสวนสันติธรรม
Track: ๖
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๐ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๒๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระอาจารย์วันชัยแห่งภูสังโฆ พระดี ที่หลวงตามหาบัวฯ บอกว่า “ครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ”

พระอาจารย์วันชัยแห่งภูสังโฆ พระดี ที่หลวงตามหาบัวฯ บอกว่า “ครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ”

บางส่วนจากคำเทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด “ท่านวันชัยครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ” เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๑ >>>

“…ทางนั้นก็มีวัดภูสังโฆกับวัดผาแดง ธรรมลีอยู่ที่นั่น มีแต่พระมากๆ ทั้งนั้นละอยู่ที่นั่น เราไม่ค่อยได้ไปไหนละเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยไปไหน ไปตามจุดที่จำเป็นๆ เท่านั้นละ ที่จะไปเยี่ยมวัดนั้นวัดนี้ไม่ค่อยได้ไป ธุระของเรามีมากต่อมาก วันหนึ่งๆ ไม่ว่างนะ ท่านวันชัยก็ดี มีหลักใจเรียบร้อยแล้ว ท่านพูดเรื่องจิตตภาวนาให้ฟังทุกอย่างๆ เราก็เพียงคอยเพียงคอยแนะๆ เท่านั้น ก็ผ่านไปได้ล่ะ เรียกว่าผ่าน ผ่านได้แล้วท่านวันชัย ผ่านโดยสมบูรณ์ ไม่มีอะไรล่ะกิเลสตัณหาตัวไหนไม่มี เรียกว่าขาดสะบั้นไปเลยละ ครองแต่ธรรมเต็มหัวใจ ถ้าธรรมครองใจแล้วสบายมาก ถ้ากิเลสครองใจเป็นไฟไปเลย มันต่างกัน…”

ประวัติพระอาจารย์วันชัย

พระอาจารย์วันชัย วิจิตฺโต เกิดวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น ๘ และ จปร. รุ่น ๑๙ ท่านได้ทำงานรับราชการทหารอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงออกบวช แล้วได้พบหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เป็นครั้งแรกที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซ.จรัญสนิทวงศ์ ๓๗ ฝั่งธนบุรี เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

หลวงตามหาบัวได้ให้คำแนะนำว่า “ไม่ควรอยู่เร่ ๆ ร่อน ๆ ควรจะอยู่กับครูบาอาจารย์” จากนั้นไม่นานท่านก็เดินทางไปศึกษากับหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี

“ถ้าเป็นน้ำก็แหวกลงไป แหวกจอกแหวกแหลงไป เห็นแล้วน้ำใสสะอาดซ่อนอยู่หลัง ความหมายมั่นสำคัญผิดนี่เอง แหวกความสำคัญทั้งหลายออก ออกให้หมด ธรรมทุกประเภท อนิจจังก็แล้ว ทุกขังก็แล้ว อนัตตาก็แล้ว แหวกออก ๆ จนไม่มีอะไรจะแหวก ถึงน้ำใสบริสุทธิ์ ถึงจิตดั้งเดิม ตัวจริงของจิตเป็นแบบนี้ ใสสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรเลยเจือปน ใสแท้เห็นธรรม บรรลุธรรม เห็นกายก็จริง เห็นเวทนาก็จริง เห็นจิตจริง ๆ ทุกสิ่งทุกอย่างจริงไปหมด  ฝึกแล้วฝึกเล่า ภาวนาแล้วภาวนาเล่า ทุกข์แล้วทุกข์เล่า พยายามแหวกสิ่งที่คนทั้งหลายเขาละเลย ท่านเห็นอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม ได้ยินอะไรท่านก็พินิจพิจารณาเป็นธรรม ได้กลิ่นลิ้มรสได้สัมผัสอะไรก็พินิจพิจารณาอยู่อย่างนั้น ถึงเอียงซ้ายเอี้ยงขวามันก็ไม่เอียง ต้องปรับให้มันตรงอยู่เรื่อย ตรงความจริงอยู่เรื่อย ในที่สุดก็แหวกออกหมด เหลือแต่ความจริงของจิต ทางภาคปฏิบัติ ปฏิบัติไป ๆ เหมือนกับจะไม่เห็นฝั่งเห็นฝาอะไรเลย เหมือนกับไม่มีวันถึงไหน

ถึงต้องถึง นักปฏิบัติไม่หยุดไม่ถอย ยังไงมันก็ต้องถึง เหมือนกับมืดสนิทจะไม่มีวันสว่างเลย เหมือนกับโง่ดักดานจนไม่มีวันรู้เลย ไม่ใช่ มันค่อยเปลี่ยนแปลงไป ๆ จากการประพฤติปฏิบัติของเรา เปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด จากชั่วเปลี่ยนไปดี จากมืดเปลี่ยนไปสว่างไปเรื่อย จากขุ่นมัวเปลี่ยนเป็นผ่องใสไป ๆ จากกิเลสก็เปลี่ยนเป็นธรรมขึ้นมา”

โอวาทธรรมจากพระอาจารย์วันชัย

“คนเราโลภ โกรธ หลง มาตั้งแต่เกิด จนแก่ จนตาย ไม่
เห็นมีอะไรดี กิเลสมันร้าย  เราไม่ได้ไปร่ำไปเรียน กิเลสมันก็ติดตัวเรา
ตั้งแต่เกิด ก็เพราะความหลงผิด ในตัวตนนั่นเอง”

“เวลาเราเหลือน้อยลงทุกที
อย่าได้ประมาท ให้เร่งภาวนากัน”

“ภาวนาให้มาก ต้องต่อสู้ ต้องพากเพียร จึงจะได้ของจริง”

“เอ้า แยกย้ายกันภาวนา”

วัดสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ(ภูสังโฆ)

ตั้งอยู่บ้านกุดหมากไฟ หมู่ที่ 1 ตำบลกุดหมากไฟ  อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี โดยมีพระอาจารย์วันชัย  วิจิตโต เป็นประธานสงฆ์ เดินทางจากจังหวัดอุดรธานี ถึงอำเภอหนองวัวซอ บ้านอูบมุง บ้านกุดหมากไฟ ระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร


วัดภูสังโฆญาณวิสุทธิโสภณ (วัดภูสังโฆ, วัดป่าสังฆาราม) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า วัดเสิงเคิง เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นวัดที่เน้นหนักและเข้มงวดเรื่องการปฏิบัติภาวนา สถานที่สัปปายะ เหมาะอย่างยิ่งในการเร่งปฏิบัติภาวนาอย่างจริงจัง

การเดินทาง : มาจากตัวเมืองอุดร บนถนนอุดร-เลย ถึงทางแยกไปตัว อ.หนองวัวซอ เลี้ยวซ้าย ระยะทางตรงนี้ ประมาณ 22 กม. ตรงไปเรื่อย จะผ่านตัว อ.หนองวัวซอ ให้ตรงไปอีกบนถนนลาดยาง จนเกือบสุดถนน ให้เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านกุดหมากไฟ ตามถนนลาดยางไปไม่ไกล จะต้องเลี้ยวซ้าย มีป้ายบอก ให้สังเกตป้าย และถามทางไปเรื่อยๆ จนสุดถนนลาดยาง จะมีทางเลี้ยวขวา (ถนนดินแดง) ไปเรื่อยๆ ก็จะถึงวัด หรือเดินทางจาก อ.เมือง จ.อุดรธานี ก็นั่งรถสองแถวที่จะไปบ้านกุดหมากไฟ สุดสายเลย แล้วบอกให้สองแถวเลยไปส่งต่อที่วัดภูสังโฆ ได้เลย สองแถวจะรู้หมดทุกคัน ชาวบ้านจะเรียกชื่อวัดว่า วัดเสิงเคิงหรือวัดภูสังโฆ ก็จะทราบเป็นส่วนใหญ่

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ปัญหาบ้านเมือง

ปัญหาบ้านเมือง

บ้านเมืองย่อมดีบ้างแย่บ้างไปตา​มเหตุปัจจัย
จิตเองก็ย่อมดีบ้างแย่บ้างไปตาม​เหตุปัจจัย
ในฐานะชาวบ้านธรรมดาตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
ขอแค่มีแรงตื่นขึ้นมารู้สึกตัว มีจิตตั้งมั่น จะดีก็รู้จะแย่ก็รู้
ทำอะไรดีๆได้ ก็ทำไปเท่าที่มีแรงจะทำ
แล้วก็ทำใจยอมรับให้มากหน่อยกับ​อะไรที่แย่ๆ
เท่านี้ก็เพียงพอที่จิตจะไม่ดีด​ดิ้นไปตามอะไรที่มันแย่ๆ ได้แล้ว

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พระอรหันต์ ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมดา

mp 3 (for download) : พระอรหันต์ ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมดา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

พระอรหันต์ ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมดา

พระอรหันต์ ก็เป็นธรรมชาติ ธรรมดา

หลวงพ่อปราโมทย์ : พวกเราชอบวาดภาพพระอรหันต์ คือคนที่ฝึกจิตที่ไม่เที่ยงให้เที่ยงได้ ทำจิตให้เที่ยง คือคนที่ฝึกจิตที่เป็นทุกข์ให้เป็นสุขได้ คือคนที่บังคับจิตซึ่งเป็นอนัตตาให้บังคับได้ แท้จริงไม่ใช่อย่างนั้น แท้จริงก็คือท่านคล้อยตามความเป็นจริง เรียกว่า มันมีญาณอยู่ตัวหนึ่ง เรียกว่า สัจจานุโลมิกญาณ ตอนที่ความรู้แจ้งอริยสัจจ์จะเกิดน่ะ จะมีญาณอยู่ตัวหนึ่งเรียกว่า สัจจานุโลมิกญาณ การคล้อยตามความจริง ความจริงของกายของใจ มันเป็นอย่างไร รู้แล้วยอมรับมัน รับสภาพความเป็นจริงของมันได้

ถ้ายอมรับได้นะใจหมดการดิ้นรน หมดตัณหาทันทีเลย ความดิ้นรนในใจจะหมด ทันทีที่ตัณหาดับลงเนี่ย นิโรธหรือนิพพานจะปรากฎขึ้นมาเลย มรรค ผล นิพพานปรากฎ เพราะฉะนั้นเราต้องการรู้ รู้แล้วต้องได้ผลตรงตามที่พระพุทธเจ้าบอก

ยกตัวอย่างการใช้ชีวิตของเราก็จะปกติ ก็จะไม่ได้เพี้ยนๆผิดปกตินะ เป็นปกติธรรมดาที่สุดเลย ยกตัวอย่างพระสารีบุตรนะ ชอบกระโดดโลดเต้น เผลอๆ ไม่ใช่ท่านเผลอนะ หมายถึงว่า เวลาจะข้ามท้องร่อง ข้ามอะไรอย่างนี้ ท่านกระโดดเอา หรือมีพระอยู่องค์หนึ่ง ท่านชอบเรียกคนอื่นว่าไอ้ถ่อยๆนะ เป็นพระอรหันต์ท่านก็ยังเรียกไอ้ถ่อยอยู่อย่างนั้นแหละ ท่านไม่ได้แกล้งทำขรึมนะ พระอรหันต์เหมือนคนพิการ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฝึก วันๆไม่กระดุกกระดิก อย่างนั้นมันทำด้วยตัณหาและทิฎฐิ

จริงแล้วไม่ยากนะ ไม่ยากอะไร รู้ไปอย่างที่มันเป็น มีเท่านี้แหละธรรมะ พูดกี่วันก็คล้ายๆกันนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลา กาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓
File: 490716.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๓๖ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม สนทนาธรรมกับ คุณมาลี ปาละวงศ์ ตามแนวหลวงพ่อปราโมทย์ ในวันที่ 9 ก.ค. 54

ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจิตใสใจสบาย กับ ธรรมะยามบ่าย โดย คุณมาลี ปาละวงศ์เป็นการสอนปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ในวันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม 2554 ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป

เหมาะสำหรับผู้สนใจในการเจริญสติตามแนวทางของการดูจิต (จิตตานุปัสสนา) เป็นรูปแบบการเสวนาธรรมแบบสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง เน้นให้เกิดความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

ณ ห้องกรรมฐาน อาคารเจริญธรรม บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2

รถประจำทางที่ผ่าน สาย 157, 123, ปอ.พ.79

สนใจติดต่อสอบถามได้ที่ 02-448-3392 เวลาทำการ 9.00 – 18.00 น. หยุดวันพุธ

ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง, การเดินทางและแผนที่  >>

Dhammada News : แนะนำบ้านจิตสบาย แหล่งเรียนรู้และภาวนาโดยการเจริญสติ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไม่มีกำลังถ้าไม่ทำในรูปแบบ

จิตไม่มีกำลังถ้าไม่ทำในรูปแบบ

ถาม : ถ้าไม่ได้ทำรูปแบบ แต่พุทโธบ้าง รู้ที่กายบ้าง รู้ลมบ้าง จะช่วยให้จิตมีกำลังได้ไหมคะ?

ตอบ : ถ้าจิตเปลี่ยนไปรู้อารมณ์หลายๆ อย่างตลอดเวลา จิตจะไม่มีกำลังจากการรู้และจะหมดกำลังครับ ต้องมีเวลาให้จิตพักจึงจะมีกำลังขึ้นมาใหม่ หรือไม่ก็ต้องมาหัดรู้อารมณ์อย่างใดอย่างหนึ่งให้ต่อเนื่องเช่น มารู้กายเคลื่อนไหวในขณะทำงานที่ไม่ใช้ความคิด รู้ต่อเนื่องไปสักครู่จิตก็จะมีกำลังขึ้นมาได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปปัญจธรรม ธรรมะที่ทำให้เนิ่นช้า

mp 3 (for download) : ปปัจธรรม ธรรมะที่ทำให้เนิ่นช้า

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ปปัญจธรรม ธรรมะที่ทำให้เนิ่นช้า

ปปัญจธรรม ธรรมะที่ทำให้เนิ่นช้า

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทิฏฐิมานะมากทำให้เนิ่นช้า ธรรมะที่ทำให้เนิ่นช้าท่านเรียกว่า ปปัญจธรรม

ปป้ญจธรรมมี ๓ อย่าง อันที่หนึ่งตัณหา อันที่สองมานะ อันที่สามทิฎฐิ พวกเราพวกคนเมือง ปัญญาชน คนฉลาด คนเก่ง เจ้าทิฎฐิมานะนะ วางตัวนี้ให้ได้แล้วจะเร็ว เพราะเราไม่ได้มีแต่ความเชื่อมั่น เชื่อตัวเอง เพ่งเอาๆ แล้วก็คิดว่าต้องเพ่งไว้ก่อนแล้วจะดีทีหลัง

ก่อนหลวงพ่อบวชน่ะ เคยดูทีวี รายการทไวไลท์โชว์ ยังมีมั้ย หรือเลิกไปแล้ว ทำไมมันทนนักล่ะรายการนี้ มันทนเหลือเกิน ตอนนั้นเขานิมนต์อาจารย์พระมหาบัวมา คุณไตรภพเขาถามท่านบอกว่า เนี่ยถ้าผมทำสมาธิไปเรื่อยๆ มันจะเกิดปัญญามั้ย ท่านอุทาน หา.. เกิดอะไรนะ เกิดปัญญามั้ย ไม่เกิด คนละเรื่องกัน

สมาธิทำให้เกิดความสุขความสงบ สมาธิคือการพักผ่อน อันนี้หลวงพ่อขยายความนะ สมาธิเป็นการพักผ่อน การเจริญปัญญานั้นเหมือนการทำงาน การทำงานกับการพักผ่อนไม่เหมือนกันนะ ยกตัวอย่างถ้ามาถามเราบอกว่า ผมนอนมากๆแล้วผมจะรวยมั้ยเนี่ย ก็เหมือนถามว่าผมทำสมาธิมากๆแล้วจะเกิดปัญญามั้ย เป็นคำถามที่มีค่าเท่ากันเลย นอนมากๆแล้วผมจะรวยมั้ย ไม่รวยต้องไปทำงาน ไปทำแต่ความสงบ ความนิ่ง ความเฉยซึมกะทืออยู่นะ แล้วก็มีทิฎฐิมานะว่าต้องอย่างนี้แหละๆ แล้วจะบรรลุ หารู้ไม่ว่า อาฬารดาบส อุทกดาบส เขาก็ทำมาก่อน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า

CD: ธรรมเทศนา ๔ วันในสวนสันติธรรม
Track: ๔
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๓ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 41234