Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วจะละสมุทัย


mp 3 (for download) : รู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วจะละสมุทัย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วจะละสมุทัย

รู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วจะละสมุทัย

หลวงพ่อปราโมทย์ : เมื่อเรารู้ขันธ์แจ่มแจ้งแล้วเนี่ย ตัณหาจะถูกละโดยอัตโนมัติ รู้ทุกข์แล้วละสมุทัย มันละของมันเอง เราไม่ต้องไปนั่งละ ไม่มีใครละได้นะ

ทันทีที่ตัณหาถูกละ นิโรธคือนิพพานก็จะปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตาโดยอัตโนมัติเลย เราจะพบว่า โห..โง่หลาย มันอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ ไม่เห็น ตอนที่ไปเรียนกับหลวงปู่สุวัจน์นะ ท่านก็เคยพูดอย่างนี้ให้ฟังนะ บอกว่า พอแจ้งขึ้นมานะ ท่านด่าตัวเองเลย เราอย่าไปด่าท่านนะ แต่ท่านเล่าว่าท่านด่าตัวเอง ท่านด่าว่า โอ้ย..โง่ โง่แท้น้อ.. โง่หลาย โง่แท้ ของอยู่ต่อหน้าต่อตานี้แหละ เห็นนะ ก็เห็นนะเพราะว่า ถ้าเข้าใจธรรมะเป็นลำดับๆไป ก็เริ่มเห็นนิพพานแล้ว แล้วก็ปรากฎอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ไม่เข้าใจ

สภาวะที่พ้นความปรุงแต่ง มีอยู่ตลอดเวลานะ ในขณะนี้ก็มีอยู่ เพียงแต่เราไม่เข้าใจ เราไม่เห็น เพราะอะไร เพราะความปรุงแต่งในใจเรานี้แหละ ปิดบังไว้ มันทำให้เราไม่เห็นความไม่ปรุงแต่ง

อาจารย์อำนาจ ท่านบรรยาย มีอยู่บทหนึ่งท่านบอก อะไรนะ ระลอกคลื่นบังน้ำใส ระลอกคลื่นมันบังน้ำใส ระลอกคลื่นก็คือความปรุงแต่งนั่นเอง ก็บังสภาวธรรมตัวแท้ๆของสภาวธรรมเอาไว้ เพราะฉะนั้นให้เรารู้ทันความปรุงแต่งไป จิตใจมีกิเลสขึ้นมา..รู้ไป ถ้ารู้ไม่ทันนะ กิเลสเกิดจิตใจรู้ไม่ทัน มันจะหลอกให้เราทำงาน จะดิ้นรนค้นคว้า ไขว่คว้าอารมณ์โน้นอารมณ์นี้ ไปเรื่อยๆ หรือกระทั่งกุศลเกิดขึ้น ถ้ารู้ไม่ทัน มันก็จะหลอกให้ทำงานเหมือนกัน

ในขั้นของการทำวิปัสสนานี้ กุศลและอกุศลล้วนแต่หลอกให้จิตทำงานเหมือนๆกันนั่นแหละ แต่ทำงานกันคนละแบบ อันหนึ่งหลอกให้ทำงานที่ดีก็ไปสู่ภพภูมิที่ดี อีกอันหนึ่งหลอกให้ทำงานที่ชั่ว ก็ไปสู่ภพภูมิที่ชั่ว รวมความแล้วต้องไปสู่ภพภูมิอันใดอันหนึ่ง

แต่ถ้าเรามีสติ จนกระทั่งหมดการทำงาน การทำงานของจิตนั้นแหละคือคำว่าภพ คำเต็มๆของมันคือคำว่า กรรมภพ เพราะฉะนั้นถ้าเรารู้ทันกิเลส กิเลสตัณหาไม่ย้อมจิตนะ จิตก็จะไม่ดิ้นรนทำงานขึ้นมา ก็จะไม่สร้างภพขึ้นมา เมื่อภพไม่มี ความรู้สึกว่ามีเราก็จะไม่มีขึ้นมา เมื่อไม่มีเราเป็นที่รองรับแล้ว ที่ตั้งของความทุกข์ก็จะไม่มี ขันธ์น่ะเป็นทุกข์ไป แต่ไม่มีที่ตั้งของความทุกข์ ไม่ใช่ว่าขันธ์ไม่ทุกข์นะ ขันธ์ของพระอรหันต์ก็ทุกข์นะ แต่พระอรหันต์ท่านไม่หยิบฉวยขันธ์เอาไว้ ขันธ์ก็ทุกข์ส่วนขันธ์ไป พระอรหันต์ท่านก็ไม่ได้ทุกข์อะไรของท่านด้วย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๐ หลังฉันเช้า


CD: ธรรมเทศนา ๔ วันในสวนสันติธรรม
Track: ๔
ระหว่างนาทีที่ ๑๘ วินาทีที่ ๒๖ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 894 times, 1 visits today)

Comments are closed.