Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เหตุทุกข์จากความรัก


เหตุทุกข์จากความรัก

ถาม : ขณะฝึกดูจิตอยู่ จะด้วยอะไรไม่ทราบค่ะ มันเกิดความรักข้างเดียวขึ้นมา โดยที่เราไม่เคยต้องการให้เกิดเลย จนตอนนี้รู้สึกว่ากลายเป็นทาสจิตในเรื่องนี้ไปแล้วค่ะ :'( :'( เราพลาดอะไรไปค่ะถึงเกิดราคะได้ ??? พอพยายามตามดูไปมันยิ่งแย่ ยิ่งรุนแรงค่ะ ลึกๆมันอยากให้ความรู้สึกนี้หายไปเร็วๆ อึดอัดค่ะ อยากออกมาจากความรู้สึกนั้น ทุกข์เหลือเกินค่ะ เห็นว่าจิตเรา มันห้ามไม่ได้เลยค่ะเรื่องรักๆเนี่ย ไม่เหมือนโกรธ หรือหลงค่ะ เคยพยายามห้ามแต่ไม่เคยได้ค่ะ   เราควรทำอย่างไร ระหว่างตามดูไปแต่เอาตัวเราออกมาจากการต้องพบเจอคนนั้น จากสถานที่นั้นๆ เพื่อลดเหตุหรือ ปล่อยเหมือนเดิม ดูไป ดูไปเหรอค่ะ ?

ตอบ : อย่าคิดว่าพลาดเลยครับ
เรื่องกิเลสแบบนี้ เป็นเรื่องที่เกิดกับใครก็ได้
เพราะเรายังมีอวิชชา มีจิตที่ถูกกกิเลสครอบงำได้อยู่
และเป็นไปไม่ได้หรอกครับ ที่เราจะสั่งจะห้ามไม่ให้จิตไปหลงรักใครเลย

และถ้าเราหรือเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเป็นคนรักกันได้
หรือเราเอง/เขาเอง ตั้งใจจะไม่มีครอบครัว
ตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์ ตั้งใจจะภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์
เราก็ต้องอดทน สำรวมรักษาศีล ๕ ให้ได้
อย่าปล่อยให้อำนาจของความรักมาขับดันให้เราต้องทำผิดศีล ๕
เพราะไม่เช่นนั้นเราจะต้องทุกข์ทับซ้อนทวีคูณมากขึ้นไปอีก

ถ้ายังรู้สึกว่า ยังสำรวมไม่ได้ หากอาจจำเป็นต้องหลบเลี่ยงไม่เจอหน้า
ไม่จำเป็นก็ไม่พูดคุย หากจำเป็นต้องเจอต้องคุย
ก็อย่ามองหน้า อย่าอยู่ตามลำพังสองต่อสอง
(ยากเหมือนกันนะ…แต่อันนี้พระวินัยมีบอกไว้)

ทีนี้พอเราสำรวมรักษาศีล ๕ ได้แล้ว
เราก็ต้องมาหัดรู้สึกตัวว่า เมื่อกี้จิตไหลไปกับความหลงรักอีกแล้ว
หัดดูไปโดยไปต้องคาดหวังว่าจะหายจากการหลงรัก
หัดดูไปเรื่อย ๆ บ่อย ๆ จนจิตเองคุ้นเคยที่จะเห็นว่าจิตไหลไปหลงไป
แล้วจิตจะค่อย ๆ เป็นกลางมากขึ้น
มีความตั้งมั่นมากขึ้น รู้ทันใจที่หลงไปมากขึ้น
ไม่นานนักหรอกครับ อาการหลงไปแบบนี้ก็จะค่อย ๆ เบาบางไปเอง

แต่ถ้าเราไปปฏิเสธมัน เกิดไม่อยากเป็นแบบนี้ อยากหายจากอาการแบบนี้
แล้วเรารู้ไม่เท่าทันความไม่อยากเป็น รู้ไม่เท่าทันความอยากหาย
แล้วลงมือกระทำอะไรต่อจิตใจเราเอง เราจะต้องติดกับติดวังวนนี้ไปอีกนานเลยครับ

อดทน สำรวมรักษาศีล ๕ ไว้
แล้วค่อย ๆ หัดดูจิตที่หลงไปจมแช่ความรักความทุกข์อันนี้ไปบ้าง
หัดดูจิตที่ดิ้นรนจะให้หายบ้าง
หัดดูจิตที่ไม่ชอบ อยากหายบ้าง
ไม่นานหรอกครับ จิตใจก็จะกลับไปเป็นปกติได้

:D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 180 times, 1 visits today)

Comments are closed.