กิจอริยสัจจ์ทั้ง ๔ คือกิจอย่างเดียวกัน
เวลาที่ไม่รู้ตัวก็เป็นแบบนั้นแหละครับ อวิชชามันบังไม่เห็นว่ากำลังทุกข์ พอเราไม่เห็น ไม่รู้ทุกข์ ก็ทำให้ยิ่งหลงยิ่งเผลอไป พระพุทธองค์จึงได้ให้หลักของ กิจแห่งอริยสัจจ์ไว้เป็นข้อแรกว่า ทุกข์ให้รู้ ซึ่งผมคิดว่า.. ถ้ารู้ทุกข์ได้ กิจอีก ๓ ข้อก็จะตามมา อย่างใครที่ชอบเพ่ง ถ้าวันไหนเห็นว่า ตอนที่เพ่งมันทุกข์ชัดๆ ก็จะเลิกเพ่งไปเองเลย ถ้ายังไม่เห็นว่าเพ่งแล้วทุกข์ ก็จะหลงเพ่งอยู่นั้นแหละ หรือแม้แต่ตอนที่เผลอไป ถ้าเกิดเห็นว่าเผลอไปนี้ก็ทุกข์ ก็จะเกิดฉันทะที่จะเพียรรู้ตัวได้เอง ถ้ามองตรงนี้ออก ก็จะเห็นพระปรีชาของพระพุทธเจ้าที่หาผู้ใดเทียบไม่ได้เลย ต่อการสอนสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์
กิจอริยสัจจ์ทั้ง ๔ ข้อ แม้ใครทำได้จริงเพียงข้อเดียว ก็พ้นทุกข์ได้ แค่ข้อแรกนี่ก็สุดยอดแล้ว… ทุกข์ให้รู้ ถ้าเพียรรู้ทุกข์ไปก็พ้นทุกข์ได้แน่ หรือใครไปทำข้อ ๒ ละสมุทัย.. ถ้าละได้ก็พ้นทุกข์กันเลย หรือใครจะไปทำข้อ ๓ ทำนิโรธให้แจ้ง … ถ้ารู้วิธีทำและทำให้แจ้งได้ ก็จบกันไปเลย ส่วนข้อ ๔ นี่เป็นมาตรฐานของการปฏิบัติ… มรรคเจริญให้มาก… เจริญมรรคได้ก็พ้นทุกข์ได้ หรือจะมองอีกมุมก็ได้ว่า… การรู้ทุกข์ ก็คือการเจริญมรรค เพราะต้องรู้ทุกข์ด้วยสัมมาทิฏฐิ…. ไปจนถึง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ จะละสมุทัยได้ก็ต้องรู้สมุทัยด้วยสัมมาทิฏฐิ …. ไปจนถึง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นิโรธจะทำให้แจ้งได้ก็ด้วยทำ สัมมาทิฏฐิ …. ไปจนถึง สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สรุปแล้ว กิจอริยสัจจ์ทั้ง ๔ จริงๆ แล้วก็คือกิจอย่างเดียวกันนั่นเอง
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่