Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ต้องเจริญสติปัฏฐานตั้งแต่ตื่นจนหลับ

mp 3 (for download) : ต้องเจริญสติตั้งแต่ตื่นจนหลับ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ต้องเจริญสติปัฏฐานตั้งแต่ตื่นจนหลับ

ต้องเจริญสติปัฏฐานตั้งแต่ตื่นจนหลับ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่ว่าทุกคนจะต้องทำสมาธิให้ได้ฌานก่อนนะถึงจะเจริญสติได้ กระทั่งสมัยพุทธกาลเคยเล่าให้ฟังแล้วใช่มั้ยว่าพระพุทธเจ้าท่านบอกเอง บอกในภิกษุ 500 องค์นะ มีได้วิชชาสาม 60 องค์ ได้อภิญญาหก 60 องค์​ ได้อุภโตภาควิมุตนะได้ทั้งปัญญาทั้งสมาธิเนี่ย 60 องค์ รวมแล้วเท่าไหร่ล่ะ 180 จาก 500 นะ ที่เหลือเป็นพระสุกขวิปัสสกนะ

พระสุกขวิปัสสกก็ฝึกอย่างที่พวกเราฝึกอยู่นี่แหล่ะ ฝึกอยู่ในชีวิตธรรมดานี่เอง นั่นขนาดคนพุทธกาลนะ ชีวิตสงบร่มเย็นกว่าพวกเราเยอะเลย ชีวิตพวกเราวิ่งเป็นหมาบ้าทั้งวันเลยเอาเวลาที่ไหนมาสงบนะ เพราะงั้นเราทำได้เท่านี้หรอกนะ ทรัพยากรเราจำกัดนะ อดทนนะ ใช้ความอดทนให้มากเลย

หลวงพ่อภาวนาตอนเป็นโยมนะ หลวงพ่อสู้ตายเลย หลวงพ่อตั้งแต่ตื่นนะพยายามเจริญสติลูกเดียวเลย กลางคืนก็พยายามมาดูของเรานะดูจนหลับกลิ้งไปเลย รู้สึกตัวก็ดูของเราอีกนะ ฝึกของเราอยู่อย่างนี้เอง ไม่ได้ช้ากว่าพระเลยนะ ไม่ได้ช้าเลย ไปหาครูบาอาจารย์ตามวัดป่าเนี่ย ครูบาอาจารย์รับรองให้ทุกองค์เลยนะว่าภาวนาวิธีนี้ใช้ได้เลย ท่านสอนต่อยอดให้ด้วย

เพราะงั้นพวกเราเป็นชาวเมืองนะเราอดทนตามรู้ตามดูมีสติอยู่ในชีวิตประจำวันให้มาก แต่ถ้าอยากได้มรรคผลนิพพานให้มันกระฉับกระเฉงว่องไวนะ แบ่งเวลาไว้หน่อย ก่อนนอนหรือตื่นนอนก็ได้มาเจริญสติในชีวิตประจำวัน

หลวงพ่อทำนะกระทั่งตอนรับราชกาลอยู่ กลางวันกินข้าวกลางวันนะเสร็จแล้วแอบออกจากที่ทำงานไปอยู่ที่วัดโสมหรือวัดเบญจฯ ที่ทำงานเมื่อก่อนอยู่ในทำเนียบฯ ออกไปวัดโสมไปวัดเบญจฯไปเดินจงกรมนะเดินจงกรม ตอนที่เดินไปวัดเนี่ยก็เดินจงกรมไปแล้วล่ะ ไปถึงวัดไปเดินอีกนิดหน่อยหมดเวลาเดินกลับมาที่ทำงานเนี่ย เดินจงกรมนะ ทำไมต้องหนีไปเดินที่ไกลๆ ถ้าอยู่เดินอยู่ในทำเนียบเดี๋ยวหัวหน้าเรียก เดินไปให้มันไกลๆหน่อยพอเค้าตามตัวเรา เราก็บอกเดี๋ยวกำลังเดินมาแล้วนะ เนี่ยอดทนมากเลยนะ การปฏิบัติไม่มีของฟรีไม่มีของฟลุ๊กนะ ต้องสู้เอาเองนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา
ชลบุรี

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๒
File: 520816.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๕๐ ถึงนาทีที่ ๓๖ วินาทีที่ ๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตตานุปัสสนา (ดูจิต) โดยการเดินจงกรม

จิตตานุปัสสนา (ดูจิต) โดยการเดินจงกรม

การเดินจงกรม เป็นการภาวนารูปแบบหนึ่งที่ใช้กับการดูจิตได้ ในการเดิน เราก็ไม่ต้องคอยควบคุมให้ไปรับรู้ความรู้สึกตรงจุดใดจุดหนึ่งโดยเฉพาะ หากจิตไปรับรู้เท้าที่กระทบพื้น ก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ แล้วสังเกตว่าขณะนั้น การรับรู้เท้ากระทบเป็นแบบ เพ่งไปรู้หรือไม่ การรับรู้ที่เป็นไปตามหลักการดูจิต ต้องไม่เป็นการเพ่งไปรู้ แต่สำหรับคนที่หัดดูจิตใหม่ๆ จะแยกไม่ออกว่า เพ่งไปรู้เป็นอย่างไร ควบคุมการรู้เป็นอย่างไร ซึ่งถ้ายังแยกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ให้หัดสังเกตไปเรื่อยๆ สบายๆ ก่อน

หลักการอีกอย่างหนึ่งนอกจากไม่ควบคุมการรู้ และไม่เพ่งไปรู้แล้ว ก็คือ ไม่ควบคุมจิตเอง จิตจะเป็นอย่างไรก็หัดดูจิตที่เป็นอย่างนั้น จิตเคลิ้มๆ ก็หัดดูจิตที่เคลิ้มๆ  ไม่ต้องสลัดออก ไม่ต้องทำให้หายเคลิ้ม รู้ไปที่จิตตรงๆ เลย จิตจะหายเคลิ้มหรือไม่ก็เป็นเรื่องของจิต เรื่องของเราคือรู้ว่าจิตเคลิ้มๆ เท่านั้น

ในการดูจิต ไม่มีการเจาะจงว่าจะรู้อะไรบ้างนะครับ อะไรที่ปรากฏชัดหรืออะไรที่เราไปรับรู้เข้า ก็ให้ดูอันนั้น ถ้ารู้เท้ากระทบพื้นชัด ก็รู้เท้ากระทบพื้น ถ้ารู้อาการของจิตเช่นเคลิ้ม ฯลฯ ก็รู้จิตที่เคลิ้ม ๆ รู้ไปเท่าที่รู้ได้ครับ ไม่ต้องรู้ตลอดเวลา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ประกาศจากสำนักสงฆ์สวนทิพย์ เรื่องกำหนดเวลาการเข้ากราบ หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

mp 3 (for download) : อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

อยากได้มรรคผลนิพพาน ต้องทำในรูปแบบทุกวัน

หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ใช่ว่าหลวงพ่อเก่งมาสอนเรื่องดูจิตได้ เพราะสังคมมันเปลี่ยน สังคมเป็นสังคมของคนเมือง สังคมที่คิดมาก สังคมที่เหน็ดเหนื่อย แต่ละวันนะกว่าจะซมซานกลับบ้านเหมือนนกปีกหักทุกวันเลย ใครรู้สึกมั้ย

บางคนไม่ใช่ปีกหักนะ หางก็หักคอจะหักมิหักแหล่อยู่แล้ว พอไปนั่งสมาธิก็เป็นนกคอหักแล้ว หักไปเลยนะ หลับ มันทำไม่ไหว สภาพแวดล้อมที่มันไม่เอื้ออำนวยที่จะให้เราหาความสงบของจิตมากๆนะ ลึกๆเนี่ยมันไม่มีโอกาส เราต้องพากเพียรเอาเท่าที่เรามีทรัพยากรอันจำกัด เพราะงั้นเราพยายามเจริญสติในชีวิตประจำวันให้มากๆนะ

แต่ว่าถ้าคนไหนอยากได้มรรคผลนิพพานให้ไวๆหน่อยต้องใจเด็ดนะ ใจเด็ดจริงๆเลย มาตื่นเช้าให้เช้าขึ้นหน่อยนะแล้วก็มาทำในรูปแบบนั่งสมาธิเดินจงกรมเนี่ย ฝึกอย่างนี้นะ ตอนค่ำก็อดทนหน่อยนะอย่าพึ่งรีบหลับ ตัดไอ้สิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป รายการละครหลังข่าวอะไรไม่จำเป็นนะไม่ดูก็ไม่ตาย

หลวงพ่อไม่เคยดูไม่เห็นตายเลยนะ เอาเวลาที่เหลือก่อนจะสลบเนี่ย มาเจริญสตินะ เนี่ยฝึกอย่างนี้แล้วเวลามีชีวิตประจำวันก็พยายามดูของเราไป จะกิน จะดื่ม จะทำ จะพูด จะคิด จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอนเนี่ย คอยมีสติเรื่อยๆไป

อาศัยการฝึกอย่างเนี่ย พวกเราก็จะทำมรรคผลนิพพานให้เกิดขึ้นในชีวิตนี้ได้ อาศัยปัญญานำอาศัยสตินำไปก่อนเพราะว่ามันจำเป็นที่ต้องทำ

นี่บอก professor ญี่ปุ่นไปนะว่าเราไม่ใช่คนเก่งนะ สังคมมันเปลี่ยน คนไม่มีทางเลือกยังจะให้พวกเรานั่งสมาธิวันละสามชั่วโมง นั่งไม่ไหว นั่งเดี๋ยวก็หลับนะ งั้นเรามีปัญญาอยู่แค่นี้แหล่ะ เรามีทรัพยากรอยู่เท่านี้แหล่ะ ก็สู้เอานะ

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๒
File: 520816.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๓ ถึงนาทีที่ ๓๓ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ขอเชิญฟังหลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรม ณ รพ.บุรีรัมย์ และ รพ.สุรินทร์ ในวันที่ 9-10 ม.ค. 55

ขอเชิญรับฟังหลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรม ณ รพ.บุรีรัมย์ ในวันที่ 9  มกราคม 2555  เวลา 18.00 น

โรงพยาบาล บุรีรัมย์ : ตั้งอยู่เลขที่ 10/1 ถนนหน้าสถานี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัด บุรีรัมย์ โทรติดต่อ : 044-615-002

และ ขอเชิญรับฟังหลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่ รพ. สุรินทร์ ในวันที่ 10  มกราคม 2555 เวลา 14.00 น ห้องสระโบราณ

โรงพยาบาล สุรินทร์ : ตั้งอยู่ เลขที่ 68 ถนนหลักเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โทรติดต่อ : 044-518-427 ‎

หมายเหตุ : วันที่ 8 มกราคม 2555 หลวงพ่องดแสดงธรรมที่สวนสันติธรรม

แผนที่ รพ.บุรีรัมย์ >>>

แผนที่ รพ.สุรินทร์ >>>


View Larger Map

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตตานุปัสสนา+ธัมมานุปัสสนา ที่เรียกสั้นๆว่าดูจิต แนะนำ!!

จิตตานุปัสสนา+ธัมมานุปัสสนา ที่เรียกสั้นๆว่าดูจิต

การดูจิต ก็คือการรู้สึกว่าจิตเป็นอย่างไร เพื่อให้จิตเกิดสติ-สัมปชัญญะ

เมื่อรู้สึกว่าจิตมีกิเลส สติจะเกิด และถ้ามีสัมปชัญญะ

จิตที่มีกิเลสก็จะดับไป เหลือแต่ความรู้ ตื่น เบิกบาน

ไม่รู้สึกว่าพอใจ-ไม่พอใจต่อจิตที่มีกิเลส (ที่เพิ่งดับไป)

เมื่อไม่รู้สึกว่าพอใจ ก็ไม่พยายามสร้างจิตที่มีกิเลสขึ้นใหม่

เมื่อไม่รู้สึกว่าไม่พอใจ ก็ไม่พยายามทำให้จิตที่มีกิเลสไม่สามารถเกิดขึ้นอีก

สติสัมปชัญญะที่เกิดขึ้นมีผลให้จิตเหลือแต่ รู้ เท่านั้น

จิตที่มีสติสัมปชัญญะ เรียกอีกอย่างว่า รู้สึกตัว หรือ รู้ตัว

เมื่อเกิดสติสัมปชัญญะ (รู้สึกตัว) ได้บ่อยๆ

จิตเองจะค่อย ๆ เกิดความเข้าใจต่อกายต่อจิตเอง

จนกระทั่งเกิดความเข้าใจได้ว่า กายไม่ใช่ตัวเรา จิตเองก็ไม่ใช่ตัวเรา

กายนี้เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมสลายดับไป จิตนี้เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป

เมื่อเข้าใจถึงระดับหนึ่ง ความเข้าใจผิด ความเห็นผิดไปว่ากายนี้จิตนี้เป็นตัวเรา

ก็จะถูกละออกไปอย่างชนิดไม่กลับไปเข้าใจผิด ไม่กลับไปเห็นผิดอีกเลย

เมื่อละความเข้าใจผิด ความเห็นผิดไปแล้ว

สติสัมปชัญญะที่เกิดจากการรู้สึกว่าจิตเป็นอย่างไร

ก็จะพัฒนาไปตามลำดับจนในที่สุด การปล่อยวางกายปล่อยวางจิตก็จะเกิดขึ้น

สภาวะที่เรียกกันว่า นิพพาน ก็จะปรากฏขึ้น

(รู้ลงปัจจุบัน คือ รู้กาย กับจิตที่เพิ่งดับไปสดๆ ร้อนๆ ครับ)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

mp 3 (for download) : แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

แม้มีภาระทางโลกมาก ก็ภาวนาได้ (และได้ดีด้วย)

โยม : กราบนมัสการหลวงพ่อค่ะ โยมเคยฟังซีดีอยู่เจ้าค่ะ โยมมีอาชีพค้าขายแล้วกลับบ้านก็ต้องดูแลลูก อันนี้โยมอยากจะได้กรรมฐานจากหลวงพ่อไปใช้ในชีวิตประจำวันน่ะค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ดูใจของเราไปเลยนะ อย่างเราค้าขายอยู่วันนี้ไม่มีลูกค้ามาเนี่ยเราไม่สบายใจ วันนี้เห็นลูกค้ามาเราพอใจ เห็นลูกค้าคนนี้หน้าตากวนมากเลยชักเกลียดมันแล้วแต่ต้องแกล้งยิ้มไว้อะไรงี้ เราก็รู้ทันว่าเกลียดเค้า

กลับมาบ้านลูกซนลูกร้องเสียงดังบ้านวุ่นวาย ใจเราไม่มีความสุขรู้ว่าไม่มีความสุข รู้ทุกอย่างไป จำไว้เรื่องนึงนะคนเราจะสุขจะทุกข์เนี่ย ถ้าเรายอมรับสิ่งที่เกิดกับตัวเราเองได้นะ ใจเรายอมรับได้นะ เราจะทุกข์น้อย ถ้าใจเรายอมรับไม่ได้ใจจะทุกข์เยอะ

เช่นเรากลับมาบ้านแล้วบ้านเราวุ่นวายเลยเรารู้สึกเบื๊อเบื่อใจเรายอมรับไม่ได้ ใจมันจะยิ่งมีความทุกข์มากขึ้น เราดูลงไปเลยใจมันเบื่อขึ้นมาแล้วรู้ทัน ใจมันรำคาญแล้วรู้ทันนะ

หลวงพ่อก็เห็นใจนะงานหนัก (โยม : ขอบพระคุณเจ้าค่ะ) มีคุณมาลีเนี่ยนะก็ดูแลบ้านเองนะแล้วก็ทำงานด้วย งานหนัก ดูแลบริษัทอยู่คนเดียวเนี่ย ๕ แห่งนะ เพราะงั้นเหนื่อยมากเลยแต่ละวันแต่ละวันแต่เค้าก็ภาวนา ดูแลบ้านเสร็จให้สามีนอนให้ลูกนอนแล้วตัวเองยังมาเดินจงกรมอยู่เลยนะพากเพียรต่อสู้ เพราะอะไร เพราะว่าชีวิตเนี่ยเห็นเลยมันไม่มีสาระแก่นสาร เอาอะไรเป็นที่พึ่งไม่ได้เลย มีเงินเยอะๆก็ไม่ใช่จะเป็นที่พึ่งให้พ้นทุกข์นะ อย่าไปนึกว่าถ้าเรารวยรวยแล้วเราจะไม่ทุกข์ ไม่จริงหรอก คนรวยนี่ทุกข์เยอะเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๒

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๓
File: 520920.mp3
ระหว่างชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๑ ถึง ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สติสัมปชัญญะ

สติสัมปชัญญะ

ถาม : สติกระตุ้นให้เกิดได้หรือไม่ครับ?

สติธรรมดากระตุ้นได้ครับ แต่สัมมาสติกระตุ้นไม่ได้ (ครูบาอาจารย์บางท่านก็มีใช้คำว่ากระตุ้น) (แต่เมื่อศึกษาจริงๆ แล้ว กระตุ้นที่ท่านใช้ก็ต่างกับการกระตุ้นสติธรรมดา) ที่ผมบอกว่ากระตุ้นไม่ได้ เพราะสัมมาสติต้องเกิดเองเมื่อจิตไปรับรู้อารมณ์ สัมมาสติก็คือสติที่ใช้ในการเจริญสติปัฏฐาน 4 ซึ่งในสติปัฏฐาน 4 ก็มีบอกชัดเจนเลยว่า มีความเพียร มีสติ มีสัมปชัญญะ พิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม

ถาม : เราควรทำความรู้สึกว่ามีผู้ดูแยกออกมาอีกคนนึง หรือว่าไม่ต้องไปสนใจมันครับ การที่เรามีสติแต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีผู้ดูแยกออกมาต่างหากอีกคน แบบนั้นคือการมีสติแต่ไม่มีสัมปชัญญะ ใช่ไหมครับ?

ตอบ : ไม่ต้องสนใจ เพราะถ้ายังทำก็ยังไม่ใช่สัมมาสติ ความรู้สึกว่ามีผู้รู้ผู้ดู จะปรากฏชัดกับคนที่ทำสมถะได้ หากใครทำไม่ได้ก็จะไม่รู้สึกชัดหรือแทบไม่รู้สึกเลย แต่จะรู้สึกว่ากาย เวทนา จิต ธรรม เป็นสิ่งที่ถูกรู้เหมือนๆ กัน ดังนั้นหากไม่รู้สึกชัดว่ามีผู้รู้ผู้ดู ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกตัว

ถ้ามีสติและสัมปชัญญะ การรู้การดูจะเป็นแบบ แค่รู้แค่ดู ไม่มีการพยายามทำอะไรทั้งต่อกายและจิตเองทั้งสิ้น และที่สำคัญ สติสัมปชัญญะที่แท้จริง เราจงใจทำขึ้นมาไม่ได้ครับ ลักษณะของจิตที่มีสติสัมปชัญญะอีกอย่างหนึ่งคือ จะรับรู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลาง คือไม่รู้สึกยินดี-ไม่รู้สึกยินร้ายเมื่อรู้อารมณ์ อ้อ เพิ่งนึกได้ว่า… จิตผู้รู้จริงๆ แล้วเราจะมองไม่เห็นนะครับ เพราะผู้รู้ก็คือผู้รู้ ถ้าเราเห็นจิตผู้รู้ก็แสดงว่านั่นไม่ใช่ผู้รู้แล้ว แต่เป็นสิ่งที่ถูกรู้แทน ดังนั้นผมคิดว่า เราไม่ต้องสนใจหรอกครับว่าจะมีผู้รู้หรือไม่ สนใจอาการของจิตที่มีสติสัมปชัญญะเอาดีกว่า


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การสอนกรรมฐานเป็นงานศิลปะ

mp 3 (for download) : กรรมฐานเป็นงานศิลปะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

กรรมฐานเป็นงานศิลปะ

กรรมฐานเป็นงานศิลปะ

หลวงพ่อปราโมทย์: หลวงพ่อฝากไว้นิดนึงนะ เรียนกับหลวงพ่อนะ แล้วก็ตั้งใจภาวนาเข้านะ บางทีพวกเราก่อเรื่องให้หลวงพ่อโดยไม่รู้ตัว อินโนเซนท์น่ะ อย่างเรียนกับหลวงพ่อเสร็จแล้วก็ เอาสิ่งที่เรียนกับหลวงพ่อเนี่ย ไปถามครูบาอาจารย์อื่น

ไม่มีครูบาอาจารย์ไหนหรอกที่สอนเหมือนกัน การสอนกรรมฐานเนี่ย เป็นงานศิลปะนะ เหมือนอย่างหมอเหมือนกัน หมอรักษาโรค เขาเรียกรักษาโรคศิลป์ใช่ไหม เป็นโรคศิลป์ หมายถึงว่า อย่างหมอเนี่ยเรียนตำราเดียวกัน หมอแต่ละคนเวลารักษาเนี่ย รักษาไม่เหมือนกัน อย่างบางคนเป็นมะเร็งนะ หมอผ่าเลย หมอคนนี้ผ่าเลยนะ ร่างกายยังทรุดโทรมก็ผ่าไว้ก่อน แล้วโด๊ปทีหลัง อะไรอย่างเนี้ย หมอบางคนนะ ให้โด๊ปให้มันแข็งแรงก่อนแล้วค่อยผ่า เห็นไหม งั้นแต่ละคนไม่เหมือนกัน สอนกรรมฐานก็ไม่เหมือนกัน

บางท่าน ท่านสอนให้ทำสมถะก่อน แล้วท่านมาดูกาย
บางท่าน ทำสมถะแล้วมาดูเวทนา
บางท่านดูจิตนะ ดูจิตก็มีดูหลายแบบนะ
บางท่านทำจิตให้นิ่งก่อน แล้วดูความเคลื่อนไหว
บางท่านดูความเคลื่อนไหว แล้วก็กลับมานิ่ง อะไรอย่างเนี้ย

เพราะฉะนั้น แต่ละคน แต่ละคนเนี่ย จะไม่เหมือนกัน ศิลปะจะแตกต่างกัน งั้นเราเอากรรมฐานของครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง ไปถามอีกองค์หนึ่งเนี่ย สับสน ตัวเราเองแหละจะสับสน ภาวนาไม่ได้หรอกนะ มันจะยุ่ง ครูบาอาจารย์ก็อึดอัดใจ ทุกแห่งเลยล่ะ อย่างมาถามหลวงพ่อว่า อาจารย์ของหนูสอนมาอย่างนี้ ถูกหรือไม่ถูก หลวงพ่อไม่กล้าพูดหรอก มันไม่ถูกต้องใช่ไหม

เพราะฉะนั้น เวลาเราไปหาครูบาอาจารย์อื่นเนี่ย เราไปหาความรู้นะ เราหุบปากเอาไว้ให้ดีนะ ไปเรียนกับท่าน แต่ก่อนหลวงพ่อหาครูบาอาจารย์เยอะแยะเลย ไม่ได้เรียนจากหลวงปู่ดูลย์อย่างเดียวหรอก หาครูบาอาจารย์อีกจำนวนมากเลย เวลาเราไปหาครูบาอาจารย์แต่ละองค์เนี่ย เราไปฟัง เราไปเรียนว่าท่านสอนอะไร อะไรที่เราจะเอามาใช้ประโยชน์ได้ เราก็เอามาใช้นะ ไม่ได้ไปคุยอวดท่านนะ ว่าผมเรียนกับหลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ดูลย์ว่าอย่างนี้อย่างนี้ ถูกไม่ถูก เนี่ย อะไรอย่างนี้นะ อย่างเนี้ยสับสนตายเลย เพราะฉะนั้น ถ้าจะไปเรียนที่อื่นนะ ฟังนะ อย่าพูดมาก บางคนพูดมากนะ รู้นิดเดียวไปพูดเยอะเลย ทำให้สับสนไปหมดเลย ครูบาอาจารย์ก็งงไปหมดแล้วนี่ งั้นค่อยๆฝึกเอานะ จะเรียนจากหลวงพ่อก็ตั้งใจเรียนไปนะ ชอบกรรมฐานแบบไหน ก็เรียนแบบนั้นไปนะ มันไปด้วยกันได้ทั้งนั้นแหละ ถึงจุดหนึ่งนะ แต่เบื้องต้นมันไม่เหมือนกันหรอกนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๓๔
File: 521115.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕๘ วินาทีที่ ๓๕ ถึง ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 4 of 41234