- ภาวนาแล้วชอบคิดสอนตัวเอง
ภาวนาแล้วชอบคิดสอนตัวเอง (พวกคิดมาก)
โยม : ครับ กราบนมัสการหลวงพ่อครับ มาครั้งนี้เป็นครั้งแรก ก็มีประเด็นที่จะเรียนถาม ๒ ประเด็นก็คือ สำหรับผม ผมจะเรียกว่าเป็นอารมณ์เบื่อหน่าย กับอารมณ์ที่เพลิดเพลินน่ะฮะ ประเด็นแรกการเบื่อหน่ายก็คือ อย่างเช่นตอนนี้ก็อยู่ในวัยเรียน ศึกษาอยู่ปีหนึ่งที่จุฬา ก็แบบ บางทีเราได้เรียนอะไรที่ไม่ชอบ หรือแบบ ตื่นขึ้นมา มันต้องไปเรียนต่อ มันต้องแบบ ทำอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วบางทีก็มันเกิดอารมณ์ว่า เราเบื่อหน่าย คล้ายๆมันประมาณว่ามีมิจฉาทิฎฐิว่า เอ๊อ ไปเดี๋ยวไม่ทัน เอาให้ลุกอะไรประมาณนี้ คือ ไม่เรียนได้มั้ย (หลวงพ่อปราโมทย์ : ไม่ได้) ครับ ตอนนั้นมันเป็นมิจฉาทิฏฐิใช่มั้ยฮะ แล้วก็ ก็คือ แบบ มันก็จะเกิดอารมณ์เบื่อหน่าย ในช่วงแล้วทีนี้…
หลวงพ่อปราโมทย์ : เบื่อ… เบื่อตัวนี้ไม่ใช่นิพพิทานะ เบื่อตัวนี้เป็นโทสะ (โยม : โทสะ ใช่มั้ยครับ) เพราะเราอยากจะทิ้งอันนี้ ไปเอาอีกอัน อย่างนี้เป็นโทสะ ถ้านิพพิทานะ จะเห็นทุกอย่างเสมอกันนะ มันน่าเบื่อเหมือนกันไปหมดเลย อันนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น
โยม : แล้วก็ ก็เลยหาวิธีที่จะ แบบ เอาหนามยอกเอาหนามบ่ง ก็เลยเอาอะไรที่เป็นกิเลสมาล่อ เอา แบบ เออ อีกหน่อย มองอนาคตอย่างนี้ มันเป็นวิธีตามรู้ หรืออะไรที่มันถูกต้องมั้ยครับ (หลวงพ่อปราโมทย์ : ฮึ ทำยังไงนะ) คือแบบเอาอนาคตมาวางว่า ประเดี๋ยวถ้า ทำอย่างนี้ คือ เราต้องไปให้ถึง ต้องดูแลพ่อแม่ให้ได้ อย่างนี้มันเป็น…
หลวงพ่อปราโมทย์ : อันนั่นมันเป็นเรื่องการอยู่กับโลกนะ (โยม : อยู่กับโลก) การอยู่กับโลกต้องวางเป้าหมาย กำหนดเป้าหมายไว้ แล้วไม่ได้กำหนดอย่างเดียว ต้องมีวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายด้วย แล้วต้องตั้งใจทำให้ได้ด้วย (โยม : ครับ) นั่นถึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก ส่วนการปฏิบัติเนี่ย เราจะเรียนรู้ความจริงของกายของใจอยู่กับปัจจุบัน ถ้าเราทำได้ทั้งสองอย่างนะ มันจะเสริมกัน (โยม : เสริมกัน) มันจะทำให้เรามีจิตใจที่ตั้งมั่น เข้มแข็ง แล้วก็ต่อสู้กับโลกได้อย่างดีเลย
โยม : ครับ อีกประเด็นก็คือ เรื่องเพลิดเพลิน ส่วนมากก็จะมี ส่วนมากก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับ ผู้ชายนะฮะ ก็เห็นสาวๆเห็นรูป เดินในสยาม มันก็ มันแว้บมา มันแบบ เห็นแล้ว (หลวงพ่อปราโมทย์ : ดีแล้วล่ะ) ก็เบิกบาน ประมาณนี้น่ะฮะ (หลวงพ่อปราโมทย์ : เห็นสาวแล้วเบิกบาน ดีกว่าเห็นหนุ่มแล้วเบิกบาน) แล้วทีนี้เราก็คิดว่า เป็นกิเลสหนักหรือเปล่าเนี่ย (หลวงพ่อปราโมทย์ : เป็น) ก็เลยใช้ เคยได้ยินคำว่าอสุภกรรมฐาน ก็เลยมองว่า พอเห็นสาวรูปนี้ เราก็จะจินตนาการไปไกลๆว่า อีกหน่อยเขาจะหน้าตาเป็นแก่ๆเหี่ยวๆ มันจะวางได้หรือเปล่า พอใช้วิธีนี้ไปสักพัก มันเริ่มเอาไม่อยู่ แล้วเริ่มอาการตามรู้อย่างนี้ ผมจะตามรู้ยังไงถึงจะถูกต้องครับ
หลวงพ่อปราโมทย์ : เรารู้กับปัจจุบันไปนะ เห็นสาวใจมันชอบ รู้ว่าชอบ (โยม : อ่า..ครับ) ดูที่ใจเรา อย่าไปดูสาว ก็แค่นั้นก็หมดเรื่องแล้ว
โยม : ครับ ก็ ก็ ขอการบ้านหน่อยครับว่า คือสำหรับจริตอย่างนี้ คือ มันก็หาอะไรมาคิด ชอบคิดไปเรื่อยเนี่ย ผมจะปฏิบัติยังไง แล้ว..
หลวงพ่อปราโมทย์ : กรรมฐาน กรรมฐานสำหรับพวกคิดมากนะ (โยม : ครับ) ก็คือการรู้ทันจิตตนเองนั้นแหละ เพราะงั้นดูไป จิตเดี๋ยวก็สุขเดี๋ยวก็ทุกข์ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย ดูไปเรื่อย อย่าไปบังคับมันนะ แต่ไม่ให้ผิดศีล ๕ (โยม : ครับ) แค่นั้นแหละ (โยม : ง่าย)
โยม : แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราตื่นแล้ว หรืออารมณ์ประมาณนี้ จะทราบได้อย่างไร
หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเรารู้ทันจิตที่หลงไปคิดเมื่อไหร่นะ เราจะตื่นเมื่อนั้น เราจะรู้เลยว่าตื่นเป็นยังไง (โยม : ครับ) คนในโลกนี้มันไม่เคยตื่น เพราะฉะนั้นไม่รู้จักหรอกว่าตื่นเป็นยังไง และไม่รู้ว่ากำลังหลับอยู่ เพราะหลับมาตลอดเลย ถ้าเมื่อไหร่ตื่นเป็นถึงจะรู้ว่าที่ผ่านมานั้นหลับ วิธีที่จะตื่นขึ้นได้ก็คือ รู้ทันจิตที่กำลังฝันอยู่นี่ จิตที่คิดนั่นแหละคือจิตที่กำลังฝันอยู่ ถ้ารู้ทันว่าจิตกำลังไหลไปฝันเนี่ย ก็ตื่นปั๊บเลย
โยม : ก็ปฏิบัติต่อไป ก็..
หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนนี้จิตไปฝันหรือยัง? (โยม : ตอนนี้รู้ตัวอยู่) จิตหนีไปคิดมั้ย (โยม : ไม่คิด) ไม่หนีเลยนะ.. ไปฝึกอีกเยอะเลย
โยม : ครับ ขอบคุณมากครับ
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่