เทคนิคในการมีวิหารธรรม
เป็นธรรมดาของเราที่ยังยากที่จะรู้อาการต่างๆ ด้วยความเป็นกลางได้ เพราะส่วนมากถ้าไม่ยินดีจนลืมตัว ก็จะยินร้ายจนลืมตัว ครูบาอาจารย์จึงแนะนำให้เราหาวิหารธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งไว้เป็นเครื่องอาศับระลึกรู้ด้วยความเป็นกลาง วิหารธรรมนั้นจะเป็นบรรพะใดๆ ก็ได้ในสติปัฏฐาน 4 ที่พอเราระลึกแล้ว จิตจะรู้ได้ด้วยความเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้าย แต่เนื่องจากวิหารธรรมนั้นมีมากมายหลายอย่าง เราจึงต้องสังเกตดูเอาเองว่า สิ่งใดที่พอเราระลึกแล้วจิตเป็นกลางไม่ยินดียินร้ายได้ง่าย เราก็เลือกเอาสิ่งนั้นเป็นวิหารธรรม
ถ้าเรามีวิหารธรรมและเพียรระลึกรู้มันบ่อยๆ จิตก็จะเกิดความเคยชินที่จะรู้สิ่งที่เป็นวิหารธรรมนั้น และจะสามารถใช้เป็นเครื่องระลึกได้ง่ายไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ใด ดังนั้นจึงควรที่จะมีวิหารธรรมเอาไว้สักอย่างหนึ่ง และจะสามารถใช้เป็นอุบายในการทำให้จิตบรรเทาความอ่อนไหวได้เมื่อถึงคราที่จิตเกิดอ่อนไหวขึ้น โดยคราใดที่รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่อาจตามรู้จิตที่กำลังอ่อนไหวได้ ก็เพียงแค่หันไประลึกรู้สิ่งที่เป็นวิหารธรรมที่ถนัด เพียงเท่านี้จิตก็จะละจากความอ่อนไหวไปตั้งมั่นเป็นกลางได้ครับ
วิหารธรรม หมายถึงสิ่งใดๆ ก็ได้ที่จิตใช้เป็นเครื่องอาศัยระลึกรู้อยู่โดยส่วนมาก เป็นวิหารธรรมอย่างหนึ่งได้ครับ คือเป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า เรียกว่าพุทธานุสสติ บางคนก็ชอบใช้ลมหายใจเป็นเครื่องระลึกรู้ เรียกว่า อานาปานุสสติ การนึกว่าพระพุทธเจ้า ท่านยังดูอยู่ ท่านยังอยู่ข้างๆ ยังไม่ไปไหน อันนั้นจะเป็นการคิดนะครับ ซึ่งพอคิดแล้วเรามักลืมตัว ไม่ควรมีการคิดครับ เพราะการคิดมักทำให้ลืมตัว แต่ถ้าหันไปมองพระพุทธรูปแล้วรู้ตัว ก็เรียกว่าระลึกรู้พระพุทธรูปครับ จะให้จิตจดจ่อไว้ แล้วปล่อยว่างๆ ทำอย่างนั้นก็ได้ครับ แต่อย่าบังคับให้จิตจดจ่อตลอด เอาแค่แวบเดียวแล้วปล่อย ปล่อยแล้วลืมตัว ก็ทำใหม่ หรือจะพูดว่า ให้เจตนาดูแวบนึงแล้วปล่อยก็ได้ครับ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่