การใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเป็นวิหารธรรม
ถ้าทำงานบ้านก็อาจให้รู้การเคลื่อนไหวของร่างกายก็ได้ครับ พอรู้สึกตัวว่าเผลอคิดไป ก็ให้กลับมารู้การเคลื่อนไหวร่างกายใหม่ เหมือนกับ ล้มแล้วลุก ล้มแล้วลุก ไปจนกว่าจะชำนาญ ถ้ามีคนมาคุยด้วยก็ทำแบบเดียวกัน ตอนคุยจะเผลอ พอรู้สึกว่าเผลอไป ก็ให้กลับมารู้การเคลื่อนไหวร่างกายใหม่ ตอนตอบกลับก็ตอบไป จะตอบแบบเผลอลืมตัวก็ไม่เป็นไร เมื่อใดที่รู้สึกว่าเผลอไป ก็ให้กลับมารู้การเคลื่อนไหวร่างกายใหม่ อารมณ์หงุดหงิด ก็เหมือนกัน พอหงุดหงิดเราก็จะเผลอ-ลืมตัวไป เมื่อใดที่รู้สึกว่าเผลอไป ก็ให้กลับมารู้การเคลื่อนไหวร่างกายใหม่ (ใช้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นวิหารธรรม) ให้รู้เป็นครั้งๆ ไปครับ รู้ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ตรงไหนที่รู้ไม่ได้ก็ช่างมันไปก่อน เหมือนมันขาดๆ จากกัน ไม่ต่อเนื่องกันจริงๆ ไม่ต้องสนใจเลยครับว่ามันจะหงุดหงิดมาจากครั้งที่แล้วหรือไม่ สนใจว่าเราเผลอ-ลืมตัวไปกับความหงุดหงิดอีกแล้ว เมื่อรู้สึกว่าเผลอไป ก็ให้กลับมารู้การเคลื่อนไหวร่างกายใหม่
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่