อุบายในการเจริญสติสัมปชัญญะ
การอดอาหารไม่ใช่การทำให้ร่างกายเกิดทุกข์เพื่อให้จิตรู้ทุกข์นะครับ หากทำเพื่อให้ร่างกายเกิดทุกข์ละก็เป็นการเบียดเบียนตัวเอง ไม่ใช่การภาวนา ครูบาอาจารย์ท่านอดอาหารกันเพื่อให้จิตมีความรู้ตัว เพื่อให้จิตควรแก่การภาวนา การรู้ทุกข์นั้น ไม่ต้องอดอาหารก็รู้ได้ เพราะทุกข์คืออุปาทานขันธ์ (ความยึดมั่นถือมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ถึงไม่อดอาหารก็รู้ทุกข์ได้ กินอิ่มก็รู้ทุกข์ได้ ใช้ชีวิตตามปกติก็รู้ทุกข์ได้ จะใช้อุบายใดในการภาวนา ก็ต้องใช้เพื่อให้จิตมีสติสัมปชัญญะ แล้วใช้จิตที่มีสติสัมปชัญญะนั้นมาเจริญสติปัฏฐาน 4 พอถึงการเจริญสติปัฏฐาน 4 พอร่างกายมีอาการใดเกิดขึ้น ก็ต้องดูให้เห็นความเกิดขึ้นเสื่อมไปเป็นธรรมดา หากยังไม่เห็นร่างกายมีความเกิดขึ้นเสื่อมไปเป็นธรรมดา จิตก็จะเกิดความยินดียินร้าย ก็ให้รู้ความยินดียินร้าย เพื่อให้เห็นว่าจิตที่ยินดียินร้ายก็มีความเกิดขึ้นเสื่อมไปเป็นธรรมดา
ดูทุกสิ่ง (ขันธ์ทั้ง 5) ที่กำลังปรากฏเพื่อให้เห็นความเกิดขึ้นเสื่อมไปเป็นธรรมดา ดูไปเรื่อยๆ จิตก็จะละสักกายทิฏฐิลงได้ การละสักกายทิฏฐิ ไม่ได้เกิดเพราะอุบายในการภาวนา แต่เกิดเพราะจิตเข้าใจแจ่มแจ้งว่าขันธ์ทั้ง 5 ไม่ใช่ตัวตน อุบายในการภาวนาเพียงแค่ทำให้จิตสามารถเจริญสติปัฏฐาน 4 ได้ต่อเนื่องเท่านั้น ถ้าเข้าใจตามที่ผมบอกมาทั้งหมดได้ ก็จะรู้คำตอบที่ถามได้ อุบายใดที่ทำแล้วสติสัมปชัญญะเจริญก็ให้ทำอุบายนั้นเนืองๆ อุบายใดที่ทำแล้วสติสัมปชัญญะไม่เจริญก็พึงเว้นอุบายนั้น เช่นใครเดินจงกรมแล้วสติสัมปชัญญะเกิดง่ายเกิดบ่อย ก็พึงเดินจงกรมอยู่เนืองๆ ใครเดินแล้วหนักตึงง่วงจิตไม่เกิดสติสัมปชัญญะก็ให้ใช้อุบายอื่นจะดีกว่า ใครอดอาหารแล้วสติสัมปชัญญะเกิดง่ายเกิดบ่อย ก็พึงอดอาหารอยู่เนืองๆ ใครอดแล้วจะเป็นลม-หงุดหงิด-จิตไม่เกิดสติสัมปชัญญะก็ให้ใช้อุบายอื่นจะดีกว่า
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่