การพิจารณาธรรมมี 2 ระดับ
เรื่องการพิจารณานั้นมันมี 2 ระดับครับ
ระดับแรก เป็นขั้นที่เราจงใจพิจารณา เป็นการน้อมนึกเอา
เช่นน้อมนึกพิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม เป็นไตรลักษณ์
หรือพิจารณาลงไปที่สิ่งที่เรายึดถือ ว่าเป็นไตรลักษณ์
ขั้นนี้เป็นอุบายวิธีอบรมจิต ให้รู้จักวางเสียบ้างชั่วขณะ
เพื่อรวมสงบเข้ามาภายใน (เป็นการทำสมถะ)
เมื่อจิตรวมลงแล้ว หากจิตพอใจจะสงบ
มันจะไปสงบตัวอยู่เฉยๆ เป็นการพักผ่อนในภูมิของสมถะ
หรือมันอาจจะดำเนินวิปัสสนาอันเป็นระดับถัดไปก็ได้
แต่หากมันรวมแล้ว ไปค้างคานิ่งเฉยอยู่เพียงนั้นทุกที
ไม่ใช่การพักผ่อนในภูมิสมถะเป็นครั้งคราว
ก็อาจจะต้องพิจารณาจิตและอารมณ์ภายในต่อไปอีก
เพื่อไม่ให้ไปติดอยู่เพียงแค่นั้น
ระดับที่ 2 เป็นการดำเนินเองของจิตที่รวมลงเป็นสัมมาสมาธิแล้ว
คือจิตเขาจะพิจารณาแยกรูปนาม หรืออารมณ์ที่จิตไปรู้ไปเห็นโดยอัตโนมัติ
เหมือนที่จิตผมวิ่งออกไปพิจารณามูลสุนัขจนกระจายออกเป็นอนัตตา
หรือบางครั้งจิตก็รู้อารมณ์ภายใน พิจารณาแยกแยะอารมณ์ภายในลงเป็นไตรลักษณ์
ขอย้ำตรงที่ว่า จิตเขาดำเนินเอง ไม่ใช่เราจงใจพิจารณา
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ท่านจึงสอนว่า
“วิปัสสนาแท้เริ่มที่หมดความจงใจ”
ในขั้นนี้ เราไม่สามารถจงใจกระทำอะไรต่อไปได้หรอกครับ
โดย คุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2542
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่