Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์


mp 3 (for download) : ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : พระพุทธเจ้าสอน “ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์” จริงๆท่านสอนทั่วๆไปนะ ฝรั่งก็เอาไปเขียนเป็นนิยาย ในพระสูตรก็มี พระนางมัลลิกา เป็นมเหสีองค์หนึ่งของพระเจ้าปเสนทิโกศล เคารพพระพุทธเจ้ามาก วันหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลถามพระนางมัลลิกา ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร พระนางมัลลิกาตอบว่า พระพุทธเจ้าสอนว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” สอนเหมือนในเรื่องกามนิตนี่แหละ พระเจ้าปเสนทิโกศล ฟังแล้วหงุดหงิดใจ ที่ใดมีรักที่นั่นมีสุขสิ ถ้าพลาดจากที่รักสิถึงจะทุกข์ พวกเรารู้สึกอย่างนั้นมั้ย ที่ใดมีรักก็ต้องมีความสุขสิ ที่ใดไม่มีความรัก ความรักหนีไปแล้ว ถึงจะทุกข์ เนี่ย! สอนอะไรอย่างนี้ ถ้าพระพุทธเจ้าสอนไม่ผิดนะ พระนางมัลลิกาก็จำมาผิด

ตอนแรกๆหลวงพ่อก็ไม่เข้าใจนะ แล้วก็คิดเหมือนที่พวกเราคิดนั่นแหละ พลาดจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ก็ในบทสวดมนต์ก็มีใช่มั้ย ไม่ใช่ว่าที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอเราภาวนานะ จะรู้ว่าคำว่า “รัก” เนี่ย ไม่ใช่ “Love” รักตัวนี้ก็คือ ตัวโลภะ ตัวราคะ นั่นเอง ความเกาะเกี่ยวของจิต อาการที่รักก็คืออาการเกาะเกี่ยวของจิต รู้สึกมั้ย ความรู้สึกเกาะเกี่ยว

ถ้าความรู้สึกเกาะเกี่ยวขึ้นเมื่อไหร่นะ ภาระทางใจจะเกิดเกิดขึ้นในทันทีนั้นเลย เพราะฉะนั้นถ้ามีรักมีความเกาะเกี่ยวขึ้นทางจิตเมื่อไหร่นะ ภาระทางใจคือความทุกข์ก็เกิดขึ้นในขณะนั้นเลย เพราะฉะนั้นถ้าเราเกาะเกี่ยวอยู่ในกาย เราก็จะทุกข์เพราะร่างกาย เกาะเกี่ยวอยู่ในจิตใจ ก็จะทุกข์เพราะจิตใจ เกาะเกี่ยวที่บ้านก็จะทุกข์เพราะบ้าน เกาะเกี่ยวกับรถยนต์ก็จะทุกข์เพราะรถยนต์ เกาะเกี่ยวกับอะไรก็จะทุกข์เพราะอันนั้น ที่ใดมีรัก ที่นั่นแหละมีทุกข์ จริงๆเลยนะ

เราไปแปลคำว่ารัก แปลว่า Love แปลแคบไป รักตัวนี้คือความเกาะเกี่ยวของจิต ตัวโลภะนั่นเอง ตัวอยาก ตัวตัณหา มีขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็มีภาระ มีทุกข์ทางใจเกิดขึ้นทุกทีไป จะทำลายตัณหา ทำลายราคะตัวนี้ได้ ต้องเห็นความจริงในสิ่งทีเราเคยรัก ถ้าเห็นว่าจริงๆแล้วมันไม่ดีหรอก มันก็เลิกรัก เหมือนแต่งงานไปใช่มั้ย แต่งงานไปแล้วก็ ตอนเป็นแฟนกัน ต่างคนต่างใส่หน้ากาก ใส่มั้ย ใครแต่งงานแล้วในห้องนี้ มีมั้ย ตอนเป็นแฟนกับตอนที่อยู่ด้วยกัน ไม่เหมือนกัน รู้สึกมั้ย

ตอนเป็นแฟนนั้นมันปลอมนะ ตัวปลอม แล้วก็ต่างคนต่างรู้นะ ว่าอีกข้างปลอม แต่มันโง่ ผู้ชายเนี่ยชอบคิดว่าผู้หญิงเมื่อแต่งงานแล้วจะไม่เปลี่ยน เป็นตัวปลอมอย่างนี้ตลอดไปเลย ผู้หญิงก็โง่ คิดว่า ไอ้ผู้ชายคนนี้ชั่วอย่างนี้ๆ รู้นะ แต่คิดว่าแต่งงานไปแล้วจะไปดัดสันดานมัน ไม่สำเร็จหรอก นี่ก็โง่ไปอีกแบบหนึ่ง คิดว่าจะเปลี่ยนผู้ชายได้ ผู้ชายก็โง่ คิดว่าผู้หญิงจะไม่เปลี่ยน มาดูของเรานะ ภาวนาไป ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์จริงๆ มีอย่างนั้นจริงๆ สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเทศน์ มีนาก็ทุกข์เพราะนา มีวัวก็ทุกข์เพราะวัว ถ้ามีขันธ์ ๕ ก็ทุกข์เพราะขันธ์ ๕ นั่นแหละ ถ้าเห็นทุกข์เห็นโทษนะ มันก็ปล่อย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๓
File: 550630B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๕๐ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 674 times, 2 visits today)

Comments are closed.