ปฎิบัติธรรมเพื่อละอะไร?
การที่เรารู้ทันกิเลสที่กำลังปรากฏแล้ว กิเลสอ่อนกำลังลงหรือหายไปนั้น
ไม่ใช่เพราะเราไปไล่กิเลสไปหรอกครับ
อย่างมีใครสักคนมาด่าคุณ คุณฟังแล้วโกรธ
พอโกรธแล้วก็จะยิ่งเพิ่มความสนใจคนที่มาด่าคุณมากขึ้น
ยิ่งสนใจก็ยิ่งคิดยิ่งแค้น ความโกรธก็ยิ่งรุนแรงขึ้น
แต่เมื่อใดคุณย้อนกลับมาเห็นความโกรธที่กำลังเกิดขึ้น
แล้วเห็นว่ามันทำให้จิตใจของคุณเป็นทุกข์
จิตใจของคุณก็จะไม่คล้อยตามสิ่งที่กิเลสสอนให้ทำ
เช่นไม่ตัดสินใจโดดชกคนที่มาด่าเรา
และในขณะที่รู้ทันกิเลสอยู่นั้น ความสนใจของเราไม่ได้อยู่ที่คนที่มาด่าเรา
ไม่ได้คิดปรุงแต่งเพิ่มเติมว่าเขาไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้
กิเลสก็เหมือนไฟที่ขาดเชื้อ มันก็อ่อนกำลังแล้วดับไปเอง
เราปฏิบัติธรรมไม่ใช่เพื่อละกิเลส
แต่เพื่อละความเห็นผิดของจิตใจที่ไปหลงเชื่อวิ่งตามกิเลส
แล้วพาทุกข์มาให้ตัวเอง
แต่เราก็จำเป็นต้องรู้กิเลส เพราะถ้ารู้ไม่ทัน กิเลสมันจะทำพิษเอา
คือถ้ามันครอบงำจิตใจได้ มันจะพาคิดผิด พูดผิด ทำผิด
แล้วจะนำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้
การที่เรารู้กิเลสนั้น เราไม่ได้รู้เพื่อจะละมัน
เพราะตราบใดยังมีเชื้อของกิเลสหลบซ่อนอยูในจิตใจส่วนลึกแล้ว
หากมันมีผัสสะทางตา หู .. ใจ
กิเลสที่ซ่อนนอนก้นอยู่ในจิตใจก็จะผุดขึ้นมา
เพื่อกระตุ้น เร่งเร้า ให้เราหลง ให้เรารัก ให้เราชัง สิ่งต่างๆ
จิตใจก็เสียความเป็นกลางไป
และเราไม่ต้องไปคิดเรื่องตัวผู้รู้อะไรหรอกครับ
ถ้ากิเลสเกิดแล้วรู้ว่ามีกิเลส
และรู้ทันจิตใจตนเองว่า มันยินดี ยินร้ายตามกิเลสหรือไม่
มันหลง มันเผลอ มันอยาก มันยึด หรือไม่
รู้เรื่อยๆ ไป ถึงจุดหนึ่งจิตมันจะเข้าใจเองว่า
“ถ้าจิตหลงตามแรงกระตุ้นของกิเลส
แล้วเกิดความอยาก ความยึดขึ้นมาเมื่อใด ความทุกข์ก็เกิดขึ้นเมื่อนั้น”
จิตก็จะมีฉลาดพอ ที่จะไม่หลงกลกิเลสที่มันรู้ทันแล้วอีกต่อไป
โดย คุณสันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
7 ก.ค. 2542
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่