อาการของจิต
เวลาเราปฏิบัติกันจริงๆ เราจะเห็นอาการของจิต 2 อย่าง
อย่างหนึ่ง จิตเคลื่อนเข้าไปยึดอารมณ์ ไปเสวยอารมณ์ ยินดียินร้ายไปกับอารมณ์
อีกอย่างหนึ่ง จิตสักแต่ว่ารู้อารมณ์
ตรงนี้ไม่ค่อยอยากเรียกว่ามันเสวยอารมณ์เลยครับ
เพราะมันต่างคนต่างอยู่กับอารมณ์ จิตเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดูเฉยๆ
มีจิตก็ต้องมีอารมณ์ แต่จิตจะหลงไปเสวยอารมณ์หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ผมเคยพบในพระสูตรบทหนึ่ง พระพุทธเจ้าท่านแสดงไว้ว่า
พระอรหันต์มีแต่เวทนาทางกาย แต่ไม่เสวยเวทนาทางใจ
อันนี้เป็นเรื่องคำพูดเท่านั้นครับ ที่ว่า “เสวยอารมณ์” มีความหมายเพียงใด
ถ้าหมายถึงว่า “จิตต้องรู้อารมณ์”
อันนั้นถูกต้องแล้ว เพราะจิตย่อมไม่ว่างจากอารมณ์
แม้แต่ความว่าง หรือความรู้สึกว่าว่าง ก็เป็นอารมณ์อันหนึ่ง
ที่ผู้ปฏิบัติต้องรู้แล้ววางเหมือนอารมณ์อื่นๆ นั่นเอง
แต่ถ้า “เสวย” หมายถึง “จิตต้องเข้าไปยึดถือ ยินดียินร้ายต่ออารมณ์”
อันนี้ก็ไม่เสมอไปหรอกครับ
เพราะจิตอาจจะสักว่ารู้ก็ได้ หลงยินดียินร้ายก็ได้
แล้วแต่คุณภาพของจิตในขณะนั้นเอง
โดย คุณสันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2542
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่