Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๒) รู้แล้วจะได้อะไร

mp 3 (for download) : ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๒) รู้แล้วจะได้อะไร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้แล้วได้อะไร รู้ถึงที่สุดแล้วมันจะปล่อยวางความยึดถือกายยึดถือใจ พระอรหันต์ไม่ใช่คนประหลาดนะ อย่าไปวาดภาพพระอรหันต์ประหลาดเกินเหตุทำอะไรก็ไม่ได้ กระดุกกระดิกก็ไม่ได้ วันๆต้องนั่งเซื่องๆเหมือนนกกระยางรอให้ปลามาใกล้ๆจะได้ฉกเอาเชื่องๆห้าม กระดุกกระดิก พระอรหันต์จริงๆก็คือท่านผู้ภาวนาจนมีปัญญา เห็นทุกข์เห็นโทษของขันธ์นะ ขันธ์ห้าเป็นทุกข์เห็นอย่างนี้ แล้วท่านปล่อยวางความยึดถือขันธ์ได้ จิตท่านแยกออกจากขันธ์ พรากออกจากขันธ์ ไม่ยึดถือขันธ์ ท่านเป็นอิสระจากขันธ์ ตัวขันธ์เป็นตัวทุกข์ เพราะฉะนั้นพระอรหันต์เลยพ้นทุกข์ พระอรหันต์ที่มีชีวิตอยู่นี่พ้นทุกข์ พระอรหันต์ที่ตายแล้วเค้าเรียกดับทุกข์คือขันธ์มันดับ ไม่ใช่ไปเกิดอีกนะ หลายคนวาดภาพเป็นพระอรหันต์ไปเกิดอีกไปอยู่ในโลกนิพพาน อันนั้นไม่ใช่ศาสนาพุทธหรอก พระอรหันต์ นิพพานแล้วเหมือนไฟที่ดับไปแล้ว ไฟที่ดับแล้วอยู่ที่ใหน ใครจะรู้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑๓
File: 520809A
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ขอเชิญร่วมฟังธรรม หลวงพ่อปราโมทย์ ในงาน ‘ธรรมะกลางเมือง’ ๒๔ ก.พ. ๕๖

กลุ่มธรรมทานขอเชิญร่วมฟัง
การแสดงธรรมโดย
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ณ.อังรีดูนังต์ฮอลล์ ราชกรีฑาสโมสร
(Royal Bangkok Sport Club)
ถนนอังรีดูนังต์

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๕๖
๐๗:๓๐ น. เริ่มลงทะเบียน
๐๙:๐๐ – ๑๐:๓๐ น. แสดงธรรม

สำรองที่นั่งได้ที่ Tel. 02-717-5111
จันทร์ – ศุกร์ ๐๘:๓๐ – ๑๗:๓๐ น.

จอดรถในราชกรีฑาสโมสรได้ ๕๗๐ คัน และริมถนนอังรีดูนังต์ตลอดสาย
รถไฟฟ้า BTS: สถานีสยาม, รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT: สถานีสามย่าน
รถประจำทาง: สาย 16, 21 และ 141

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เหตุให้เห็นธรรม

เหตุให้เห็นธรรม

ถาม 1. การที่เราปฏิบัติแบบนี้จะเป็นเหตุให้เห็นธรรมและพ้นทุกข์ได้อย่างไร เพราะก็มีสติรู้ไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่เข้าใจว่าจะเป็นเหตุให้เข้าใจธรรมะได้ด้วยเหตุผลอย่างไร

ตอบ เหตุให้เห็นธรรม ก็คือการมีสติ มีความตั้งมั่นรู้รูปนาม(กายใจ)แสดงความเป็นไตรลักษณ์ ซึ่งเมื่อจิตสั่งสมการเห็นไตรลักษณ์มากพอแล้ว จิตจะเกิดปัญญาเห็นแจ้งธรรมขึ้นเองครับ เหตุผลมีเท่านี้เองครับ :D

ถาม : 2 ผมสงสัยธรรมะของหลวงปู่ดูลย์ที่ว่า คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้แต่ก็ต้องอาศัยคิด ผมขอถามว่า ต้องอาศัยคิด หมายถึงอย่างไรครับ ?

ตอบ : ต้องอาศัยคิด ผมเข้าใจว่า เบื้องต้นเราต้องอาศัยการคิดเพื่อทำความเข้าใจในวิธีการปฏิบัติก่อน เมื่อเข้าใจแล้ว ก็ต้องลงมือปฏิบัติ โดยต้องมาหัดรู้ทันจิตที่คิด ไม่ใช่คอยทำจิตไม่ให้คิด การรูัทันจิตที่คิด ต้องให้จิตคิดไปตามปกติทั่วไป เมื่อจิตคิดไปแล้วก็มาหัดรู้เอาว่า เมื่อกี้จิตหลงไปคิด ซึ่งในขณะที่จิตกำลังคิด จิตก็จะหลงอยู่ จิตที่กำลังหลงอยู่จึงไม่ใช่จิตรู้ แต่จิตรู้จะเกิดขึ้นในขณะที่เกิดสติแล้วเห็นความคิดดับไป ดังนั้นการรู้จึงไม่ใช่การคิด แต่ต้องอาศัยคิด เพื่อจะได้เกิดจิตรู้ได้ว่า เมื่อกี้จิตหลงไปคิดครับ

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ขาดสติ ขาดปัญญา

ขาดสติ ขาดปัญญา

เรื่องการขาดสติปัญญาในการปฏิบัติธรรมนั้น
ผมหมายถึงขาด(สัมมา)สติ และขาดปัญญาในการปฏิบัติธรรมครับ

เรื่องขาดสตินั้น จะเห็นได้ว่าผู้ปฏิบัติจำนวนมากนั้น
ปฏิบัติธรรมด้วยการเพ่งจ้องบังคับจิตและบังคับอารมณ์
บังคับจิต โดยมุ่งจะให้จิตสงบ ไม่ใช่เพื่อรู้เห็นตามความเป็นจริง
บังคับอารมณ์คือจะขจัดอารมณ์ที่ไม่ดี จะเอา อารมณ์ที่ดี
จึงไม่ใช่การมีสติระลึกรู้อารมณ์อย่างเป็นกลาง เป็นปัจจุบัน ตามความเป็นจริง

ส่วนขาดปัญญานั้นมีหลายลักษณะ
เช่นขาดความเข้าใจในกฏของอริยสัจจ์
แทนที่จะรู้ทุกข์ และละสมุทัย(ตัณหา-ความอยาก)
กลับมีสมุทัย(อยาก) ที่จะละทุกข์
การปฏิบัติจึงไม่เคยเข้าข่าย รู้สักว่ารู้ถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้เลย

อีกอย่างหนึ่งคือปฏิบัติไปทั้งที่จิตถูกครอบงำด้วยโมหะคือความหลง
อันนี้ก็เข้าข่ายว่าขาดปัญญาเหมือนกัน
เพราะกำลังหลงอยู่แท้ๆ กลับเข้าใจว่ากำลัง รู้ อยู่
ในพระไตรปิฎกท่านจึงจัดเอาความรู้ตัว หรืออสัมโมหะสัมปชัญญะ
ว่าเป็นตัวปัญญาหรือสัมมาทิฏฐิ

เรื่องการถูกโมหะครอบงำจนจิตไม่มีคุณภาพจริงนี้ เป็นเรื่องที่รู้ทันได้ยากครับ
ชาว(ชื่อกลุ่มนักภาวนา) จำนวนมาก ก็ยังถูกเจ้าตัวนี้ครอบงำอยู่
ยังดีว่าหลายคนพอจะรู้ทัน เห็นถึงความหย่อนคุณภาพของจิต
ที่มัวๆ หม่นๆ ไม่รู้อารมณ์ด้วยความชัดเจนแจ่มใสจริง
ถ้ารู้ทันอย่างนี้ ก็พอจะหลุดพ้นจากโมหะได้ครับ
แต่ถ้ามองไม่ออก ก็ต้องถูกมันครอบงำเรื่อยไป

โดยคุณ สันตินันท์  (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อ วัน อังคาร ที่ 4 เมษายน 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๑) เราจะปฏิบัติอะไรและเพื่ออะไร

mp 3 (for download) : ปฏิบัติเพื่ออะไร? (๑) เราจะปฏิบัติอะไรและเพื่ออะไร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : ที่ นี่หลวงพ่อจะเน้นสอนเรื่องการปฏิบัติให้ หลักของการปฏิบัติเราก็ต้องรู้ ว่าเราจะปฏิบัติอะไร ปฏิบัติเพื่ออะไร ปฏิบัติอย่างไร ปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นยังไง ต้องตอบได้ชัดเจน เราจะปฏิบัติอะไร มีสองอย่างที่จะต้องปฏิบัติคือ “สมถะ” กับ “วิปัสสนา” ปฏิบัติเพื่ออะไร สมถะ ปฏิบัติเพื่อให้จิตใจมีเรี่ยวมีแรงที่จะเดินวิปัสสนา ไม่ใช่ปฏิบัติเพื่อจะได้เห็นนู่นเห็นนี่มีตาทิพย์มีหูทิพย์ บางคนอยากได้เจโตอยากได้ทิพจักษุ  หลวงพ่อเคยเจอนะ มีไอ้หนุ่มคนนึง มันภาวนาอยากได้ทิพจักษุ ถามว่าอยากได้ทำไม มันจะได้มองทะลุผ้าของคนอื่น มันเห็นธรรมะเป็นเรื่องอะไร จะทะลุฝาห้องของเค้าอะไรอย่างนี้ ได้เรื่องเลย มีจริงๆนะ สมถะนะ เราทำไปเพื่อให้ใจมีเรี่ยวมีแรงที่จะทำวิปัสสนา

วิปัสสนาทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้เกิดปัญญา รู้ความจริงของกายของใจนี้ ความจริงของกายของใจคือไตรลักษณ์ ดังนั้นทำเราทำวิปัสสนาเพื่อให้รู้ความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑๓
File: 520809A
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : หัดรับมือกามราคะ

หัดรับมือกามราคะ

ตอนนี้สติปัญญาเรายังไม่ใช่คู่ชกของกามราคะ
ดังนั้นถ้ากามราคะรุนแรงไปก็อย่าไปพยายามไปเรียนรู้หรือดูมันครับ
แต่ให้ย้อนมาทำความสงบหรือมารู้สึกตัวไป
แต่ถ้ากามราคะไม่รุนแรงก็ค่อยๆหัดดูมัน
แต่อย่าไปดูว่ามันเกิดเพราะอะไร แค่ดูมันเกิดดับไปเท่านั้น
หรือถ้าเห็นจิตไปวิตกถึงกามราคะก็ให้ดูจิตที่หลงไปวิตกหลงไปคิด
อย่าไปดูว่าวิตกเรื่องอะไรคิดเรื่องอะไร
แค่รู้ว่าจิตวิตกไป รู้ว่าจิตหลงไปคิดก็พอครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เดินจงกรมแล้วเพ่ง

mp 3 (for download) : เดินจงกรมแล้วเพ่ง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

โยม : กระผมพยายามเดินจงกรม มาได้สักพักหนึ่งนะครับ (หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ..) พอคิดว่าเราจะเดินจงกรมปุ๊บ มันก็ปวดต้นคอ

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ.. งั้นไม่เอานะ อย่าไปทำอย่างนั้นเลย

โยม : ผมเลยอยากมากราบเรียนถามหลวงพ่อ ขออุบายหรือวิธี (หลวงพ่อปราโมทย์ : ไปเดินเล่น) ไปเดินเล่น???

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออ.. เดินเล่นนะ เดินชมนกชมไม้ แต่ระวังอย่าไปเดินข้างถนน เดี๋ยวรถเหยียบเอา เดินชมนกชมไม้ไปนะ แล้วใจเราสบาย เราก็รู้ ใจเรากลุ้มใจ เราก็รู้ เดินไปแล้วใจเราใจลอยไปคิดเรื่องอื่น เราก็รู้ (โยม : ครับ) ไปฝึกเล่นๆ

โยม : ไปเดินเล่นนะครับ

(เสียงฮา..)

หลวงพ่อปราโมทย์ : เออนะ แต่ไม่ใช่เดินเรื่อยเปื่อยนะ ไม่ใช่เดินใจลอยไปเรื่อย คือพอเราคิดเรื่องปฏิบัติแล้วเรามาเดินจงกรมเนี่ย พอเริ่มเข้าทางจงกรม เราก็เริ่มเพ่งแล้ว การบังคับตัวเองแล้วมันเครียด มันเครียดแล้วปวดหัว ปวดไหล่ ปวดคอ อะไรอย่างนี้ ปวดลูกตา นะ (โยม : ครับ) ก็ไม่ดี (โยม : ครับ) การภาวนาจริงๆ คำว่าการเดินจงกรมน่ะ คำว่าจงกรมแปลว่าเดิน เพราะฉะนั้นทุกก้าวที่เดินนะ เดินไปแล้วเห็นร่างกายมันเดิน พอใจลอยรู้ว่าใจลอย แค่นั้นเราก็เรียกว่าเดินจงกรมแล้ว ส่วนการเดินกลับไปกลับมานี้เป็นการเดินในรูปแบบนะ อาจจะเดินเรื่อยเปื่อยก็ได้ ใจลอยไปที่อื่น หรือเดินทรมานตัวเองก็ได้ ไม่ได้เดินจงกรมที่แท้จริง ไม่ได้มีสติ นะ เพราะฉะนั้นไปทำเล่นๆนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๕
File: 520426B
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๑๖ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธัมมุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านในธรรม เหตุแห่งวิปัสนูปกิเลส

mp 3 (for download) : ธัมมุทธัจจะ ความฟุ้งซ่านในธรรม เหตุแห่งวิปัสนูปกิเลส

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : ในการปฏิบัติมีตั้งหลายแบบ พระอานนท์สอนเอาไว้มี ๔ แบบ สมาธินำปัญญา ปัญญานำสมาธิ สมาธิและปัญญาควบกัน จริงๆแล้วมี ๓ แบบ แบบที่ ๔ เนี่ย เป็นพวกที่ภาวนาแล้วไปติดความว่าง แบบที่ ๔ ท่านเลยสอนบอกว่า พวกที่มีธัมมุทธัจจะ หมายถึงมีอุทธัจจะในธรรมะ พวกฟุ้งซ่านในธรรมะ

ฟุ้งซ่านในธรรมะนั้นมี ๑๐ แบบ คือ วิปัสนูฯนั่นเอง (วิปัสสนูปกิเลส – ผู้ถอด) วิปัสนูฯพวกหนึ่งที่พวกเราเริ่มเป็นเยอะขึ้นนะ คือไปติดในว่างๆ ติดในความสว่าง ความว่าง ตัวนี้ท่านเรียก โอภาส ติดโอภาส สว่าง ว่าง สบาย มีแต่ความสุขนะ

ท่านบอกว่าเบื้องหลังของมันก็คือ ความฟุ้งของจิต ฟุ้งซ่านแบบไหน เวลาภาวนาไปแล้วว่าง เหมือนจิตสงบนะ ฟุ้งตรงที่จิตไม่อยู่ที่ฐาน จิตส่งออกไปนั่นเอง เรียกว่าจิตฟุ้งซ่าน ที่หลวงปู่ดูลย์เรียกว่าจิตออกนอก เพราะฉะนั้นพวกเราภาวนาแล้วว่างอยู่อย่างนี้ ใจไปเกาะแล้วว่าง พวกนี้เสร็จเลย

หรือบางคนนะ ไปสอนดูจิต สอนให้ดูแล้วน้อมเข้าหาความว่างเนี่ย เยอะมากนะ ช่วงหลังๆเนี่ย พวกเราเรียนๆไปแล้วเที่ยวไปเรียนที่โน่นที่นี่ เลอะเทอะนะ ไปติดสมถะ ไปติดอยู่ในภพว่างๆ ตัวนี้จริงๆแล้วเป็นวิปัสนูฯอันหนึ่ง เป็น ๑ ใน ๑๐ ของวิปัสนูฯ คือเห็นสภาวะเกิดดับแล้ว แต่เห็นแล้วจิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่ถึงฐานนี้ หลวงพ่อเรียกว่าจิตไม่ถึงฐาน ในพระไตรปิฎกเรียกว่า อุทธัจจะ หลวงปู่ดูลย์ท่านว่าจิตออกนอก จิตมันเคลื่อนไป เคลื่อนไปจับความโล่ง ความว่าง ความโปร่ง ความสบาย แล้วก็ไปสบายอยู่อย่างนั้น หลายวันก็ไม่มีกิเลสเกิดขึ้น ตอนนี้ชักเยอะนะ พวกที่สอนดูจิตน่ะ สอนมาสู่ตรงนี้เยอะมากเลย เพราะตัวเองผ่านไม่เป็น หัดดูเห็นสภาวะเกิดดับได้นิดๆหน่อยๆ แล้วเกิดวิปัสนูฯนะ แล้วมันอยากสอน

นี่ยังค่อยยังชั่ว บางคนเขาก็แก้ผ่านมาได้ บางคนเป็นหนักนะ ถึงขนาดคิดว่าเป็นพระอรหันต์ วันก่อนมาท่านหนึ่ง ก็ใช้ได้แล้ว มาสารภาพกับหลวงพ่อเลยว่า ไม่ใช่แล้ว หลวงพ่อก็บอกว่า หลวงพ่อก็ห่วงอยู่นะ หลวงพ่อก็บอกไปหลายทีแล้วว่าไม่ใช่แล้ว ไปติดอยู่ในว่าง เกาะอยู่อย่างนั้นน่ะ ไม่มีกิเลสเลย

ไม่มีกิเลสเพราะอะไร เพราะว่ามองไม่เห็นกิเลส ทำไมมองไม่เห็นกิเลส จิตขณะนั้นมีอุทธัจจะ จิตมันฟุ้งไปในธรรมะ ฟุ้งไปในหลายอย่างนะ ฟุ้งไปในปีติก็ได้ ปีติมาก วุ้ย..เจอแล้วดื่มด่ำ จิตมันไหลไปเคลิ้มในปีติ นั่นก็เป็นวิปัสนูฯ ๑ ใน ๑๐ นะ

น้อมไปอยู่ในความสว่าง คือโอภาส โล่ง สบาย ก็เป็นแบบหนึ่ง น้อมไปเดินปัญญานะ ฟุ้งไปในปัญญา นี่ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง มีหลายแบบนะ พวกหนึ่งน้อมไปในทางทำความเพียร เดินจงกรมหามรุ่งหามค่ำ กิเลสไม่เกิดเลย หรือนั่งสมาธิหามรุ่งหามค่ำ นี่ก็เป็นวิป้สนูฯอย่างหนึ่ง

วิปัสนูฯมี ๑๐ อย่าง ไปหาอ่านเอา หลักมีอันเดียวคือจิตไม่ตั้งมั่น เรียกว่า ธัมมุทธัจจะ ธรรมะ-อุทธัจจะ สนธิกันเรียกว่า ธัมมุทธัจจะ ฟุ้งไปในธรรมะ ๑๐ ประการ จิตไม่ตั้งมั่น

พระอานนท์ท่านบอกว่า ถ้ารู้ทันว่าจิตไม่ตั้งมั่น ตรงนี้บอกเป๊ะเลย แต่เดิมหลวงพ่อพูดปาวๆนะ เราพูดจากประสบการณ์ พอไปเจอตำรา เหมือนกันเปี๊ยบ ท่านบอกว่า ถ้ารู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น จิตจะตั้งมั่น แล้วอริยมรรคจะเกิด จะเดินไปสู่อริยมรรคต่อได้ แต่ถ้าลงไปนอนแช่ ฟุ้งไปอยู่ข้างนอกแล้ว จิตไม่ถึงฐาน อริยมรรคไม่เกิดหรอก เนี่ยปริยัติปฏิบัตินะ ตรงกันเด๊ะๆ เป๊ะเลย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๑๗
File: 520611
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๒๔ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ระวังปัญญา(จากการคิด,อ่าน,ฟัง)ล้ำหน้าภาวนา

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ระวังปัญญา(จากการคิด,อ่าน,ฟัง)ล้ำหน้าภาวนา

เรื่องกังวลกับ ความจงใจหรือเจตนา ในการปฏิบัติหรือการดูจิตนั้น
เกืดขึ้นจากการที่พวกเราได้ฟัง คุณกล่าวถึง เจตนาสูตร บ้าง
ได้ฟังผมกล่าวถึง ความจงใจ ในเรื่องพระอนุรุทธะบ้าง
หรือบางครั้ง ได้ยินผมแนะอุบายแก่พวกเราบางคนให้ลดความจงใจลง
เพื่อแก้อาการเพ่งจ้องอย่างรุนแรงแบบเอาเป็นเอาตายกับกิเลสบ้าง

เมื่อฟังมากเข้า บางคนจึงเกิดความล้ำหน้าทางความคิดขึ้น
คือมีสัญญาว่า ความจงใจไม่ดี แล้วก็เกิด “ความจงใจที่จะละความจงใจ” ขึ้นมา

ผมเองก็เคยปฏิบัติธรรมแบบล้ำหน้าเหมือนกัน
ตอนนั้นผมไปปฏิบัติอยู่กับหลวงพ่อคืนที่วัดหน้าเรือนจำสุรินทร์
ผมดูจิตที่เห็นกิเลสผุดขึ้นบ้าง เห็นฝ้ามัวของโมหะบ้าง
หลวงพ่อคืนก็จะบ่นว่า “ไปนั่งดูสิ่งที่ถูกรู้ทำไม ปล่อยวางมันซะ แล้วมาหยุดอยู่กับ รู้”

ผมก็จัดการเข้ากุฏิ คู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า
(ใช้คำนี้เพื่อให้เห็นว่า เอาจริงและเป็นทางการมาก แบบกะฟันกิเลสให้ตายหมดเลย)
แล้วก็เร่ิมต้นด้วยการหายใจ เห็นลมหายใจถูกรู้อยู่ 2 – 3 อึก แล้วก็ปล่อยเสีย
หันมารู้เวทนาในกายที่นั่งตัวตรงอยู่นั้น ตอนนั้นยังไม่สุขไม่ทุกข์อะไร ก็รู้ไป
แล้วก็คิดต่อทันทีว่า อุเบกขาเวทนานี้ก็ถูกรู้ ก็เลิกดูเวทนา
หันมาดูความว่างๆ ในจิต ที่ซ้อนอยู่กับอุเบกขาเวทนา
ก็เห็นอีกว่า ความว่างถูกรู้ จิตเป็นผู้รู้ความว่าง
แล้วก็เลิกดูความว่าง หันมาจ้องมองจิตผู้รู้
ถึงตรงนี้ ผู้รู้ก็กลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ แล้วมีผู้รู้ตั้งขึ้นใหม่ โดยเขยิบไปด้านหลังหน่อยหนึ่ง
ผมก็ทิ้งตัวเก่า ดูตัวใหม่ ซ้อนๆๆๆๆ เข้าไปภายในตลอดเวลา
เล่นเอาสมองหมุนตาลาย ปวดระบมไปทั้งศีรษะ
ตอนนั้นก็คิดสุภาษิตมาสนับสนุนความโง่ได้อีกว่า
“บุคคลล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร”
ไม่ว่าจะปวดหัวขนาดไหน ก็ยังคงไล่จับผู้รู้อยู่อย่างอุตลุดไปหมดด้วยความเพียร

ใกล้เที่ยงคืนก็หมดแรง หลับไปตื่นหนึ่ง
ตีสามตื่นขึ้นมาเร่งความเพียรใหม่จนสว่าง
แล้วก็นึกถึงความสอนของหลวงปู่ดูลย์ได้ว่า
“การใช้จิตแสวงหาจิตนั้น อีกกัปป์หนึ่งก็ไม่เจอ”
พอเช้า ก็เดินเป๋ๆ ออกมาจากกุฎิ กะจะมาต่อว่าหลวงพ่อคืน
มาเจอหลวงพ่อคืนเข้าพอดี ยังไม่ทันต่อว่าท่าน
ท่านก็อุทานลั่นวัดว่า “เมื่อคืนนี้ปฏิบัติอย่างไร ทำไมจิตใจมันชุลมุนอย่างนั้นทั้งคืน”
ผมก็เถียงท่านเต็มๆ เลย ว่า “ก็ผมทำตามที่หลวงพ่อสอนน่ะสิ”
“สอนยังไง อาตมาสอนยังไง”
“ก็สอนว่า ไปนั่งดูสิ่งที่ถูกรู้ทำไม ปล่อยวางมันซะแล้วมาหยุดอยู่กับ รู้”
คราวนี้หลวงพ่อหัวเราะเอิ้กอ้ากเลย บอกว่า
“การปล่อยวางนั้นต้องปล่อยด้วยปัญญา ไม่ใช่คิดปล่อยๆ เอาแบบนี้”

ผมก็นึกบ่นท่านว่า หลวงพ่อไม่น่าจะสอนผมเลย
ถ้าไม่สอน ผมก็จะรู้ความเกิดดับของอารมณ์ จนมีปัญญาปล่อยวางเอง
เพราะจุดสำคัญของการปฏิบัติ อยู่ที่รู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลาง
ไม่จมลงในสิ่งที่ถูกรู้ หรือเผลอไปที่อื่น เท่านั้นเอง
แต่พอฟังท่านสอน ก็นึกตีความว่า ที่ทำอยู่ผิด จึงแก้ไขแนวปฏิบัติใหม่
ทำให้ปฏิบัติผิด ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียเวลา

การปล่อยด้วยปัญญา กับปล่อยด้วยสัญญา มันต่างกันอย่างที่เล่ามานี้เอง
และเมื่อพวกเราได้ยินนักปฏิบัติรุ่นพี่กล่าวถึง เจตนา และความจงใจ
ว่าทำให้วิญญาณตั้งขึ้น ภพตั้งขึ้น
แทนที่จะเพียงเฉลียวใจ รู้ว่าตนมีความจงใจหรือไม่
กลับเกิดความจงใจ ที่จะละความจงใจ
จนลืมหลักปฏิบัติขั้นพื้นฐานที่ว่า “ทุกข์ให้รู้ สมุทัยให้ละ”

บางทีการอ่านและการฟังธรรมะมากเกินไป ก็ทำให้ข้ามขั้นตอนได้เหมือนกัน
อันนี้ฝากไว้ให้นักปฏิบัติทั้งหลายครับ
ผมเองก็ไม่ได้ดีวิเศษไปกว่าพวกเราหรอก
อะไรที่ใครๆ ทำผิดกันนั้น
ผมทำผิดมาก่อนแล้วแทบทั้งนั้นแหละครับ

โดยคุณ สันตินันท์  (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญาต้องพร้อม บารมีทั้งหลายต้องสร้าง

mp 3 (for download) : การภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญาต้องพร้อม บารมีทั้งหลายต้องสร้าง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


ขอขอบคุณ บ้านจิตสบาย ที่เอื้อเฟื้อภาพ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

หลวงพ่อปราโมทย์ : บางคนบอกว่าหลวงพ่อไม่ค่อยสอนเรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องทาน เรื่องอะไร ก็สอนอยู่เป็นระยะๆ เพราะพวกเราเรียนมาเยอะแล้ว ก็เลยเน้นหนักสอนเจริญสติฯ แต่ว่าเจริญสติรวดๆไปไม่ได้นะ ต้องละชั่ว ต้องทำดีด้วย จิตมันถึงจะผ่องแผ้ว ศีล สมาธิ ปัญญา สำคัญทั้งหมด บารมีทั้งหลายต้องสร้าง ไม่ใช่ฉันจะเจริญปัญญาอย่างเดียว อย่างอื่นไม่เอาเลย มันทำยากนะ ปัญญาอย่างเดียวมันกลายเป็นปัญญาสนองอัตตาตัวตน สนองกิเลสขึ้นมาอีก สู้ไม่ไหวหรอก ต้องเด็ดเดี่ยวจริงๆ

เพราะฉะนั้นคอยสำรวจใจของเรา อะไรที่ไม่ดี ก็คอยละเสีย เลิกเสีย อะไรที่ดีๆยังไม่เกิดขึ้น ก็ให้มันเกิดขึ้น ยกตัวอย่างบางอย่างนะ เกิดขึ้นได้ง่ายๆเลย เช่น ความเมตตากรุณาอะไรอย่างนี้ ไม่เสียสตางค์นะ ไม่เสียสตางค์ มีความเมตตากรุณา มีมุฑิตา มุฑิตาก็สำคัญนะ เห็นคนอื่นเขาได้ดี ต้องดีใจกับเขาได้นะ

แม่ชีเนี่ยมีมุฑิตาสูงมากเลย ตั้งแต่อยู่สวนโพธิ์แล้ว อยู่ที่สวนโพธิ์เนี่ย ตอนแรกบวชกัน อยู่กับอ๊าอีกคน ๓ คน อยู่ที่นั้น ๓ คน ญาติโยมาเยอะขึ้นทุกทีนะ แม่ชีกับอ๊า ๒ คนเนี่ย พอญาติโยมกินข้าวเสร็จแล้ว ๒ คนนี้ล้างจาน ๒ คนนี้ไม่ได้ฟังเทศน์ของหลวงพ่อเลย ไม่ได้ฟังธรรมะ ล้างจานๆไป ๑๑ โมง โยมกลับไปหมดแล้ว ล้างส้วมต่อ นี่ มีแต่เรื่องทำงานนะ พอเสร็จแล้ว หลวงพ่อมาเล่าให้ฟัง ตอนเย็นๆ ตอนฉันน้ำปานะ หลวงพ่อก็มาเล่าให้ฟัง เออ..วันนี้คนนี้เขาภาวนาดีนะ แม่ชีจะปลื้มใจ โห..ดีใจนะ เขาภาวนาได้ดี ตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ฟังนะ ยังมีความปลื้มใจขึ้นมา มีมุฑิตานะ ถ้าอิจฉาริษยาใช่มั้ย โอ๊ย..มันดีกว่าเรา “เรา”มันจะเข้มขึ้นมา เออ..เขาดี ก็ดีใจกับเขา “เรา”มันจะตัวเล็กลง

เนี่ยเห็นมั้ย กระทั่งบารมีเล็กๆน้อยๆอะไรนี่นะ สำคัญทั้งสิ้นนะ อย่างอ๊านี้โดดเด่นเรื่องอธิษฐานบารมี เด็ดเดี่ยวนะ เริ่มต้นมาจากติดลบ ไม่ใช่เริ่มต้นจากศูนย์ เริ่มต้นมาจากจิตซึ่งมีโมหะมาก โมหะครอบงำมืดตึ๊ดตื๋อเลย หลวงพ่อเห็นหน้าทีแรกนะ หมดปัญญาสอน ไปหาหลวงพ่อที่ศาลาลุงชินฯตั้งแต่แรกๆเลย พอหลวงพ่อเห็นหน้า หลวงพ่อถามว่า ไปกินยาแก้หวัดมาหรือเปล่า? ทำไมมันงัวเงียมืดทึบมาขนาดนั้น เนี่ยเขาก็พยายามมาเรื่อยๆนะ หลวงพ่อก็ไม่ได้สอนสักทีเพราะจิตไม่มีความพร้อมเลย วันหนึ่งดังตฤณ ไปเจอดังตฤณ ดังตฤณก็บอก อ๊า ถ้าจิตเป็นแบบนี้ ตายไป อ๊าจะเป็นอสุรกาย พอได้ยินว่าจะเป็นอสุรกาย ก็ลาออกจากงานนะ ไปอาศัยอยู่ตามวัด ตอนนั้นหลวงพ่อยังไม่ได้บวช ยังไม่มีวัดอยู่ นี่ออกไปก่อนหลวงพ่ออีก ออกไปเตรียมตัว เดี๋ยวหลวงพ่อบวชแล้วจะมาอยู่กับหลวงพ่อ คล้ายๆกับเรื่องที่พวกพราหมณ์ที่พยากรณ์พระพุทธเจ้า นึกออกมั้ย พอท่านโกณฑัญญะพยากรณ์เสร็จแล้ว รีบออกบวชเลย เตรียมไปรอไว้ก่อน เตรียมไว้ก่อน นี่ไม่ใช่เทียบอ๊าเป็นท่านโกณฑัญญะนะ ไม่ใช่เทียบหลวงพ่อเป็นพระพุทธเจ้านะ หมายถึงใจของบัณฑิตน่ะคิดคล้ายๆกัน แล้วเด็ดเดี่ยวนะ ภาวนาอย่างยากลำบาก เดินจงกรม อดกิน ทำไมต้องอดกิน มีข้าวกินทุกวัน ธรรมดากินจุมากเลย กินจนคนตกใจนะ กินมากก็เหลือกินนิดๆ เพราะไม่มีมาก อยู่ตามวัด อด อดกินอดนอนนะ ภาวนา เดินจงกรม เดินจงกรมตอนนั้นมีช่วงหนึ่งไปอยู่บุญญวาส บุญญวาสท่านอาจารย์ตั๋นนะ ดึกๆท่านไปธุระกลับมา เอ๊ะ กุฎินี้ยังจุดเทียนอยู่ กุฏิอ๊าจุดเทียนอยู่ สงสัยหลับไปแล้วมั้ง ท่านก็ไปดู ยังภาวนา ยังเดินจงกรม

เนี่ย อาศัยบารมี เห็นมั้ย ยอมสู้ความลำบากใช่มั้ย ความเห็นแก่ตัว ความรักตัวเอง มันจะถ่วงเรา เพราะฉะนั้นต้องฝึกนะ สำรวจใจของเรา คุณงามความดีอะไรยังไม่พอ ต้องสร้างขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๔
Track: ๔
File: 510223
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๔๘ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๓๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การทำทานที่แท้จริง

การทำทานที่แท้จริง

ผมเข้าใจของผมว่า…

การให้ไม่ว่าจะให้อามิสทาน อภัยทาน หรือธรรมทานก็ตาม

 จะเป็นการให้ที่แท้จริงที่

 หรือจะเป็นทานบารมีเพื่อเกื้อกูลต่อการหลุดพ้นได้

 ก็ต้องเป็นการให้ด้วยจิตที่เป็นผู้ให้จริงๆ

 คือให้เพื่อประโยชน์ผู้อื่นจริงๆ

 ไม่ได้ให้เพื่อตัวเองจะได้ประโยชน์ตอบแทนแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

 เพราะเพียงแค่ต้องการให้ตัวเองมีความสุข

 จะเป็นในปัจจุบันหรือภายภาคหน้าก็ตาม

 ก็เท่ากับจิตมีราคะเรียบร้อยแล้ว

 ฉะนั้นขณะให้ทานก็อย่าลืมที่จะย้อนมาดูจิตไปด้วย

 จะได้เจริญจิตตานุปัสสนาด้วยการรู้ว่าจิตมีราคะไปด้วย

^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรมสวนสันติธรรม เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม

ไม่มีการแสดงธรรมที่สวนสันติธรรม

รถตู้โดยกลุ่มธรรมดา.net ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางกลุ่มธรรมดา.net

รถตู้โดยกลุ่มธรรมทาน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รถตู้โดยลุงเมา (คณะเจ้าภาพหลากหลาย) กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รถตู้โดยชมรมพุทธศาสน์ กฟผ. กรุณาดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากตารางรถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

1. รถตู้โดยกลุ่มธรรมดา.net

กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ (ดูรายการรถตู้ฟรีโดยเจ้าภาพท่านอื่น คลิ้กที่นี่)
รายการรถตู้ฟรีของเดือนก่อน คลิ้กที่นี่

วัน เวลา นัดพบ วันที่รับสมัคร
วันเสาร์ที่ ๒ ก.พ.๕๖ ๐๕:๐๐ น. ปั้มปตท รังสิต ๒๑ ม.ค. ๕๖ – ๓๐ ม.ค. ๕๖
วันอาทิตย์ที่ ๑๐ ก.พ. ๕๖ ๐๕:๐๐ น. ปั๊มปิโตรนาส เจริญนคร ๒๘ ม.ค. ๕๖ – ๖ ก.พ. ๕๖
วันเสาร์ที่ ๑๖ ก.พ. ๕๖ ๐๕:๐๐ น. ปั๊มเอสโซ่ สถานีอารีย์ ๔ – ๑๓ ก.พ. ๕๖
วันเสาร์ที่ ๒๓ ก.พ. ๕๖ ๐๕:๐๐ น.
๐๕:๑๐ น.
ปั๊มเอสโซ่ บางแค
ปั้มปตท พระราม 2
๑๑ – ๒๐ ก.พ. ๕๖
รอบพิเศษ วันมาฆบูชา
วันจันทร์ที่ ๒๕ ก.พ. ๕๖
๐๕:๐๐ น. ปั๊มเอสโซ่ สถานีอารีย์ ๑๑ – ๒๐ ก.พ. ๕๖

แผนที่
(คลิ้กที่ภาพ เพื่อดูแผนที่ขนาดเต็ม)

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค

แผนที่ ปั๊มเอสโซ่บางแค

ปั๊มปตท.พระราม 2

ปั๊มปตท.พระราม 2


โดยมีรายละเอียดและการสำรองที่นั่ง ดัง นี้
1. กรุณาสำรองที่นั่งภายในวันเวลาที่ รับสมัคร โดยส่งชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ และจำนวนที่นั่งที่ต้องการจองมาที่

    หมายเลขโทรศัพท์: 08-9694-2994 ติดต่อคุณดีนี่
    หมายเลขโทรศัพท์: 08-9445-6269 ติดต่อ คุณเอ้(หากไม่รับสาย รบกวนโทรเบอร์อื่น หรือ ส่ง sms )
    หมายเลขโทรศัพท์: 08-2955-5650 ติดต่อ คุณทราย

2. ทางกลุ่มฯของดรับบริจาคหรือเรี่ยไร สมทบทุนทุกกรณี หากมีการเรี่ยไรจากผู้ให้บริการ จะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มฯ และทุกท่านมีสิทธิ์ที่จะไม่ต้องสมทบทุนได้ และหากมีกรณีเช่นนี้ขอความกรุณาแจ้งมาทางเมล์ของกลุ่มฯด้วยครับ

3. หากมีปัญหาจากการให้บริการ หรือไม่ได้รับความสะดวกประการใด หรือมีข้อเสนอแนะประการใด กรุณาติดต่อมาที่ van.dhammada.net@gmail.com ได้

4. อนึ่งขอให้ทุกท่านตรงต่อเวลาและใน กรณีที่มีเหตุจำเป็นจะยกเลิกการสำรองที่นั่ง กรุณาแจ้งล่วงหน้าเพื่อให้ผู้อื่นได้ใช้สิทธิ์ในการเดินทางด้วยครับ

2. รถตู้โดยคณะเจ้าภาพอื่น

รายการรถตู้ฟรีเพิ่มเติม เพื่อเดินทางไปฟังธรรมที่สวนสันติธรรม (ดูรายการรถตู้ฟรีของ Dhammada.net คลิ้กที่นี่)

วันและเวลาออกเดินทาง จุดนัดพบ การสำรองที่นั่ง คณะเจ้าภาพ
5.30 น. อาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน Mc Donald’s ที่ แมกซ์วาลู ศรีนครินทร์
(เปิด 24 ชม.)
ติดต่อ02-717-5111
ที่คุณกบ หรือ
คุณหนิงเท่านั้น
กลุ่มธรรมทาน
5.00 น. อาทิตย์ที่ 1 ของทุกเดือน ปั๊ม ปตท สนามเป้า ข้าง ททบ. 5
ตรงข้าม รพ.พญาไท 2
ติดต่อ ลุงเมา
084-360-6881,
086-780-4368,
086-556-2623
บ้านขนมนันทวัน จ.เพชรบุรี
5.00 น. อาทิตย์ที่ 2 ของทุกเดือน บ.สาลี่เอกชัย จ.สุพรรณบุรี
5.00 น. เสาร์หรืออาทิตย์ที่ 3
ของทุกเดือน
บ.ชัยรัชการ จก.
โตโยต้า บางนา-ตราด กม. 16
5.00 น. อาทิตย์ที่ 4 ของทุกเดือน กลุ่มเพื่อน ทพญ. ยาหยี,
ทพญ. จ๊ะจ๋า,
คุณ เจษฎ์จรรย์
5.00 น. อาทิตย์ที่ 5 ของทุกเดือน (ถ้ามี) คุณสุปรียา (น้อง)
5.00 น. อาทิตย์ที่ 2 ของทุกเดือน (เฉพาะเดือนธันวาคมนี้ (๒๕๕๕) ขอเปลี่ยนแปลงเป็นวันอาทิตย์แรก วันอาทิตย์ที่ ๒ ธันวาคม แทน) ม.เอเชียอาคเนย์ ติดต่อ คุณนิตยา 02-807-4500 ต่อ 321 หรือ คุณปิยะธิดา 083-609-5752 เวลา 8.30 – 16.30 น. วัน อังคาร – เสาร์ ม.เอเชียอาคเนย์
5.00 น. เสาร์ที่ 2 ของทุกเดือน
(กรุณาสำรองที่นั่ง
ก่อน 12.00 น.ของวันพฤหัสที่ 2 ของเดือน)
หน้าป้อมยาม กฟผ. ถ.จรัญสนิทวงศ์ ติดต่อ คุณใกล้รุ่ง
080-465- 4924
เวลา 9.00-20.00 น.
ทุกวัน หรือ
mdc@egat.co.th
กิจกรรมพัฒนาจิต
อ. บางกรวย จ. นนทบุรี
ชมรมพุทธศาสน์ กฟผ.

เนื่องจากเป็นการเดินทางของหมู่คณะ ขอให้ทุกท่านตรงต่อเวลา และในกรณีที่มีเหตุจำเป็นจะยกเลิกการสำรองที่นั่ง กรุณาแจ้งยกเลิกล่วงหน้าเพื่อให้ผู้อื่นได้มีโอกาสเดินทางแทน
หมายเหตุ
1. จะไม่มีการเดินทางตามตารางข้างต้นหากวันเดินทางที่กำหนดไว้ตรงกับวันที่สวนสันติธรรมปิด
2. รอบรถตู้ข้างต้นของดรับบริจาคหรือเรี่ยไร ทุกกรณี หากญาติธรรมมีความประสงค์จะร่วมบุญ กรุณาติดต่อเจ้าภาพโดยตรง หากมีการเรี่ยไรให้ช่วยค่าใช้จ่ายจากคนขับรถตู้ ขอความกรุณาแจ้งมาทาง santi.vangroup@gmail.com
3. หากมีข้อร้องเรียน คำถาม หรือมีข้อเสนอแนะประการใด กรุณาติดต่อมาที่ santi.vangroup@gmail.com หรือ mdc@egat.co.th (ในกรณีที่เป็นรถตู้ของชมรมพุทธศาสน์ กฟผ.)

ขออนุโมทนาคณะเจ้าภาพและญาติธรรมผู้แสวงหาธรรมะทุกท่าน

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เจริญสติอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำดี ละชั่วด้วย

mp 3 (for download) : เจริญสติอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำดี ละชั่วด้วย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ธรรมะทั้งหลายเนี่ย มีประโยชน์ทั้งสิ้น อย่าละเลย ธรรมะทั้งหมด ถ้าย่อลงมา ท่านบอกว่า ให้ละชั่วใช่มั้ย ให้ทำดี ให้ทำจิตผ่องแผ้ว นี่ สอนอย่างนี้ หรือย่อๆลงมาก็มี ศีล สมาธิ ปัญญา อะไรอย่างนี้ ย่อๆลงมา

เวลาภาวนา อย่าคิดนะ ว่าจะเจริญสติลูกเดียว เจริญสติอย่างเดียว แล้วจะบรรลุน่ะ หลายคนละเลยไม่ถือศีล ไม่ถือศีลไม่มีทางหรอก หลายคนไม่ศึกษาเรื่องจิตให้แจ่มแจ้ง จนจิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู จะกำหนดรูปกำหนดนามอย่างเดียว ไม่ได้กินหรอกนะ

เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัตินะ ต้องเอาให้ครบนะ อะไรชั่วๆไม่เอา มีศีลกั้นตัวเองไว้ก่อน อะไรดีๆต้องทำ การที่เราละความชั่วทุกสิ่งทุกอย่างนั้นนะ ก็คือ การลดละความยึดถือเหนียวแน่นในอัตตาตัวตนนั่นเอง คนเราทำชั่วได้เพราะยึดอัตตาตตัวตนนั้นแหละ ใช่มั้ย ไปปล้นเขา ไปฆ่าเขา ไปกีดกันเขา ไปอิจฉาเขา อะไรอย่างนี้ ก็เพื่อ Serve อัตตาตัวตนทั้งสิ้น

เพราะฉะนั้นการที่ท่านสอนบอกว่า ไม่ทำชั่ว ถือศีลไว้นะ อะไรต่ออะไรไว้เนี่ย ไม่ทำความชั่ว ก็เพื่อลดกำลังความรุนแรงของอัตตาตัวตนลง การที่ท่านสอนให้ทำความดี คุณงามความดีทั้งหลายทั้งปวงเนี่ย ก็เพื่อลดทอนอัตตาตัวตนนั่นเอง ลดทอนกำลังของมัน

ยกตัวอย่าง เราต้องมีสัจจะ มีสัจจะ คนเราทำไมต้องไม่มีสัจจะ เพื่อปกป้องตัวเอง รู้สึกมั้ย บางคนต้องโกหกเพื่อปกป้องตัวเอง นะ เพื่อปกป้องตัวเอง เพื่อรักษาตัวเองไว้ แล้วเมื่อไหร่จะพ้นจากตัวเองได้ ทำไมต้องมีขันติ ขันติอดทนอดกลั้นนะ ในการพากเพียรไป พากเพียรนี่ต้องสู้กับความขี้เกียจขี้คร้านนะ ขี้เกียจขี้คร้านก็เพราะรักตัวเองอีกแหละ ทำไมต้องมีทาน ทานคือการเสียสละ ทำไมต้องมีเมตตา ใช่มั้ย เมตตา ไม่ได้เห็นแก่ตัวไม่ได้รักแต่ตัวเอง มีเมตตากับผู้อื่น ก็เพื่อลดอัตตาตัวตนอีก รู้จักรักคนอื่นเสียบ้าง ไม่ใช่รู้จักรักแต่ตัวเอง รู้จักให้คนอื่นเสียบ้าง ไม่ใช่คิดแต่จะครอบครอง ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้นะ เพื่อลดอัตตาตัวตน ลดความรุนแรงของอัตตาตัวตนทั้งสิ้น

มีสติ มีปัญญา ล่ะ มีปัญญาบารมี ปัญญาก็เป็นการเห็นความจริงของกายของใจ ว่าไม่ใช่อัตตาตตัวตน เพราะฉะนั้นการจะละชั่ว การจะทำดีเนี่ย ก็เพื่อลดความรุนแรงของอัตตาตัวตนลง จิตมันจะค่อยๆผ่องแผ้วขึ้น ที่ผ่องแผ้วขึ้นเพราะเจริญวิปัสสนา จนบรรลุมรรคผลนิพพาน

ทีนี้อย่าเอาแต่จิตผ่องแผ้วนะ ต้องละชั่ว ต้องทำดีด้วย การละชั่ว การทำดี จะช่วยส่งเสริมให้จิตผ่องแผ้ว อยู่ๆจิตไม่ผ่องแผ้วหรอก หลวงพ่อเคยทุ่มเท แก้คนหนึ่ง ไม่ถือศีล ทุ่มแรงลงไปนะ ๖ เดือน ๗ เดือน ไม่ถือศีล อยากได้มรรคผลนิพพาน จะภาวนาอย่างเดียว ไม่ได้กินหรอก ถึงจุดหนึ่งก็ต้องไม่ไหว ต่างคนต่างไปนะ ช่วยตัวเองไปเถอะ

เพราะฉะนั้นคุณงามความดีทั้งหลายนะ ต้องทำ อกุศลทั้งหลาย ความชั่วทั้งหลาย ต้องลดละ มันจะทำให้การภาวนาของเรานี่ง่าย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๔
Track: ๔
File: 510223
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: New Files Uploaded (๑๖ มกราคม ๒๕๕๖)

    New Files Updated วันพุธที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๖

  • 560108: กลุ่มบริษัท ซีดีจี แสดงธรรมเมื่อวันอังคารที่ ๘ เดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๕๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : กรรมฐานคืออะไร

กรรมฐานคืออะไร

ถ้าจะตอบเป็นคำๆ ไป คงไม่เห็นภาพในองค์รวมครับ
ผมจึงขอเล่าให้ฟังดีกว่า ว่า การปฏิบัติกรรมฐาน หรือกัมมัฏฐาน
หรือการเจริญภาวนานั้น มี 2 ส่วน
คือสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน

สมถกรรมฐานคือการทำสมาธินั่นเอง
ได้แก่การทำจิตให้เป็นหนึ่ง ทำอารมณ์ให้เป็นหนึ่ง
เช่นให้จิตสงบ รู้ลมหายใจเข้าออกเป็นอารมณ์อันเดียว
โดยมุ่งเอาความสงบของจิตเป็นเป้าหมาย

ส่วนวิปัสสนากรรมฐาน เป็นการเอาจิตที่สงบ ตั้งมั่นเป็นสมาธิแล้วนั้น
ไประลึกรู้อารมณ์ต่างๆ ที่กำลังปรากฏ
และเห็นความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของอารมณ์นั้นๆ
จนเข้าใจสภาพความเป็นจริงว่า อารมณ์ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จะต้องดับไปเป็นธรรมดา
จิตก็จะปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในอารมณ์นั้นๆ ไปตามลำดับ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง การทำวิปัสสนานั้น
มุ่งเอาปัญญารู้เห็นธรรมะตามความเป็นจริงจนปล่อยวางได้เป็นเป้าหมาย

  ส่วนคำว่านั่งสมาธิ นั่งภาวนา นั่งวิปัสสนา นั่งกรรมฐาน
เป็นการพูดโดยแฝงความเข้าใจผิดครับ
เพราะการทำสมาธิซึ่งหมายถึงการทำความสงบ
การทำวิปัสสนา ซึ่งหมายถึงการทำให้รู้สภาพธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง
หรือการทำกัมมัฏฐาน ทั้งสมถะและวิปัสสนานั้น
เป็นสภาวะทางจิตใจทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับอิริยาบถว่าจะต้องนั่งเสมอไป
 แต่จะต้องทำให้ได้ต่อเนื่องในทุกๆ อิริยาบถ ทั้งยืนเดินนั่งนอนครับ

โดยคุณ สันตินันท์  (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2542

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พวกเรามีหน้าที่เจริญสติไป ถึงเวลามันพอของมันเอง

mp 3 (for download) : พวกเรามีหน้าที่เจริญสติไป ถึงเวลามันพอของมันเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงปู่ดูลย์เองก็ไปเรียนกับหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นสมัยโน้นท่านก็ยังไม่ถึงขั้นสุดขีดอะไรหรอก ท่านภาวนาได้..ถ้าเทียบกับมหาวิทยาลัยนะคือจบปี ๓ แล้ว กำลังเรียนปี ๔ ยังไม่จบ ทีนี้หลวงปู่ดูลย์ไปเรียนด้วย หลวงปู่มั่นก็สอนหลวงปู่ดูลย์ให้ทำความสงบแล้วก็พิจารณากายนี้แหละ เบื้องต้นนะ พอท่านทำสอบปี ๑ ผ่านเนี่ยนะ ไปเรียนต่อ หลวงปู่มั่นสอนให้ดูจิตแล้ว

หลวงปู่มั่นท่านสอนเลย สพฺเพ สงฺขารา สพฺพ สญฺญา อนิจฺจา (สัพเพสังขารา สัพพะสัญญา อนิจจา) สพฺเพ สงฺขารา สพฺพ สญฺญา อนตฺตา (สัพเพสังขารา สัพพะสัญญา อนัตตา) สอนอย่างนี้ หลวงปู่ดูลย์ท่านก็มาดูๆนะ ดูอยู่ไม่กี่เดือนหรอก ท่านก็แจ้งอริยสัจจ์ขึ้นมา รู้เลยว่า ถ้าไม่มีความเป็นตัวเป็นตนนะ ถ้าไม่มีความปรุงแต่งความเป็นตัวตนก็ไม่มี ถ้าไม่มีความเป็นตัวตนนะ ความทุกข์มันก็ไม่มีที่อยู่ที่ตั้ง ก็ไม่มีความทุกข์เกิดขึ้น ทีนี้ท่านก็เลยรู้แจ้งอริยสัจจ์แห่งจิตขึ้นมา

ลีลาแห่งการรู้แจ้งของท่านก็ประหลาดนะ ท่านก็คงเจริญสติธรรมดานี่แหละ ถึงเวลาก็ทำความสงบบ้าง เดินจงกรมอะไรของท่าน ก็ทำอย่างนั้นแหละ เหมือนที่เราปฏิบัติเนี่ย แต่อินทรีย์ท่านแก่กล้าแล้ว ท่านใช้เวลาไม่มาก วันหนึ่งบิณฑบาตมา ฉันเสร็จแล้ว ท่านเอาบาตรไปล้าง ระหว่างนั่งล้างบาตรอยู่ เวลาท่านพูดถึงเนี่ย ท่านไม่ได้บอกว่าท่านนั่งล้างบาตร แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้เห็นว่าพระรุ่นโบราณยืนล้างบาตรนะ แต่ว่าพระรุ่นใหม่นี้ยืนล้างบาตรนะที่ล้างมันสูง ท่านอยู่ตามห้วยตามเขาตามอะไร ต้องนั่งล้างเอา

ระหว่างที่ล้างบาตรเนี่ย มีแมวตัวหนึ่งวิ่งมา มีหมา ๓ – ๔ ตัว ไล่มา หมาไล่กัดแมว หลวงปู่ก็หันไปดู แมวนี่วิ่งจ๊กๆๆ ไปเจอต้นมะละกอ กระโดดขึ้นต้นมะละกอไป ไปเกาะอยู่ข้างบน หมาเข้ามาล้อมต้นไม้ไว้ เห่าใหญ่ หมาเนี่ยจะขึ้นต้นไม้ไม่ได้ สัตว์ตระกูลหมามันไม่ขึ้นต้นไม้หรอกพวกหมา ยกเว้นหมาชนิดเดียว ชื่อหมาไม้ หมาไม้ขึ้นต้นไม้ได้ แต่หมาไม้ไม่ใช่หมา เรียกเป็นหมาไปอย่างนั้นแหละ

แมวนี่นะ พอเห็นหมาอยู่ข้างล่างนะ แมวก็หัวเราะเยาะ หัวเราะเยาะหมาด้วยใจ แหมแมวคงไม่ร้องเฮ่อๆออกมานะ ถ้าอย่างนั้นหลวงปู่คงไม่ได้อะไร คงตกใจ พอแมวมันหัวเราะเยาะหมานะว่าเอ็งทำอะไรข้าไม่ได้แล้ว ท่านบอกว่าตอนนั้นท่านปิ๊งเลย ท่านเข้าใจเลยว่า ถ้าจิตพ้นจากความปรุงแต่งแล้วความทุกข์ก็มีไม่ได้

ทำไมต้องไปเกิดตอนนั้น คล้ายๆเรื่องพระเซ็นเลยนะ พระเซ็น อิคคิวซังนะ ซาโตริตอนได้ยินอีการ้อง พวกเราไปหาเทปอีกามาฟังนะ ฟังมันก็ไม่ซาโตริหรอก เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเรามีอันเดียวแหละ ภาวนาไป เจริญสติไป เหมือนเรามีหน้าที่กินข้าวก็กินไปนะ หน้าที่อิ่มมันเป็นหน้าที่ของท้อง ไม่ใช่หน้าที่ของเราหรอก หน้าที่กินก็เคี้ยวไป กินไป ถึงเวลาใจมันพอแล้ว มันก็พอของมันเองแหละนะ เราไม่รู้หรอกว่าเราจะพอตอนไหน กลางวันหรือกลางคืน เราไม่รู้หรอกว่ามันจะพอตอนไหน เราไม่รู้ว่าจะพอตอนยืน ตอนเดิน ตอนนั่ง หรือตอนนอน นะ ไม่แน่นอนนะ เราไม่รู้ว่าจะพอตอนหายใจออกหรือว่าหายใจเข้านะ แต่ว่ามันพอตอนมีสติ ถ้าเมื่อไรเราทิ้งขาดสตินะ เอ้อระเหยลอยชายไปนะ ไม่พอหรอกในขณะนั้น

เพราะฉะนั้นเราฝึกมีสติ รู้กายรู้ใจบ่อยๆนะ รู้ไปเรื่อยๆ วันไหนมันพอ มันก็พอของมันเอง ใจเราจะเปลี่ยนแปลงไปนะ ความทุกข์มันจะตกหายไปจากใจเรา มีความสุขล้วนๆเลย คราวนี้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

สวนสันติธรรม
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
Track: ๑๘
File: 520612.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมสนทนาธรรม ณ.พระธาตุโกฏิแก้ว

ขอเชิญท่านผู้สนใจเข้าร่วมสนทนาธรรม
โดย ทันตแพทย์ณัฏฐ์ ศรีวชิรวัฒน์ คุณมาลี ปาละวงศ์ และทีมงาน
เป็นการสอนปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ในวันเสาร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๓:๓๐-๑๖:๐๐ น.
เป็นรูปแบบการเสวนาธรรมแบบสบายๆ ไม่มีพิธีรีตอง
เน้นให้เกิดความเข้าใจพื้นฐานที่ถูกต้อง เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ณ. พระธาตุโกฏิแก้ว
ต.แม่ยาว อ.เมือง
จ.เชียงราย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ

ชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ

ในโลกไม่ได้มีแต่สิ่งที่เราชอบเท่านั้น

 อีกทั้งสรรพสิ่งที่เราไปรู้ไปเห็นมันเข้า

 ไม่ว่าจะเป็นที่ตามองเห็นได้ ที่หูได้ยิน ที่จมูกได้กลิ่น

 ที่ลิ้นได้รส ที่กายสัมผัสได้ และที่ใจรู้สึกได้

 สรรพสิ่งเหล่านี้ส่วนมากแล้วเราจะไม่ชอบมันหรอก

 

 เมื่อโลกเป็นอยู่อย่างนี้

 จิตใจเราก็จะเกิดความรู้สึกชอบ ไม่ชอบ หรือเฉยๆ อยู่เตลอดทั้งวัน

 ถ้าเรารู้จักที่จะใช้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนี้

 มาเป็นเครื่องมือฝึกจิตใจตัวเองตามวิถีแห่งความรู้แจ้ง

 เราก็จะสามารถฝึกจิตใจตัวเองให้รู้แจ้งกันได้

 

 วิธีการฝึกก็ไม่มีอะไรยุ่งยากสักนิด

 เพราะเพียงแค่เรามาใส่ใจที่จะรู้ว่าชอบ รู้ว่าไม่ชอบ รู้สึกว่าเฉยๆ

 เราก็จะสามารถรู้สึกได้

 ถึงความมีอยู่ของความชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ ที่เกิดขึ้น

 แล้วเราก็แค่หัด ดูจิตใจที่กำลังชอบ ไม่ชอบ เฉยๆ นั้นไป

 ดูแบบรู้สึกว่ามันกำลังถูกเราสังเกตดูอยู่

 เมื่อรู้ว่ามันมีอยู่ก็แค่รู้ว่ามีอยู่ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน

 มันจะชอบ/ไม่ชอบมากน้อย ชอบ/ไม่ชอบใคร อะไร อย่างไร

 ก็เป็นเรื่องของมัน เรื่องเราก็คือ แค่รู้แค่ดูมันอยู่เท่านั้นเอง

 

อย่างเวลาที่เราผู้ไม่มีความรู้เรื่องงานศิลปอะไร

 พอตาเราไปเห็นภาพวาดสักภาพหนึ่ง

 แทนที่เราจะไปสนใจว่าภาพนี้ใครวาด วาดด้วยเทคนิคอะไร

 แทนที่เราจะไปสนใจว่าภาพนี้ชื่อว่าอะไร ภาพนี้สื่อถึงอะไร

 ก็ให้เรามาใส่ใจกับตัวเองว่า

 จิตใจเรารู้สึกอย่างไร ชอบ ไม่ชอบ หรือเฉยๆ

 เพียงเท่านี้เราก็กำลังฝึกสติอยู่ ฝึกทำความรู้สึกตัวอยู่

 เมื่อเราฝึกสติ ฝึกทำความรู้สึกตัวได้ต่อเนื่อง สม่ำเสมอ

 จิตใจก็จะค่อยๆพัฒนาเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

 ได้เป็นส่วนหนึ่งพุทธบริษัทที่จะพ้นทุกข์ได้ในวันข้างหน้าเป็นแน่

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ลักษณะของจิตที่เป็นกุศล

mp 3 (for download) : ลักษณะของจิตที่เป็นกุศล

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพ่งมากๆนะ ไม่ได้กินหรอก เครียด ปฏิบัติธรรมแล้วเครียด ผิดแน่นอน จิตที่เครียดเป็นอกุศลนะ เป็นโทสะมูลจิต ผิดแน่นอน จิตที่แข็งๆเป็นอกุศลนะ จิตที่เป็นกุศลนะ จะต้องเบา ถ้าหนักๆแน่นๆ ไม่ใช่ จิตที่เป็นกุศลมีลหุตา มีความเบา มีมุทุตา มีความอ่อนโยนนุ่มนวล มีปาคุญญตา คล่องแคล่วว่องไว ถ้าทื่อ…ทื่อทั้งวันนะ ไม่ใช่จิตที่เป็นกุศล จิตที่เป็นกุศลมีกัมมัญญัตตา ควรแก่การงาน มีสภาวะอะไรที่ต้องรู้ต้องเห็น ก็รู้ก็เห็น ไม่ใช่แกล้งไม่รู้ไม่เห็น จิตที่เป็นกุศลนะ มีอุชุตา ซื่อตรงในการรู้สภาวธรรมนะ สภาวะอะไรเกิดขึ้นก็สักว่ารู้ว่าเห็นไป จิตที่เป็นกุศลไม่มีราคะ ไม่มีโทสะ ไม่มีโมหะ เนี่ยสำรวจกายใจเรานะ

นักปฏิบัติจำนวนมากเลย ที่ลงมือปฏิบัติแล้วเกิดอกุศลจิต เริ่มตั้งแต่อยากปฏิบัติ เนี่ยจิตมีโลภะ ก็ลงมือปฏิบัตินะ บังคับตัวเองไปเรื่อยเลย ด้วยอำนาจของโลภะ บังคับเดินจงกรมตั้งนาน นั่งสมาธิตั้งนาน จิตไม่สงบสักที มันสงบไม่ได้นะ เพราะจิตยังมีกิเลสรุนแรงย้อมอยู่ผลักดันอยู่ พอไม่สำเร็จนะโทสะก็เกิด หรือมีโลภะอยากปฏิบัติก็ลงมือบังคับตัวเอง บังคับตัวเองแล้วเครียดขึ้นมา โทสะก็เกิด เพราะฉะนั้นลงมือปฏิบัติแล้วพัฒนาโลภะโทสะอุตลุดไปหมดเลยนะ หรือนั่งสมาธิแล้วเคลิ้มขาดสติลืมเนื้อลืมตัวไป นั่นพัฒนาโมหะนะ หรือว่านั่งสมาธิแล้วก็ออกนอก เห็นโน่นเห็นนี่นะ จิตฟุ้งซ่าน นั่นก็เป็นโมหะอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นเวลาลงมือปฎิบัติต้องระวังนะ เพราะจะปฏิบัติจนไปอบายภูมิก็ได้นะ ถ้าปฏิบัติไม่ดี ปฏิบัติไม่ถูก

เพราะฉะนั้นต้องรู้ทางสายกลางให้แม่น แล้วการปฏิบัติจะง่าย ถ้าจิตเผลอไป รู้ทัน ถ้าบังคับตัวเองอยู่ เพ่งกายเพ่งใจอยู่ คอยรู้ทัน จิตจะตั้งมั่น ถ้าจิตตั้งมั่นเนี่ยจะไม่ไหลไปทางเผลอจะไม่ไหลไปทางเพ่ง จิตกลายเป็นแค่ผู้รู้ผู้ดู จิตที่ตั้งมั่นจะมีความเบา มีความนุ่มนวลอ่อนโยน มีความคล่องแคล่วว่องไว ซึ่อตรงในการรู้อารมณ์ จิตที่ตั้งมั่นอยู่ ไม่มีราคะไม่มีโทสะนะ เนี่ยค่อยๆสังเกตไปเรื่อย


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๖
Track: ๙
File: 550722
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : ธรรมแท้ ธรรมเทียม

ธรรมแท้ ธรรมเทียม

ธรรมของจริง หรือธรรมของปลอม ก็เป็นเพียงสิ่งที่ถูกรู้เหมือนๆ กันครับ

เพราะเราปฏิบัติ ไม่ใช่เพื่อ “เอา” แต่เพื่อละเพื่อวาง

จริง – ปลอม ดี- ชั่ว ถูก – ผิด และธรรมที่เป็นคู่ๆ ทั้งหลาย

มันเป็นเรื่องของโลก เป็นของประจำโลก

ให้สักแต่ว่ารู้ ว่าเห็นไปเท่านั้นเอง

ด้วยจิตที่ตั้งมั่น และรู้ด้วยความเป็นกลาง

เพราะสังขารธรรมทั้งปวงนั้น ล้วนแสดงธรรมบทเดียวกัน

คือแสดงไตรลักษณ์เหมือนๆ กัน

รู้แล้วก็วางเสีย ไม่ใช่รู้เพื่อยึดถือเอา

 

เมื่อไม่กี่วันนี้ มีผู้หนึ่งถามผมว่า นั่งภาวนาแล้วเห็นภูติผีมาปรากฏ

เขาสงสัยว่าผีจริง หรือผีปลอมกันแน่

ผมก็แนะเขาไปว่า ผีจริง มันมาแล้วมันก็ไป ผีปลอม มันมาแล้วมันก็ไป

จริง กับ ปลอม จะมีความสำคัญอะไร

ที่สำคัญคือ เมื่อเจอผีนั้นแล้ว จิตเป็นอย่างไรต่างหาก

 

ความจริงธรรมจะแท้ หรือธรรมจะเทียมคือจิตหลอนเอานั้น

มีหลักสังเกตไม่ยากหรอกครับ

ธรรมใดเป็นไปเพื่อความยึดถือ ธรรมนั้นไม่ใช่ธรรมแท้ของพระพุทธเจ้า

ธรรมใดเป็นธรรมเพื่อคลายความกำหนัดยินดี คลายความยึดถือ

อันนั้นเป็นธรรมของพระพุทธเจ้า

ผู้ปฏิบัติแล้วเกิดความเห็นผิดต่างๆ นั้น

มานะอัตตากิเลสตัณหาเขาจะยิ่งรุนแรงกว่าเดิม

ถ้าปฏิบัติถูก รู้ของจริง ก็จะเป็นตรงกันข้าม

โดยคุณ สันตินันท์  (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 2542 / 20:45:08 น.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 2 of 41234