พุทธศาสนาเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
คำสอนทางพระพุทธศาสนาจัดเป็นศาสตร์ เพราะมีเหตุมีผลที่พิสูจน์ได้
เช่นถ้าผู้ใดเจริญสติสัมปชัญญะถูกต้อง จิตใจก็พัฒนาไปสู่ภาวะอันเดียวกัน
คือสงบ สะอาด สว่าง รู้ ตื่น และเบิกบาน
ปฏิบัติถูกต้อง ก็เห็นผลทันที จนผู้ปฏิบัติต้องอุทานด้วยความอัศจรรย์ใจ
ว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งอัศจรรย์โดยแท้
จากจิตที่ปฏิบัติสมาธิเท่าไรก็ไม่สงบ พอรู้ตัวจิตก็สงบทันที
จากจิตที่เที่ยวแบกรับภาระและขยะ กลายเป็นจิตที่หมดภาระและสะอาด
จากจิตที่มัวซัวซึมเซา กลายเป็นจิตที่ผ่องใส
จากจิตที่หลับฝัน กลายเป็นจิตที่ตื่นจากฝัน
จากจิตที่ต้องหาความสุขด้วยอามิสหรือสิ่งเร้าภายนอก
กลายเป็นจิตที่เบิกบานอยู่ในตัวเอง
โดยไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากการเจริญสติสัมปชัญญะ
ใครปฏิบัติถูกต้อง ก็พัฒนาไปสู่ผลอันเดียวกัน
พระพุทธศาสนาเป็นศิลปะบริสุทธิ์งดงาม
แต่ละคนจะมีทางเฉพาะตัวที่จะดำเนินจิต
เช่นทำอย่างไรเราจะหลอมรวมการปฏิบัติธรรมกับการดำรงชีวิตเข้าเป็นหนึ่งเดียวได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงความเป็นกลาง ไม่เผลอและไม่เพ่ง
ทำอย่างไรจะรู้เท่าทันความปรุงแต่งที่ละเอียดซับซ้อนในจิตของตน
ทำอย่างไรจะรู้ ได้โดยไม่เจตนาจะรู้
ควรจะอบรมสมาธิเมื่อไร เพียงใด ควรจะเจริญปัญญาเมื่อใด เพียงใด
ควรเจริญปัญญาไปตรงๆ หรือควรมีอุบายพลิกแพลงอย่างใด เมื่อใด ฯลฯ
เรื่อง ศาสตร์ นั้นพอจะสอนกันได้ครับ
แต่เรื่อง ศิลปะ เป็นเรื่องที่ควรพัฒนาทักษะของตนกันเอาเอง
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน อังคาร ที่ 5 กันยายน 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่