ผัสสะกับทุกข์
ผัสสะเป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอ หนีไปไหนไม่ได้หรอกครับ
ถึงแอบเข้าไปอยู่ในถ้ำมืดๆ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน … ความคิดนึกก็ยังตามไปกระทบใจได้อีก
เหมือนที่คุณกล่าวน่ะครับ ว่าธัมมารมณ์มีพิษสงมาก
เมื่อหนีไม่พ้น ก็ต้องรู้เท่าทันจิตของตนเองเรื่อยไป
(เพราะความไม่รู้ต่างหาก จิตจึงส่งไปยึดถืออารมณ์แล้วก่อทุกข์ขึ้น
ถ้ารู้โดยไม่ยึด ทุกข์ทางใจ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย)
หากรู้อยู่ที่จิต เวลามีอารมณ์มากระทบ จะเห็นปฏิกิริยาของจิตต่ออารมณ์นั้น
เช่นราคะ หรือโทสะ
แล้วก็คอยดูต่อไปอย่าให้เกิดตัณหา (คือการที่จิตทะยานไปยึดอารมณ์
ตามแรงกระตุ้นของกิเลส)
เพราะตัณหาคือตัวสมุทัย หรือเหตุให้เกิดทุกข์
ลำพังมีกิเลส ทุกข์ยังไม่เกิด แต่เมื่อใดมีตัณหา ทุกข์เกิดแน่ครับ
พระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นที่ความสิ้นไปแห่งตัณหา
ท่านไม่เคยเน้นที่ความสิ้นไปแห่งผัสสะเลยครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2542
หมายเหตุ : ผัสสะ ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง สัมผัส การกระทบ การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึก ผัสสะ เป็น ความประจวบกันแห่งสามสิ่ง
คือ อายตนะภายใน(ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) อายตนะภายนอก(รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์) และวิญญาณ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่