ภัยมืดที่มีชื่อว่าโมหะ
ส่วนมากชาวโลกเขาคิดว่า เขามีความรู้ตัว
เพราะถ้าไม่รู้ตัวก็คงอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง หรือขับรถไม่ได้
และน้อยคนนักที่จะรู้ว่า จิตของตนถูกกิเลสครอบงำ
ในความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่เราจะมีกุศลจิตจริงๆ นั้น ยากมาก
เพราะถึงไม่มีราคะและโทสะ ก็ยังมี โมหะ ยืนพื้นอยู่เสมอ
อันได้แก่ ความหลง ความไม่รู้เท่าทันจิตใจตนเอง
แม้ในเวลาที่กำลังทำบุญ ก็ยังทำกันด้วยกิเลสเป็นส่วนมาก
คือเมื่อทำ “ทาน” เช่นจะบริจาคเงินสร้างเจดีย์
ก็ทำด้วยความโลภ เช่นหวังความร่ำรวย หรืออยากหายเจ็บไข้
หรืออยากได้เกียรติยศ
จะรักษา “ศีล” ก็รักษาแบบทรมานตนเองบ้าง รักษาเอาความภูมิใจบ้าง
รักษาโดยเชื่อเอาว่า จะทำให้รู้ธรรมบ้าง
แม้จะนั่ง “สมาธิ” ก็นั่งจมแช่ราคะและโมหะ
หรือแม้จะเจริญ “วิปัสสนา” ก็ยังหลงส่งจิตไปเพ่งจ้องอารมณ์บ้าง
เคลื่อนหลงตามอารมณ์บ้าง
คนเราไม่รู้ว่ากิเลสนั้นมีผลเผ็ดร้อนเพียงใด
โดยเฉพาะโมหะนั้น เป็นภัยมืดจริงๆ
เรามักจะเห็นว่า โทสะ และราคะหยาบๆ มีโทษมาก
เช่นมีโทสะแล้วไปฆ่าเขาตาย หรือมีราคะแล้วไปข่มขืนเขา
แต่น้อยคนที่จะทราบว่า โมหะนั้นเป็นภัยที่น่ากลัวมาก
เวลาผมเห็นคนนั่งเหม่อลอย หลงไปเรื่อยๆ ในความคิดของตนเอง
หรือลุ่มหลงเมามัน ไม่รู้ตัว ไปกับ “ความสุข” แบบลมๆ แล้งๆ
เห็นแล้วสงสารมากครับ
ใครที่สังเกตจิตได้ ลองดูสัตว์ต่างๆ เช่น สุนัข เป็นต้น
มันมีภาวะจิตแบบเดียวกันนั้นเอง
คนเราสั่งสมสิ่งใดไว้ ก็ได้สิ่งนั้น
สังสารวัฏจึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากสำหรับผู้ที่รู้ทัน
ทว่า มันเป็นอันตราย แต่ไม่น่ากลัว สำหรับผู้ที่กำลังหลงอยู่
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2542
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่