เปรียบการภาวนาดั่งมวย (๑)
ชีวิตจริง มันเป็นมวยที่ไม่มีกำหนดยก
ในระหว่างชก คือเวลาเจริญปัญญา
ในระหว่างพักยก คือเวลาพักด้วยสมถะ
ถ้าเอาแต่ชก ไม่นานก็ตาย เพราะจิตไม่มีความสงบเป็นเครื่องหนุน
ถ้าเอาแต่พัก ไม่ยอมชก ก็ถูกไล่ลงจากเวทีของนักสู้
ต้องไปหาเวทีเริ่มชกใหม่เอาชาติหน้า
กิเลสเป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้ เพราะมันมีหลายซับหลายซ้อน
และพร้อมจะนำทุกข์มาสู่จิตตนเองได้เสมอ
เราควรทราบว่า ไม่มีใครจะทำให้จิตใจเราเป็นทุกข์ได้
นอกจากเราทำของเราเอง เพราะหลงกลของกิเลส
ถ้าชาตินี้อ่อนแอยอมแพ้กิเลส ก็จะเพาะนิสัยขี้แพ้ให้มากขึ้นไปอีก
แต่ถ้าฮึดสู้ด้วยสติปัญญา แก้ปัญหาที่จิตตนเอง
ขี้เกียจก็ทำ ขยันก็ทำ ท้อแท้ก็ทำ ฮึกเหิมก็ทำ
อย่างนี้ก็จะชนะได้ในวันหนึ่งข้างหน้า
พวกเราควรซุ่มซ้อมให้ดี เผื่อจะได้เหรียญทองกับเขาบ้าง
แต่การปฏิบัติต่างกับมวยตรงที่ไม่มีลูกฟลุ้ค
แล้วกิเลสก็เป็นมวยระดับปรมาจารย์ทีเดียว
มัวเหยาะแหยะเสียเวลา เอาแต่คุย เดี๋ยวก็แพ้ 15 แต้มเท่านั้นเอง
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน อาทิตย์ ที่ 1 ตุลาคม 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่