mp 3 (for download) : อย่าย่อท้อ ธรรมะพระพุทธเจ้าของจริง อยู่ที่ว่าเราเป็นคนจริงแค่ไหน
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
หลวงพ่อปราโมทย์ : ใครเคยเห็นความสุขความทุกข์บ้าง เห็นมั้ยว่ามาแล้วก็ไป เห็นมั้ย มันไม่ยากอะไรเลย ของง่ายๆนี่เอง เรียนรู้ไปเรื่อยนะ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงวันนึงจิตมันก็ปิ๊งขึ้นมา ยอมรับ ว่าทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเรานี่ เป็นของชั่วคราว ยอมรับตรงนี้ได้นะ ความทุกข์หายไปเยอะมากเลย
ถัดจากนั้น เราก็ภาวนาของเราต่อไปนะ จนกระทั่งวันนึง มันเห็นแจ้งขึ้นไปอีก มีปัญญาเห็นจริงขึ้นไปอีก ร่างกายจิตใจเราไม่ใช่เป็นแค่ของชั่วคราว เกิดแล้วก็ดับหรอก แต่ว่าเอาเข้าจริงนะ เราบังคับมันไม่ได้ ไม่ใช่ของที่อยู่ในอำนาจเลย แล้วมันเป็นตัวอะไร มันไม่ใช่ตัวเรา เป็นตัวทุกข์ ถ้าเมื่อไหร่วันใด ที่จิตของเราเห็นแจ้งแล้ว ว่ากายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ มันจะสลัดคืนกายคืนใจให้โลก
มันเป็นปรากฎการณ์ที่อัศจรรย์นะ จิตนี่มันสลัดความยึดถือในกายในใจ คืนให้โลกได้นะ มันเหมือนต่อไปนี้ ร่างกายกับตัวเรานี่ คนละเรื่องกันเลย จิตใจก็ไม่ใช่ตัวเรา ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา มันคืนให้โลกไปหมดเลยนะ เป็นอัศจรรย์มากเลย เป็นเรื่องที่ประหลาด ถ้าเราศึกษาปฏิบัตินะ อย่าย่อท้อซะก่อน คนที่เค้าไม่ได้ยินได้ฟัง เค้าไม่รู้วิธีปฏิบัติ ก็ส่วนนึงนะ(เป็น)ส่วนใหญ่ พวกเราเมื่อได้ยินได้ฟังได้รู้วิธีปฏิบัติแล้ว เป็นคนส่วนน้อยเต็มที
คนที่ได้ยินธรรมะแท้ๆของพระพุทธเจ้าเนี่ย เป็นคนส่วนน้อยนะ ในโลกนี้คนตั้งเยอะแยะ ในเมืองไทยคนตั้งเยอะแยะ มีคนซักกี่คน ที่เคยได้ยินเรื่องการเจริญสติรู้กายรู้ใจ ทำสติปัฏฐานอะไรนี้ พระพุทธเจ้าสอนนะ ถ้าตราบใดยังมีผู้เจริญสติปัฏฐานอยู่ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์
สติปัฏฐานนี่แหล่ะ เป็นทางสายเอก เป็นทางสายเดียว เพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้น จากความทุกข์ทั้งปวง ท่านสอนถึงขนาดนี้
ถ้าพวกเราเป็นชาวพุทธ เราไม่รู้วิธีเจริญสติปัฏฐาน ไม่รู้วิธีรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง ก็เรียกว่าเรายังไม่ได้ประโยชน์ จากพระพุทธศาสนาเท่าที่ควรหรอก นี่หลวงพ่อพึ่งไปอินเดียมานะ เห็นวัดวาอารามสมัยก่อน สร้างกันไว้ใหญ่โตมโหฬารนะ พังทลายไม่มีคนดูแล ทำไมมันสูญไปอย่างนั้น เพราะมันไม่มีชาวพุทธ
ของเรานี่ก็เหมือนกันนะ นับวันชาวพุทธแท้ๆร่อยหรอเต็มทีแล้ว มีแต่พุทธแต่ชื่อ พระพุทธเจ้าสอนอะไร ก็ไม่รู้ บอกเป็นชาวพุทธได้ยังไง คิดว่าศาสนาพุทธเป็นเรื่องพิธีกรรม ถึงปีทำบุญใส่บาตรอะไรงี้นะ นิมนต์พระมาสวด เวลาตายก็เอาศพไปวัดไปสวด คิดว่านี่คือศาสนาพุทธเหรอ คนละเรื่องเลยนะ ด้อยเกินไปนะ
งั้นเราต้องเรียน ให้ได้หลักของการปฏิบัติจริงๆ เรียนให้ได้แก่นสารของการปฏิบัติจริงๆ แล้วความทุกข์จะออกจากใจเราได้จริงๆ ธรรมะของท่านน่ะของจริงนะ อยู่ที่เราเป็นคนจริงแค่ไหน เราเป็นคนจริง ความทุกข์ออกจากใจเราจริงๆ เห็นต่อหน้าต่อตาเลย
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
เมื่อ วันพุธที่ ๒๘ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕
CD: แสดงธรรมที่ราชวิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งประเทศไทย
File: 551128
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๘ ถึง นาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๒๙
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่