ระวังการไปสร้างจิตผู้รู้เทียมๆ
เรื่องการจงใจสร้างความรู้ตัว หรือสร้างจิตผู้รู้เทียมขึ้นมานั้น
เป็นเรื่องใหญ่มากครับ เพราะเป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติผิดพลาดกันมาก
ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะรู้อารมณ์ปรมัตถ์ ด้วยจิตที่เป็นกลาง หรือจิตปกติ ได้
เช่นเมื่อตาเห็นรูปด้วยจักขุวิญญาณ จิตก็หลงไปตามความคิดนึกปรุงแต่ง
แทนที่จะรู้รูป ตามที่รูปปรากฏ
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว
เช่นทรงสอนว่า จิตมีราคะก็รู้ว่ามีราคะ จิตไม่มีราคะก็รู้ว่าไม่มีราคะ
นี่แหละที่ท่านสอนให้รู้เข้าไปตรงๆ เลย และรู้แบบสักว่ารู้
แต่แทนที่ผู้ปฏิบัติจะรู้ตรงๆ ที่อารมณ์ของจริงที่กำลังปรากฏ
และรู้สักว่ารู้ ตามที่ท่านสอน
กลับไปพลิกแพลงการรู้ขึ้นมาหลายรูปแบบ
เช่นไปสร้างอารมณ์ขึ้นมาก่อน (เช่นแสงสว่าง) แล้วจึงรู้อารมณ์นั้น
อารมณ์นั้นจึงไม่ใช่ของจริง แต่เป็นของปลอมที่สร้างขึ้นมา
และขณะที่รู้ ก็ไม่ใช่รู้แบบสักว่ารู้ หรือรู้ไปด้วยจิตปกติธรรมดา
แต่ไปสร้างคุณภาพการรู้ขึ้นมาใหม่ คือทำผู้รู้ปลอมๆ เทียมๆ ขึ้นมา
สรุปได้ว่า อารมณ์ก็ผิด วิธีรู้อารมณ์ก็ผิดอีก
จึงไม่ได้ทำวิปัสสนากันเสียที
กรณีคุณXXXXนั้น ไม่ใช่ว่าปฏิบัติไม่ดีนะครับ
เพียงแต่ดีอยู่ตรงนี้มานานแล้ว จึงต้องกระตุ้นให้เดินปัญญาเล็กน้อย
คือให้หันมาเฉลียวใจว่า จิตยังติดบางสิ่งบางอย่างอยู่
ซึ่งการติดนี้ ติดกันทุกคน จนกว่าจะบรรลุพระอรหันต์ครับ
เพียงแต่ถ้าไม่รู้ทันว่าติด ก็ก้าวต่อไปไม่ได้
ถ้าปัญญารู้ทันถึงจุดไหน ก็ปล่อยวางในจุดนั้นลงได้
มีเพื่อนคนหนึ่งเมล์มาบอกผมว่า
พวกเราบางคนคิดจะปฏิบัติด้วยการหยุดอยู่กับจิตผู้รู้
เพราะว่าได้พบจิตผู้รู้แล้ว
ผมฝากให้สังเกตจิตใจอย่างละเอียดนะครับ
เพราะผู้รู้อันนั้น ยังเป็นผู้รู้เทียมที่สร้างขึ้นมาด้วยสมถะ
ไม่ใช่จิตผู้รู้ที่เป็นปกติ เป็นธรรมชาติธรรมดาแต่อย่างใด
และผู้ที่จะปฏิบัติด้วยการหยุดพฤติกรรมของจิต(ด้วยปัญญา) แล้วรู้อยู่ที่รู้ นั้น
ต้องเป็นพระอนาคามีแล้วครับ
นอกนั้นจิตยังเคลื่อน ยังฝัน ยังมีพฤติกรรม ยังปรุงแต่งออกไปภายนอกทั้งสิ้น
หากนึกๆ ให้หยุดเอาตามใจชอบ จะกลายเป็นการจอดรถในที่ห้ามจอดนั่นเอง
สิ่งที่ควรทำขณะนี้ก็คือ การหัดรู้ตัวให้เป็น รู้ว่าอันใดจิต อันใดอารมณ์
รู้เท่าทันพฤติกรรมของจิต ที่มันหลงไปบ้าง มันเพ่งไปบ้าง
เมื่อสามารถรู้ทันพฤติกรรมของจิตได้แล้ว
จึงจะเริ่มรู้ปรมัตถ์ในฝ่ายนามธรรมได้
แล้วจึงมีสติระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ด้วยจิตที่เป็นกลางๆ คือเป็นปกติธรรมดาของมนุษย์
เป็นจิตที่ไม่ถูกนิวรณ์ครอบงำนั่นเอง
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวันพุธ ที่ 31 มกราคม 2544
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่