Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เกร็ดธรรมคุณสันตินันท์ : อุบายสลายกาม


อุบายสลายกาม

 กามนั้นจำแนกเป็นสองส่วนคือ วัตถุกาม กับกิเลสกาม

วัตถุกามได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อันเป็นที่ตั้งแห่งความรักใคร่

และแม้จะไม่เจอของจริง หรือวัตถุจริงๆ

แต่บางทีจิตก็เข้าไปตั้งยึดอยู่ในกามสัญญา

เช่นมโนภาพเกี่ยวกับสาวงาม เป็นต้น

ส่วนกิเลสกาม หรือกามราคะ เป็นความกำเริบของจิต

ที่เข้าไปรักใคร่ ผูกพันกับวัตถุกาม

 

นักปฏิบัติเมื่อผจญการคุกคามของกิเลสกาม

ก็มีอุบายหลายอย่างที่จะต่อสู้เอาตัวรอด

เช่นพิจารณาวัตถุกามให้เห็นเป็นของไม่สวยงาม

บางทีก็เพ่งที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เบี่ยงเบนความสนใจเสีย

เช่นเพ่งลมหายใจ เพ่งพุทโธ

บ้างก็พยายามดูจิต โดยหวังให้พ้นจากการคุกคามของกิเลสกาม

 

แต่หลายคราวคงพบว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร

จิตก็ยังถูกกิเลสกามครอบงำอยู่นั่นแหละ

วันนี้จึงมีอุบายง่ายๆ มาแนะนำกันอีกอย่างหนึ่ง

พอเป็นเครื่องเล่นของนักปฏิบัติ

 

คือเวลาที่จิตถูกกิเลสกามครอบงำ จนไม่มีกำลังจะดูจิตได้จริง

ยิ่งพยายามดิ้นรน อยากจะให้จิตพ้นการครอบงำของกิเลส ก็ยิ่งทุกข์มากยิ่งขึ้น

ก็ให้ลองเปลี่ยนอารมณ์ ไปรู้สิ่งใดสิ่งหนึ่งเสียก่อน

เช่นหันไปมองสาวสวยหรือหนุ่มหล่อที่ชอบใจให้เต็มตาเสียเลย

แล้วจับความรู้สึก/ความรับรู้แรก ที่เห็นรูปในแว้บแรกให้ทัน

 (ตรงนี้เป็นการเล่นเกมส์ที่ไม่เหมาะกับพระหนุ่มๆ เพราะถ้าพลาดก็แย่ไปเลย)

 

ความรู้สึกแรกนั้น มันเป็นกลาง เฉยๆ เบิกบาน อยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

ถ้าจับความรู้สึกนี้ทัน ก่อนที่มันจะปรุงเป็นกิเลสกามขึ้นมา

จิตจะพ้นจากอำนาจครอบงำของกิเลสกามทันที

เพราะจิตดวงเก่าที่ถูกกิเลสกามครอบงำ

มันตายไปแล้วเมื่อเรามีจิตดวงใหม่ไปรู้อารมณ์ใหม่

ส่วนจิตดวงใหม่ก็ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะอันว่องไว

ยังไม่ถูกกิเลสกามครอบงำ

ถ้าจับจุดนี้ทัน ต่อให้นาวงามสามโลกมาเดินอยู่ต่อหน้า

จิตก็จะเพียงสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นรูป

เพราะจิตใหม่มีสติสัมปชัญญะ

พ้นจากการครอบงำของกิเลสกามที่เคยกลุ้มรุมไปได้แล้ว

หลังจากนั้น ก็คอยดูจิตต่อไปอย่างที่เคยฝึกหัดกันมา

 

ผมเคยสังเกตจิตใจของผู้ปฏิบัติในสายอภิธรรมหลายสำนัก

พบว่าเขาพยายามใช้สติ ระลึกรู้ความรู้สึกแรกที่ตากระทบรูป

หรือเท้ากระทบพื้น อยู่เหมือนกัน

แต่ถ้าเขาไม่มีสัมปชัญญะจริง ไม่มีธรรมเอกหรือสัมมาสมาธิจริง

จิตของเขาจะเคลื่อนเข้าไปจ่ออยู่ในรูปที่รู้

อันเป็นการเสียสมรรถนะที่จะรู้อารมณ์ด้วยจิตที่เป็นกลางไปในทันที

ดังนั้น เมื่อจับความรู้สึกแรกได้แล้ว

ระวังอย่าให้จิตเคลื่อนหลงเข้าไปในความรู้สึกนั้นนะครับ

มันจะกลายเป็นการทำสมถะ ทั้งที่แขวนป้ายว่า กำลังทำวิปัสสนาอยู่

 (ที่เล่ามานี้เป็นการยกตัวอย่างการดำเนินของจิต

แบบเล่าสู่กันฟังภายใน “บ้านของชาววิมุตติ” ที่เป็นญาติมิตร พี่น้องกัน

ไม่มีเจตนาไปล่วงเกิน หรือชวนทะเลาะกับท่านผู้หนึ่งผู้ใดนะครับ

เพราะวิมุตติ ไม่ใช่ที่สาธารณะ แต่เป็นที่เฉพาะสมาชิกเท่านั้น)

 

น้องๆ หลานๆ นักปฏิบัติ จะลองวิธีนี้เล่นบ้างก็ได้

ถือเป็นการเล่มเกมส์กับกิเลส ประเภทใครดี – คนนั้นอยู่ทีเดียว

โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)

เมื่อวัน ศุกร์ ที่ 14 กรกฎาคม 2543

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 376 times, 1 visits today)

Comments are closed.