Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

วิปัสสนากรรมฐานคือการเรียนไตรลักษณ์


mp3 for download : วิปัสสนากรรมฐานคือการเรียนไตรลักษณ์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : รู้ว่าอะไรเป็นทาง อะไรไม่ใช่ทาง คนที่ได้ “มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ” คือคนที่พ้นจากวิปัสนูฯแล้ว ถัดจากนั้นนะ เจริญวิปัสสนาได้เต็มที่แล้ว เรียกว่า “ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธิ” เราจะมีจิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูนะ หลวงพ่อย่อมาง่ายๆ “ให้มีสติ รู้รูปรู้นาม รู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง” ตามความเป็นจริงก็คือไม่แทรกแซง “มีสติรู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”

ถ้าเรารู้กายรู้ใจอย่างที่เขาเป็น คือมันเป็นไตรลักษณ์ แต่รู้ด้วยจิตที่ตั้งมั่นเป็นกลาง ไม่อินไป ไม่หลงเข้าไปเพ่ง ไม่หลงเผลอไปคิด เป็นแค่ผู้รู้ผู้ดูสบายๆ ตั้งมั่นอยู่ไม่ไหลไป เป็นกลางด้วย สภาวะอะไรเกิดขึ้นก็เป็นกลาง สุขทุกข์ดีชั่วทั้งหลายเสมอกันหมดเลย เพราะสุขทุกข์ดีชั่วแสดงไตรลักษณ์เท่าๆกัน เราจะเรียนไตรลักษณ์นะ

เพราะฉะนั้นวิปัสสนากรรมฐานนี่น่ะ มุ่งเรียนให้เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของรูปธรรมนามธรรม ไม่ใช่เรียนเอาดีเอาสุขเอาสงบ ถ้าเรียนเอาดีเอาสุขเอาสงบ นั่นคือสมถกรรมฐาน จิตไม่ดีทำให้ดี จิตไม่สุขทำให้สุข จิตไม่สงบทำให้สงบ นั่นคือสมถะ

ส่วนวิปัสสนานั้น ดีก็ได้ เลวก็ได้ สุขก็ได้ ทุกข์ก็ได้ เสมอกัน เพราะเราจะเรียนไตรลักษณ์ สุขก็ไม่เที่ยง ทุกข์ก็ไม่เที่ยง ดีก็ไม่เที่ยง ชั่วก็ไม่เที่ยง มันเสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์

เราเป็นแค่คนดู เราเรียนจนกระทั่งวันหนึ่งเราเห็นเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎขึ้นมานั้น เสมอกันด้วยความเป็นไตรลักษณ์ ใจจะหมดความดิ้นรนนะ เพราะเห็นทุกอย่างเท่าเทียมกัน สุขกับทุกข์เท่ากัน ดีกับชั่วเท่ากัน จิตจะไม่ปรุงต่อ รู้แล้วจบลงที่รู้ รู้สักว่ารู้สักว่าเห็น

พวกเราชอบพูดคำว่าสักว่ารู้ว่าเห็น พวกเราไม่มีจริงหรอก กว่าจะสักว่ารู้ว่าเห็นนะ เกือบจะเกิดอริยมรรคแล้ว ตอนที่เตาะแตะอยู่อย่างนี้ ยังไม่ใช่สักว่ารู้ว่าเห็นหรอก เจอสุขก็ชอบ เจอทุกข์ก็เกลียดนะ วันนี้ไม่มีสติเลย ท้อแท้ใจ วันนี้สติเกิดบ่อย ซู่ซ่าๆเลยใช่มั้ย ดีใจ

เพราะฉะนั้นกว่าจะเป็นกลางได้นะ ปัญญาต้องอย่างยิ่งเลย เห็นเลย เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าทุกอย่างนั้นมันชั่วคราว สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ชั่วก็ชั่วคราว ถ้าเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเสมอกันไปหมดนะ จิตจะไม่ดิ้นรนต่อ เห็นด้วยปัญญาอันยิ่ง ตัวนี้เรียกว่า “สังขารุเบกขาญาณ” นะ เป็นวิปัสสนาญาณตัวที่ ๙


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ ที่ ๑๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔

CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
ไฟล์ 540710
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

(Visited 870 times, 2 visits today)

Comments are closed.