เรื่องของปัญญาอบรมสมาธิ
อันที่จริงการดูจิตกับการทำสมาธิเป็นสิ่งที่หนุนเสริมกัน
พระป่าส่วนมาก ท่านจะเริ่มการปฏิบัติด้วยการทำสมาธิ
เพราะท่านมีเวลามาก มีผัสสะรุนแรงน้อย มีงานคิดน้อยกว่าชาวเมือง
เมื่อจิตมีสมาธิแล้ว จึงน้อมจิตมาเจริญปัญญา
เรียกว่าใช้ สมาธิอบรมปัญญา ที่สุดก็มีทั้งสมาธิและปัญญา
ส่วนพวกเราชาวเมือง จะทำสมาธิก็ไม่มีเวลาความต่อเนื่อง หรือเงื่อนไขที่เอื้ออำนวย
จึงต้องช่วยตนเองด้วยการใช้ ปัญญาอบรมสมาธิ
คือใช้สติปัญญารู้นิวรณ์เข้าไปเลยจนนิวรณ์สงบ
แล้วจิตก็ตั้งมั่นเป็นสมาธิ พอที่จะเจริญปัญญาต่อไปได้เช่นกัน
แต่สมาธิชนิดนี้ มักจะเป็นขณิกสมาธิ หรืออุปจารสมาธิ
นานๆ จิตจึงจะรวมลงเอง ถึงอัปปนาสมาธิสักครั้งหนึ่ง
บางคนไปรวมครั้งแรกเมื่อบรรลุอริยมรรคเลยก็มี
พวกเราเมื่อใช้ปัญญาอบรมสมาธิ ก็เป็นเรื่องที่เหมาะกับตนเอง
วิธีการของท่านอื่น โดยเฉพาะการใช้สมาธิอบรมปัญญา
ก็เป็นเรื่องดีของท่านเหมือนกัน
การปฏิบัติ จึงไม่มีคำว่า แนวทางใด ดีที่สุด
เพราะท่านใดใช้แนวทางใดแล้ว จิตใจผ่อนคลายจากกิเลสตัณหา
ผ่อนคลายจากความทุกข์อันเกิดแต่ความยึดมั่น
ก็นับว่าแนวทางนั้น ดี สำหรับท่านนั้นแล้ว
นักปฏิบัติจึงไม่ขัดแย้งกัน เรื่องแนวทางของใครดีกว่าของใคร
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน อังคาร ที่ 11 กรกฎาคม 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่