สุขมากทุกข์มากกับการภาวนา
มีทุกข์มาก มีสุขมาก ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาเร็วช้ากว่ากันหรอกครับ
ขึ้นกับว่าเรามีสติได้บ่อยไหม จิตตั้งมั่นเห็นรูปนาม เห็นทุกข์เห็นสุขเป็นไตรลักษณ์ได้บ่อยไหมนะครับ
สำหรับคนทุกข์มากบางคนก็พัฒนาช้า
เพราะจิตหลงไปจมแช่ทุกข์ ไม่ตั้งมั่นขึ้นมาเห็นทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู
ส่วนคนสุขมากบางคนก็พัฒนาช้า
เพราะจิตไหลเพลิดเพลินไปในสุข ไม่ตั้งมั่นขึ้นมาเห็นสุขเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู
จะว่าไปแล้ว คนที่ทุกข์พอสมควร สุขพอสมควร มีสุขมีทุกข์สลับกันไป
จะพัฒนาได้ง่ายกว่าคนที่ทุกข์มากไปหรือสุขมากไป
คุณไม่ต้องกลัวไปติดสุขหรอกครับ
เพราะถ้าเราไม่ทิ้งการภาวนา ยังทำในรูปแบบทุกวัน
มีสติรู้กายใจในชีวิตประจำวันได้ทุกวัน ก็ไม่ติดอยู่ข้างไหนหรอกครับ
แต่ถ้าเรารู้สึกว่ากลัวจะติดสุขแล้วปฏิเสธความสุข
จะเอาแต่ทุกข์เพื่อจะได้มีความเพียรมาก
แบบนี้แหละครับที่ติดไปแล้ว จะพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว
เพราะไม่เป็นกลาง ไม่ยอมรับความจริงว่า
คนเราจะทุกข์หรือจะสุขก็แล้วแต่เหตุปัจจัย แล้วแต่วิบากใดจะให้เกิดขึ้น
ฉะนั้นจะทุกข์แค่ไหนก็ต้องภาวนาไป จะเกิดสุขแค่ไหนก็ต้องภาวนาไปนั่นแหละครับ
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่