ทุกข์ในศาสนาพุทธ
คำว่าทุกข์ มีใช้ในธรรมหลายเรื่อง จึงมีความหมายต่างๆ กันไปด้วย
แต่รวมความแล้ว ก็คือความทนอยู่ไม่ได้ และความเสียดแทงต่างๆ
ทุกข์อันแรกที่เราน่าจะทำความเข้าใจก็คือ ทุกข์ในสามัญลักษณ์หรือไตรลักษณ์
ที่ท่านสอนว่า “สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์(ทนอยู่ไม่ได้)
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา”
คำว่าสิ่งใดๆ นี้แหละ ได้แก่สังขารธรรม อันเป็นธรรมชาติฝ่ายปรุงแต่ง
(คู่กับสังขารธรรมคือ วิสังขารธรรม หรือธรรมที่พ้นความปรุงแต่ง คือนิพพาน)
ดังนั้น ตัวขันธ์ 5 เองซึ่งเป็นสังขารธรรม
(หรือธรรมฝ่ายปรุงแต่ง หรือธรรมที่มีเหตุปัจจัยทำให้เกิด)
จึงไม่เที่ยง เป็นทุกข์คือทนอยู่ไม่ได้ และเป็นอนัตตา
ที่คุณมะขามป้อม กล่าวว่าขันธ์ 5 เป็นทุกข์นั้น จึงเป็นโดยนัยที่กล่าวนี้
ทุกข์อันที่ 2 ที่เราน่าจะรู้จักก็คือทุกขเวทนา หรือความรู้สึกเป็นทุกข์ทางกายทางใจ
มันเกิดขึ้นเมื่อมีผัสสะ ถ้าไม่มีผัสสะก็ไม่เกิดขึ้น
ท่านจึงสอนว่า “ผัสสะเป็นปัจจัยของเวทนา เวทนาเป็นปัจจัยของตัณหา”
ทุกข์อันที่ 3 คือทุกขอริยสัจจ์ หรือทุกขสัจจ์
เป็นทุกข์ที่เกิดจากตัณหาอุปาทาน ซึ่งรวบย่อลงมาว่า
ได้แก่อุปาทานขันธ์ทั้ง 5 นั่นเอง
เวลาเราพูดถึงศัพท์เทคนิคทางพระพุทธศาสนา
บางคราวก็ทำให้ยุ่งยากแก่ผู้แรกศึกษาเหมือนกัน
อย่างทุกข์ ก็มีหลายนัยตามที่กล่าวแล้ว
หรือสังขาร ก็มีหลายนัย
คือ สังขารที่คู่กับวิสังขาร ได้แก่สิ่งปรุงแต่งทั้งปวง ทั้งรูปและนาม
กับ สังขารขันธ์ ได้แก่ความคิดนึกปรุงแต่ง ซึ่งเป็นนามธรรมล้วนๆ
เพราะมันยุ่งยากสำหรับการสื่อความเข้าใจอย่างนี้แหละครับ
ทำให้ผมเห็นว่า นักปฏิบัติก็ไม่ควรทิ้งปริยัติเสียเลย
มิฉะนั้นจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
อันนี้ก็เป็นปัญหาจริงอย่างที่นักปริยัติเขาว่านะครับ
โดยคุณ สันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช)
เมื่อวัน อังคาร ที่ 29 สิงหาคม 2543
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่