อริยสัจจ์สี่คือกรอบในการปฎิบัติ(ภาวนา)
วันหนึ่งผมได้เปิดอ่านพระไตรปิฎกเล่มที่ 4
เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนหลังจากตรัสรู้ไม่นาน
เป็นเรื่องเกี่ยวกับอริยสัจจ์ที่พอสรุปความได้ว่า
พระพุทธองค์ทรงรู้อริยสัจจ์ใน 3 ลักษณะคือ
รู้ว่า อะไรคือทุกข์ (ทุกข์)
รู้ว่า อะไรคือเหตุให้เกิดทุกข์ (สมุทัย)
รู้ว่า อะไรคือการพ้นจากทุกข์ (นิโรธ)
รู้ว่า อะไรคือทางให้พ้นจากทุกข์ (มรรค)
(ผมเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ควรรู้ในด้าน ปริยัติ)
รู้ว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้
รู้ว่า สมุทัยควรละ
รู้ว่า นิโรธควรทำให้แจ้ง
รู้ว่า มรรคควรเจริญให้มาก
(ผมเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ควรรู้ในด้าน ปฏิบัติ)
รู้ว่า ทุกข์ได้กำหนดรู้แล้ว
รู้ว่า สมุทัยได้ละแล้ว
รู้ว่า นิโรธได้ทำให้แจ้งแล้ว
รู้ว่า มรรคได้เจริญให้มากแล้ว
(ผมเห็นว่า นี่คือสิ่งที่ควรรู้ในด้าน ปฏิเวธ)
เมื่อเกิดความเห็นต่ออริยสัจจ์ดังนี้แล้ว การปฏิบัติก็อยู่ในกรอบของอริยสัจจ์
ทั้งในด้านปริยัติและโดยเฉพาะด้านการปฏิบัติ
หากสิ่งใดอยู่นอกกรอบอริยสัจจ์ผมก็จะไม่สนใจ
สำหรับด้านปฏิเวธนั้น ผมเข้าใจแล้วว่า
การศึกษาและปฏิบัติตามหลักของพุทธศาสนานั้น
เราทำเพียงสองด้านเท่านั้นคือด้านปริยัติกับด้านปฏิบัติ โดยเน้นด้านปฏิบัติเป็นหลัก
ส่วนของด้านปฏิเวธเราไม่ต้องทำเพราะปฏิเวธนั้นจะเป็นผลที่จะเกิดจากการปฏิบัตินั่นเอง
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่