mp 3 (for download) : การปฏิบัติในรูปแบบ เจริญสมถะและวิปัสสนา
Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.
หลวงพ่อปราโมทย์ : เราไหว้พระสวดมนต์นะ พอสมควร ระลึกถึงครูบาอาจารย์ผู้มีพระคุณ มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ระลึกแล้วจิตใจสงบจิตใจมีความสุข ก็ภาวนาต่อ ถ้าวันไหนมันยังไม่สงบ ก็ทำสมถะกรรมฐาน พุทโธไปเรื่อยๆ สงบก็พุทโธ ไม่สงบก็พุทโธ ช่างมัน อย่าไปหวังว่าจะสงบ พุทโธๆไป จิตใจฟุ้งซ่านก็รู้ไป รู้เฉยๆ อย่าไปยุ่ง อย่าไปแทรกแซง รู้ด้วยความสบายใจ อยู่กับความวุ่นวาย ด้วยความสบายใจไป พออยู่อย่างนั้นได้นะ ใจจะสงบอย่างรวดเร็วเลย หรือรู้ลมหายใจถ้าไม่ชอบพุทโธก็รู้ลมหายใจ หรือดูท้องพองยุบ ขยับมือทำจังหวะอะไรก็ได้ แล้วก็รู้ทันใจที่สบายๆ รู้ไปอย่างสบายๆ ถ้าใจมันหนีไปใจมันหลงไป ไม่ห้าม ไม่ไปดึงคืน ให้แค่รู้ทัน ตอนที่หลงไปนี่เรียกว่า หย่อนไป ตอนที่พยายามไปดึงคืน พยายามบังคับไม่ให้ไป เนี่ย ตึงเกินไป ทางสายกลางอยู่ที่รู้ว่ามันหลงไป
ทำในรูปแบบ ทำกรรมฐานในรูปแบบสักอย่างหนึ่ง เช่น พุทโธ หายใจ พองยุบ ทำจังหวะมือ อะไรก็ได้นะถ้าจิตเคลื่อนไปแล้วรู้ จิตเคลื่อนแล้วรู้ แป๊บเดียวจิตก็จะตั้งมั่นได้สมาธิขึ้นมา ถ้าได้สมาธิแล้ววันไหนเหน็ดเหนื่อยมาก ก็พักผ่อนอยู่กับความสุขความสงบของสมาธิ มีสติไม่ขาดสติ ไม่เคลิ้ม รู้เนื้อรู้ตัว บางทีร่างกายหายไป ความรู้สึกตัวก็ยังอยู่ ไม่เคลิ้มลืมเนื้อลืมตัวไป ได้พักผ่อน ได้พักผ่อน
แต่วันไหนถ้าเราไหว้พระสวดมนต์แล้วจิตใจสงบมีเรี่ยวมีแรงแล้วนะ ก็อย่ามัวพักผ่อน เสียเวลา เจริญปัญญาไปเลย ถ้าเราพุทโธๆอยู่ เราเจริญปัญญาด้วยการ เห็นจิตที่มันปรุงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันไหลไป มันฟุ้งซ่าน พอรู้ทันมันก็ตั้งมั่นมันสงบ เดี๋ยวก็ฟุ้ง เดี๋ยวก็สงบ เดี๋ยวฟุ้ง เดี๋ยวสงบ แสดงความไม่เที่ยงให้เกิดขึ้นให้เห็นประจักษ์ขึ้นมานะ พุทโธไป เดี๋ยวมีความสุข บางทีพุทโธไปจิตใจไม่มีความสุขก็เห็นอีกนะ จิตเดี๋ยวก็สุข เดี๋ยวก็ไม่สุข เดี๋ยวเฉยๆ หมุนเวียนไปเรื่อย มีแต่ของไม่เที่ยง อย่างนี้เรียกว่าเจริญปัญญา
หรือเราดูลมหายใจเข้า ดูลมหายใจออก เราไม่ได้สบายอยู่กับลมหายใจสบายอยู่กับลมหายใจเป็นสมถะ เราหายใจไปเราเห็น ร่างกายหายใจ ใจเป็นคนดู ร่างกายกับใจนี้คนละอันกัน ร่างกายไม่ใช่เราหรอกเป็นสิ่งที่ใจไปรู้เข้า อย่างนี้เรียกว่าเดินปัญญา เห็นร่างกายมันหายใจมันไม่ใช่ตัวเรา เดินปัญญาอยู่ หรือขยับมืออะไรก็ได้มันก็จะเห็นร่างกายมันทำงาน ใจมันอยู่ต่างหาก ใจเป็นคนดู แยกกายแยกใจ ค่อยๆ ทำไป เนี่ยก็เดินปัญญา เดินปัญญาด้วยการดูกาย เห็นร่างกายมันทำงาน ไม่ใช่ตัวเรา เดินปัญญาด้วยการดูจิต มันจะเห็นเลยจิตใจนะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่ใช่ตัวเรา ดูไปเรื่อย
ในการทำในรูปแบบนะ ไหว้พระสวดมนต์ แล้ววันไหนฟุ้งซ่านทำความสงบให้จิตสบายในอารมณ์อันเดียว วันไหนมีกำลังพอแล้วเดินปัญญา ดูความเป็นไตรลักษณ์ของกายของใจไปเลย อย่าไปสงบอยู่เฉยๆ ไม่มีมรรคผลนิพพานจะเกิดขึ้นหรอก
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอังคารที่ ๒๓ เดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๖ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๕๑
File: 560723A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๓๗
เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓
ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่
สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่
ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่
คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่