Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

ปฏิบัติให้ถูกและให้พอ

mp 3 (for download) : ปฏิบัติให้ถูกและให้พอ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : ปฏิบัติธรรมมีเงื่อนไข ๒ ตัวเท่านั้นแหล่ะ ไม่ยากอะไร

อันแรกปฏิบัติให้ถูก อันที่สองปฏิบัติให้พอ

ถ้าปฏิบัติไม่ถูกนะ อย่าขยันเลย ขอร้อง อยากไปเชียงใหม่นะ อยู่ศรีราชาอยากไปเชียงใหม่ แทนที่จะเดินขึ้นเหนือนะ เดินลงใต้ไปเรื่อยๆ ไปเจอทะเลว่ายน้ำไปตะเกียกตะกายไป ไปไม่รอดแล้ว หรือเดินไปตะวันออกไปเจอกรุงพนมเปญ ไม่ถึงเชียงใหม่ ต้องให้มันถูกหลักถูกเกณฑ์ก่อน ปฏิบัติให้เป็นซะก่อน

ที่มาเรียนจากหลวงพ่อเนี่ย หลวงพ่อช่วยได้อันเดียว คือสอนหลักของการปฏิบัติ ให้รู้ว่าเค้าปฏิบัติกันยังไง ปฏิบัติให้เป็น

ถัดจากนั้นส่วนที่เหลือเราต้องช่วยตัวเอง ปฏิบัติให้พอ แค่ไหนพอดี ถ้าเราต้องการอยู่กับโลก ก็ปฏิบัติเท่าที่ทำได้ ถ้าเราเห็นภัยในวัฏสงสาร เราก็ปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม ปฏิบัติตั้งแต่ตื่นจนหลับ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๒
File: 550908A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๑ ถึง ๑๒ วินาทีที่ ๓๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าไม่ภาวนา เราจะเสียชาติเกิด

mp 3 (for download) : ถ้าไม่ภาวนา เราจะเสียชาติเกิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราภาวนาเป็น เราจะรู้เลยว่า ชีวิตก่อนที่เราจะภาวนาเป็นนี่ (เป็น)ชีวิตที่น่าหวาดเสียวที่สุดเลย

ในชีวิตเราจะมีทางแยกเป็นช่วงๆ ถ้าเราเลือกเดินเส้นนี้ ชีวิตเราจะหักเหไปทางนี้ (ถ้า)เราเลือกเดินในเส้นนี้ ชีวิตเราจะหักเหไปอีกทางนึง แล้วการที่เราได้หักเหมาจนถึงจุดที่เรามาลงมือภาวนาเนี่ย เราผ่านทางแยกที่ล่อแหลมมาหลายที่เลย ถ้าเราไม่ได้ภาวนา ถ้าเราภาวนาเป็นแล้วนะ เราจะรู้เลย ถ้าไม่ได้ภาวนา เราเสียชาติเกิด เราน่ากลัวที่สุดเลย เหมือนเราอยู่ในภาวะที่อันตรายที่สุดเลย เดินอยู่ในสนามทุ่นระเบิดเลย

ชีวิตมันมีจุดที่หักเหนะ พวกเราเนี่ยมันหักเหจนมาถึงวัดแล้ว ไม่ธรรมดาหรอกนะ กว่ามันจะหักเหมาจนถึงตรงนี้ได้ ไม่ใช่ง่ายหรอกนะ ต่อไปนี้หักเหให้มันดีนะ หักขึ้นลูกเดียวเลยนะ อย่าหักลง หักซ้ายหักขวามานานแล้ว ต่อไปนี้หักขึ้นเรื่อยๆนะ อย่าถอยนะ ถอยก็โง่แล้ว ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เราจะอยู่กับความไม่แน่นอนได้อย่างมั่นคง ด้วยธรรมะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
File: 550908B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๒๕ ถึง ๑๙ วินาทีที่ ๕๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความอยากของเรา กีดกั้นเราจากมรรคผลนิพพาน

mp 3 (for download) : ความอยากของเรา กีดกั้นเราจากมรรคผลนิพพาน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : จริงๆมรรคผลนิพพานไม่ใช่เรื่องยากเลยนะ นิพพานไม่เคยหายไปไหนสักวันเดียวเลย นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาเรามาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้อยู่ไกลเลยนะ อยู่ต่อหน้าต่อตานี่เอง แต่เราไม่เห็น นิพพานคือความไม่ปรุงแต่ง นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิสังขาร” นิพพานมีชื่ออันหนึ่งว่า “วิราคะ” ไม่มีความอยาก

ใจของเรามันมีความอยาก อยากปฏิบัติธรรม อยากดี อยากโน่นอยากนี่ขึ้นมา พอมันมีความอยากขึ้นมา มันก็ปรุง คนชั่วก็ปรุงชั่ว คนดีก็ปรุงดี นักปฏิบัติก็ปรุงดีขึ้นมา คอยควบคุมกายคอยควบคุมใจ หาทางทำอย่างนั้นหาทางทำอย่างนี้ การที่พยายามทำอยู่นั่นแหละทำให้ไม่เห็นนิพพาน ฉะนั้นขันธ์ ๕ นะ ขันธ์ ๕ เค้าเป็นธรรมะที่ปรุงแต่งเรียก“สังขตธรรม” ฉะนั้นขันธ์ ๕ ต้องปรุงแต่ง ขันธ์ ๕ เป็นธรรมชาติที่ปรุงแต่ง เราไม่ได้ไปฝึกให้ขันธ์ ๕ ไม่ปรุงแต่งนะ เพราะฉะนั้นอย่างจิตเนี่ย จิตอยู่ในขันธ์ ๕ จิตมีหน้าที่คิดนึกปรุงแต่ง

เราไม่ได้ฝึกให้มันไม่คิด ไม่นึก ไม่ปรุง ไม่แต่ง แต่เมื่อเค้าทำงาน ขันธ์ ๕ เค้าทำงานแล้วเนี่ยอย่าหลงเข้าไปแทรกแซงขันธ์ ๕  พวกเรานักปฏิบัติชอบแทรกแซงขันธ์ ๕ นะ เช่น ร่างกายนี้มันจะหายใจ เราก็ไปแทรกแซงการหายใจ ไปเปลี่ยนจังหวะการหายใจ หายใจให้ผิดธรรมดา แล้วก็เหนื่อยนะ ร่างกายเคยขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เคยยืน เคยเดิน เคยนั่ง เคยนอน ท่านั้นท่านี้ เราก็เริ่มไปจำกัดมัน ต้องอยู่ท่านั้นต้องอยู่ท่านี้ ต้องเดินอย่างนั้นถึงถูกต้องนั่งอย่างนี้ถึงจะถูก เดินท่านั้นผิดเดินท่านี้ผิด นี่เราพยายามเข้าไปแทรกแซงขันธ์ เวทนาเค้าก็เป็นธรรมชาติอีกอย่างหนึ่ง เดี๋ยวเค้าก็สุข เดี๋ยวเค้าก็ทุกข์ เดี๋ยวเค้าเฉยๆ พอเราเห็นทุกข์ขึ้นมาเราไม่ชอบนะ พยายามแทรกแซงให้หายไป ความสุขก็พยายามแทรกแซงให้มันเกิดขึ้นมา เกิดขึ้นมาแล้วแทรกแซงจะรักษามันไว้

นี่เราเข้าไปหลงแทรกแซงขันธ์ ๕ สัญญามันจะจำได้มันจะหมายรู้ ก็ไปแทรกแซง ที่อู๊ดเคยพลาดเรื่องแทรกแซงสัญญา ตัวนั้น จำได้ใช่มั้ย เห็นโต๊ะไปเรียกว่าเก้าอี้อะไรอย่างนี้นะ ไปแทรกแซงทำให้มันสับสน เสร็จแล้วมันจะอยู่ในโลกสมมุตินี้ไม่ได้ เพราะว่าสัญญา ไม่ตรงกับใครเค้าเลย สังขารก็คือจิตมันต้องปรุงดีบ้างปรุงชั่วบ้าง เราไม่อยากให้ปรุงชั่ว เราอยากให้ปรุงดี เราแทรกแซงนะ อย่างจิตฟุ้งซ่านขึ้นมา เราก็มาพุทโธๆ มาฟุ้งซ่านหนอๆ ให้หายฟุ้งซ่าน นี่แทรกแซง จิตโกรธขึ้นมานะ ก็พยายามแผ่เมตตาใหญ่ แผ่เมตตาให้หายโกรธ อันนี้ก็แทรกแซง แต่ถามว่าดีมั้ย? ก็ดี   เหมือนกันนะ แต่ดีแบบสมถะไม่ใช่วิปัสสนา

วิปัสสนานี่เราจะให้ขันธ์ทำงานไป โดยเราไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ ใจที่มันสงบตั้งมั่นไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ เห็นขันธ์ไปตามความเป็นจริง ใจดวงนี้เนี่ยใกล้ต่อมรรคผลนิพพาน ที่อาจารย์วัฒนาถาม “สังขารุเปกขาญาณ” เมื่อเช้านี้ จิตที่มันตั้งมั่นด้วยปัญญานะ ตั้งมั่นมีปัญญาอยู่ เห็นขันธ์ทำงานไปส่วนของขันธ์ จิตไม่เข้าไปแทรกแซงขันธ์ อย่างนี้เรียกว่า “สังขารุเปกขา” เป็นกลางกับขันธ์ เป็นกลางกับสังขาร กับความปรุงแต่งทั้งหลาย ภาวะแห่งการสักว่ารู้สักว่าเห็นก็จะเกิดขึ้น ใจจะไม่   ดิ้นรน เมื่อใจไม่ดิ้นรน ถึงจุดหนึ่งใจจะเห็นธรรมะที่ไม่ดิ้นรน ธรรมะที่ไม่มีความอยาก ธรรมะที่ไม่ดิ้นรน คือ “วิราคะ” กับ “วิสังขาร” หรือ “นิพพาน” นั่นเอง

เพราะฉะนั้นไม่มีใครกีดกั้นเราไว้จากนิพพานเลย ไม่มีใครกีดกั้นเราจากมรรคผล เรากีดกั้นตัวเองด้วยความอยากจะได้มรรคผลนิพพานนั่นแหละ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๒
ระหว่างนาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตปรุงแต่งไม่มีปัญหา แต่เราชอบเข้าไปปรุงแต่งจิต

mp 3 (for download) : จิตปรุงแต่งไม่มีปัญหา แต่เราชอบเข้าไปปรุงแต่งจิต

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : จิตใจนะเค้าทำงานของเค้าทั้งวัน เค้าปรุงดีบ้าง ปรุงร้ายบ้าง ไม่เป็นปัญหานะ จิตจะปรุงกุศล จิตจะปรุงอกุศล ไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าพวกเรานักปฏิบัติชอบเข้าไปปรุงแต่งจิต เช่น จิตมีอกุศลนะ หาทางละ จิตเป็นกุศลพยายามรักษาหรือพยายามทำให้กุศลเกิดขึ้นมา จิตปรุงแต่งไม่เป็นไร เราอย่าไปปรุงแต่งจิต

เพราะฉะนั้นอย่างจิตของเรามีโมหะ มัว ให้รู้ด้วยความเป็นกลาง นี่…คีย์เวิร์ดของมันนะ คือรู้ด้วยความเป็นกลาง ถ้าเรารู้ด้วยความเป็นกลางไม่ได้ เราจะเข้าไปปรุงแต่ง เช่น จิตเป็นอกุศลนะ อยากให้ดี ไม่เป็นกลาง แล้วเราก็พยายามหาทางทำอย่างโน้น ทำอย่างนี้ การที่เราปรุงแต่ง

การที่เราพยายามทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมานั่นแหละ มันปิดกั้นไว้ ปิดกั้นเอาไว้จากมรรคผลนิพพาน นิพพานคือความไม่ปรุงแต่ง เพราะฉะนั้นตราบใดที่จิตยังปรุงแต่งอยู่นะ ตราบใดที่ไปหลง ปรุงแต่งจิต ไม่ใช่จิตปรุงแต่ง ตราบใดที่ยังไปหลงปรุงแต่งจิตอยู่จะเห็นนิพพานไม่ได้เลย

แต่ถ้าเราเห็นจิตนี้ปรุงแต่งไปทั้งวันทั้งคืน เราไม่ปรุงแต่งจิต ถึงจุดหนึ่งมันจะเห็นเลย จิตมันก็ส่วนจิตนะ ก็ทำงานของมันไป ธรรมชาติที่เป็นคนไปรู้ ก็อยู่ต่างหาก ไม่เกี่ยวกัน ธรรมชาติที่ไปรู้ขันธ์โดยที่ไม่ไปยึดขันธ์นั่นแหละ ธรรมชาติอย่างนี้นะ ถึงจะไปเห็นนิพพานได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๙ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๒
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

บุญที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร?

mp 3 (for download) : บุญที่ใหญ่ที่สุดคืออะไร?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความดีทั้งหลายนะ มีหลายระดับ การทำทานก็เป็นความดี รักษาศีลก็เป็นความดีนะ เห็นคนอื่นเขาทำดีแล้วดีใจกับเขาก็เป็นความดี เรียกว่าอนุโมทนา อนุโมทนาดีตรงไหน ดีตรงแก้ริษยาได้ เห็นเขาดีแล้วอิจฉาเขา แต่ถ้าดีใจกับเขาด้วยเขาดี อะไรอย่างนี้ เป็นบุญ

ฟังธรรมก็เป็นบุญนะ ฟังธรรมก็เป็นบุญ แสดงธรรมก็เป็นบุญ อุทิศส่วนบุญก็เป็นบุญ อนุโมทนาส่วนบุญของคนอื่นก็เป็นบุญ บุญนั้นมี ๑๐ อย่างนะ มีชื่อเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ อย่าง มีทาน มีศีล มีอะไรอย่างนี้เป็นบุญทั้งนั้นนะ ทำสมาธิอะไรอย่างนี้นะ

แต่บุญที่เหนือบุญธรรมดานะ บุญที่เลิศที่สุดเลย คือบุญที่ประกอบด้วยสติปัญญา เป็นบุญใหญ่ บุญที่ไม่ประกอบด้วยสติปัญญาเนี่ย เป็นบุญธรรมดา พาเราเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิที่ดี แต่บุญจากการเจริญสติปัญญานั้นน่ะ จะพาเราข้ามภพข้ามชาติได้ นั่นเป็นบุญที่ใหญ่ที่สุด

เพราะฉะนั้นการที่เราจะมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานนั้น มาแยกรูปแยกนาม เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม นี่คือบุญที่ใหญ่ที่สุดเลยนะ ที่มนุษย์อย่างพวกเราจะทำได้

บางคนหวังว่าวันหนึ่งจะมีพระเข้านิโรธสมาบัติ ใครเคยคิดเรื่องนี้บ้าง ถ้าพระเข้านิโรธนะ ออกจากนิโรธเราจะมาดักทำบุญ ดีมั้ย ดี ผลบุญจะให้ผลเร็วมากเลย ในวันนั้นจะให้ผลรวดเร็วเลย แต่บุญอย่างนั้นนะเป็นบุญอยู่กับโลก เราต้องมาทำบุญข้ามโลกให้ได้ เหนือโลกให้ได้ โลกนี้มันทุกข์ เราต้องเจริญสติเจริญปัญญาให้มาก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๖
File: 550909B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๑๓ ถึง ๘ วินาทีที่ ๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การเกิดภพภูมิใหม่

mp 3 (for download) : การเกิดภพภูมิใหม่

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : วัฏฏะนะไม่น่าไว้วางใจ เวลาเราจะไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดีเนี่ย ชั่วขณะจิตเดียวเท่านั้น ชั่วขณะเดียวเท่านั้น จุติจิตดับลงปุ๊บ ปฏิสนธิจิตก็เกิดขึ้นในภพใหม่เรียบร้อยแล้ว

แต่ก่อนที่จุติจิตจะเกิด มันจะมีนิมิตนะ จะเกิดนิมิตขึ้นก่อน นิมิตมีหลายแบบ นิมิตอันนึงไปเห็นที่ๆจะไปเกิด นิมิตอันนึงจะเห็นกรรมที่เคยทำไว้ นิมิตอีกอย่างนึงไม่เห็นตัวกรรมที่เคยทำไว้โดยตรง แต่เห็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำกรรม เช่นเคยจับปลาบ่อยๆ อาจจะเห็นปลาเยอะแยะเลย ฝูงปลาไล่ต้อนไล่จับ ก็จะเปลี่ยนสถานะนะ จากคนจับปลาเป็นปลาที่ถูกจับในพริบตาเดียว หรือเห็นแหเห็นอวน เห็นเครื่องมือในการจับก็เป็นนิมิตอีกแบบนึง เห็นกรรมที่ทำโดยตรง หรือเห็นอุปกรณ์ที่ใช้ทำกรรมอย่างนั้นก็ได้ เห็นที่ๆจะไปเกิดก็ได้

เมื่อก่อนหลวงพ่อมีเพื่อนคนนึง พ่อเค้าไม่สบาย พ่อเค้าเนี่ยเป็นคนใจดี ตั้งแต่หนุ่มๆนะ แต่ว่าเจอมดดำไม่ได้ ถ้าเห็นมดเข้าแถวเนี่ย ต้องบี้ทั้งแถวถึงจะสะใจ เวลาไปอยู่โรงพยาบาลนะ โรงพยาบาลเอกชนด้วย ไม่ใช่โรงพยาบาลหลวงนะ โรงพยาบาลหลวงก็มอมแมมหน่อย โรงพยาบาลเอกชนที่ดีๆเค้าก็สะอาดหน่อย โวยวายอยู่ตลอดเลย ว่ามดดำมาเดินเข้าแถวเยอะแยะเลย เห็นแล้วอยากบี้ๆๆ คนเค้าก็ดูไม่เห็นจะมีซักตัว

เนี่ยจิตที่ทำกรรมไว้ นิมิต กรรมนิมิตมันเกิดขึ้นมา บางคนก็เห็นที่ๆจะไปเกิด เห็นท้องทุ่ง เห็นอะไรต่ออะไร เนี่ยได้ไปเป็นวัวเป็นควาย เราเลือกไม่ได้เวลานิมิตจะเกิดนะ เหมือนเราฝัน เวลาฝันเลือกได้มั้ย วันนี้จะฝันดี ฝันถึงคนนั้นคนนี้ ฝันที่สวยๆงามๆ ถ้าเราเลือกความฝันไม่ได้ เรายังเลือกที่เกิดไม่ได้หรอก เวลานิมิตเกิดก็จะเหมือนอย่างนั้นแหล่ะ จิตก็เคลื่อนตาม เวลาฝันเรารู้สึกมั้ยว่าเราฝัน เวลาฝันเราไม่รู้สึกว่าฝันนะ เรารู้สึกว่าจริงจังรู้สึกมั้ย ฝันเป็นเรื่องจริงมากเลย กำลังเหาะอยู่ก็รู้สึกจริงๆอีก กำลังดำดินอยู่ก็เป็นจริงๆอีก ทำอะไรก็รู้สึกจริงไปหมดเลย มันแยกไม่ออกว่าฝัน

งั้นนิมิตอะไรเกิดนะ จิตก็ไปทางนั้นแหล่ะ เราเลือกฝันไม่ได้ นิมิตที่จะเกิดตอนตายก็เลือกไม่ได้ มันจะไปตามความเคยชิน งั้นเราจะต้องพยายามมาสร้างความเคยชินฝ่ายดีเอาไว้เรื่อยๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๖
File: 550909B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๖ ถึง ๖ วินาทีที่ ๑๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ฆ่าตัวตาย ก็ไม่พ้นทุกข์

mp 3 (for download) : ฆ่าตัวตาย ก็ไม่พ้นทุกข์

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์: เรารักจิตใจที่สุดเลย รักมากกว่าร่างกายอีก ร่างกายยอมแตกสลายได้ ยอมตายได้ ฆ่าตัวตายก็ได้ ขอให้จิตใจมันมีความสุขเถอะ หลายคนอกหัก ใช่มั้ย เห็นมีข่าวเรื่อยๆ อกหัก จิตใจเสียอกเสียใจ ฆ่าตัวตาย กะว่าจิตใจจะมีความสุข เฉลยให้เลยนะว่าไม่พ้นหรอกนะ พอร่างกายตายไป ไม่ใช่จิตใจพ้นนะ

เคยมีนักปฏิบัติคนหนึ่ง วันหนึ่งแกนอนอยู่ที่บ้าน กลางดึกแล้ว นอนอยู่นะ จิตมันไว ไหวแวบออกไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านหน้าบ้านไป เดินผ่านถนนหน้าบ้าน เป็นหมู่บ้าน ในหมู่บ้าน เดินผ่านไป ผู้หญิงคนนี้เดินลอยเหนือพื้นอยู่คืบหนึ่ง เดินร้องไห้ไปเรื่อยๆเลย เศร้าโศกเสียใจมากเลย ก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรนะ แต่เดินร้องห่มร้องไห้ไป ไม่ยอมหันหลังกลับไปมองบ้านตัวเองเลย

พอตอนเช้า ชาวบ้านแตกตื่นในหมู่บ้าน วิ่งไปมุงบ้านนี้นะ มีผู้หญิงคนนี้แหละ ผูกคอตายไปแล้ว ที่ผูกคอตายก็เพราะว่า ไปส่งบ้าน (คือ กู้หนี้มาซื้อบ้าน – ผู้ถอด) สามีห้ามแล้ว บ้านอย่างนี้ ซื้อไม่ไหวหรอก ไม่เอาจะเอา อยากได้ อยากได้เพื่อว่าจะได้มีความสุข อยากเกินฐานะ ส่งไม่ได้ ธนาคารจะยึดแล้ว สามีก็โมโหนะ เอาเงินไปดาวน์บ้านหมดแล้ว สามีเลยทิ้งไปเลย สามีก็ทิ้ง บ้านก็ถูกยึดเลยนะ ไม่รู้จะทำยังไง ผูกคอตาย กะว่าจะพ้นทุกข์ ไม่พ้นหรอก จะต้องเดินร้องไห้อย่างนั้นไปอีกนานแสนนาน

นรก มันไม่ใช่นรกที่ต้องอยู่กับที่เสมอไปนะ นรกเคลื่อนที่ก็มี พวกนี้เหมือนนรกเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆนะ ไม่มีที่หมาย ไม่มีที่พักพิง น่ากลัวนะ เพราะชีวิตของพวกนี้ยืนยาวกว่าคนธรรมดามาก นี่ถ้าแกอดทนนะ ลำบากลำบนไป ลำบากลำบนไปไม่กี่ปี ชีวิตมันก็เปลี่ยน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๐ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๐
Track: ๑๑
File: 500527.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๒๘ ถึง นาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การอุทิศส่วนบุญ

mp 3 (for download) : การอุทิศส่วนบุญ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

โยม : ก็ถวายบุญที่ได้มาปฏิบัติ ๓ วันนี้เป็นพุทธบูชาและอาจาริยบูชา และก็แด่พี่เลี้ยงทุกท่าน…

หลวงพ่อปราโมทย์  : เอ้อ สาธุ โอ้ พี่เลี้ยงสาธุสิ นี่ เค้าอุตส่าห์ให้ส่วนบุญ เราอนุโมทนาบุญ เราได้บุญด้วย

บางคนสงสัยนะว่าเราไปทำบุญมา แล้วเราเจอใครก็ให้เค้ามีส่วนของบุญ บุญของเราจะแหว่งมั้ย ให้ไปครบร้อยคนไม่เหลือเลยซักเปอร์เซนต์นึง อันนี้ไม่เป็นอย่างนั้นนะ เวลาเราอุทิศส่วนบุญเนี่ย เหมือนเรามีเทียนอยู่เล่มนึง แล้วก็คนเอาเทียนมาขอต่อไฟไป ไฟของเค้าก็ติดนะ ไฟของเราก็ไม่ดับนะ แสงสว่างในภาพรวมมันจะมากขึ้นๆ

นั้นการอุทิศส่วนบุญนี่ ไม่ทำให้บุญของเราแหว่งไป แต่บุญของเราจะเพิ่มขึ้นอีก เพราะอะไร เพราะเราใจกว้าง บางคนหวงบุญนะ ใครเค้าทำบุญอะไรก็แย่งเค้าทำบ้างอะไรบ้าง หวง ไม่ยอมแผ่ส่วนบุญไม่ยอมอะไร กลัวหาย อย่างนี้ใจแคบนะ ได้บุญน้อย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๗
Track: ๖
File: 550909B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๖ วินาทีที่ ๔๒ ถึง ๒๗ วินาทีที่ ๔๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ (๕) เราต้องพัฒนากำลังให้แก่กล้าพอ จึงจะล้างกิเลสได้

mp 3 (for download) : พละ ๕ (๕) เราต้องพัฒนากำลังให้แก่กล้าพอ จึงจะล้างกิเลสได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าพวกเราทำในรูปแบบนะ เราค่อยๆพัฒนาไปเรื่อย กำลังของศรัทธาเราก็จะแก่กล้าขึ้น กำลังของวิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ก็จะแก่กล้าขึ้น ถ้ากำลังของเราแก่กล้าพอเนี่ย มันจะล้างกิเลส มันจะมีพลังไปล้างกิเลสได้ ถ้าเรา มัวแต่ท้อแท้ หดหู่ ท้อถอยนะ ป้อๆแป้ๆไปวันหนึ่งๆ เราสู้กิเลสไม่ไหวหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย ๑๔
หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๕๖
File: 560120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๔๕ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๑๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ (๔) สติ สมาธิ ปัญญา

mp 3 (for download) : พละ ๕ (๔) สติ สมาธิ ปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : สติก็เหมือนกันต้องซ้อมทุกวัน ที่หลวงพ่อบอกให้ทำในรูปแบบนะ ไม่ใช่แค่ได้ศรัทธาได้วิริยะนะ จะได้สติด้วย หายใจเข้า”พุท” หายใจออก”โธ” อะไรก็ทำไปนะ ถ้าจิตไหลไปแล้วรู้ รู้ทันจิตใจของเราไปเรื่อย เกิดสุขก็รู้ เกิดทุกข์ก็รู้ เกิดกุศลก็รู้ เกิดอกุศลก็รู้ ร่างกายหายใจออกก็รู้ ร่างกายหายใจเข้าก็รู้ ร่างกายเดินไปก็รู้ ร่างกายหยุดนิ่งก็รู้ ดูอยู่ในกาย ดูอยู่ในใจ ระลึกรู้กาย ระลึกรู้ใจให้มาก สติของเราก็จะแก่กล้าขึ้น

ถ้าเราไม่ทำในรูปแบบเลย เดินไปรู้สึกบ้าง เผลอไปบ้างนะ เผลอนานกว่ารู้สึกอีก กำลังของสติก็พัฒนายาก งั้นการทำในรูปแบบเนี่ย ไม่ใช่เรื่องเล็กๆนะ เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเราทำได้นะ ศรัทธาของเราก็จะเพิ่มขึ้น วิริยะก็จะเพิ่มขึ้น สติก็จะเพิ่มขึ้น

หรือเราเดินจงกรมนั่งสมาธิ แล้วจิตเราเคลื่อน เราเห็น สมาธิของเราจะเพิ่มขึ้น จิตใจจะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว

แล้วการปฏิบัติในรูปแบบ ถ้าวันไหนกำลังของเราพอ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวนะ เราก็ดูธาตุดูขันธ์เลย แยกกายส่วนกาย จิตส่วนจิต ความสุขความทุกข์ก็แยกออกไป กุศลอกุศลก็แยกออกไป จิตเป็นคนดู สุดท้ายมันก็เกิดปัญญานะ เห็นเลยร่างกายที่หายใจออกนะ ร่างกายที่หายใจเข้า ร่างกายที่ยืนเดินนั่งนอน มีแต่ทุกข์ทั้งนั้นเลย นั่งอยู่ก็ทุกข์ ยืนอยู่ก็ทุกข์ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ มันปวดมันเมื่อยตลอดเวลา ส่วนจิตใจก็เต็มไปด้วยความไม่เที่ยงนะ ความสุขก็ไม่เที่ยง ความทุกข์ก็ไม่เที่ยง กุศลก็ไม่เที่ยง อกุศลก็ไม่เที่ยง จิตใจบังคับไม่ได้ จะสุขหรือจะทุกข์ จะดีหรือจะชั่ว สั่งไม่ได้ บังคับไม่ได้ เนี่ยคือการเจริญปัญญา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย ๑๔
หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๕๖
File: 560120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๓ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ (๓) วิริยะ

mp 3 (for download) : พละ ๕ (๓) วิริยะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : ต้องทำทุกวันในรูปแบบ ถ้าเราอดทนอดกลั้นทำทุกวัน เหน็ดเหนื่อยแค่ไหนนะ ถึงเวลาก็ต้องปฏิบัติ ถึงเวลาต้องภาวนา ภาวนาตอนค่ำทำไม่ไหวจริงๆนะ ทำมันตั้งแต่ตื่นนอน ทำวันละหลายๆรอบ เช้าสายบ่ายเย็น ไม่มีใครมาว่าเราหรอก ทำทีละเล็กทีละน้อยก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย พากเพียรเข้านะ อดทน

ทีแรกการลงมือปฏิบัตินะ จะไปนั่งสมาธิ ไปทำอะไรต่ออะไรนะ มันฝืนความรู้สึก ฝืนความขี้เกียจขี้คร้าน ฝืนความท้อแท้ท้อถอยของเรา พอเราทำมากขึ้นๆ ใจเรามีกำลังขึ้นพัฒนาขึ้น เราจะขยันมากขึ้น เพราะเราเห็นคุณเห็นประโยชน์ของการปฏิบัติ วิริยะมันจะมากขึ้นๆ

เพราะงั้นเบื้องต้นบางทีหลวงพ่อขอ บอกขอ ๑๐ นาที ถ้า ๑๐ นาทีพวกเราทำได้นะ ต่อไปจิตของเรามีความสุข มีความสงบ มีเรี่ยวมีแรงนะ มันจะเพิ่มของมันเอง มันอยากเพิ่ม หลวงพ่อขอ ๑๐ นาที ขอแถมให้อีกชั่วโมงนึงนะ อย่างนี้มีเยอะเลยเดี๋ยวนี้ บางคนภาวนาตั้งหลายชั่วโมงนะวันนึง อันนั้นถ้าเค้ามีเวลานะ ถ้าไม่มีเวลา (ทำ) ๑๐ นาทีอย่าให้ขาด ถ้าทำได้ทุกวันเนี่ย วิริยะ พลังของความเพียรของเรา จะแก่กล้าขึ้น เวลาตั้งใจจะทำอะไรแล้วเนี่ย ถ้าเป็นสิ่งที่ดีงามนะ ไม่ท้อถอย ลำบากแค่ไหนก็ทำ ถึงจะเจ็บจะป่วยก็ทำ

หลวงพ่อพุธเคยเล่าให้หลวงพ่อฟังนะ ว่ามีพระองค์นึง พระเนี่ยปกติท่านมีข้อวัตรที่ต้องทำ อย่างไปกวาดวัด ต้องกวาดวัด ต้องทำความสะอาดกุฎิเสนาสนะอะไรเนี่ย พระต้องทำ พระปล่อยให้กุฎิสกปรกเนี่ย ปล่อยวัดสกปรกเนี่ยผิดมากเลย ไม่/ถือว่าไม่เคารพพระธรรมวินัย เนี่ยมีพระอยู่องค์นึง ท่านก็รักษาข้อวัตรอย่างดี รักษากุฎิวิหารศาลาอะไร รักษาถนนหนทางสะอาด นี่ท่านป่วยจนลุกไม่ขึ้นนะ ป่วยจนลุกไม่ขึ้นเนี่ย ท่านนอนอยู่ กระดิกตัวก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว ใกล้จะมรณภาพแล้ว พอถึงเวลากวาดวัดเนี่ย ท่านลุกขึ้นมาไม่ได้ ท่านกำหนดจิตของท่าน ท่านลูบข้างๆที่นอนของท่าน ท่านเคลื่อนไปได้แค่นี้แล้วนะ ท่านกำหนดจิต ว่าเนี่ยท่านกำลังทำข้อวัตรอยู่ กำลังทำความสะอาด สุดกำลังที่จะทำแล้วนะ ได้แค่นี้ แล้วยังรักษาข้อวัตรไว้เลย นี่วิริยะสูงนะ เนี่ยหลวงพ่อพุธเคยเล่าให้ฟัง โอ้โห บอกใจเด็ด

อย่างมีสมัยพุทธกาลก็มีนะ เป็นตัวอย่าง ท่านเดินจงกรม เดินจนเท้าแตก เดินไม่ได้ท่านคลาน คลานจนหัวเข่าแตก ไม่ทิ้งข้อวัตรนะ หัวเข่าแตกคลานไม่ได้ ท่านต้องลงไปนอน ท่านก็นอนพลิกซ้ายพลิกขวาไปเรื่อยนะ ถือว่ากำลังเดินจงกรมอยู่ เห็นมั่ยท่านไม่ยอมท้อถอยเลยนะ มีวิริยะมาก

ถ้าเป็นพวกเรา เดินจนเท้าแตก เราก็ไม่เอาแล้วเนอะ เท้าแตกไม่ได้เท้าของเราเจ็บนี่ ให้ไปคลานหัวเข่าแตก ยิ่งไม่เอาใหญ่ เดี๋ยวหัวเข่าด้านไม่สวย ไปโน่นซะอีก เนี่ยความเพียรนะ ถ้าเราตั้งใจทำ แล้วเราทำสม่ำเสมอ กำลังของความเพียรจะมากขึ้นๆ ถ้าเราท้อแท้หดหู่เมื่อไหร่ กำลังจะตก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย ๑๔
หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๕๖
File: 560120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๔๗ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ (๒) ศรัทธา

mp 3 (for download) : พละ ๕ (๒) ศรัทธา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงพ่อสอนเนี่ย สอนให้พวกเราพัฒนากำลังทั้ง ๕ นี้ สอนทุกวันนะ พวกเราอาจจะไม่รู้ อย่างหลวงพ่อสอนพวกเรา บอกว่า ทุกวันต้องทำในรูปแบบ ต้องไหว้พระ ต้องสวดมนต์ ต้องคิดถึงคุณของพระพุทธเจ้า กระทั่งพวกเราจะมาขอบคุณหลวงพ่อ ว่าสอนแล้วพวกเราปฏิบัติพ้นทุกข์ หลวงพ่อบอกให้ขอบคุณพระพุทธเจ้า นึกออกมั้ย เราจะต้องคิดถึงครูบาอาจารย์ของเรา พ่อแม่ของเรา สูงที่สุดนะ อาจารย์ที่สอนเรานี่ ก็เป็นแค่ลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เพราะงั้นสูงสุดของเราคือพระพุทธเจ้า ใจของเราต้องยึดถือท่านนะ คิดถึงท่านเรื่อยๆ คิดถึงคุณงามความดีของท่าน

ท่านไม่ใช่เป็นอะไรกับเราซักหน่อย ทำไมมีความเมตตากรุณานะ ยอมลำบากยากเข็ญตั้งนานแสนนาน เพื่อจะค้นคว้าธรรมะมา ได้ธรรมะมาแล้ว แทนที่ท่านจะเสพสุข เป็นพระอรหันต์มีความสุขจะตายไป ท่านกลับทุกข์ทรมานนะ ต้องออกมาสู้กับพวกมิจฉาทิฏฐิ สู้กับกิเลส มิจฉาทิฏฐิก็พยายามบอมบ์ท่านนะ ถึงขนาดจ้างผู้หญิงมาแกล้งว่าทำเป็นท้องกับท่านก็มี จ้างคนมาด่าท่านก็มี ทำได้สารพัดเลยที่จะเล่นงานท่าน ต่างๆนานา ท่านต้องสู้กับพวกมิจฉาทิฏฐิ ต้องสู้กับกิเลสของพวกเราแต่ละคนด้วย เวลา(ฟัง)คำสอนของท่านเนี่ย เป็นคำสอนที่ฝืนกิเลสพวกเรา เราบางคนรับไม่ไหวนะ พวกกิเลสแรง รู้สึกคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เอาดีกว่า

เนี่ยท่านต้องมาต่อสู้นะ กว่าจะตั้งศาสนาขึ้นมาได้ ถ่ายทอดสืบทอดมาถึงเราเนี่ย ท่านยากลำบากมากมาย เพราะปัญญาของท่านมหาศาล ที่จะค้นพบธรรมะได้เอง ขนาดธรรมะที่ท่านค้นแล้ว เอามาสอนเรา เรายังทำได้บ้างไม่ได้บ้างเลย เห็นมั้ย ปัญญาของท่านมาก ความกรุณาของท่านมากนะ ถ้าเราหัดภาวนาไปเรื่อย ใจของเราสงบ สะอาด สว่างนะ เข้าถึงความบริสุทธิ์มากขึ้นๆ เราก็จะรู้ถึงความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าด้วย เนี่ยพอใจของเรายิ่งภาวนาไป ใจเรายิ่งห่างไกลความทุกข์ เราจะยิ่งเคารพ ยิ่งรักพระพุทธเจ้าแน่นแฟ้นนะ ศรัทธาของเราจะมีกำลังมากขึ้นๆ

งั้นบางวันถ้าหมดศรัทธานะ พยายามนะคิดถึงคุณของพระพุทธเจ้าไว้ พยายามคิดถึงคุณของท่านไว้ แล้วพอเราคิดถึงคุณของท่าน ใคร่ครวญถึงคุณงามความดีของท่านนะ ใจก็เกิดศรัทธาขึ้นมาอีก หรือเราคบกับคนที่เค้ามีศรัทธา ถ้าเราคบคนที่มีศรัทธานะ เราก็จะโน้มนำไปให้เกิดศรัทธา เราไปคบพวกมิจฉาทิฏฐิไม่มีศรัทธานะ มันก็พาเราเสื่อมศรัทธาไปด้วยนะ เรื่องคบคนก็สำคัญนะ เนี่ยหลวงพ่อก็สอนพวกเราทุกวัน ต้องไหว้พระ ต้องสวดมนต์ คิดถึงคุณของพระ อันนี้คือพัฒนาพลังของศรัทธาขึ้นมา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย ๑๔
หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๕๖
File: 560120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๔๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

พละ ๕ (๑) กำลังทั้ง ๕ ต้องพอ จึงจะเกิดอริยมรรค

mp 3 (for download) : พละ ๕ (๑) กำลังทั้ง ๕ ต้องพอ จึงจะเกิดอริยมรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
ขอขอบคุณ ภาพจากงาน “ธรรมะกลางเมือง”

หลวงพ่อปราโมทย์ : แรงของนักปฏิบัติก็มี ๕ แรง มีกำลังมีพละ ๕ อย่าง เรามีศรัทธามั้ย บางวันเราก็มีศรัทธาใช่มั้ย บางวันพระพุทธเจ้าขัดผลประโยชน์ของเรา เราก็ไม่เอา เราก็เอาผลประโยชน์ ไม่เอาพระพุทธเจ้า ศรัทธาของเราก็ผลุบๆโผล่ๆ

วันนี้มีศรัทธา อีกวันนึงไม่มีศรัทธา วันนี้มีวิริยะนะขยันหมั่นเพียร อีกวันนึงขี้เกียจไปแล้ว วิริยะไม่มี บางวันมีสติใช่มั้ย ช่วงนึงมีสติอยู่ ๑ วัน ขาดสติไป ๗ วันอย่างนี้ กำลังของสติเราไม่พอ จิตใจของเราไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจเราร่อนออกข้างนอกตลอดเวลา เนี่ยสมาธิเราไม่พอ กำลังของสมาธิไม่พอ เราไม่ค่อยสนใจที่จะคอยแยกธาตุแยกขันธ์ แล้วดูความเป็นไตรลักษณ์ของธาตุของขันธ์ ของกายของใจ นานๆเห็นทีนึง รู้สึกมั้ย นานๆก็เห็นร่างกายไม่ใช่เรา แว้บนึงนะ บางทีแปรงฟันอยู่ เห็นไม่ใช่เรามั้ย ที่เหลือเป็นเราหมดเลย เนี่ยปัญญากำลังปัญญาเราไม่พอ

ถ้ากำลังของเราพอนะ ศรัทธาของเราแน่นแฟ้น วิริยะของเราต่อเนื่อง สติของเราทำงานได้รวดเร็ว สมาธิเราดี จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ปัญญาของเราดี เราแยกธาตุแยกขันธ์ เห็นไตรลักษณ์ของธาตุของขันธ์ ของกายของใจอย่างสม่ำเสมอ ถ้าแรงเราพอแบบนี้นะ จิตจะยิ่งมีกำลังที่จะตัดกิเลส เกิดอริยมรรค เกิดอริยผล เกิดอริยมรรคฆ่ากิเลสได้ ถ้ากำลังไม่พอ ไม่เกิดอริยมรรคหรอก

งั้นเราต้องมาพัฒนากำลังของเรานะ จุดอ่อนของฆราวาสคือกำลังน้อย สังเกตมั้ย บางวันก็ศรัทธา บางวันก็ไม่ศรัทธา บางวันก็(มี)วิริยะใช่มั้ย บางวันก็ไม่มีวิริยะ บางวันน้อยวันที่มีสติ จำนวนมากไม่มีสติหรอก หลงแหลกลาน จิตที่หลงไปกับจิตที่รู้สึกตัว จิตที่ตั้งมั่นอยู่กับตัวเอง มีน้อย รู้สึกมั้ย สภาวะที่หลงไปมีเยอะ สมาธิเราไม่พอนะ งั้นเราต้องพยายามมาพัฒนากำลังทั้ง ๕ เนี่ย ผนึกกำลังทั้ง ๕ นี่ขึ้นมาให้ได้นะ รวมแรงทั้ง ๕ นี้ขึ้นมาเนี่ย จะฆ่ากิเลสตาย เราต้องมารวมแรง


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน)
ถนนแจ้งวัฒนะ ซอย ๑๔
หลักสี่ กรุงเทพมหานคร
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๖

CD: ศาลาลุงชิน ครั้งที่ ๕๖
File: 560120.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๔) องค์มรรคต้องครบทั้ง ๘ อริยมรรคจึงจะเกิด

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๔) องค์มรรคต้องครบทั้ง ๘ อริยมรรคจึงจะเกิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : วันนี้เทศน์เรื่องมรรคให้ฟังนะ มรรคมีหนึ่งนะ แต่มีองค์แปด แต่ไม่ได้มีแปดมรรคนะ ถ้าแปดมรรคเรียกมักมาก มรรคมีหนึ่งเท่านั้นแต่มีองค์แปด คล้ายๆ แมงมุมมีหนึ่งตัวแต่มีแปดขา หักออกขานึงก็พิการละ ใช้ไม่ได้ อริยมรรคจะไม่เกิดนะ ถ้าขนาดส่วนใดส่วนหนึ่ง

เพราะฉะนั้นส่วนแรกเลยที่ต้องรักษาคือศีล จำไว้นะ ตั้งใจ แล้วพยายามดำรงชีวิตอย่างสุจริต พยายามฝึกจิตฝึกใจไปเรื่อย คอยรู้ทันจิตไป กิเลสเกิดรู้ทัน อย่าให้มันครอบงำ รู้ทันกิเลสได้บ่อยๆ ใจก็มีกุศลมากขึ้นๆ แล้วก็หัดรู้สภาวะของรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย จนกระทั่งสติมันเกิด แล้วก็ฝึกจิตไป จิตไหลไปแล้วรู้ๆ สมาธิก็เกิด ในที่สุดก็มีสมาธิ มีสติรู้รูปรู้นามตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางคือจิตมีสมาธิ เมื่อมีสติรู้รูปรู้นามรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางมากพอ ปัญญาจะเกิด จะเห็นแจ้งว่ารูปธรรมนามธรรมไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่ตัวทุกข์ล้วนๆ ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ล้วนๆ พอปล่อยวางได้นะ คุณงามความดีทั้งหลายเนี่ยสมบูรณ์แบบหมดเลย ความสุขอันมหาศาลจะเกิดขึ้น


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๑ ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๓) ปัญญาในองค์มรรค

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๓) ปัญญาในองค์มรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอเราเจริญมากๆนะ จะได้อะไร จะได้ตัวของปัญญา ปัญญา คือสัมมาทิฐิ คือสัมมาสังกัปปะ

สัมมาทิฐิคือความเห็นแจ้งในอริยสัจจ์ รู้ว่าตัวตนไม่มีหรอก ตัวตนมีแต่ทุกข์ ขันธ์มีแต่ตัวทุกข์ ขันธ์ไม่ใช่ตัวตน พอมีอย่างนี้นะใจมันก็ดำริออกจากกาม ดำริออกจากพยาบาท ดำริออกจากการเบียดเบียน ก็ตัวเราไม่มีจะมีกามไปทำไม จะพยาบาททำไม จะเบียดเบียนยังไง ใจก็พ้นจากกิเลส พ้นจากทุกข์ พ้นจากทุกสิ่งทุกอย่างไป


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓๑ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๑) จิตตั้งมั่นแล้วมาเจริญปัญญา

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๑) จิตตั้งมั่นแล้วมาเจริญปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใจลอยไปแล้วรู้ ใจฟุ้งซ่านไปแล้วรู้ ใจฟุ้งไปแล้วรู้ รู้อย่างนี้เรื่อยนะ ใจจะตั้งมั่นขึ้นมา สมาธิชนิดนี้คือความตั้งมั่น คือ พูดภาษาไทยง่ายๆ นะ คือ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจไม่ลืมเนื้อลืมตัว จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วถัดจากนั้นเรามาเดินสติปัฏฐานที่ให้เกิดปัญญา

พอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว สติระลึกรู้ลงในรูปธรรมนะ จะเห็นรูปธรรมไม่ใช่ตัวเรา สติระลึกรู้ลงในเวทนา จะเห็นว่าเวทนาไม่ใช่ตัวเรา ในขณะที่ใจเราตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว เป็นผู้รู้ผู้ดู จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูนี่แหละ เรียกว่ามีสมาธิล่ะ แล้วก็สติเกิดระลึกรู้ เห็นเวทนาทางใจ ก็จะเห็นว่าเวทนาทางใจไม่ใช่เรา สติระลึกรู้เห็นกุศลเห็นอกุศล จะเห็นว่ากุศลและอกุศลไม่ใช่เรา

ทีนี้ตัวผู้รู้เนี่ย มันจะรู้สึกเหมือนกับทรงอยู่ แต่ถ้าทำแค่ขณิกสมาธิเนี่ย ตัวผู้รู้จะไม่อยู่นาน ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้คิด ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้หลงไปเลย ไม่รู้คิดเรื่องอะไร ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้เพ่ง ตัวผู้รู้เองก็เกิดดับ จิตนี้เองเกิดดับ ไม่เที่ยงด้วย ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์เท่าๆกับขันธ์อื่นๆนั่นเอง เนี่ยการเดินปัญญาทำอย่างนี้นะ รู้ลงไปในกาย  มีสติระลึกรู้กายที่กำลังปรากฏอยู่ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว เนี่ยคือจิตที่มีสมาธิได้มาด้วยการทำฌาณก็ได้นะ ได้มาด้วยการรู้ทันจิตที่ไหลไปๆ แล้วรู้บ่อยๆ เนี่ย มันจะตั้งมั่นขึ้นเอง พวกเราใจไหลไปแล้วรู้ ไหลแล้วรู้เนี่ย ใจมันจะมาอยู่กับเนื้อกับตัว


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๒) ดูกายดูลงปัจจุบันขณะ ดูจิตดูลงปัจจุบันสันตติ

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๒) ดูกายดูลงปัจจุบันขณะ ดูจิตดูลงปัจจุบันสันตติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วมันจะรู้สึกขึ้นมานะว่า ร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหว ใช้คำว่าร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เนี่ย ไม่ใช่ตัวเรา

ดูกายเนี่ยจะดูลงปัจจุบันขณะนะ ดูลงขณะปัจจุบันนี้เลย เนี่ยๆ กำลังเคลื่อนอยู่เนี่ย เรารู้ได้มั้ย รู้ได้ เพราะจิตมันเป็นคนไปรู้กาย แต่ว่าการดูจิตเนี่ยจะไม่ดูลงปัจจุบันขณะ การดูจิตจะดูด้วยลักษณะที่เรียกว่า ดูปัจจุบันสันตติ  ไม่เหมือนกันนะ ปัจจุบันขณะก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตานี้เอง ปัจจุบันสันตติคือสิ่งที่เนื่องอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันเป๊ะๆไม่ได้ เพราะจิตนั้นรู้อารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว อย่างร่างกายเคลื่อนไหวเนี่ย จิตดูลงปัจจุบันได้ เพราะจิตมารู้กาย แต่จิตจะไปรู้จิตเนี่ยไม่ได้ จิตจะไปรู้จิตในขณะ ขณะนั้นนะ ในขณะที่เดินปฏิบัติปกติเนี่ยไม่ได้ แต่ในขณะที่เกิดอริยมรรคได้นะ คนละอันกันนะ คนละเรื่อง ที่ท่านว่าจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรคนั้น ท่านพูดถึงอริยมรรคเลย เฮ้อ เหนื่อย เทศน์มันยากมากเลย มัน intensive course

เพราะงั้นดูกายเนี่ยนะ ดูมันลงปัจจุบัน ดูจิตนั้น ดูมันเนื่องกับปัจจุบัน เช่น มันโกรธ พอมันโกรธปุ๊บ สติรู้ว่าโกรธ ในขณะที่จิตมีสติรู้ว่าโกรธเนี่ย ความโกรธนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ความรู้ รู้ว่าเมื่อกี้โกรธนั้นเป็นปัจจุบัน ความโลภเกิดขึ้น ความโลภเป็นปัจจุบัน สติรู้ว่าเมื่อกี้โลภ โลภเป็นอดีตละ จิตที่มีสตินี้เป็นปัจจุบัน

จิตที่มีสติมันเกิดตามหลังจิตที่มีกิเลสนะ เพราะงั้นตรงที่มีกิเลสเนี่ย ดูไม่ได้ เพราะในขณะที่กิเลสเกิดเนี่ย สติไม่มี ในขณะที่มีสติน่ะไม่มีกิเลส เพราะงั้นการที่เราเห็นว่าจิตมีกิเลสน่ะ เราเห็นตามหลังทั้งสิ้น เพราะ ฉะนั้นการดูจิตนี่นะ จะตาม แต่ตามแบบติดๆนะ เมื่อวานโกรธวันนี้รู้ไม่เรียกว่าปัจจุบันสันตตินะ เพราะว่าห่างไกลมาก นั่นเป็นอดีตสันตติแล้วไม่ใช่ปัจจุบันละ

เพราะงั้นการดูจิตนะ ดูแบบติดๆ เลย โกรธขึ้นมาก่อน รู้ว่าโกรธ นี่เห็นหางความโกรธๆไหวๆ หายแว้บไปต่อหน้าต่อตา นี่ เห็นหางเท่านั้นนะ ไม่เห็นตัวมันหรอก งั้นดูอย่างนี้นะ ดูไปเรื่อย แต่จิตต้องตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู ตัวนี้แหละคือตัวสัมมาสมาธิ จิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู สติระลึกรู้กายลงเป็นปัจจุบัน สติตามรู้จิตที่ดับไปสดๆร้อนๆ นะ

เนี่ยในขณะที่เดินมรรคเขาเดินกันอย่างนี้ ในขณะที่เกิดอริยมรรคเป็นอีกแบบนึง คนละเรื่องกัน อย่าไปปนกัน


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๗ ถึง นาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๕๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๐) ขณิกสมาธิ

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๑๐) ขณิกสมาธิ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : ท่านอธิบายตัวสัมมาสมาธิเนี่ย ท่านถึงไปอธิบายด้วยฌาน แต่ในขั้นการปฏิบัติเนี่ย ขั้นบุพภาคมรรค ขั้นเบื้องต้นของมรรค มรรคเบื้องต้น ยังไม่ใช่อริยมรรคเนี่ย ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดอัปปนาสมาธิ

ถ้าเราไม่มีอัปปนาสมาธิ ทำอัปปนาสมาธิไม่ได้ เราใช้ขณิกสมาธินี่แหล่ะ สมาธิเป็นขณะๆ คอยรู้ทัน จิตมันฟุ้งซ่านไป คอยรู้ทัน จิตมันฟุ้งซ่านไป คอยรู้ทัน รู้บ่อยๆนะ มันจะได้สมาธิเป็นขณะๆ เพราะในขณะที่รู้ทันว่าฟุ้งซ่านจะไม่ฟุ้งซ่าน ในขณะที่ไม่ฟุ้งซ่าน ขณะนั้นแหล่ะมีสมาธิ นั่นได้เป็นขณะๆไป

งั้นบางทีหลวงพ่อบอกพวกเรานะ เผลอไปแล้วรู้ เผลอไปแล้วรู้ เผลอไปนั่นคืออะไร คือจิตฟุ้งซ่านนั่นเอง เพราะงั้นจิตฟุ้งซ่านไปแล้วรู้ทัน จิตฟุ้งซ่านไปรู้ทัน ก็จะรู้สึกตัวขึ้นมา ใจมันจะอยู่กับเนื้อกับตัว งั้นสัมมาสมาธิในขั้นของการปฏิบัติ กับในขั้นของการเกิดอริยมรรคเนี่ย คนละอย่างกันนะ ในขั้นของการเกิดอริยมรรคเนี่ย จิตเข้าอัปปนาสมาธิแล้วก็ไปตัดกิเลส ตัดสังโยชน์กันในองค์มรรค ในขณะที่ทรงฌาน ส่วนสัมมาสมาธิในขณะที่ใช้ชีวิตธรรมดาเนี่ย จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว

ทำอัปปนาสมาธิได้มั้ย ทำได้ แต่ทำเพื่อพักผ่อน ไม่ใช่ทำเพื่อให้เกิดอริยมรรค ทำเพื่อพักผ่อนเท่านั้นอัปปนาสมาธิ แต่บางคนชำนาญในการดูจิตจริงๆ เมื่อเข้าอัปปนาสมาธิแล้ว ยังดูจิตต่อได้อีก อันนี้พวกที่ชำนาญในการดูจิตด้วยชำนาญในฌานด้วย ซึ่งหายากนะ มีไม่กี่คนหรอก ส่วนใหญ่ทำไม่ได้

เราใช้ขณิกสมาธิอยู่เป็นขณะๆนี้ ใจลอยไปแล้วรู้ ใจฟุ้งซ่านไปแล้วรู้ ใจฟุ้งไปแล้วรู้ รู้อย่างนี้เรื่อยนะ ใจจะตั้งมั่นขึ้นมา สมาธิชนิดนี้คือความตั้งมั่น คือพูดภาษาไทยง่ายๆนะ คือจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจไม่ลืมเนื้อลืมตัว จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวนะ

ถัดจากนั้นเรามาเดินสติปัฏฐานที่ให้เกิดปัญญา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่ที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๓๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๙) สัมมาสมาธิแท้ๆเกิดตอนที่เกิดอริยมรรค

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๙) สัมมาสมาธิแท้ๆเกิดตอนที่เกิดอริยมรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์  : >สติปัฏฐานเนี่ย เบื้องต้นทำให้มีสติ เบื้องปลายจะมีปัญญา

แต่ก่อนจะเกิดปัญญา ต้องมาเรียนสัมมาสมาธิก่อน สัมมาสมาธิพระพุทธเจ้าอธิบายสัมมาสมาธิด้วยฌาน ๔ ทำไมเอาแค่ฌาน ๔ แล้วอรูปฌานอีก ๔ หายไปไหน อรูปฌาน ๔ นั้นสงเคราะห์เข้าในฌานที่ ๔ เพราะมีองค์ธรรมเท่ากัน มีอุเบกขากับเอกัคคตา เป็นองค์ธรรมหลักคืออุเบกขากับเอกัคคตา งั้นสรุปก็คือฌาน ๘ นั่นเอง

แต่ถ้าพูดอย่างปริยัติ ท่านอธิบายด้วยฌาน ๔ ทำไมต้องเป็นฌาน ถ้าไม่เข้าฌาน ไม่เป็นสัมมาสมาธิรึ ท่านอธิบายฌาน ๔ สัมมาสมาธิด้วยฌาน ๔ เนี่ย เพราะท่านพูดถึงสัมมาสมาธิแท้ๆ สัมมาสมาธิแท้ๆเกิดขณะเดียว ในขณะที่เกิดอริยมรรค เกิดขณะจิตเดียวนั่นแหล่ะ

เพราะงั้นที่บอกว่าองค์มรรคๆ ๘ ตัวนี่นะ ไม่ได้เกิดรายวัน แต่องค์มรรคแท้ๆเนี่ย เกิดในขณะที่เกิดอริยมรรค เพราะงั้นขณะที่พวกเรามีสติอยู่ทุกวันเนี่ย บางคนก็บอกเป็นสัมมาสติ อันนั้นเรียกเอาหน้าเท่านั้นเอง จริงๆไม่เป็น ที่บอกเรามีสัมมาสมาธิอยู่ มีใจตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว นี่เรียกโดยอนุโลม จริงๆยังไม่ใช่สัมมาสมาธิ สัมมาสมาธิแท้ๆเกิดตอนที่เกิดอริยมรรค

แล้วขณะที่เกิดอริยมรรคนั้น จะต้องเกิดร่วมกับองค์ฌานอันใดอันหนึ่ง ต้องเกิดกับฌานขั้นใดขั้นหนึ่ง อย่างน้อยปฐมฌานจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ จนถึงฌานที่ ๔ บางคนลึกซึ้งลงไปกว่านั้นอีก ในฌานที่ ๔ นั้นรูปหายไป เหลือแต่นามธรรมล้วนๆ เข้าไปอรูปฌาน

งั้นท่านอธิบายตัวสัมมาสมาธิเนี่ย ท่านถึงไปอธิบายด้วยฌาน แต่ในขั้นการปฏิบัติเนี่ย ขั้นบุพภาคมรรค ขั้นเบื้องต้นของมรรค มรรคเบื้องต้น ยังไม่ใช่อริยมรรคเนี่ย ไม่จำเป็น ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดอัปปนาสมาธิ ถ้าเราไม่มีอัปปนาสมาธิ ทำอัปปนาสมาธิไม่ได้ เราใช้ขณิกสมาธินี่แหล่ะ สมาธิเป็นขณะๆ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๕ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๘) สติปัฏฐานมี ๒ ขั้นตอน

mp 3 (for download) : ศีล สมาธิ ปัญญา ในองค์มรรค (๘) สติปัฏฐานมี ๒ ขั้นตอน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี
เอื้อเฟื้อภาพโดย บ้านจิตสบาย

หลวงพ่อปราโมทย์ : การเจริญสติปัฏฐานนั้น มี ๒ ขั้นตอน เรียนทันมั้ยเนี่ย มันคล้ายๆ intensive course แล้ว วันสุดท้ายแล้ว เรียนยากหน่อยนะ สติปัฏฐานเนี่ยนะมี ๒ ขั้นตอนนะ ขั้นตอนที่ ๑ ทำไปเพื่อให้เกิดสติ ขั้นตอนที่ ๒ ทำไปเพื่อให้เกิดปัญญา มี ๒ ส่วนนะ ไม่เหมือนกัน

การทำให้เกิดสติใช้การตามรู้กาย ตามรู้เวทนา ตามรู้จิต ตามรู้สภาวะธรรม ใช้ตามรู้ทั้งหมดเลย เพราะงั้นท่านถึงใช้คำว่า “กายานุปัสสนา” “ปัสสนา”คือ การเห็น การรู้การเห็น จริงๆแปลว่าการเห็น “อนุ” แปลว่าตาม ตามเห็นเนืองๆซึ่งกาย ตามเห็นเนืองๆซึ่งเวทนา ตามเห็นเนืองๆซึ่งจิต ตามเห็นเนืองๆซึ่งธรรม เนี่ยพระพุทธเจ้าใช้คำว่าตามเห็นเนืองๆ แต่ตามเห็นเนี่ย ต้องตามด้วยใจที่ตั้งมั่นนะ ใจที่ตั้งมั่น ไม่ใช่ใจที่ไหลไป ใจที่ตั้งมั่นจะไปได้ตอนฝึกสัมมาสมาธิ นี้ให้มีสัมมาสติ สัมมาสติคอยมีสติ

เบื้องต้นมีสติตามรู้กาย หายใจออกคอยรู้สึก หายใจเข้าคอยรู้สึก ยืนเดินนั่งนอน คู้เหยียด เหลียวซ้ายแลขวา คอยรู้สึก รู้สึกบ่อยๆนะ ต่อไปเนี่ย ไม่เจตนาจะรู้ มันก็รู้เอง พอร่างกายเคลื่อนไหวนะ สติจะระลึกได้เอง เนี่ยเรียกว่าเราฝึกได้สติแล้ว สติเกิดโดยที่ไม่ต้องเจตนาให้เกิด หรือบางคนตามรู้เวทนา คำว่าตามรู้ไม่ใช่ตามไปที่อื่นนะ ตามรู้หมายถึงว่า ร่างกายเคลื่อนไหว แล้วรู้ว่าร่างกายเคลื่อนไหว เวทนาเกิดขึ้นในกาย ก็รู้ว่าเวทนาเกิดในกาย เวทนาเกิดในใจ ก็รู้ว่าเวทนาเกิดในใจ หมายถึงเวทนาเกิดก่อน แล้วรู้ว่ามันเกิด ร่างกายเคลื่อนไหวไปก่อน แล้วรู้ว่าเคลื่อนไหว

เพราะฉะนั้นในการเดินจงกรมแบบนี้ ถูกหรือผิดหลัก? (หลวงพ่อทำให้ดู) เนี่ยแล้วค่อยๆเดินไป อันนี้เป็นการไปจ้องไว้ ไม่ใช่การตามรู้นะ ถ้าตามรู้ ไม่ทันจะระวังตัวเลย เป็นธรรมชาติธรรมดา เคลื่อนไหวไปตามธรรมชาติ หายใจ มันหายใจอยู่แล้วใช่มัั้ย ตอนนี้ทุกคนหายใจอยู่มั้ย มีใครไม่หายใจมาบ้าง ทุกคนหายใจอยู่แล้ว ก็แค่รู้ว่ากำลังหายใจอยู่ รู้ว่าร่างกายกำลังหายใจอยู่ แค่นี้เอง ไม่ใช่เอาแล้วต่อไปนี้จะรู้ลมหายใจแล้ว (หลวงพ่อทำให้ดู) นี่ไม่ใช่แล้วนะ นี่ไม่ใช่การตามรู้แล้

ตามรู้เนี่ย มันมีอยู่แล้ว เรารู้ไม่ทันต่างหาก ก็รู้ให้ทันขึ้นมา หายใจอยู่แล้วใช่มั้ย ยืนเดินนั่งนอนอยู่แล้วใช่มั้ย ขณะนี้ใครไม่ยืนเดินนั่งนอน มีมั้ย ใครไม่อยู่ในอิริยาบทนี้ ไม่มี ตอนนี้กำลังนั่ง นี่มีเดินอยู่หนึ่ง นอกนั้นกำลังนั่ง มันมีอยู่แล้วนะ เราก็แค่รู้เข้าไปเท่านั้น อันนี้แหล่ะเรียกว่าตามรู้ เวทนามันก็มีอยู่แล้ว แต่ไม่เห็น ก็แค่ตามรู้เข้าไป คือรู้มันขึ้นมานะ

กุศลอกุศลในจิตมีอยู่มั้ยขณะนี้ มีมั้ย ความสงบ ความฟุ้งซ่าน ความดีใจ ความเสียใจ ความสุข ความสุขความทุกข์นี่ส่วนเวทนา โลภโกรธหลง ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง ขณะนี้มีใครโลภบ้าง ขณะนี้มีใครไม่โลภบ้าง เนี่ยเหมือนกันหมดเลย non response เห็นมั้ยมันมีอยู่แล้ว จิตที่เป็นกุศลหรืออกุศลเนี่ย มีอยู่แล้วในขณะนี้นะ ตามรู้คืออะไร รู้เข้าไปเลยสิ มันเป็นยังไง ขณะนี้มันเป็นยังไง รู้ว่าเป็นอย่างงั้น อันนี้แหล่ะคือคำว่าตามรู้ ตามรู้เนืองๆ ดูบ่อยๆ รู้บ่อยๆ มันมีอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยเห็น ก็คอยดูมันนะ คอยรู้มัน นี่เรียกว่าตามรู้นะ แต่การรู้เนี่ยจะต้องใจตั้งมั่น ถ้ารู้ตามจิตไหลไปนะ ปัญญาจะไม่เกิด เดี๋ยวจะไปเรียนเรื่องมรรคตัวสุดท้าย คือสมาธิ

งั้นหน้าที่เรานะ ร่างกายเคลื่อนไหว คอยรู้สึก มันเคลื่อนไหวอยู่แล้ว เวทนาเกิดขึ้นในกาย คอยรู้สึก เวทนาในกายมีอยู่แล้ว เวทนาในจิตเกิดขึ้น คอยรู้สึก เวทนาในจิตก็มีอยู่แล้ว แค่คอยรู้สึกขึ้นมา กุศล-อกุศลเกิดขึ้นในจิต ก็แค่คอยรู้ มันมีอยู่แล้ว นี่เรียกว่าตามรู้ทั้งสิ้นเลย เพราะงั้นการตามรู้ไม่ใช่ส่งจิตตามไปที่อื่นนะ รู้อยู่เฉพาะหน้า รู้อยู่กับปัจจุบัน แต่ว่าสภาวะมันมีอยู่แล้ว ก็รู้มัน นี่เรียกว่าตามรู้ ตามรู้เนืองๆ นี่ทำให้เกิดสตินะ

พอรู้บ่อยๆ จิตจะจำสภาวะได้แม่น อย่างเราหัดขยับตัวแล้วรู้สึก ขยับตัวแล้วรู้สึก วันนึงเราใจลอย พอใจลอยปุ๊บ เราเกิดขยับขึ้นมาโดยไม่ได้เจตนาจะรู้สึกนะ มันจะรู้สึกขึ้นเอง สติตัวจริงเกิดแล้ว เกิดโดยไม่เจตนานะ ไม่เจือด้วยโลภะ แล้วค่อยฝึกไปเรื่อยนะ บางคนดูเวทนา ดูบ่อยๆ ต่อไปพอนั่งๆอยู่ มดมากัดเจ็บปั๊บ สติเกิดเลย เห็นเวทนาเกิดขึ้นในกาย กายอยู่ส่วนนึง เวทนาอยู่ส่วนนึง จิตเป็นคนดู นี่เกิดสติขึ้นมา ใจตั้งมั่น รู้สึกขึ้นมา หรือเห็นกุศลอกุศลนะ หัดดูไปเรื่อย กุศลอกุศลใดๆเกิดขึ้นในใจ คอยหัดดูไปเรื่อย ที่หัดดูจิตๆ หัดดูไปอย่างนั้นแหล่ะ ในที่สุดก็ได้สติขึ้นมา รู้สึกขึ้นมา กิเลสเกิดแว้บ รู้สึกเลย อย่าว่าแต่ตอนตื่นเลย ตอนนอนหลับนะ กิเลสเกิดยังรู้สึกเลยอัตโนมัติขึ้นมา

นี่เราฝึกไปจนสติมันอัตโนมัตินะ ถึงจะใช้ได้ ถ้าสติยังต้องจงใจให้คอยเกิดอยู่ ยังอ่อนอยู่ ต้องฝึกไปอีก หัดรู้สภาวะมากๆนะ สติจะเกิด

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่วัดสวนสันติธรรม
เมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
Track: ๑๒
File: 530425A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๔ วินาทีที่ ๖ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 4 of 25« First...23456...1020...Last »