Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รู้ทุกข์จะละสมุทัย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: 530726A_ruu tuk la samutai

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเรารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง มันจะละสมุทัยได้ ละความอยากได้ละได้อัตโนมัติ ละแล้วไม่เกิดอีกเลยนะ เรารู้ความจริงแล้วว่าขันธ์ห้าเป็นทุกข์ กายนี้ใจนี้เป็นตัวทุกข์ ไม่ใช่ตัวดีตัววิเศษ ความอยากจะให้กายให้ใจเป็นสุขจะไม่เกิดขึ้น ความอยากให้กายให้ใจพ้นทุกข์จะไม่เกิดขึ้น เห็นมั๊ยพอรู้ทุกข์แจ่มแจ้งแล้วจะละสมุทัยคือความอยากไม่เกิดขึ้นอีก

การละสมุทัยเพราะการรู้ทุกข์เนี่ยเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่สุดอีกเรื่องหนึ่งนะ ปกติเวลาความอยากใดๆเกิดขึ้นในใจเรามีสติรู้ทัน ความอยากนั้นจะดับไปรู้สึกมั๊ย หัดมาภาวนารู้สึกมั๊ย เวลาเช่นอยากจะจีบสาวนี่ สติรู้ทันปึ๊บ ความอยากก็หายไป เดี๋ยวอาจจะเกิดใหม่อีกแล้วนะ อยากจีบอีก เนี่ยมันดับไม่สนิท มันดับ ดับแล้วก็โผล่ขึ้นมาได้อีกนะ เหมือนตำรวจดับไฟนะแต่ดับแบบประมาท เอาน้ำไปฉีดๆ แล้วก็กลับไป ขับรถหวอกลับไปไม่นานไฟคุขึ้นมาอีกแล้วเพราะเชื้อยังอยู่ แต่ถ้าเราดับไฟด้วยการรู้ทุกข์นะ มันจะดับสนิทจริงๆ มันจะดับสนิท ดับแล้วไม่เกิดขึ้นอีก คือถ้าเมื่อไหร่เรารู้ความจริงว่าขันธ์ห้าเป็นทุกข์ รูปธรรมนามธรรมนี้เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของดีไม่ใช่ของวิเศษเหมือนที่เคยคิดไว้ อันนั้นแหล่ะความอยากจะให้ขันธ์ห้าเป็นสุขจะไม่มีอีกแล้วเพราะรู้ว่ามันไม่มีจริง

ความอยากจะให้ขันธ์ห้าพ้นทุกข์จะไม่มีอีกแล้วเพราะรู้ว่าไม่มีจริง ขันธ์ห้าเป็นตัวทุกข์ยังไงก็พ้นทุกข์ไม่ได้ ขันธ์ห้าไม่ใช่ตัวสุขยังไงก็สุขไปไม่ได้ ความอยากที่ไร้เดียงสาจะไม่มีขึ้นมาอีก ถ้าเมื่อไหร่รู้ทุกข์แจ่มแจ้งจะละสมุทัยเด็ดขาด ละแล้วไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อไรละสมุทัยได้เด็ดขาด เมื่อนั้นนิโรธคือนิพพานจะปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530726A
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๙ ถึง นาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๓๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทุกข์เป็นสิ่งที่หนีไม่ได้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: 520704B_suffering can’t be denied

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้ารู้สภาวะนะ ให้รู้สภาวะตามความเป็นจริง  เป็นจริงของมันก็คือทุกข์นั่นแหละ  รู้ด้วยความเป็นกลาง ถ้าใจเราไม่เป็นกลาง  ใจเรายังรังเกียจทุกข์อยู่ก็ยังไม่พ้นหรอก มันก็จะทุกข์ไปเรื่อย ไปรู้อันนี้ จิตไปเกาะอันนี้ก็ทุกข์ จิตไปเกาะอันนี้ก็ทุกข์ มีแต่ทุกข์ไปหมดเลย วันนึงจิตจะฉลาดขึ้นมา จิตจะเป็นกลาง จิตรู้แล้วว่าความทุกข์เป็นสิ่งที่หนีไม่ได้ ห้ามก็ไม่ได้ หนีก็ไม่ได้ ไปไหนก็ไม่พ้น ไปไหนก็เอาทุกข์ไปด้วย พอจิตมันรู้ตรงนี้นะ มันยอมรับนะ เป็นกลางกับมัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ
วันเสาร์ ที่ ๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
File: 520704B
ระหว่างนาทีที่ ๒๔วินาทีที่ ๓๒ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าจิตไม่ยึดถือจะไม่ทุกข์

mp3 for download: 460331A_mind having panya

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ในเบื้องต้นเนี่ย จะเห็นสภาวะก่อน เห็นว่ามีบางอย่างปรากฎ รู้แค่นั้นแหล่ะ เป็นปัญญาขั้นต้น เค้าเรียกญาตปริญญา รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ความสุขเกิดก็รู้ ทุกข์เกิดก็รู้ ยังไม่เห็นไตรลักษณ์ ตัวที่สองเค้าเรียกตีรณปริญญา คือพอเราเห็นเนืองๆเนี่ย เราจะเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลง เห็นถ้าเห็นอารมณ์ปรมัตถ์ขณะจิตเดียว ไม่เห็นอนิจจังทุกขัง แต่เห็นอนัตตาได้ ไม่ใช่ตัวเรา สภาวะที่ดูง่ายในภาวะที่ดูทีละขณะนะ ถ้าดูเป็นอนัตตาเนี่ยง่าย มันไม่ใช่ตัวเรา มันถูกดู นี้ถ้าเห็นซ้ำๆๆ ไปนี้ในที่สุดจะเกิดปัญญาเห็นไตรลักษณ์ แล้วพอเห็นไตรลักษณ์แล้ว ต่อไปก็เกิดปัญญามากขึ้นไปอีก ก็จะเห็นว่าถ้าเข้าไปยึดก็จะทุกข์ ลำพังทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎ ทั้งสุขทั้งทุกข์ ทั้งดีทั้งชั่ว หยาบละเอียด ภายในภายนอก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎเนี่ย ยังไม่ทุกข์หรอก ตัวมันเองเป็นทุกข์คือทนอยู่ไม่ได้ แต่จิตของเราถ้าไม่เข้าไปยึดถือจะไม่ทุกข์ จะเริ่มเห็นอริยสัจ เห็นว่าถ้าเมื่อไหร่จิตถลำลงไป ทะยานเข้าไป มีตัณหาทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีตัณหาเข้าไปจับอารมณ์ปั๊บ จิตจะเป็นทุกข์ จะหนักๆขึ้นมา แน่นๆขึ้นมา พอมีปัญญาถึงขั้นนี้ มันจะเกิดการตัดขึ้นมา เค้าเรียก ปหานปริญญา เป็นการตัด คือการปล่อยวางนั่นเอง ปล่อยวางความยึดถือลงไป จิตมันทำเอง เรามีหน้าที่คอยระลึกรู้ไป แล้วดูทุกสิ่งที่ปรากฎนั้นน่ะ ไม่ใช่ตัวเรา ดูไปแค่นั้นแหล่ะ ทุกอย่างที่ปรากฎไม่ใช่เราหรอก มันของถูกรู้ทั้งหมดเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒
File: 460331A
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๑๒ ถึง นาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๑๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้ทุกข์ ไม่ใช่ละ

mp3 (for download) : 530726A_see suffering

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้ทุกข์ ไม่ใช่ละ

หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้ทุกข์ ไม่ใช่ละ

หลวงพ่อปราโมทย์: หน้าที่ต่อทุกข์คืออะไร หน้าที่ต่อทุกข์คือการรู้ ตัวนี้ต้องเรียนให้ดีนะ ทุกข์ไม่ได้เอาไว้ละนะ ทุกข์เอาไว้รู้ ตัวนี้เป็นเรื่องที่แปลก เป็นเรื่่องที่อัศจรรย์ เรานึกไม่ถึงเลย ใครๆก็อยากจะละทุกข์ ใครๆก็อยากหนีทุกข์ พระพุทธเจ้ากลับสอนว่าทุกข์เอาไว้รู้ ทุกข์ไม่ได้เอาไว้ละ ทุกข์ไม่ได้เอาไว้หนี งั้นหน้าที่ต่อทุกข์คือการรู้ ทุกข์คืออะไร ทุกข์คือรูปธรรม คือกายคือใจ เพราะฉะนั้นหน้าที่ต่อทุกข์ก็คือการรู้กายรู้ใจ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530726A
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๑๑ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๔๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่มีโมหะ

mp3 (for download) : 460331A_moha

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตที่มีโมหะ

จิตที่มีโมหะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : โลภะโทสะนี่เห็นง่าย มันหยาบ อย่างโมหะนี่ ใจมันซึมลงไปหน่อยๆ ใจไม่กระปรี้กระเปร่าหรือใจฟุ้งไปนะ อยากปฏิบัติ กำหนดนู่น กำหนดนี่ ทำอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่รู้ว่านั่นน่ะฟุ้งซ่าน เพราะว่าการปฏิบัติจริงๆ เราทำแค่ว่าเราระลึกรู้ทุกอย่างที่ปรากฎตามที่มันเป็น พอเราระลึกรู้ทุกอย่างที่ปรากฎตามที่มันเป็นจริงๆแล้ว มันจะเห็นว่าไม่มีตัวตน เห็นไตรลักษณ์เพราะไม่มีตัวตน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒
File: 460331A
ระหว่างนาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๑๐ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่  ๕๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความรู้สึกตัวที่สร้างขึ้นไม่ใช่ของจริง

mp3 for download: 460331A_made-up consciousness

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ความรู้สึกตัวที่สร้างขึ้นไม่ใช่ของจริง

ความรู้สึกตัวที่สร้างขึ้นไม่ใช่ของจริง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความรู้สึกตัวที่สร้างขึ้นไม่ใช่ของจริง แต่อย่างเราเผลออยู่ แล้วเราเกิดสติระลึกขึ้นได้แว้บ โอ้ะเผลออยู่ ในขณะนั้นไม่เผลอแล้ว ในขณะนั้นความรู้สึกตัวตัวจริงก็ปรากฎขึ้นมา ไม่มีน้ำหนัก แต่ความรู้สึกตัวที่เราสร้างขึ้นมายังมีน้ำหนักอยู่ มีหนักๆหน่วงๆ ตื้อๆอยู่หน่อยนึง จะเป็นของปลอม

เพราะฉะนั้นหน้าที่ไม่ใช่ไปทำความรู้สึกตัวขึ้นมา หน้าที่รู้ทัน อะไรแปลกปลอมเข้ามานะ คอยรู้ทันไป รู้ทันอย่างแท้จริงแล้วเนี่ย จิตมันตั้งมั่นขึ้นมา เรารู้ทันจิตที่ไม่ตั้งมั่น รู้ทันจิตที่ไหลไปตามทวารทั้งหก พอเรารู้ทันว่ามันหลงไปแล้วปั๊บ มันตั้งขึ้นมาเลย อัตโนมัติ เพราะฉะนั้นสติทำขึ้นไม่ได้ แต่ปัญญาต้องอาศัยการอบรมอาศัยการเจริญ ปัญญาก็คืออาศัยการที่เรามีสติเนืองๆ เกิดขึ้นเรื่อยๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒
File: 460331A
ระหว่างนาทีที่ ๗ วินาทีที่ ๕๒ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา

Mp3 for download: 530726A_Nirvana

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา

นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตา

หลวงพ่อปราโมทย์ : นิพพานเป็นธรรมะที่มีอยู่แล้วนะ เป็นของที่มีอยู่แล้วไม่ใช่ของที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เหมือนกิเลสตัณหาทั้งหลายนี่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ  นิพพานมีอยู่แล้วแต่เรามองไม่เห็นเพราะใจของเรามีกิเลสตัณหา ใจของเราเร่าร้อน ใจของเราไม่คู่ควรที่จะเห็นนิพพาน ใจเรามีกิเลสมีตัณหา ใจเราชอบดิ้นรนปรุงแต่งนะ ปรุงดีบ้าง ปรุงชั่วบ้าง ปรุงสุขบ้าง ปรุงทุกข์บ้าง ปรุง กลางๆ ไม่ดีไม่ชั่วไม่สุขไม่ทุกข์บ้างนะ ปรุงตลอดเวลา

จิตใจที่ปรุงอยู่ ฟุ้งซ่านอยู่นั้นเป็นจิตใจที่ไม่คู่ควรกับธรรมะนะ ไม่เห็นนิพพานซึ่งเป็นธรรมะที่พ้นกิเลสพ้นตัณหา พ้นความปรุงแต่ง พ้นความดิ้นรน เมื่อไรจิตเราพ้นจากตัณหาได้เพราะว่ารู้ทุกข์แจ่มแจ้ง นิพพานจะปรากฎขึ้นให้เห็นต่อหน้าต่อตา นิพพานอยู่ต่อหน้าต่อตาอยู่แล้วแต่ไม่เคยเห็น ขณะนี้พวกเราทุกคนนะ นิพพานอยู่กับเราต่อหน้าต่อตานี่แหล่ะแต่พวกเราไม่เห็น เพราะใจของเรายังมีตัณหาอยู่นะ ถ้าเมื่อไหร่ตัณหานี้ดับสนิทลงไปนิพพานจะปรากฎขึ้น นิพพานคือสภาวะที่สิ้นตัณหา สิ้นความอยาก นิพพานมีสภาวะยังไง สิ้นตัณหาสิ้นความอยาก นิพพานสงบ นิพพานมีสันติ ที่นี่ชื่อสวนสันติธรรมนะ ถ้าแปลแล้วสันติธรรมคืออะไรคือนิพพานนะ สวนสันติธรรมนะ สันติก็คือนิพพานนั้นมีสันติลักษณะ สงบ สงบจากอะไร สงบจากกิเลส สงบจากตัณหา สงบจากความปรุงแต่ง สงบจากความทุกข์ สงบจากขันธ์นะ เนี่ย มันจะปรากฎขึ้นต่อหน้าต่อตา

เมื่อไรใจพ้นความปรุงแต่งเมื่อนั้นเราจะเห็นธรรมะที่ไม่ปรุงแต่งคือเห็นนิพพาน ทำนองเดียวกับที่พวกเราเป็น วันใหนจิตใจของเราร่าเริงเบิกบานโลกทั้งโลกดูร่าเริงเบิกบาน วันใหนจิตใจของเราหดหู่เศร้าหมองโลกทั้งโลกดูหดหู่เศร้าหมอง ถ้าวันใดใจของเราพ้นความปรุงแต่ง พ้นความอยากนะ มีความอยากมันก็ปรุงแต่งนะ พ้นความอยากมันก็พ้นความปรุงแต่ง เมื่อนั้นเราจะเห็นความไม่ปรุงแต่งเนี่ย ครอบคลุมโลกทั้งโลกอยู่ ความไม่ปรุงแต่งความสงบความสันติครอบคลุมโลกทั้งโลกนี้อยู่นะ นี่คือตัวนิพพานนะ เป็นความสิ้นทุกข์สิ้นกิเลสสิ้นขันธ์นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530726A
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๓๕ ถึง นาทีที่ ๒๑ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตที่รู้สึกตัว

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: 460331A_conscious mind

หลวงพ่อปราโมทย์ : ทันทีที่เรารู้สึกตัว จิตที่รู้สึกตัว จิตที่มีสติ มันเป็นมหากุศลจิต มหากุศลจิตเนี่ยมันมีเวทนาสองอย่างเท่านั้น คืออุเบกขาเป็นกลาง บางวันเวลาเราดู บางวันก็เป็นกลาง บางครั้งพอมีสติปั๊บขึ้นมาก็มีโสมนัสเวทนา มีความสุขขึ้นมาเลย ทางใจ พอเราฝึกมากๆ เราจะรู้จักว่าสุขที่ต้องอิงอาศัยอารมณ์ มันอย่างนึง กระทั่งอารมณ์สมถะที่เราทำ บางวันก็อาศัยได้    บางวันก็อาศัยไม่ได้ กับสุขอีกชนิดนึง เป็นสุขที่ไม่อิงอาศัย ไม่อิงอาศัยอารมณ์ เป็นสุขของความที่เรารู้เนื้อรู้ตัวเป็นตัวของตัวเอง จิตใจมันปลอดโปร่งโล่งเบา แล้วก็มีความเบิกบาน แช่มชื่นใจ โดยที่เราไม่ได้ไปอิงอาศัยอารมณ์อะไร จิตมันวางอารมณ์นะ มันเบิกบานขึ้นมา แต่เราก็ไม่ได้ฝึกเพื่อจะเอาความเบิกบานตัวนี้ เราฝึกเอาความรู้สึกตัว ทันทีที่เรามีสติ รู้สึกตัว มีสัมปชัญญะ รู้สึกตัวขึ้นมา กิเลสมันแทรกไม่ได้ ตัณหามันตามแทรกไม่ได้

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒
File: 460331A
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๔๐ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๐๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

โทสะมีหลายแบบ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: anger 530522

หลวงพ่อปราโมทย์ : โทสะมีหลายแบบ ความโกรธเป็นโทสะ ความกังวลเป็นโทสะ ความกลัวเป็นโทสะ ความตระหนี่เป็นโทสะ ความเศร้าโศกเสียใจคร่ำครวญเป็นโทสะ เพราะงั้นโทสะมีหลายรูปแบบนะ อาฆาตพยาบาทนี่ตระกูลโทสะ อาศัยสตินี่เองรู้ทันใจของเรา โทสะเกิดขึ้นในใจเรารู้ทัน ถ้ารู้ไม่ทันนะ ใจมันจะเกิดความอยากไปตามอำนาจของโทสะอีก

เราคอยรู้ทัน เช่นมันโกรธคนนี้ มันก็อยากตีหัวเขา แค่ความโกรธเกิดขึ้นในใจ ความทุกข์ก็เกิดละ เมื่อไหร่กิเลสเกิดขึ้นที่ใจนะ ความทุกข์มันก็เกิดในใจละ มันเบียดเบียนจิตใจให้เสียสมดุลย์ของความเป็นผู้รู้ผู้ตื่นผู้เบิกบาน โทสะเกิดขึ้นเราคอยรู้ทันไปนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530522
ระหว่างนาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๒๒ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๒๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

การเดินมรรค

Mp3 for download: การเดินมรรค

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

การเดินมรรค

การเดินมรรค

หลวงพ่อปราโมทย์ : ใจลอยไปแล้วรู้ ใจฟุ้งซ่านไปแล้วรู้ ใจฟุ้งไปแล้วรู้ รู้อย่างนี้เรื่อยนะ ใจจะตั้งมั่นขึ้นมา สมาธิชนิดนี้คือความตั้งมั่น คือ พูดภาษาไทยง่ายๆ นะ คือ จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว จิตใจไม่ลืมเนื้อลืมตัว จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วถัดจากนั้นเรามาเดินสติปัฏฐานที่ให้เกิดปัญญา

พอจิตใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว สติระลึกรู้ลงในรูปธรรมนะ จะเห็นรูปธรรมไม่ใช่ตัวเรา สติระลึกรู้ลงในเวทนา จะเห็นว่าเวทนาไม่ใช่ตัวเรา ในขณะที่ใจเราตั้งมั่นอยู่กับเนื้อกับตัว เป็นผู้รู้ผู้ดู จิตเป็นผู้รู้ผู้ดูนี่แหละ เรียกว่ามีสมาธิล่ะ แล้วก็สติเกิดระลึกรู้ เห็นเวทนาทางใจ ก็จะเห็นว่าเวทนาทางใจไม่ใช่เรา สติระลึกรู้เห็นกุศลเห็นอกุศล จะเห็นว่ากุศลและอกุศลไม่ใช่เรา

ทีนี้ตัวผู้รู้เนี่ย มันจะรู้สึกเหมือนกับทรงอยู่ แต่ถ้าทำแค่ขณิกสมาธิเนี่ย ตัวผู้รู้จะไม่อยู่นาน ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้คิด ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้หลงไปเลย ไม่รู้คิดเรื่องอะไร ประเดี๋ยวก็เป็นผู้รู้ ประเดี๋ยวก็เป็นผู้เพ่ง ตัวผู้รู้เองก็เกิดดับ จิตนี้เองเกิดดับ ไม่เที่ยงด้วย ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์เท่าๆกับขันธ์อื่นๆนั่นเอง เนี่ยการเดินปัญญาทำอย่างนี้นะ รู้ลงไปในกาย  มีสติระลึกรู้กายที่กำลังปรากฏอยู่ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว ไม่ลืมเนื้อลืมตัว เนี่ยคือจิตที่มีสมาธิได้มาด้วยการทำฌาณก็ได้นะ ได้มาด้วยการรู้ทันจิตที่ไหลไปๆ แล้วรู้บ่อยๆ เนี่ย มันจะตั้งมั่นขึ้นเอง พวกเราใจไหลไปแล้วรู้ ไหลแล้วรู้เนี่ย ใจมันจะมาอยู่กับเนื้อกับตัว

พอใจอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วมันจะรู้สึกขึ้นมานะว่า ร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหว ใช้คำว่าร่างกายที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่เนี่ย ไม่ใช่ตัวเรา ดูกายเนี่ยจะดูลงปัจจุบันขณะนะ  ดูลงขณะปัจจุบันนี้เลย เนี่ยๆ กำลังเคลื่อนอยู่เนี่ย เรารู้ได้มั้ย รู้ได้ เพราะจิตมันเป็นคนไปรู้กาย แต่ว่าการดูจิตเนี่ยจะไม่ดูลงปัจจุบันขณะ การดูจิตจะดูด้วยลักษณะที่เรียกว่า ดูปัจจุบันสันตติ  ไม่เหมือนกันนะ ปัจจุบันขณะก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏต่อหน้าต่อตานี้เอง ปัจจุบันสันตติคือสิ่งที่เนื่องอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันเป๊ะๆไม่ได้ เพราะจิตนั้นรู้อารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว อย่างร่างกายเคลื่อนไหวเนี่ย จิตดูลงปัจจุบันได้ เพราะจิตมารู้กาย แต่จิตจะไปรู้จิตเนี่ยไม่ได้ จิตจะไปรู้จิตในขณะ ขณะนั้นนะ ในขณะที่เดินปฏิบัติปกติเนี่ยไม่ได้ แต่ในขณะที่เกิดอริยมรรคได้นะ คนละอันกันนะ คนละเรื่อง ที่ท่านว่าจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรคนั้น ท่านพูดถึงอริยมรรคเลย เฮ้อ เหนื่อย เทศน์มันยากมากเลย มัน intensive course

เพราะงั้นดูกายเนี่ยนะ ดูมันลงปัจจุบัน ดูจิตนั้น ดูมันเนื่องกับปัจจุบัน เช่น มันโกรธ พอมันโกรธปุ๊บ สติรู้ว่าโกรธ ในขณะที่จิตมีสติรู้ว่าโกรธเนี่ย ความโกรธนั้นเป็นอดีตไปแล้ว ความรู้ รู้ว่าเมื่อกี้โกรธนั้นเป็นปัจจุบัน ความโลภเกิดขึ้น ความโลภเป็นปัจจุบัน สติรู้ว่าเมื่อกี้โลภ โลภเป็นอดีตละ จิตที่มีสตินี้เป็นปัจจุบัน

จิตที่มีสติมันเกิดตามหลังจิตที่มีกิเลสนะ เพราะงั้นตรงที่มีกิเลสเนี่ย ดูไม่ได้ เพราะในขณะที่กิเลสเกิดเนี่ย สติไม่มี ในขณะที่มีสติน่ะไม่มีกิเลส เพราะงั้นการที่เราเห็นว่าจิตมีกิเลสน่ะ เราเห็นตามหลังทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นการดูจิตนี่นะ จะตาม แต่ตามแบบติดๆนะ เมื่อวานโกรธวันนี้รู้ไม่เรียกว่าปัจจุบันสันตตินะ เพราะว่าห่างไกลมาก นั่นเป็นอดีตสันตติแล้วไม่ใช่ปัจจุบันละ

เพราะงั้นการดูจิตนะ ดูแบบติดๆ เลย โกรธขึ้นมาก่อน รู้ว่าโกรธ นี่เห็นหางความโกรธๆไหวๆ หายแว้บไปต่อหน้าต่อตา นี่ เห็นหางเท่านั้นนะ ไม่เห็นตัวมันหรอก งั้นดูอย่างนี้นะ ดูไปเรื่อย แต่จิตต้องตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู ตัวนี้แหละคือตัวสัมมาสมาธิ จิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดู สติระลึกรู้กายลงเป็นปัจจุบัน สติตามรู้จิตที่ดับไปสดๆร้อนๆ นะ เนี่ยในขณะที่เดินมรรคเขาเดินกันอย่างนี้ ในขณะที่เกิดอริยมรรคเป็นอีกแบบนึง คนละเรื่องกัน อย่าไปปนกัน

พอเราเจริญมากๆนะ จะได้อะไร จะได้ตัวของปัญญา ปัญญา คือสัมมาทิฐิ คือสัมมาสังกัปปะ สัมมาทิฐิคือความเห็นแจ้งในอริยสัจจ์ รู้ว่าตัวตนไม่มีหรอก ตัวตนมีแต่ทุกข์ ขันธ์มีแต่ตัวทุกข์ ขันธ์ไม่ใช่ตัวตน พอมีอย่างนี้นะใจมันก็ดำริออกจากกาม ดำริออกจากพยาบาท ดำริออกจากการเบียดเบียน ก็ตัวเราไม่มีจะมีกามไปทำไม จะพยาบาททำไม จะเบียดเบียนยังไง ใจก็พ้นจากกิเลส พ้นจากทุกข์ พ้นจากทุกสิ่งทุกอย่างไป

เนี่ยวันนี้เทศน์เรื่องมรรคให้ฟังนะ มรรคมีหนึ่งนะ แต่มีองค์แปด แต่ไม่ได้มีแปดมรรคนะ ถ้าแปดมรรคเรียกมักมาก มรรคมีหนึ่งเท่านั้นแต่มีองค์แปด คล้ายๆ แมงมุมมีหนึ่งตัวแต่มีแปดขา หักออกขานึงก็พิการละ ใช้ไม่ได้ อริยมรรคจะไม่เกิดนะ ถ้าขนาดส่วนใดส่วนหนึ่ง

เพราะฉะนั้นส่วนแรกเลยที่ต้องรักษาคือศีล จำไว้นะ ตั้งใจ แล้วพยายามดำรงชีวิตอย่างสุจริต พยายามฝึกจิตฝึกใจไปเรื่อย คอยรู้ทันจิตไป กิเลสเกิดรู้ทัน อย่าให้มันครอบงำ รู้ทันกิเลสได้บ่อยๆ ใจก็มีกุศลมากขึ้นๆ แล้วก็หัดรู้สภาวะของรูปธรรมนามธรรมทั้งหลาย จนกระทั่งสติมันเกิด แล้วก็ฝึกจิตไป จิตไหลไปแล้วรู้ๆ สมาธิก็เกิด ในที่สุดก็มีสมาธิ มีสติรู้รูปรู้นามตามความเป็นจริงด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง จิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางคือจิตมีสมาธิ เมื่อมีสติรู้รูปรู้นามรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลางมากพอ ปัญญาจะเกิด จะเห็นแจ้งว่ารูปธรรมนามธรรมไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่ตัวทุกข์ล้วนๆ ตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ล้วนๆ พอปล่อยวางได้นะ คุณงามความดีทั้งหลายเนี่ยสมบูรณ์แบบหมดเลย ความสุขอันมหาศาลจะเกิดขึ้น

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชแสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๔
File: 530425A
ระหว่างนาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๑๑  ถึง นาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ศัตรูที่แท้จริง

Mp3 for download: ศัตรูที่แท้จริง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ศัตรูที่แท้จริง

ศัตรูที่แท้จริง

หลวงพ่อปราโมทย์ : ศัตรูของเรามีนะ แต่ไม่ใช่คนอื่นหรอก ศัตรูที่ทำให้เราทุกข์ก็คือกิเลสในใจเราเอง มีกิเลสขึ้นเมื่อไหร่ ใจก็ทุกข์แหละ งั้นศัตรูอยู่ตรงนี้เอง อย่าไปเห็นคนอื่นเป็นศัตรูเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
File: 530522
ระหว่างนาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๓๕ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๕๐

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ตัวที่ทำให้เราทุกข์คือความคิดของเราเอง

mp3 for download : Mp3 for download 530522_3 times of suffering

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ตัวที่ทำให้เราทุกข์คือความคิดของเราเอง

ตัวที่ทำให้เราทุกข์คือความคิดของเราเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ : สังเกตดูเถอะ ตัวที่ทำให้เราทุกข์มากนะ คือความคิดของเราเองนี่เอง คิดไปก่อนแล้วก็กังวลนะ ระหว่างเจอปัญหาก็มัวแต่คิดวุ่นวายว่าทำยังไงจะไม่มีปัญหา ทั้งๆที่ปัญหามีแล้ว แทนที่จะคิดแก้ปัญหา คิดลดความรุนแรงของปัญหา ก็กลายเป็นคิดว่าทำยังไงปัญหาจะไม่มี อยากให้มันไม่มี พอปัญหามันต้องมี ก็ทุกข์สิ พอความเสียหายเกิดขึ้นแล้วก็อาลัยอาวรณ์ คร่ำครวญถึงอดีตที่เสียไปแล้วก็ทุกข์อีก เพราะงั้นความทุกข์เกิดได้สามเวลาเลย สามกาล สามกาละ แต่ทั้งหมดเลยมาจากคิดเอานะ

เรามาฝึกใจง่ายๆเลย ทำยังไงเราจะหลุดออกจากโลกของความคิด เรามาอยู่ในโลกของความรู้สึกตัว ถ้าเราอยู่ในโลกของความรู้สึกตัวได้ เราจะไม่กังวลถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง เราจะไม่คร่ำครวญถึงอดีต เราจะมีสติอยู่ในปัจจุบัน พระพุทธเจ้าท่านยกย่องมากนะ บอกว่าอดีตก็ผ่านไปแล้วนะไม่คร่ำครวญถึง อนาคตยังมาไม่ถึง ให้มีสติ มีสติมีปัญญาอยู่กับปัจจุบัน นี่ท่านยกย่องมากเลย

คนที่มีชีวิตอย่างนี้ คนที่ชีวิตแบบนี้จะไม่ทุกข์หรอก งั้นเราพยายามฝึกให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน จิตจะไหลไปคิดเรื่องอดีต รู้ทัน จิตจะกังวลไปถึงอนาคต รู้ทัน รู้ทันจิตอยู่ในปัจจุบันนี้ เรียกว่ามีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องไปรู้ทันอะไรหรอก รู้ทันจิตอยู่กับปัจจุบันนี่แหละ ถ้าเราไม่รู้ทันจิตในปัจจุบันนะ จิตก็จะหลงไปอดีตมั่ง ไปคร่ำครวญถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว หลงไปอนาคต ไปกังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเรามีสติรู้ทันจิตอยู่กับปัจจุบัน ความทุกข์จะเข้ามาไม่ได้ อดีตมันก็ไม่มีนี่ เพราะใจไม่หลงไปคิด อดีตไม่ได้มีจริง เป็นแค่ความคิดล้วนๆเลย อดีตจบไปหมดแล้ว ไม่มีเหลือแล้ว เหลือแต่ความจำ นึกออกมั้ย อดีตเหลือแต่ความจำไม่ได้มีจริงละ เราไปจำแล้วเราก็เจ็บอกเจ็บใจเสียอกเสียใจ เพราะฉะนั้นใจเราหลงไป คิดถึงอดีต จำได้ แล้วคิดถึง ก็ทุกข์ ใจเรากังวล ปรุงแต่งไปถึงอนาคตก็ทุกข์อีก

พยายามมีสติอยู่กับปัจจุบัน รู้ทันใจของเรา ใจไหลไปอดีตก็รู้ ใจไหลไปอนาคตก็รู้ ใจกำลังคิดวุ่นวายอะไร ลืมกายลืมใจอยู่ในปัจจุบัน เราก็คอยรู้สึก เนี่ยรู้อยู่ในปัจจุบันนะ ความทุกข์จะเข้ามาไม่ได้ ถ้าไม่รู้อยู่ในปัจจุบันมันก็จะหลงไปอดีต ไปอนาคต

ความทุกข์สามกาลนะเราแก้ไปได้สองละ ถ้าเรามีสติอยู่กับปัจจุบันนะ ความทุกข์ในอดีตไม่มีละ ความทุกข์ในอนาคตไม่มีละ เหลืออันเดียว อยู่กับปัจจุบันนะ อยู่กับปัจจุบันมันมีจริง ปัจจุบันมีจริง อดีตอนาคตไม่มี อดีตจบไปแล้วไม่มีแล้ว อนาคตยังไม่เกิด แต่ปัจจุบันมีจริง เพราะงั้นความทุกข์ในปัจจุบันมีจริงๆ ไม่ใช่ความทุกข์ที่คิดเลื่อนๆลอยๆ

อะไรที่เป็นความทุกข์ของปัจจุบัน รูปธรรม นามธรรม กายกับใจเราเนี่ย เป็นตัวทุกข์ในปัจจุบันนี่เอง อย่างคนทุกข์ถึงอดีตใช่มั้ย จริงๆ คือทุกข์ในปัจจุบัน ใช่มั้ย คนกังวลถึงอนาคตก็คือกังวลอยู่ในปัจจุบัน งั้นถ้าเราอยู่กับปัจจุบันนะ เรามีสติ รู้จิตรู้ใจตัวเอง มันจะปรุงความทุกข์ขึ้นมารู้ทันมัน ความทุกข์ทางใจจะหายไป เหลือแต่ความทุกข์ทางร่างกาย เพราะงั้นความทุกข์ในปัจจุบันมีจริงๆ คือรูปธรรมนามธรรมมีจริงๆ ไม่ใช่ฝันๆเอา ไม่ใช่คิดๆเอา ไม่ใช่จำๆเอาแต่มันมีอยู่จริง

เวลามีความทุกข์นะ ไม่ได้ให้หนีทุกข์ พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ทุกข์ อะไรเป็นทุกข์ กายนี้เป็นทุกข์ ใจนี้เป็นทุกข์ งั้นเราคอยรู้ลงในกายรู้ลงในใจบ่อยๆนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕

File: 530522
Track:3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๐๕


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความทุกข์ทางใจเกิดจากความอยาก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: 530522_suffe bc of wants

ความทุกข์ทางใจเกิดจากความอยาก

ความทุกข์ทางใจเกิดจากความอยาก

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความทุกข์ทางใจเกิดจากความอยาก มีความอยากขึ้นเมื่อไหร่ มีความทุกข์ขึ้นเมื่อนั้น ให้เราสังเกตใจของเราไป ใจมีความอยากขึ้นมารู้ทัน ใจมีความอยากขึ้นมารู้ทัน ถ้าคอยรู้ความอยากของใจบ่อยๆ เราจะรู้เลยว่าใจอยากในสิ่งที่ไร้สาระนี่เยอะมากเลยวันๆ นึง อยากในสิ่งที่มีสาระไม่มากนะ อยากในสิ่งไร้สาระนี้เยอะ อยากดูหนัง อยากฟังเพลง อยากไปเที่ยว อยากกินโน่นอยากกินนี่ อยากคุยกับคนโน้น อยากไม่เห็นหน้าคนนี้ อะไรอย่างนี้นะ อยากให้อากาศเย็นๆ พอร้อนแล้วก็อยากให้เย็น พอเย็นมากแล้วก็ โอ๊ย เย็นมากไป อยากให้อุ่นๆ อะไรอย่างนี้นะ ฝนตกก็โมโห ว้า มาตกทำไม ลำบาก ฝนไม่ตกเลยก็กลุ้มใจ

ใจนั้นมันเต็มไปด้วยความอยากนะ อยากได้ฝนหรือไม่อยากได้ฝนไรงี้นะ ความอยากเรามีตลอดเวลา พอความอยากเกิดขึ้นนะ ใจจะเครียดละ ความอยากเกิดขึ้นเมื่อไหร่ใจจะเครียดเมื่อนั้น ไปสังเกตนะ ว่าจริงหรือไม่จริง มันกลัวไม่ได้ หรือได้แล้วไม่ได้เหมือนที่อยาก อะไรอย่างนี้นะ ได้มาแล้วกลัวมันหายไป

หรือบางอย่างนะ ตอนยังไม่ได้อยากได้นะ พอได้มาแล้วอยากให้มันหายเร็วๆ ถามดูผู้ชายที่แต่งงาน ลองถามดู แต่เวลาคุยกับเพื่อน เขาจะคุยแบบนี้นะ อยู่ที่บ้านก็คุยอีกอย่างนึง ใครจะไปพูด คนยังไม่แต่งงานอยากแต่ง คนแต่งงานแล้วอยากเลิก อะไรอย่างนี้

เพราะงั้นนะ ความอยากเกิดตลอดเวลาเลย ความอยากเกิดเมื่อไหร่ ใจก็เครียดเมื่อนั้น ทำยังไง ห้ามความอยากไม่ให้เกิดได้มั้ย ห้ามไม่ได้เพราะจิตเป็นอนัตตา แต่ให้เรามีสตินะ ความอยากเกิดขึ้นในจิต เราคอยรู้ทันไว้

อย่างเขาจะตีกันนะ เราโอ๊ยเมื่อไหร่เขาจะกลับบ้านกันไปให้หมดน้า เลิกมายุ่งในกรุงเทพฯ สักที นี่เราอยาก ความอยากเกิดขึ้นก็กลุ้มใจนะ หลวงพ่ออยู่เมืองชลนะ เขาไปตีกันในกรุงเทพ หลวงพ่อไม่กลุ้มเท่าไหร่หรอก แต่สงสารพวกเรา

เมื่อไหร่ความอยากเกิดขึ้น ความทุกข์ก็จะเกิดขึ้น ความอยากจะเกิดเนี่ยห้ามไม่ได้ แต่ถ้าความอยากเกิดขึ้น เรามีสติรู้ทัน จิตจะไม่ถูกความอยากบีบคั้น ความอยากจะบีบคั้นจิตใจไม่ได้ มันจะอยากขึ้นมา พอรู้ทันก็สลายตัวไป หายไป คราวนี้จะเหลือเหตุผลละ ไอ้สิ่งที่อยากนั้นสมควรอยากมั้ย ถ้าสมควรอยากนะ สมควรที่จะต้องทำอย่างนั้น เราก็ทำด้วยเหตุด้วยผล

ยกตัวอย่าง จิตมันอยากกินโน่นอยากกินนี่ พอเรารู้ทันความอยาก ความอยากดับไป เราก็เหลือเหตุผล สมควรกินก็กินนะ ไม่ใช่ว่าทุกครั้งที่อยากแล้วจะต้องไม่กิน ถ้าทุกครั้งอยากแล้วไม่กิน คงไม่ได้กินอะไรเลย เพราะว่าใจมันอยากตลอดเวลา หรืออยากได้เสื้อใหม่ มีเสื้อตัวใหม่อยากได้ พอสติรู้ทันใจที่อยากนะ ความอยากดับไป เหลือเหตุผลละ สมควรจะไปซื้อมั้ย สมควรซื้อก็ซื้อ อะไรอย่างนี้ ไม่สมควรก็ไม่ซื้อ จะเหลือเหตุผล เราดำรงชีวิตด้วยเหตุผลนะ ไม่ใช่ดำรงชีวิตด้วยความอยาก

งั้นง่ายๆนะ มีสติรู้ทันใจตัวเองไป ใจเกิดความอยากขึ้นมารู้ทัน ๆ ความอยากไม่บีบคั้นนะ ไม่จนหรอกนะ ฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่ความอยากน้อยไม่จนนะ มีเงินมากแต่ความอยากมาก จนนะ เท่าไหร่ก็ไม่พอ ไม่เต็มตามความอยากหรอก นี่หัดดูใจนะ ถ้าใจมีความอยากขึ้นมา ใจก็มีความทุกข์ ถ้ารู้ทัน ความอยากหายไป เหลือเหตุผล ดำรงชีวิตด้วยเหตุผลนะ ก็ทุกข์น้อยหน่อย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๓


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๕
ลำดับที่ ๓
File: 530522
ระหว่างนาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๐๐ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

Mp3 for download จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์ : พอยินดีขึ้นมาก็รู้ ยินร้ายขึ้นมาก็รู้ ยินดียินร้ายตามหลังการกระทบทางตาหูจมูกลิ้นกายใจ ใจคิดขึ้นมาก็ยินดียินร้ายได้ ก็รู้ทันความยินดียินร้าย เพราะงั้นเวลาเราดูจิตนะ เราเห็นสภาวะก่อน พอเห็นสภาวะแล้วจิตยินดีก็ให้รู้ทัน จิตยินร้ายก็ให้รู้ทัน รู้อย่างนี้นะ

พอรู้มากๆเข้าปัญญามันจะเริ่มเกิด  มันจะเห็นเลยว่าทุกอย่างชั่วคราว ความสุขที่เกิดขึ้นในใจเราก็ชั่วคราว ความทุกข์ก็ชั่วคราว กุศลอกุศลก็ชั่วคราว พวกเราเริ่มเห็นแล้วใช่มั้ย ทุกอย่างมันมาแล้วก็ไป มาแล้วก็ไป วันนึงจิตยอมรับว่าทุกอย่างชั่วคราว ตัวนี้จะเป็นกลางด้วยปัญญาละ ปัญญารู้ความจริงว่าทุกอย่างมันชั่วคราว สุขก็ชั่วคราวทุกข์ก็ชั่วคราว ดีก็ชั่วคราว ชั่วก็คราว เพราะมันเป็นของชั่วคราวจะเอามันทำไม มันเป็นของชั่วคราวจะเกลียดมันทำไม ใจก็เข้าไปสู่ความเป็นกลาง ไม่รักไม่เกลียด

ความเป็นกลางด้วยปัญญาตัวนี้สำคัญมาก ปัญญาตัวนี้ชื่อสังขารุเบกขาญาณ แปลว่า มีปัญญาเป็นกลางต่อความปรุงแต่งทั้งดีทั้งชั่ว ทั้่งสุขทั้งทุกข์ ความปรุงแต่งทั้งปวง จิตจะเป็นกลางเพราะมีปัญญาเห็นว่าทุกอย่างชั่วคราว ทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์นั่นแหละ ทุกอย่างตกอยู่ใต้ไตรลักษณ์ จิตเลยเป็นกลาง พอจิตเป็นกลางแล้ว คราวนี้ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นนะ จิตจะไม่ปรุงแต่งต่อ อย่างเห็นความโกรธเกิดขึ้น ก็สักว่าเห็นความโกรธ ไม่ต้องหาทางทำให้ความโกรธหาย เพราะไม่ได้เกลียดมัน รู้นี่ว่าความโกรธก็ชั่วคราว เห็นความสุขเกิดขึ้นนะก็ไม่ดิ้นรนเพื่อจะรักษามัน เพราะรู้ว่ามันอยู่ชั่วคราว ตรงที่จิตหมดความดิ้นรนตัวนี้แหละคือประตูแห่งการบรรลุมรรคผล

จิตหมดความดิ้นรน จิตสักว่ารู้ จิตสักว่าเห็นสภาวะอย่างแท้จริง รู้แล้วไม่ได้ทำอะไรต่อ  เพราะจิตเป็นกลางซะแล้ว รู้แล้วไม่ต้องทำอะไร ถ้าจิตไม่เป็นกลางเรียกว่าจิตมีอคติอยู่นะ จะเข้าไปแทรกแซง จิตจะทำงานอีก สร้างภพสร้างชาติปรุงแต่งต่อ

งั้นเราภาวนานะ ถึงจุดนึงจิตจะเป็นกลางด้วยปัญญา เห็นทุกอย่างเป็นไตรลักษณ์นั่นแหละ เห็นทุกอย่างมันเป็นของชั่วคราวนั่นแหละ จิตหมดความดิ้นรน  จิตที่หมดความดิ้นรนนี้แหละคือประตูที่จะก้าวสู่มรรคผลในขณะต่อไป

สักว่ารู้สักว่าเห็นที่เราชอบพูดว่าสักว่ารู้สักว่าเห็น เราไม่มีหรอก จนกว่าปัญญาเราแก่รอบจริงๆนะ  สังขารุเบกขาญาณเกิดแล้วน่ะถึงจะสักว่ารู้สักว่าเห็นได้ ก่อนหน้านี้ไม่เป็นหรอกพูดแต่ปากหรอก ใจไม่เป็น

งั้นเราฝึกไปนะ ฝึกดูสภาวะทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้วก็หายไป เกิดแล้วก็หายไป จนปัญญามันเกิด จิตจะสักว่ารู้ว่าเห็นทุกอย่างละ ไม่ดิ้นรนละ สุขทุกข์ดีชั่วเสมอกันหมดเลย เกิดแล้วดับนี่ เสมอกันหมดด้วยความเป็นไตรลักษณ์ ถัดจากนั้นอริยมรรคจะเกิดขึ้น กระบวนการแห่งอริยมรรค…จิตจะรวมเข้าอัปปนาสมาธินะ ก็ไม่จำเป็นต้องเรียนน่ะ เดี๋ยวมันเป็นเองนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ ที่ ๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑๙
File: 520829A
ระหว่างนาทีที่ ๒๗ วินาทีที่ ๓๖ ถึง นาทีที่ ๓๐ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

Mp3 for download: 520808B klangduaipanya

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

จิตเป็นกลางด้วยปัญญา

หลวงพ่อปราโมทย์: เวลาที่เรามีสติตามดูไปเรื่อยนะ เห็นสภาวะทั้งหลายเกิดดับไปเรื่อย เห็นจิตเป็นกลางบ้าง ไม่เป็นกลางบ้าง ยินดีบ้าง ยินดีร้ายบ้างนะ ทั้งเป็นกลางทั้งยินดี ทั้งยินร้าย ก็มีแต่เกิดดับอีก ในที่สุดปัญญามันเกิด จะเห็นว่าทุกสิ่งเกิดแล้วดับ พอปัญญาเกิด เห็นว่าทุกสิ่งเกิดแล้วดับเนี่ย จิตจะเป็นกลางด้วยปัญญา ความทุกข์มาก็ไม่ทุรนทุรายเพราะรู้ว่าไม่นานก็ดับ ความสุขมาก็ไม่ติดใจรักใคร่พัวพัน เพราะรู้ว่าอยู่ไม่นานก็ดับ เนี่ยอย่างนี้ เป็นกลางอย่างนี้ใช้ได้เลย

พวกเราที่ภาวนานะ วันนึงเราจะต้องมาสู่จุดนี้ให้ได้ คือความเป็นกลางด้วยปัญญา เพราะถัดจากการเป็นกลางด้วยปัญญาแล้วเนี่ย ถัดนั้นขึ้นไปนะ อริยมรรคจะเกิดละ

จุดสุดท้ายที่พวกเราจะภาวนาได้นะ ก็คือ ภาวนาจนกระทั่งจิตเป็นกลางด้วยปัญญา เป็นกลางต่อทุกสิ่งทุกอย่างเลย ความสุขความทุกข์ กุศลอกุศล เกิดแล้วดับๆ ดูไปวันนึงจิตมีปัญญาเห็นว่าทุกอย่างเกิดแล้วดับ จิตจะเป็นกลาง จิตเป็นกลางตัวนี้เรียกว่าจิตมีสังขารุเบกขาญาณ ญาณแปลว่าปัญญา สังขารุเบกขา ก็คือ มีอุเบกขาต่อความปรุงแต่งทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งสุขทั้งทุกข์

จิตที่เดินมาถึงสังขารุเบกขาญาณเนี่ยจะมีรอยแยกสองทาง มีทางแยก ทางที่หนึ่งนะ พวกเห็นภัยในสังสารวัฏ พวกนี้จะพลิกไปสู่การเกิดมรรคผล พวกที่สองนะ เกิดความกรุณาสงสารสัตว์โลก จิตจะพลิกไปสู่ความเป็นพระโพธิสัตว์ มีพลิกไปได้สองทาง แล้วพวกที่เป็นโพธิสัตว์ ที่เข้ามาถึงตรงนี้ได้นะ ถ้าไปเจอพระพุทธเจ้าเนี่ย อาจจะได้รับพยากรณ์ว่าอีก 16 อสงไขยแสนมหากัปป์จะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง อีกนาน โลกแตกหลายรอบ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ ที่ ๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๑
Track: ๑๒ 520808B
ระหว่างนาทีที่ ๑๕ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๑๗ วินาทีที่ ๑๙

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ใจดิ้นเพราะรักสุขเกลียดทุกข์

Mp3 for download: 460331B_1 over the other

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ใจดิ้นเพราะรักสุขเกลียดทุกข์

ใจดิ้นเพราะรักสุขเกลียดทุกข์

หลวงพ่อปราโมทย์: เราก็จะเอาด้านนึงไม่เอาด้านนึง เพราะว่าเราคิดว่าถ้าได้สิ่งนี้มาแล้วจะมีความสุข ถ้าไม่มีอย่างนึง ถ้าไปเจออีกอย่างนึงแล้วจะเป็นทุกข์ อย่างเนี้ย จิตใต้สำนึกก็คือความรักสุข เกลียดทุกข์นี่แหละ ก็พาให้ดิ้นไปเรื่อยๆ ทั้งในทางโลกในทางธรรมแหละ

เพราะฉะนั้นอุตส่าห์เรียนแทบตาย ไปทำมาหากินก็หวังว่าจะมีความสุข คนไปอยู่มีครอบครัวก็หวังว่าจะมีความสุข มีครอบครัวแล้วต้องมีลูกถึงจะมีความสุข หวังไปเรื่อยๆ มีทุกข์ไปเรื่อยๆ

นักปฏิบัติก็เหมือนกันแหละ ปฎิบัติไปแล้วชอบความสงบ ชอบความสุข วันไหนสงบก็ชอบ ดีใจว่าปฏิบัติดี ไม่สงบก็ไม่ชอบ กลุ้มใจ

ที่จริงแล้วธรรมะที่เป็นคู่ๆ เขาแสดงความจริงตลอดเลย แสดงว่าบังคับไม่ได้หรอกไม่เที่ยง มันทนไม่ได้ มีความสุขแล้วก็ไม่มี ไปแช่อยู่ในความสุขทั้งวันนั้นมันไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราปฏิบัติเนี่ยไม่ใช่เพื่อเอาด้านนึงไม่เอาอีกด้านนึง แต่ปฏิบัติจนกระทั่งเห็นว่าทั้งสองด้านนั้นน่ะ ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นอนัตตา จิตใจปล่อยสองฝั่ง ปล่อยทั้งสองฝั่งเข้าไปสู่ความเป็นกลาง เป็นกลางต่อต่อสังขาร ฝึกไปจนใจเป็นกลางต่อสังขารเพราะปัญญา ไม่ใช่กลางด้วยการเพ่ง เป็นกลางด้วยปัญญาเรียกว่าสังขารุเบกขาญาณ เป็นวิปัสสนาญาณตัวท้ายๆ ละ ถัดจากนั้นจิตดำเนินเองละ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณ หนองตากยา ท่าม่วง กาญจนบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันจันทร์ที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔๖ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๕๙ ถึง นาทีที่ ๔ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติ

Mp3 for download: ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติ

ปฏิบัติกับไม่ปฏิบัติ

หลวงพ่อปราโมทย์: ในชีวิตของเรา พอถึงเวลาปฏิบัติก็ทำใจให้นิ่งๆ แข็งๆ ทื่อๆ ไว้หน่อย เวลาไม่ปฏิบัติก็ปล่อยให้มันนิ่งไปเลย หลงไปเลย มีการปฏิบัติกับมีการไม่ปฏิบัติ ส่วนการเจริญสตินั้นไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่มีว่าตอนนี้จะเจริญสติ ตอนนี้จะไม่เจริญสติ มีแต่ว่ารู้หรือไม่รู้เท่านั้น ถ้ารู้ก็คือว่าปฏิบัติแล้ว เจริญสติแล้ว ขณะจิตนี้เผลอไป ขณะจิตนี้ไม่ได้ปฏิบัติ ไม่ใช่ว่าชั่วโมงนี้ปฏิบัติ ชั่วโมงหน้าเลิกละ ไม่ใช่เป็นอย่างนั้นหรอก ขณะใดมีสติ ขณะนั้นมีการปฏิบัติ มีความเพียร ขณะใดขาดสติ ขณะนั้นขาดความเพียร ของเราพอเลิกคิดถึงการปฏิบัติเนี่ย เราขาดสติละ เรารู้ไม่ทันการปรับจิตของเราเองให้มันนิ่งๆ ทื่อๆ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณ อรัญวาสี
หนองตากยา ท่าม่วง กาญจนบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๑๑ วินาทีที่ ๒๙ ถึง นาทีที่ ๑๒ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูก

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

Mp3 for download: ปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูก

ปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูก

ปฏิบัติอย่างไรจึงจะถูก

หลวงพ่อปราโมทย์ : เราอยากให้จิตของเรานี้มันดี อยากจะดีอ่ะ อยากได้ธรรมะ พอมันอยากได้ธรรมะแทนที่เราจะรู้ว่ากำลังอยากอยู่นะ เราก็ลงมือลุยเลยคราวนี้ ทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ เดินจงกรมนั่งสมาธิ กำหนดอย่างนั้นกำหนดอย่างนี้ นี้เราทำด้วยความอยาก อยากให้จิตของเราดี ฝึกไปเรื่อยๆแล้วได้อะไร ได้เป็นคนดี ได้ไปสวรรค์ได้ไปพรหมโลก นิพพานไม่ได้ ยังทำอยู่

งั้นแมวจะสงสัยมากเลยว่า เอ๊…ปฏิบัติ มาทีไรนะทำไมหลวงพี่บอกว่าไม่ถูกสักทีเลย มันไม่ถูกตรงที่ทำขึ้นมา ถ้ารู้เอาเฉยๆ รู้ไปเรื่อยๆ นะ หลักการเจริญสติจริงๆนิดเดียวเอง คือ มีสติระลึกรู้สภาพธรรมะ ธรรมะในกายกับใจเรานี่ รู้ไปจริงๆว่าขณะนี้ัมันเป็นยังไง ไม่ใช่ไปดัดแปลงมัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๔๐ ถึง นาทีที่ ๑๐ วินาทีที่ ๓๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สภาวะมีสองอย่าง

Mp3 for download: two sapawa

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สภาวะมีสองอย่าง

สภาวะมีสองอย่าง

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าเราฝึกจิตใจของเราถึงช่วงนึง เราจะพบว่ามันเกิดสภาวะสองอย่างเท่านั้นเอง สภาวะที่ขณะนี้รู้ตัว หรือว่าขณะนี้เผลอไปแล้ว

พอเผลอไปก็จะไปปรุงแต่งอะไรเยอะแยะ เช่น เผลอไปเรื่องโลกๆ คิดเรื่องโลกๆ ใหญ่เลย นี่เผลอไปจริงๆ เผลอไปนั่งคิดๆ รู้เรื่องที่คิดแต่ไม่รู้ตัวเอง ก็เผลอเหมือนกัน

เผลอไปนั่งเพ่ง ไปจับอารมณ์ขึ้นมาอันนึงแล้วก็เพ่งนิ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียว ก็ยังเผลอ ยังหลงอยู่อีก หรือน้อมใจเข้าหาความสงบ น้อมไปเรื่่อย น้อมจนซึม ซึมเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ส่วนใหญ่จะคิดว่าดี ไม่ดีหรอก มันขาดสติ เพราะฉะนั้นการที่น้อมใจ ปรุงแต่งใจนั้นทำได้หลายรูปแบบ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
File: 451117A
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๑๕ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ขาดสติคือขาดความเพียร

Mp3 for download: 451117A_no sati no pawana

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ขาดสติ คือขาดความเพียร

ขาดสติ คือขาดความเพียร

หลวงพ่อปราโมทย์: หลวงปู่มั่นท่านบอกว่ามีสติคือมีความเพียร ขาดสติคือขาดความเพียร เพราะฉะนั้นอย่างเราไปเดินจงกรมทั้งวันทั้งคืน ถ้าเราเดินแบบไม่มีสติก็คือไม่ได้ทำความเพียรอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนโพธิญาณ หนองตากยา ท่าม่วง กาญจนบุรี
เมื่อ วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑

File: 451117A
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๑๕ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 512345