Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

Dhammada News: “พระปราโมทย์”แจงยิบ หลัง “ฐิตินาถ” อ้างดีเอสไอพบบัญชีลับ 40 ล้านบาท

อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000145828&#Opinion

“สวนสันติธรรม” ออกแถลงแจงยิบ หลัง “ฐิตินาถ” ออก “เจาะใจ” อ้างดีเอสไอพบบัญชีธนาคารส่วนตัวพระปราโมทย์และอดีตภรรยาอีก 15 บัญชี มีเงินหมุนเวียนราว 30 ล้านบาท พร้อมพันธบัตรกว่า 10 ล้านบาท ยันสวนสันติธรรมมอบข้อมูลให้เจ้าพนักงานเองไม่ใช่ถูกตรวจพบ เผยมีเพียง 4 บัญชี พร้อมย้ำมีระบบแยกชัดเจนเงินส่วนของ“พระ”หรือของ“วัด” ไม่ได้มั่วยักยอกเงินวัด อีกทั้งยังมีเงินเก็บส่วนตัวตั้งแต่เมื่อเป็นฆราวาส ก่อนพระปราโมทย์บวชทำงานมีเงินเดือนสูงระดับอธิบดี เผยเตรียมจดทะเบียนอย่าอดีตภรรยา ลดข้อกังขา

ภายหลัง น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง ไฮไซนักเขียนชื่อดัง ไปออกรายการทีวี “เจาะใจ” อีกทั้งให้สัมภาษณ์ตอนไปอัดเทปรายงานเมื่อวันอังคาร(12)ที่ผ่านมาว่า ได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ทราบว่ามีการตรวจพบบัญชีธนาคารอีก 15 บัญชี เป็นชื่อของนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยาของพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี โดยมีเงินหมุนเวียนราว 30 ล้านบาท พร้อมพันธบัตรมูลค่าอีกกว่า 10 ล้านบาท

สวนสันติธรรมได้ออกประกาศลงวันที่ 15 ต.ค. ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงคือมีผู้ร้องเรียนต่อดีเอสไอรวม 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมและการถือครองที่ดิน แต่ไม่มีเรื่องบัญชีส่วนตัว ทางสวนฯก็ได้ส่งมอบเอกสารหลักฐานให้ทั้งหมด ต่อมาเมื่อมีการร้องเรียนในเรื่องบัญชีส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน สวนสันติธรรมก็ให้ความร่วมมือส่งมอบข้อมูลแก่เจ้าพนักงานไปด้วยความยินดี ไม่ใช่เรื่องดีเอสไอมาตรวจพบบัญชีที่ปกปิดไว้แต่อย่างใด

สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่าพระปราโมทย์ ยักยอกปัจจัยบูชาธรรมจากสวนสันติธรรมนั้น ประกาศชี้แจงระบุว่า พระปราโมทย์ได้เคยกล่าวต่ออดีตกรรมการสวนฯและสาธุชนที่เข้าไปฟังธรรมอยู่เสมอว่า มีปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นส่วนตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปใช้เพื่อทำประโยชน์ทางศาสนาในอนาคต โดยในขณะที่ยังไม่มีแนวความคิดที่จะตั้งสวนสันติธรรมเป็นวัดนั้น ได้คิดที่นำมาใช้สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม หรือใช้สร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ในสวนสันติธรรม ครั้นเมื่อมีแนวความคิดจะตั้งวัดแล้วตั้งแต่มกราคม 2553 ก็คิดจะนำมาใช้สร้างอุโบสถและเจดีย์ แต่แล้วกลับมีการบิดเบือนว่า พระปราโมทย์เก็บปัจจัยไว้เพื่อจะลาสิกขาออกไปครองเรือนในอนาคต

ประกาศชี้แจงของสวนสันติธรรม ยังปฏิเสธเรื่องมีบัญชีส่วนตัว 15 บัญชี โดยบอกว่ามีเพียง 4 บัญชี เป็นชื่อของนางอรนุช 3 บัญชี และชื่อของพระปราโมทย์ 1 บัญชี โดยบัญชีแรก จำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท เก็บไว้ใช้เป็นเงินรายจ่ายฉุกเฉินของพระปราโมทย์ หรือสวนสันติธรรม แต่หากยังไม่มีการใช้จ่ายในช่วงนั้น ก็จะตัดเงินไปเข้าเงินฝากประจำ บัญชีที่ 2 ประมาณ 3.6 แสนบาท ใช้ชื่อพระปราโมทย์ เพื่อรับเงินบริจาคในรูปของเช็คขีดคร่อม ซึ่งสั่งจ่ายในนามของพระปราโมทย์ โดยตรง บัญชีที่ 3 เป็นเงินฝากประจำ 3 เดือน ประมาณ 5.5 ล้านบาท และบัญชีฝากประจำ 12 เดือน ประมาณ 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีสลากออมสินจำนวน 9 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 17 ล้านบาท เพื่อกระจายความเสี่ยงของเงินฝากที่ต้องดูแลรักษาเพื่อใช้ทำประโยชน์เของพระศาสนาในอนาคต ทั้งนี้สวนสันติธรรมยืนยันว่า ปัจจัยทั้งของสวนฯและของพระปราโมทย์ มีที่มาและแยกกันชัดเจนระหว่างเงินบริจาคของสวนฯและของพระปราโมทย์ แต่กรณีนี้ก็มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ว่าเงินดังกล่าวเป็นของวัดไม่ใช่เป็นของพระ

ในประกาศชี้แจงระบุด้วยว่า นอกจากปัจจัยของพระปราโมทย์แล้ว นางอรนุชยังมีเงินเก็บส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง เพราะสมัยที่ยังเป็นฆราวาส ทั้งนายปราโมทย์และนางอรนุช สันตยากร ต่างก็ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระดับบริหารขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เฉพาะนายปราโมทย์เองก็มีรายได้ในระดับอธิบดีของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ไม่ได้อดอยากยากแค้นดังที่มีผู้พยายามกล่าวหา

ขณะเดียวกัน ประกาศชี้แจงเผยว่า ทรัพย์สินทั้งหมดของสวนสันติธรรมยังมีที่ดินเนื้อที่ 20 ไร่เศษอีกแปลงหนึ่งที่หน้าสวนสันติธรรม ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดชลบุรีไว้แล้วว่า เมื่อได้รับอนุมัติการตั้งวัด นางอรนุชก็จะยกที่ดินดังกล่าวให้วัดด้วย แต่ที่ยังไม่ได้ทำสัญญายกที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายอำเภอศรีราชา พร้อมที่ดินแปลงหลักของสวนฯ เนื่องจากเป็นที่ดินซึ่งมีชื่อร่วมของหลายเจ้าของ หนึ่งในจำนวนนั้นคือ น.ส.ฐิตินาถ และยังไม่สามารถแบ่งแยกเอกสารสิทธิ์ได้

นอกจากนั้น ประกาศชี้แจงบอกว่า พระปราโมทย์ยังเตรียมดำเนินการจดทะเบียนหย่ากับนางอรนุช เพื่อลดความกังขาและนำไปเป็นประเด็นบิดเบือน ถึงแม้ในทางพระธรรมวินัยและทางกฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าฝ่ายชายจะต้องหย่าขาดจากภรรยาก่อนบวช และพระภิกษุจำนวนมากที่มีครอบครัวก่อนอุปสมบท ก็ไม่ได้หย่าขาดตามกฎหมายจากภรรยาเช่นกัน แต่เป็นการหย่าขาดตามจารีตประเพณี

ประกาศชี้แจงกล่าวในตอนท้ายว่า ตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา พระปราโมทย์ถูกใส่ร้ายโจมตีตลอดเวลา ด้วยเรื่องที่ขาดเหตุผลทั้งด้านข้อเท็จจริง พระธรรมวินัย และกฎหมาย และเรื่องใดที่ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาแล้ว ก็จะพบว่าเป็นการสร้างเรื่องใส่ร้ายทั้งสิ้น การที่พระปราโมทย์สงบนิ่ง ทั้งที่มีนักกฎหมายแนะนำว่าสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ และทนรับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากสังคมมาโดยตลอดนั้น ไม่ใช่เพราะไม่สามารถอธิบายความจริงได้ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการสร้างความร้าวฉานในวงการของชาวพุทธ และไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่อาจสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่น แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวโจมตีพระปราโมทย์อย่างรุนแรงเพียงใดก็ตาม สิ่งที่พระปราโมทย์กระทำให้กับบุคคลเหล่านี้ ก็คือการให้อโหสิกรรมกับทุกคนเท่านั้น

***ข่าวที่เกี่ยวข้อง***

1. ประกาศสวนสันติธรรมเรื่องบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : สวนสันติธรรมโต้ข่าวบัญชีเงินลับ (วีดีโอเวอร์ชั่น)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ประกาศสวนสันติธรรม : เรื่องบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช

ประกาศสวนสันติธรรม
เรื่องบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร
วันที่ 15 ตุลาคม 2553

ตามที่มีสื่อมวลชนบางสำนักเสนอข่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจพบบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร เพิ่มเติมอีก 15 บัญชีซึ่งเป็นบัญชีที่มีการปกปิดไว้และไม่ได้มีการชี้แจงก่อนหน้านั้น
สวนสันติธรรมขอให้ข้อเท็จจริงดังนี้

1.  การร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษมีขึ้น 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเป็นเรื่องบัญชีของสวนสันติธรรมและการถือครองที่ดิน (ไม่มีการร้องเรียนเรื่องบัญชีส่วนตัว) สวนสันติธรรมได้ส่งมอบบัญชีของสวนสันติธรรมทั้งหมดต่อเจ้าพนักงาน และการที่ทนายความซึ่งเป็นผู้แทนของสวนสันติธรรมได้ยืนยันว่า ได้แสดงบัญชีเงินฝากทั้งหมดของสวนสันติธรรมต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว เป็นการกล่าวที่ตรงต่อข้อเท็จจริง เพราะได้แสดงบัญชีทั้งหมดของสวนสันติธรรมแล้วจริง ต่อมาภายหลังจึงมีการร้องเรียนเพิ่มเติมในเรื่องบัญชีส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องต่างกรรมต่างวาระกัน และสวนสันติธรรมก็ให้ความร่วมมือในการส่งมอบข้อมูลให้กับเจ้าพนักงานด้วยความยินดี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2553 และไม่ใช่เรื่องที่กรมสอบสวนคดีพิเศษมาตรวจพบบัญชีที่ปกปิดอยู่แต่อย่างใด

2.  สวนสันติธรรมไม่เคยปกปิดเรื่องที่มีบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร และได้แสดงความพร้อมที่จะเปิดเผยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้เสมอ ตามประกาศสวนสันติธรรม เรื่องการกล่าวหาว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ยักยอกปัจจัยบูชาธรรมจากบัญชีของสวนสันติธรรม ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2553 และก่อนหน้านั้นหลวงพ่อปราโมทย์ก็เคยกล่าวต่ออดีตกรรมการสวนสันติธรรมและสาธุชนที่เข้าไปฟังธรรมอยู่เสมอว่า หลวงพ่อมีปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมในอนาคต หรือเพื่อใช้สร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ในสวนสันติธรรม (ในขณะนั้นยังไม่มีแนวความคิดที่จะตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด) และเพื่อสร้างอุโบสถและเจดีย์ (เมื่อมีแนวความคิดที่จะตั้งวัดแล้วตั้งแต่มกราคม 2553) เรื่องที่หลวงพ่อปราโมทย์มีปัจจัยส่วนตัวเก็บไว้นี้ กระทั่งอดีตกรรมการที่ลาออกไปก็ทราบเรื่อง (ต่อมามีการบิดเบือนประเด็นเป็นเรื่องที่ว่า หลวงพ่อปราโมทย์เก็บปัจจัยไว้เพื่อจะลาสิกขาออกไปครองเรือนในอนาคต)

3.  การออกข่าวว่าหลวงพ่อปราโมทย์มีบัญชีลับถึง 15 บัญชีนั้น เป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง และกลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาใช้กล่าวหาทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อปราโมทย์ เช่นเดียวกับการกล่าวหาในกรณีอื่นๆ นั่นเอง แท้จริงบัญชีปัจจัยของหลวงพ่อปราโมทย์ มีเพียง 4 บัญชี (เป็นชื่อของอุบาสิกาอรนุช 3 บัญชี และชื่อของหลวงพ่อปราโมทย์ 1 บัญชี) คือ
3.1 บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 172-2-15196-6 จำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท บัญชีนี้เป็นบัญชีที่ใช้เก็บปัจจัยเพื่อใช้เป็นเงินรายจ่ายฉุกเฉินของหลวงพ่อปราโมทย์ หรือของสวนสันติธรรม (หากจะมีขึ้น) แต่หากยังไม่มีการใช้จ่ายในช่วงนั้น ก็จะมีการตัดเงินฝากจากบัญชีนี้เข้าบัญชีเงินฝากประจำต่อไป
3.2 บัญชีออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 172-2-28565-2 ในชื่อของหลวงพ่อปราโมทย์เอง จำนวนเงินประมาณ 3.6 แสนบาท ทั้งนี้จำเป็นต้องใช้ชื่อหลวงพ่อปราโมทย์ เพื่อรับเงินบริจาคในรูปของเช็คขีดคร่อม ซึ่งสั่งจ่ายในนามของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโชโดยตรง
3.3  บัญชีฝากประจำ 3 เดือน ธนาคารกสิกรไทย สาขาศรีราชา มีบัญชีเดียวแต่มียอดฝาก 2 ครั้ง จึงมี 2 หมายเลข ได้แก่ 172-3-008866-2/12 และ 172-3-008866-2/14 จำนวนเงินรวมกันประมาณ 5.5 ล้านบาท
3.4  บัญชีฝากประจำ 12 เดือน ธนาคารออมสิน สาขาศรีราชา หมายเลขบัญชี 03-2102-34-006947-4 จำนวนเงินประมาณ 2 แสนบาท

4.  นอกเหนือจากบัญชีเงินฝากเหล่านี้แล้ว ยังมีสลากออมสินจำนวน 9 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 17 ล้านบาท เหตุที่มีการซื้อสลากออมสินและพันธบัตรรัฐบาล ก็เพื่อกระจายความเสี่ยงของเงินฝาก ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ถือว่าเป็นเงินที่ต้องดูแลรักษา เพื่อใช้ทำประโยชน์ของพระศาสนาในอนาคตให้สมค่าที่สาธุชนทั้งหลายได้ถวายมา ปัจจัยเหล่านี้หลวงพ่อปราโมทย์จะนำไปใช้ส่วนตัวก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วท่านนำไปใช้น้อยมาก เพราะหลวงพ่อปราโมทย์ท่านดำรงชีวิตด้วยความเรียบง่ายมาโดยตลอด

5. ปัจจัยทั้งของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์มีที่มา และแยกกันชัดเจนระหว่างเงินบริจาคของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ ทั้งนี้เงินบริจาคทั้งหมดที่อยู่ในบัญชีเงินฝาก สลากออมสิน และพันธบัตรรัฐบาลนั้น เป็นเงินบริจาคที่มีการถวายหลวงพ่อปราโมทย์โดยตรง ซึ่งมีที่มา 3 ช่องทางดังนี้
5.1 จากตู้รับบริจาค ถวายหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ซึ่งตู้แยกกันชัดเจนจากตู้รับบริจาคของสวนสันติธรรม
5.2 จากปัจจัยถวายกัณฑ์เทศน์หลวงพ่อปราโมทย์ เมื่อไปแสดงธรรมในสถานที่ต่าง ๆ
5.3 จากผู้มีจิตศรัทธาที่ถวายหลวงพ่อปราโมทย์โดยตรง
(กรณีนี้ก็มีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ว่าเงินดังกล่าวเป็นของวัด ไม่ใช่ของพระภิกษุ เพื่อหาเรื่องกล่าวร้ายต่อหลวงพ่อปราโมทย์อีกเช่นกัน)

6. ยอดเงินของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ แม้จะดูว่ามีมากในความรู้สึกของบุคคลทั่วไป แต่ในความเป็นจริงแล้วยังจัดว่าไม่มาก เมื่อพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้
6.1 โครงการใช้จ่ายที่มีอยู่ เช่น การขยายพื้นที่ การเพิ่มเสนาสนะ การสร้างอุโบสถ การสร้างเจดีย์ และพิพิธภัณฑ์ นอกจากนี้ในระยะยาว หลวงพ่อปราโมทย์ยังมีโครงการที่จะปลูกป่ารอบๆ สวนสันติธรรม และการช่วยเหลือโรงพยาบาลของรัฐบางแห่ง แต่เรื่องเหล่านี้ยังไม่สามารถประกาศออกมาได้ เพราะมีทุนจำกัดอย่างยิ่ง เนื่องจากหลวงพ่อปราโมทย์ไม่เคยเรี่ยไร หรือเรียกรับเงินที่มีผู้ปวารณาจะให้แล้วก็ตาม ประกอบกับสานุศิษย์ส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางหรือมนุษย์เงินเดือน ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์มีความเห็นอกเห็นใจในการครองชีพ ไม่ต้องการให้ต้องรับภาระโครงการต่างๆ ของสวนสันติธรรมและของหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านจึงพยายามอดออมและเก็บปัจจัยไว้เพื่อการทำงานในอนาคต
6.2 หากเทียบกับวัดทั่วไปที่มีกิจกรรมทางสังคมมากๆ แล้ว ปัจจัยที่สวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์มีอยู่ ยังจัดว่ามีจำนวนน้อยกว่ามาก แต่สวนสันติธรรมและหลวงพ่อปราโมทย์ ก็ไม่ได้ดิ้นรนที่จะแสวงหาปัจจัยเพิ่มเติม นอกเหนือจากที่ได้โดยชอบธรรมเท่านั้น

7. นอกเหนือจากปัจจัยของหลวงพ่อปราโมทย์แล้ว อุบาสิกาอรนุชยังมีเงินเก็บส่วนตัวอีกจำนวนหนึ่ง เพราะในสมัยที่ยังเป็นฆราวาส ทั้งนายปราโมทย์และนางอรนุช สันตยากร ต่างก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับบริหารขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย เฉพาะนายปราโมทย์เองก็มีรายได้ในระดับอธิบดีของกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ไม่ได้อดอยากยากแค้นดังที่มีผู้พยายามกล่าวหาแต่อย่างใด แม้แต่ญาติธรรมที่เข้าไปศึกษาธรรมะด้วย ยังได้รับการเลี้ยงอาหารด้วยเสมอๆ และการออกบวชก็กระทำด้วยความศรัทธา ไม่ใช่ออกบวชเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพดังที่ถูกกล่าวหา อนึ่งนอกจากเงินส่วนตัวเดิมแล้ว ยังได้ขายที่ดินและทรัพย์สินที่มีอยู่ (บางส่วนก็ยกให้ญาติมิตร) อุบาสิกาอรนุชจึงมีเงินพอที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ นอกจากนี้ในแต่ละวันยังได้รับเงินและสิ่งของบริจาคจากญาติโยมทั้งหลายเนืองๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็นำไปทำบุญต่อไปอีก ทั้งนี้ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีของอุบาสิกาอรนุช ก็ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้วเช่นกัน

8. สวนสันติธรรมขอแจ้งให้ทราบเพิ่มเติมอีก 2 เรื่องคือ
8.1 ทรัพย์สินทั้งหมดของสวนสันติธรรมยังมีที่ดินอีกแปลงหนึ่งหน้าสวนสันติธรรม เนื้อที่ 20 ไร่เศษ และได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดชลบุรีไว้แล้วว่า เมื่อใดที่ได้รับอนุมัติให้ตั้งวัด อุบาสิกาอรนุชจะโอนที่ดินดังกล่าวให้วัดด้วย
ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ทำสัญญายกที่ดินแปลงนี้กับนายอำเภอศรีราชา เช่นเดียวกับที่ดินแปลงหลักของสวนสันติธรรม ก็เพราะเป็นที่ดินที่มีชื่อร่วมของหลายเจ้าของ หนึ่งในจำนวนนั้นคือคุณฐิตินาถ และยังไม่สามารถแบ่งแยกเอกสารสิทธิ์ได้
8.2 กรณีที่มีผู้หยิบยกประเด็นที่นายปราโมทย์ไม่ได้จดทะเบียนหย่ากับนางอรนุช สันตยากรก่อนบวชมาโจมตีนั้น ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่เป็นการกล่าวร้ายอย่างเลื่อนลอย เพราะในความเป็นจริงทั้งด้านพระธรรมวินัยและกฎหมาย ไม่ได้กำหนดว่าฝ่ายชายจะต้องหย่าขาดจากภรรยาก่อนบวช และพระภิกษุจำนวนมากที่มีครอบครัวก่อนอุปสมบท ก็ไม่ได้หย่าขาดตามกฏหมายจากภรรยาเช่นกัน แต่เป็นการหย่าขาดจากกันตามจารีตประเพณี อย่างไรก็ตามเพื่อลดความกังขาตลอดจนการนำประเด็นดังกล่าวไปบิดเบือนในอนาคต และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย หลวงพ่อปราโมทย์จะดำเนินการจดทะเบียนหย่ากับอุบาสิกาอรนุชต่อไป

9. ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่า 2 ปี หลวงพ่อปราโมทย์ถูกใส่ร้ายโจมตีอยู่ตลอดเวลา ด้วยเรื่องที่ขาดเหตุผลทั้งด้านข้อเท็จจริง พระธรรมวินัย และกฎหมาย และเรื่องใดที่ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาแล้ว ก็จะพบว่าล้วนแต่เป็นการสร้างเรื่องใส่ร้ายทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังขาดความชัดเจน ทำให้สื่อมวลชนและสาธารณชนคลางแคลงในหลวงพ่อปราโมทย์ เช่น เรื่องเหตุผลที่คุณฐิตินาถไม่พอใจหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว เรื่องที่กรรมการสวนสันติธรรม 5 คนลาออกพร้อมกันแล้วหันมาโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ เรื่องบุคคลและเบื้องหลังของขบวนการโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์ และเรื่องความถูกผิดเกี่ยวกับคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ เป็นต้น

การที่หลวงพ่อปราโมทย์สงบนิ่ง (ทั้งที่นักกฎหมายแนะนำว่าสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้) และทนรับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากสังคมมาโดยตลอดหลายปีนั้น ไม่ใช่เพราะไม่สามารถอธิบายความจริงได้ เพราะทุกเรื่องสามารถอธิบายปัญหาและที่มาได้ทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ต้องการสร้างความร้าวฉานในวงการของชาวพุทธ และไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องที่อาจสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์อย่างรุนแรงเพียงใดก็ตาม สิ่งที่หลวงพ่อปราโมทย์กระทำให้กับบุคคลเหล่านี้ ก็คือการให้อโหสิกรรมกับทุกคนเท่านั้น

อ้างอิงประกาศสวนสันติธรรมวันที่ 1 ตุลาคม 2553 http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3888.0

อ้างอิง : http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3959.0

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: สวนสันติธรรมแจงกรณีบัญชีหลวงพ่อปราโมทย์

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=19304

พระปราโมทย์โต้ปกปิดข้อมูลส่วนตัวเตรียมจดทะเบียนหย่าอรนุชยุติข่าวฉาวพร้อมอโหสิกรรมให้ฐิตินาถ

15 ต.ค. 53 : สวนสันติธรรมได้ออกประกาศชี้แจง เรื่องบัญชีเงินฝากของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม และนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา ทันที หลังจากนางฐิตินาถ ณ พัทลุง นักเขียนชื่อดัง ได้ออกรายการเจาะใจอีกครั้ง โดยมีการระบุถึงบัญชีส่วนตัว ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ตรวจพบ อีก 15 บัญชี ที่มีการปกปิด ทางสวนสันติธรรมชี้แจงว่า การร้องเรียนต่อดีเอสไอ 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นเรื่องบัญชีสวนสันติธรรมและการถือครองที่ดิน แต่ไม่มีการร้องเรียนเรื่องบัญชีส่วนตัว จึงได้ส่งมองเอกสารหลักฐานให้ทั้งหมด ก่อนที่จะมีการร้องเรียนเพิ่มเติม จึงได้ส่งมอบข้อมูลเพิ่มเติม จึงไม่ใช่เรื่องที่ดีเอสไอมาตรวจพบบัญชีที่ปกปิดอยู่แต่อย่างใด

ส่วนข้อกล่าวหาว่าพระปราโมทย์ ยักยอกปัจจัยบูชาธรรมจากบัญชีของสวนสันติธรรม พระปราโมทย์ได้เคยกล่าวต่ออดีตกรรมการสวนสันติธรรมและสาธุชนที่เข้าไปฟังธรรมอยู่เสมอว่า มีปัจจัยที่ญาติโยมถวายเป็นการส่วนตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งอาจนำไปสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมในอนาคต หรือเพื่อใช้สร้างเจดีย์และพิพิธภัณฑ์ในสวนสันติธรรม เนื่องจากในขณะนั้นยังไม่มีแนวความคิดที่จะตั้งสวนสันติธรรมให้เป็นวัด และเพื่อสร้างอุโบสถและเจดีย์ เมื่อมีแนวความคิดที่จะตั้งวัดแล้วตั้งแต่มกราคม 2553 แต่กลับมีการบิดเบือนว่า พระปราโมทย์เก็บปัจจัยไว้เพื่อจะลาสิกขาออกไปครองเรือนในอนาคต

พระปราโมทย์ ยังปฏิเสธเรื่องเงินส่วนตัว 15 บัญชี เพราะมีเพียง 4 บัญชี เป็นชื่อของนางอรนุช 3 บัญชี และชื่อของพระปราโมทย์ 1 บัญชี โดยบัญชีแรก จำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท เก็บไว้ใช้เป็นเงินรายจ่ายฉุกเฉินของพระปราโมทย์ หรือสวนสันติธรรม แต่หากยังไม่มีการใช้จ่ายในช่วงนั้น ก็จะตัดเงินไปเข้าเงินฝากประจำ บัญชีที่ 2 ประมาณ 3.6 แสนบาท ใช้ชื่อพระปราโมทย์ เพื่อรับเงินบริจาคในรูปของเช็คขีดคร่อม ซึ่งสั่งจ่ายในนามของพระปราโมทย์ โดยตรง บัญชีที่ 3 เป็นเงินฝากประจำ 3 เดือน ประมาณ 5.5 ล้านบาท และบัญชีฝากประจำ 12 เดือน ประมาณ 2 แสนบาท นอกจากนี้ยังมีสลากออมสินจำนวน 9 ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 17 ล้านบาท เพื่อกระจายความเสี่ยงของเงินฝากที่ต้องดูแลรักษาเพื่อใช้ทำประโยชน์เของพระศาสนาในอนาคต พร้อมยืนยันว่าเงินบริจาคทั้งหมดมีที่มาชัดเจนจาก 3 ช่องทาง และได้เปิดเผยถึงทรัพย์สินทั้งหมดของสวนสันติธรรมยังมีที่ดินอีกแปลงหนึ่งหน้าสวนสันติธรรม เนื้อที่ 20 ไร่เศษ ที่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จังหวัดชลบุรีไว้แล้ว

ขณะเดียวกันพระปราโมทย์ยังเตรียมดำเนินการจดทะเบียนหย่ากับนางอรนุช เพื่อลดความกังขา และนำไปเป็นประเด็นบิดเบือน แม้ว่าในทางกฎหมายและพระธรรมวินัย ไม่ได้กำหนดว่าฝ่ายชายจะต้องหย่าขาดจากภรรยาก่อนบวช

ทั้งนี้ยืนยันว่าที่ผ่านมาพระปราโมทย์ทนรับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากสังคมมาโดยตลอดหลายปีนั้น ไม่ใช่เพราะไม่สามารถอธิบายความจริงได้ แต่เป็นเพราะไม่ต้องการสร้างความร้าวฉานในวงการของชาวพุทธ และไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่อาจสร้างความเสียหายให้กับผู้อื่นนอกจากการให้อโหสิกรรมกับทุกคนเท่านั้น

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ผลสอบหลวงพ่อปราโมทย์ไม่เข้าข่ายอวดอุตริ

อ้างอิง :  http://www.komchadluek.net/detail/20101015/76429/ผลสอบพระปราโมทย์ไม่เข้าข่ายอวดอุตริ.html
http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=474214&lang=T&cat=
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1287135941&grpid=03&catid
.
พระปราโมทย์โล่งอกหลังผลสอบคณะผู้ตรวจระบุ คำสอนพระชื่อดังไม่เข้าข่ายอวดอุตริ ด้านเจ้าคณะจังหวัดชลบุรี เผยส่งผลสรุปให้ส่งเจ้าคณะภาคทราบแล้ว ขณะที่สวนสันติธรรมออกจดหมายเปิดผนึกแจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ชี้พระปราโมทย์ไม่คิดจะฟ้องร้องผู้ให้ร้าย เหตุต้องการอโหสิกรรมให้

.

คววามคืบหน้ากรณีกลุ่มชาวพุทธยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบทรัพย์สินของพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมทั้งยื่นหนังสือต่อสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ให้ตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์ เนื่องจากกลุ่มผู้ร้องเรียนเห็นว่า คำสอนของพระปราโมทย์อาจจะเข้าข่ายอวดอุตริ ซึ่งจะมีโทษถึงขั้นอาบัติปาราชิก ทั้งนี้ในส่วนของเรื่องร้องเรียนการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์นั้น ล่าสุดได้มีผลสอบระบุออกมาว่า คำสอนดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายการอวดอุตริแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะผู้ตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์ ซึ่งมีพระเทพสุทธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดชลบุรี (ธรรมยุต) เป็นประธานได้ทำการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์เสร็จสิ้น พร้อมสรุปว่า  คำสอนของพระปราโมทย์ที่กลุ่มชาวพุทธยื่นเรื่องร้องเรียนไม่ได้เข้าข่ายการอวดอุตริแต่อย่างใด ซึ่งขั้นตอนต่อไปคณะผู้ตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์ได้สรุปผลการตรวจสอบทั้งหมดส่งไปให้แก่พระพรหมเมธี เจ้าคณะภาค 1,2,3 และ 12,13 (ธรรมยุต)

พระเทพสุทธาจารย์ กล่าวเพียงว่า ผลการตรวจสอบคำสอนของพระปราโมทย์ ขณะนี้ได้ตรวจสอบเสร็จแล้ว และได้ส่งผลการตรวจสอบไปยังพระพรหมเมธี เจ้าคณะภาค 1,2,3 และ 12,13 (ธรรมยุต) รับทราบแล้ว โดยพระพรหมเมธี บอกว่า จะไม่การเปิดแถลงข่าวในเรื่องดังกล่าว หากใครต้องการทราบผลการตรวจสอบให้มาถามที่พระพรหมเมธีเอง

วันเดียวกัน สวนสันติธรรมออกจดหมายเปิดผนึกชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจพบบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช และอุบาสิกาอรนุช สันตยากร เพิ่มเติมอีก 15 บัญชี ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการปกปิดไว้และไม่ได้มีการชี้แจงก่อนหน้านี้ โดยสวนสันติธรรมขอให้ข้อเท็จจริงว่า สวนสันติธรรมยืนยันว่าได้แสดงบัญชีเงินฝากทั้งหมดของสวนสันติธรรมต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้ว พร้อมทั้งร่วมมือในการส่งมอบข้อมูลให้แก่เจ้าพนักงานด้วยความยินดี อีกทั้งไม่เคยปกปิดเรื่องที่มีบัญชีเงินฝากของหลวงพ่อปราโมทย์ และได้แสดงความพร้อมที่จะเปิดเผยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้เสมอ ส่วนการออกข่าวว่า หลวงพ่อปราโมทย์มีบัญชีลับถึง 15 บัญชีนั้น เป็นการนำเสนอข่าวที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง และกลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาใช้กล่าวหาทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อปราโมทย์ เช่นเดียวกับการกล่าวหาในกรณีอื่นๆ นั่นเอง

ทั้งนี้ ขอชี้แจงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมากว่า 2 ปี หลวงพ่อปราโมทย์ถูกใส่ร้ายโจมตีอยู่ตลอดเวลา ด้วยเรื่องที่ขาดเหตุผลทั้งด้านข้อเท็จจริง พระธรรมวินัย และกฎหมาย และเรื่องใดที่ข้อเท็จจริงปรากฏออกมาแล้วก็จะพบว่าล้วนแต่เป็นการสร้างเรื่องใส่ร้ายทั้งสิ้น ส่วนสาเหตุที่หลวงพ่อปราโมทย์สงบนิ่ง (ทั้งที่นักกฎหมายแนะนำว่าสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้) และทนรับการดูหมิ่นเหยียดหยามจากสังคมมาโดยตลอดหลายปีนั้น ไม่ใช่เพราะไม่สามารถอธิบายความจริงได้ เพราะทุกเรื่องสามารถอธิบายปัญหาและที่มาได้ทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะหลวงพ่อปราโมทย์ไม่ต้องการสร้างความร้าวฉานในวงการของชาวพุทธ และไม่อยากเปิดเผยเรื่องที่อาจสร้างความเสียหายให้ผู้อื่น แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์อย่างรุนแรงเพียงใดก็ตาม สิ่งที่หลวงพ่อปราโมทย์กระทำให้แก่บุคคลเหล่านี้ ก็คือการให้อโหสิกรรมแก่ทุกคนเท่านั้น

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ของวัด… หรือของพระ?

ของวัด… หรือของพระ?

เมื่อไม่นานนี้มีข่าวกรณีกลุ่มชาวพุทธรักษ์ศาสนายื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ขอให้มีการสอบสวนบัญชีเงินฝากของสถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่ง และบัญชีเงินฝากของพระภิกษุในสถานปฏิบัติธรรมนั้น โดยมีการกล่าวหาว่า ปัจจัยบูชาธรรมที่มีผู้ถวายพระภิกษุดังกล่าวไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีเงินฝากของสถานปฏิบัติธรรม ผมเห็นว่าเรื่องลักษณะดังกล่าวเป็นเรื่องที่เราในฐานะพุทธศาสนิกชนควรจะต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องว่าปัจจัยหรือทรัพย์สินที่เรานำถวายในงานบุญ หรือเนื่องในโอกาสต่างๆ นั้นเป็นการถวายแก่บุคคลใด โดยมีหลักการดังนี้

ตามกฎหมายแล้วพระภิกษุ กับ วัดหรือสถานปฏิบัติธรรมนั้นมิใช่บุคคลเดียวกัน โดยพระภิกษุมีฐานะเป็นบุคคลธรรมดาตามมาตรา 15 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งฐานะดังกล่าวมีนับแต่เมื่อคลอดอยู่รอดเป็นทารกและสิ้นสุดลงเมื่อตาย และไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้ว่าจะได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วก็ตาม ในขณะที่วัด ตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ได้แก่ วัดที่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา และสำนักสงฆ์ ซึ่งทั้ง 2 ประเภทต่างมีฐานะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ โดยมีเจ้าอาวาสเป็นผู้แทนของวัดในกิจการทั่วไป จึงเห็นได้ว่าสถานะตามกฎหมายรวมทั้งสิทธิและหน้าที่ของวัดและพระภิกษุนั้นแยกออกจากกัน

ดังนั้นปัจจัยที่นำถวายแก่วัด ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน เงินบริจาค ทรัพย์สินใดๆ ย่อมต้องพิจารณาว่าเราได้นำถวายแก่บุคคลใด อาทิเช่น ปัจจัยที่ถวายแก่พระภิกษุในงานบุญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทำบุญตักบาตรยามเช้า ขึ้นบ้านใหม่ รวมทั้งงานกิจนิมนต์ต่างๆ หรือแม้กระทั่งงานศพ ผมเห็นว่าล้วนแต่ปัจจัยที่ผู้ถวายมุ่งถวายแก่พระภิกษุผู้รับในขณะนั้นโดยมิได้มีเจตนาให้ปัจจัยดังกล่าวตกเป็นประโยชน์แก่วัด ในขณะเดียวกันบรรดาปัจจัยที่เกิดจากการเรี่ยไรเพื่อสร้าง หรือปรับปรุงพัฒนาวัด งานบุญทอดผ้าป่าสามัคคี การทำบุญในตู้รับบริจาคต่างๆ เห็นได้ว่าปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่มีเจตนาเพื่อนำไปใช้เป็นประโยชน์แก่วัดทั้งสิ้น แม้ในบางครั้งพระภิกษุจะเป็นผู้ทำการรับปัจจัยดังกล่าวจากผู้บริจาค ก็มีฐานะเพียงตัวแทนของวัดในการรับเท่านั้น

ตามที่อธิบายข้างต้นปัจจัยที่พระภิกษุได้รับเป็นการเฉพาะเจาะจงย่อมเป็นกรรมสิทธิ์ของพระภิกษุผู้รับ ดังนั้นพระภิกษุย่อมเป็นผู้มีอำนาจตามกฎหมาย ในการจำหน่าย จ่ายโอนและได้ประโยชน์จากทรัพย์สินดังกล่าว เช่น เปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารและได้รับดอกเบี้ย หรือหากได้รับเป็นทรัพย์สินอย่างอื่นก็สามารถนำออกใช้ประโยชน์ เช่น ขาย หรือให้เช่า เป็นต้น หรืออาจนำปัจจัยที่ได้รับบางส่วนหรือทั้งหมดมอบให้แก่บุคคลอื่นเช่น บิดามารดา บุตร หรือแม้แต่ภรรยาของตน หรือบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ญาติก็สามารถกระทำได้ รวมทั้งมอบให้แก่วัดต่อไป ท่านอาจสงสัยว่าทำไมผมจึงกล่าวว่าภรรยาของพระภิกษุ ผมขออธิบายด้วยความเคารพว่า ชายที่สมรสมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายแล้วเมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุมิได้ทำให้ความเป็นสามีภรรยาตามกฎหมายสิ้นสุดลงแต่อย่างใด หากแต่พระภิกษุดังกล่าวไม่อาจใช้ชีวิตอย่างฆราวาสอีกต่อไปเนื่องจากตนได้มาอยู่ภายใต้ศีลที่ต้องปฏิบัติ และเมื่อพระภิกษุดังกล่าวลาสิกขาแล้วก็สามารถใช้ชีวิตร่วมกับภรรยาของตนได้ตามปกติ

เมื่อเราพิจารณาถึงความเป็นเจ้าของสิทธิในทรัพย์สินหรือปัจจัยที่ได้พระภิกษุรับมาระหว่างอุปสมบทแล้ว จึงมีประเด็นต่อไปว่าหากพระภิกษุรูปนั้นมรณภาพลงแล้วทรัพย์สินดังกล่าวจะตกเป็นสิทธิแก่บุคคลใด ซึ่งมาตรา 1623 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้บัญญัติว่า “ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างอยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นทรัพย์สินของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไประหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม” ซึ่งมาตราดังกล่าวมีหลักสำคัญดังนี้

(1) ต้องเป็นทรัพย์สินที่พระภิกษุได้รับระหว่างอุปสมบทเท่านั้น ซึ่งไม่รวมถึงทรัพย์สินใดๆ ที่ได้รับหรือมีก่อนอุปสมบท หรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการเปลี่ยนแปลงทรัพย์ดังกล่าว เช่น ก่อนนาย ก อุปสมบท มีที่ดินแปลงหนึ่ง และเมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วพระ ก ได้ขายที่ดินดังกล่าวได้เงินจำนวนหนึ่ง เงินจำนวนดังกล่าวถือว่าเป็นทรัพย์สินที่พระ ก ได้รับก่อนการอุปสมบทโดยการเปลี่ยนแปลงทรัพย์จากที่ดินเป็นเงินนั้นเอง ซึ่งทรัพย์สินเหล่านั้นย่อมตกทอดแก่ทายาท ตามกฎหมายของพระ ก มิได้ตกแก่วัด แม้พระ ก จะมิได้จำหน่ายเงินดังกล่าวระหว่างมีชีวิต หรือมิได้ทำพินัยกรรมระบุให้ตกแก่บุคคลใดก็ตาม ซึ่งบัญญัติในมาตรา 1624 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

(2) พระภิกษุมิได้จำหน่ายระหว่างมีชีวิตดังที่กล่าวแล้วว่าเป็นทรัพย์ของพระภิกษุ และมิได้ทำพินัยกรรมระบุถึงทรัพย์ที่ได้รับมาระหว่างการครองสมณเพศให้ตกแก่บุคคลใด

หากข้อเท็จจริงปรากฏครบทั้ง 2 ข้อดังที่กล่าวมา ให้ทรัพย์ที่ได้รับมาระหว่างการครองสมณเพศตกแก่วัดที่พระภิกษุนั้นมีภูมิลำเนา ซึ่งหมายถึงวัดที่พระภิกษุนั้นจำวัดอยู่เป็นสำคัญ มิใช่ตามภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านนะครับ

ซึ่งจากที่ผมได้อธิบายทั้งหมดนี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงมีความเข้าใจถึงการถวายปัจจัยหรือทรัพย์สินแก่พระภิกษุหรือวัด รวมถึงสิทธิตามกฎหมายของพระภิกษุในการจัดการทรัพย์สินนั้น และการจัดการมรดกของพระภิกษุมากขึ้นนะครับ ทั้งนี้เพื่อประกอบการพิจารณาข่าวที่มีการนำเสนอต่อไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ทนายสวนสันติธรรมพร้อมให้ตรวจ15บัญชี

ทนายสวนสันติธรรม ยันเงินบริจาค15บัญชีของพระปราโมทย์เป็นการระบุเฉพาะเจาจง โดยส่วนหนึ่งเป็นเงินที่ได้จากมรดกและทรัพย์สินเดิมก่อนบวช

อ้างอิง : http://www.tnnthailand.com/news/details.php?id=19219

13 ต.ค.53 : นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสวนสันติธรรม เปิดเผยถึงบัญชีส่วนตัวของพระปราโมทย์ ปราโมชโช เจ้าสำนักสวนสันติธรรม 15 บัญชี และพันธบัตรรัฐบาลจำนวนหนึ่ง เป็นเงินประมาณ 40 ล้านบาท ว่าเป็นเงินที่ได้รับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทรา ที่มีการระบุชัดเจน ว่าบริจาคให้ใครเนื่องจากตู้บริจาคจะมี 3 ตู้ คือตู้ที่ระบุถึง การบริจาคให้พระปราโมทย์ ตู้ที่เป็นของสวนสันติธรรม และตู้ของพระรูปอื่น ดังนั้นจึงชัดเจนว่า เงินประมาณ40 ล้านบาทเป็นเงินบริจาคที่เฉพาะเจาะจงให้กับพระปราโมทย์

นอกจากนี้ยังมีเงินส่วนหนึ่งที่เป็นมรดกเดิมก่อนที่จะบวช ได้มอบให้กับนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา รวมทั้งเงินที่เป็นมรดกของนางอรนุช ประมาณ8 ล้านบาท รวมอยู่ในบัญชีดังกล่าวด้วย

พร้อมยืนยันว่าไม่ได้คิดที่จะปกปิดบัญชี เพราะถือเป็นเงินส่วนตัว ที่ยังอยู่ครบ และที่ผ่านมาพระปราโมทย์ได้เคยมอบบัญชีส่วนตัวให้กับทนายไว้ก่อนแล้ว พร้อมกับได้เปรยไว้ว่าหากเงินบริจาคส่วนตัวได้ครบ 100 ล้านบาท จะนำมาสร้างพระเจดีย์ ที่สวนสันติธรรม

ส่วนกรณีที่กลุ่มบ้านอารีย์ ร้องเรียนให้ตรวจสอบพระปราโมทย์เพิ่มเติมนั้น ทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดชลบุรีให้ตรวจสอบอีก แต่เจ้าคณะจังหวัดได้ส่งเรื่องคืน เพราะได้ตรวจสอบและได้ข้อยุติไปแล้ว และกลุ่มลูกศิษย์พระปราโมทย์ยังไม่ขอตอบโต้ ข้อกล่าวหาของนางฐิตินาถ ณ พัทลุง เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ

สำหรับการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ นั้น จะตรวจสอบเงินบริจาคของพระปราโมทย์รวมทั้งวัตถุประสงค์ของผู้ผู้โอนเงินบริจาคว่ามีวัตถุประสงค์ที่จะบริจาคให้สวนสันติธรรมหรือบริจาคให้พระปราโมทย์ พร้อมทั้งจะทำหนังสือไปถึงธนาคารทุกแห่งเพื่อตรวจสอบว่ายังมีบัญชีในชื่อพระปราโมทย์ นางอรนุชและญาติหรือคนใกล้ชิดอีกหรือไม่ โดยมีรายงานข่าวว่า การตรวจสอบได้มีการเคลื่อนไหวของคุณหญิง คนหนึ่ง เข้าไปเกี่ยวข้องและต้องการให้ดีเอสไอสรุปผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว

*** ข่าวที่ควรอ่านประกอบ ***

1. กฎหมายใกล้วัด:ทรัพย์สินของพระ หรือพระมีทรัพย์สิน จะเป็นของใคร (โดย นายประพันธ์ ว่องไว : นิติกร)

2. เงินถวายพระ และเงินติดกัณฑ์เทศน์ เป็นของใคร?


เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จดหมายชี้แจงข้อเท็จจริง เรื่องการรับปัจจัยบูชาธรรม และสิ่งของต่างๆ ของพระปราโมทย์ ปาโมชฺโช จาก รพ.บางบ่อ

ประกาศ

ประกาศ

ตามที่มีการพยายามตั้งข้อสงสัยกับสื่อมวลชน ในทำนองว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช นำปัจจัยที่ได้รับการถวายทานเนื่องจากไปแสดงธรรม ไปซุกซ่อน หรือปกปิดไว้ ตามที่มีการนำเสนอใน matachon online เปิด65แห่ง”พระปราโมทย์”เดินสายเทศน์ พระตำหนักภูพิงคฯ-ซี.พี.-มธ.พรึ่บ กลุ่มชาวพุทธสงสัยเงินล่องหน? นั้น ในขณะนี้ ได้มีการทะยอยแสดงหลักฐานซึ่งระบุว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช มิได้รับเงินปัจจัยที่ถวายไปเก็บซุกซ่อนหรือปกปิดเอาไว้ หากท่านเห็นสมควรที่จะบริจาคเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของหน่วยงานที่ดำเนินการเพื่อสาธารณประโยชน์ ทั้งทางโลกและทางธรรม ท่านจะบริจาคคือให้กับหน่วยงานนั้นๆ

จดหมายชี้แจง จาก รพ.บางบ่อ

จดหมายชี้แจง จาก รพ.บางบ่อ

อนึ่ง จากหนังสือดังกล่าว จะทราบด้วยว่า หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช นอกจากท่านจะบริจาคคืนปัจจัยบูชาธรรมและข้าวของต่างๆแล้ว ท่านยังมิได้รับปัจจัยอันเป็นค่าวิทยากร รวมทั้งค่าเดินทางอีกด้วย

จึงเรียนมาเพื่อให้สาธุชนทราบโดยทั่วกัน
Dhammada.net
คือความเรียบง่าย คือธรรมะ คือธรรมดา

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: วิปัสสนาบนหน้าข่าว – รบกับใคร ? โดย นสพ. คมชัดลึก

อ้างอิง จาก นสพ. คมชัดลึก : http://www.komchadluek.net/detail/20101008/75632/วิปัสสนาบนหน้าข่าว-รบกับใคร.html

คมชัดลึก : เป็นเวลาเดือนกว่าๆ แล้วที่เรื่องราวของฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือ “เข็มทิศชีวิต” จนเป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง ออกมากล่าวหาความผิดพระปราโมทย์ ปาโมชโช เจ้าอาวาสสำนักปฏิบัติธรรมสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ในหลายๆ ประเด็น แต่เรื่องหลักๆ มีอยู่สองสามเรื่องที่ทำให้เป็นข่าวมาได้ยาวนานก็คือเรื่องสีกา (อดีตภรรยาพระ) กับเรื่องเงินๆ ทองๆ (เงินทำบุญในบัญชีที่ตกหล่นไปไหน) และเรื่องอวดอุตริมนุสสธรรมซึ่งเธอรู้สึกคับแค้นใจมากที่รู้สึกว่าถูกพระหลอก จึงได้ของทวงเงินทำบุญคืนเป็นจำนวนหลายล้านบาท

รวมทั้งคณะกรรมการเก่าของสวนสันติธรรม ๕ คนก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวในประเด็นที่คาบเกี่ยวกัน ในเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็แจ้งความเป็นคดีอาญาไปยังดีเอสไอให้ช่วยตรวจสอบ ส่วนเรื่องอวดอุตริมนุสสธรรมก็จี้ให้สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นผู้ทำการบ้านด้วย แล้วขบวนการเผยแพร่ผ่านสื่อก็ค่อยๆ ปล่อยข่าว เผยทีเด็ดคลิปเสียงเทศน์ที่หมิ่นเหม่ให้คนตีความได้หลากหลายเพื่อชูรสผู้เสพข่าวรายวันให้สนใจไปเรื่อยๆ แล้วยังมีเว็บไซต์ X!@#$%!?<&%#@ ที่แฉพระในกรณีต่างๆ ผ่านผู้ที่เคยไปปฏิบัติกับพระมาไม่น้อย

ขณะที่ฝ่ายพระปราโมทย์ ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว แต่ก็มีการใช้เว็บไซต์ www.wimutti.net ของสวนสันติธรรมเป็นที่ประกาศชี้แจงแบบไม่ตอบโต้ และให้ทนายความออกมาพูดแทนพระโต้ข้อกล่าวหารายวันบ้างเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ฝั่งพระใช้วิธีการโต้ด้วยความเมตตา และพยายามไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งมาตลอด โดยเฉพาะประเด็นเรื่องคำสอนที่มักจะกล่าวอ้างหลวงปู่ดูลย์ อตุโล เสมอ ซึ่งเมื่อถูกติงมา ทางเว็บไซต์ วิมุตติ ก็ถอดการเผยแพร่คำสอนของท่านไปเป็นอันดับแรก

จากนั้นสวนสันติธรรมเปิดให้สื่อมวลชนทุกแขนงเข้าถ่ายรูปทุกจุดในสำนัก โชว์ตัวเลขในบัญชีทุกบัญชีที่มีอยู่ รวมทั้งยอมรับความจริงในบางเรื่อง เช่น เรื่องที่พระเขียนจดหมายถึงฐิตินาถจริง ที่อ้างถึงความเป็นพ่อลูกในอดีตชาติที่เคยฟังธรรมด้วยกัน และจะมาปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ในชาตินี้ แล้วท่านก็ให้ข้ออ้างนิดหน่อยว่า ที่เขียนเพราะเป็นกุศโลบายให้ฐิตินาถมีความเพียรในการปฏิบัติธรรมมากขึ้น อีกทั้งฐิตินาถเคยขอให้รับเป็นลูกสาวบุญธรรม ซึ่งฝ่ายผู้ฟ้องร้องเองก็ไม่ยอมรับในประเด็นดังกล่าว ยังออกมาโต้พระว่าตนนั้นถูกหลอก กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไปราว ๕ ปี แล้วเธอก็อ้างว่า ที่ออกมาเพราะถูกลูกศิษย์ทางฝั่งพระพูดกล่าวหาไปจนถึงหูของลูกในโรงเรียน จึงต้องออกมาขอความเป็นธรรมจากสังคมเพื่อปกป้องตนเองและลูก

โดยอาศัยสื่อประโคมข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีประเด็นเดียวคือทำให้พระเสียชื่อเสียง หากมองทางโลก ก็ทำให้พระเสียชื่อเสียงจริง แต่ถ้ามองทางธรรม บทเรียนนี้คือครูชั้นเลิศที่อาจจะทำให้พระเบื่อหน่าย และเห็นภัยในสังสารวัฏเร็วขึ้น โอกาสที่พระจะปลีกวิเวก และเร่งความเพียรปฏิบัติไปถึงสุดทางทุกข์จึงมีเร็วขึ้นตามไปด้วย ถ้าอาศัยปรากฏการณ์นี้เป็นบทเรียน แต่โยมผู้กล่าวหาพระเล่า มองเห็นความทุกข์จากการออกมาตีฆ้องร้องป่าวไหม ขนาดคนเสพข่าวยังมองเห็นเลยว่า โลกนี้ช่างไร้สาระเสียจริง ขนาดผู้กล่าวหาบอกว่าตัวเองปฏิบัติธรรมมาก็มาก เขียนหนังสือธรรมะขายมาก็เยอะ รวยจากการขายหนังสือธรรมะไปไม่น้อย แต่ถึงเวลาไม่พอใจพระขึ้นมาก็มาทวงเงินทำบุญคืน

หากฝ่ายลูกศิษย์พระบางคนเกิดโมโหขึ้นมาบ้าง รวมตัวกันลุกขึ้นมาบอกว่า แล้วที่ซื้อหนังสือเข็มทิศชีวิตมาเล่า จะเอาไปคืนได้ที่ไหน ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านผู้ออกมาฟ้องร้องพระจะรู้สึกอย่างไร คงจะยิ่งโมโหหนักขึ้น รวมทั้งโมโหผู้เขียนคอลัมน์นี้ด้วย และคงจะทำให้เรื่องนี้บานปลาย เป้าหมายอาจไม่ใช่พระอย่างเดียวเสียแล้ว เพราะทำให้ทุกฝ่ายทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งด้วยเจตนาและไม่เจตนายิ่งคลุมเคลือ ทุกข์ และรู้สึกห่างไกลจากความสงบมากขึ้น

ความจริงนั้น ใครหลอกใคร ผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นรู้ดีที่สุด แล้วการหลอกคนอื่นไม่เท่ากับการหลอกตัวเอง พระพุทธเจ้าจึงมุ่งให้เราเข้ามามองแต่ตนเอง ลึกเข้าไปในจิตใจตนเอง ค้นหาความผิดของตนเอง แล้วแก้ไขซักฟอกตัวเองให้ถึงที่สุด เพราะบ่อยครั้งที่เราไม่กล้ามองใบหน้าที่แท้จริงของเรา เมื่อตั้งใจปฏิบัติธรรม ขัดเกลาตนเอง ก็ต้องพยายามมองให้เต็มตา ซึ่งอาจจะอายมากในตอนแรก เพราะเห็นว่า ตัวเรานั้น จิตเรานั้น ความคิดเรานั้นช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย น่าเกลียดน่ากลัวได้ขนาดนี้เลยหรือ แล้วเราอาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการกระเทาะตัวตนของเราก็ต้องทำ แต่เมื่อเราค้นพบแล้ว แก้ไขตนเองได้แล้ว เราก็จะกลายเป็นคนใหม่ เป็นคนชนิดที่กล้าหาญเผชิญหน้ากับตนเองตามความเป็นจริง ภาษาธรรมเรียกว่า วิปัสสนา คือการรู้เห็นตามที่เป็นจริง เมื่อเรามองเห็นตนเองตามที่เป็นจริงแล้ว เราก็จะเข้าใจผู้อื่นตามความเป็นจริงด้วย เมื่อนั้น เราจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องเผชิญ หรือมากระทบด้วยสติ ปัญญา และความเมตตากันมากขึ้น เห็นความผิดของตนเองมากขึ้น กล่าวโทษผู้อื่นน้อยลง ทางออกของปัญหาทุกอย่าง จึงสามารถเปลี่ยนความเลวร้ายให้กลายเป็นดีได้

ไม่มีคำว่าสายเกินไปกับการเรียนรู้ แม้ว่าหลายคนอาจจะทุกข์มากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพศรัทธา หลายคนอาจจะขอบคุณที่มีคนกล้าหาญออกมาเสี่ยงภัยโจมตีพระเช่นนี้ด้วยเห็นว่า จะต้องปกป้องพระธรรมคำสอนมิให้ผู้สอนเฉไฉพาออกนอกลู่นอกทาง เพื่อป้องกันคนที่จะหลงทางในอนาคต บทเรียนนี้จะว่าไปแล้วได้เรีนกันทุกคน เช่นเดียวกับบทเรียนของฟิล์ม กับแอนนี่ ที่ต่างก็เห็นทุกข์ ส่วนหนทางในการออกจากทุกข์นั้น แต่ละคนก็มีทางเลือกเองว่าจะใช้วิธีไหน ที่จะทำให้ปลดทุกข์ได้จริง หรือ กลบทุกข์ไปวันๆ ก็แล้วแต่จะเลือก

สำหรับตัวเราผู้ทำข่าว เสพข่าว ก็ต้องกลับมาถามใจ และกลับมาดูที่จิตตัวเองทุกครั้งที่เราเอาจิตเข้าไปเกี่ยวข้องกับตัวละครที่ปรากฏ ว่าเรากำลังเลือกข้างอยู่หรือไม่ เรากำลังเล่นเกมแพ้ชนะอยู่หรือเปล่า และเรากำลังเป็นหนึ่งที่เห็นผู้อื่นที่ปรากฏบนข่าวเป็นเหยื่อไหม

ถามใจตัวเองเยอะๆ บางทีเราอาจจะได้คำตอบว่า แท้จริงแล้ว ผู้ที่เลวที่สุดมิใช่ผู้ที่เรากำลังด่าทอ หรือตัดสินเขาอยู่ แต่คือตัวเราเองต่างหาก? เมื่อนั้น เราจะเห็นว่าผู้ที่เราจะต้องเรียนด้วยตลอด ๒๔ ชั่วโมง มิใช่ใครอื่น หากแต่คือตัวเรา และใจเรานี้เอง

“มนสิกุล โอวาทเภสัชช์”

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้อ่าน ***

1. Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

2. Dhammada News : เจาะประเด็น “วิมุตติปฎิปทา” หลักฐานสำคัญของผู้กล่าวอ้าง

3. Dhammada News: อ.สุรวัฒน์ชี้แจง กรณีประธานบ้านอารีย์โต้แย้งเรื่องกรรมการที่ลาออกข่มขู่กรรมการที่เหลือ

4. Dhammada News: จดหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสวนสันติธรรม

5. Dhammada News: คือการให้กำลังใจในการภาวนา หรือ คือการหลอกลวง

6. Dhammada News: หลักฐานอวดว่าเป็นอรหันต์ แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

7. Dhammada News: ประธานบ้านอารีย์อ้างลูกศิษย์หลวงพ่อฯลือว่าตนโดนปีศาจกิ้งก่าสมัยทวาราวดีเข้าสิง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

หลักฐานไฟล์เสียง ที่หลวงพ่อบริจาคเงินที่ได้รับบริจาค คืนให้กับที่ๆท่านไปแสดงธรรม

จาคะ คือการสละ

จาคะ คือการสละ

ทางเว็บธรรมดา ขอสรุปรายการที่มีหลักฐานเป็นไฟล์เสียง ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ท่านได้คืนเงินที่ได้รับบริจาค ให้กับที่ๆท่านไปแสดงธรรม (อ้างอิง ตามรายการของ นพส. มติชนออนไลน์ เปิด65แห่ง”พระปราโมทย์”เดินสายเทศน์ พระตำหนักภูพิงคฯ-ซี.พี.-มธ.พรึ่บ กลุ่มชาวพุทธสงสัยเงินล่องหน?)

ครั้งที่ วันที่ สถานที่ หมายเหตุ
13 ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๑ ร.พ. นครปฐม หลวงพ่อยกข้าวของและปัจจัยทั้งหมดให้ รพ.นครปฐม http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/LPdonate511027_7958_8126.mp3
23 ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ รพ. กลาง ที่อาคารอนุสรณ์100ปี หลวงพ่อคืนให้กับ รพ.กลาง เพื่อผู้ป่วยคนยากคนจน http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/LPdonate520204_7728_7847.mp3
44 ๖ กันยายน ๒๕๕๒ เสถียรธรรมสถาน หลวงพ่อคืนให้กับ เสถียรธรรมสถาน สร้างสาวิกาสิกขาลัย http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/LPdonate_SteanDhammastarn.mp3
51 ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๒ ยุวพุทธิกสมาคม ยอดเงินบริจาค 201,021.00 บาท (โฆษกประกาศในตอนแรก 113,000 บาท) มิใช่ 1.2 ล้านบาท ตามข่าว http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/yuwaput.mp3
53 ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา หลวงพ่อคืนยอดเงินบริจาค 35,000 บาทให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา เพื่อสมทบทุนมูลนิธิสุนันทากุมารีรัตน์ http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/LPdonate521109_9400_96.50.mp3
62 ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ สาธุชนทาง FB แจ้งว่า หลวงพ่อถวายทั้งปัจจัยและข้าวของทั้งหมด ให้กับวัดบูรพารามครับ http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/530711-donation.mp3
65 ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ ค่ายคุณธรรม เรียนรู้กายใจ จ.นครสวรรค์ หลวงพ่อคืนให้กับโครงการค่ายคุณธรรม ทั้งปัจจัยและข้าวของ http://www.dhammada.net/wp-content/uploads/2010/10/LPdonate530830_77.15_80.09.mp3

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Download Now! (uploaded ๕ ตุลาคม ๒๕๕๓)

Download Now

ดาวน์โหลดพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

    uploaded: ๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓

  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๐
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เงินถวายพระ และเงินติดกัณฑ์เทศน์ เป็นของใคร?

พระพุทธรูป ณ.สวนสันติธรรม

พระพุทธรูป ณ.สวนสันติธรรม

ตามที่มีข่าวในหนังสือพิมพ์ ถึงเงินที่มีการบริจาคให้กับหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี ในกรณีที่มีการไปแสดงธรรมในที่ต่างๆ หรือที่มีคำพูดแบบไทยๆว่า “เงินติดกัณฑ์เทศน์” หายไปไหน การที่เงินหายไปเป็นการยักยอกทรัพย์หรือไม่? ทางเว็บธรรมดาขอเสนอในแง่มุมทางกฎหมาย ซึ่งได้มีนักกฎหมายได้ระบุชัดเจนแล้วว่า ทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างเป็นพระภิกษุนั้น ทรัพย์สินเหล่านั้นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของพระ ยังไม่ใช่ทรัพย์สินของวัดแต่อย่างใด แต่เมื่อใดที่มรณภาพลงแล้ว หากมิได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ให้เป็นอย่างอื่น ทรัพย์สินเล่านั้นย่อมตกเป็นของวัด ซึ่งมีการเขียนอธิบายไว้ในที่หลายแห่ง และทางเว็บธรรมดาได้ค้นพบหลายแห่ง แต่จะขอนำมาแสดงไว้ที่นี้ เพียง 1 แห่งก่อน

กฎหมายใกล้วัด:ทรัพย์สินของพระ หรือพระมีทรัพย์สิน จะเป็นของใคร (โดย นายประพันธ์ ว่องไว : นิติกร)

อ้างถึง: เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

คำว่า “พระ” หมายถึง ผู้ชายซึ่งอุปสมบทในพระพุทธศาสนาประพฤติปฏิบัติ ตามหลักพระธรรมวินัยอันเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า

คำว่า “ทรัพย์สิน” หมายถึง ที่ดิน เงิน ทอง ของมีค่า รถยนต์และสิทธิต่างๆ ที่กฎหมายรับรอง เช่น เป็นเจ้าของที่ดิน

พระ ราชบัญญัติคณะสงฆ์พุทธศักราช ๒๕๓๕ ปรับปรุงแก้ไขครั้งสุดท้าย พ.ศ.๒๕๔๗ มิได้บัญญัติเรื่องทรัพย์สินของพระแต่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มี ๓ มาตรา คือ

๑. มาตรา ๑๖๒๒ บัญญัติว่า “พระ ภิกษุนั้น จะเรียกร้องเอาทรัพย์มรดกในฐานะที่เป็นทายาทโดยธรรมไม่ได้ เว้นแต่จะได้สึกจากสมณเพศมาเรียกร้องภายในกำหนดอายุความตามมาตรา ๑๗๔๕ แต่พระภิกษุนั้นอาจเป็นผู้รับพินัยกรรมได้”

คำว่า “เรียกร้อง” หมายถึง เรียกร้องหรือฟ้องคดีขอให้แบ่งทรัพย์มรดกในฐานะเป็นทายาทโดยธรรม

คำว่า “มรดก” หมายถึง ทรัพย์สินทุกชนิดของผู้ตายรวมถึงสิทธิหน้าที่และความรับผิดต่างๆ

คำว่า “ทายาท” หมายถึง บุคคลผู้มีสิทธิรับมรดกตามกฎหมาย เรียกว่า ทายาทโดยธรรม และบุคคลผู้มีสิทธิรับมรดกตามพินัยกรรม เรียกว่า ผู้รับพินัยกรรม

ทายาทโดยธรรมมี ๖ ลำดับ คือ

๑. ผู้สืบสันดาน (บุตร)

๒. บิดามารดา

๓. พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน

๔. พี่น้องร่วมบิดาหรือร่วมมารดาเดียวกัน

๕. ปู่ ย่า ตา ยาย

๖. ลุง ป้า น้า อา

คู่สมรสที่มีชีวิตอยู่จัดเป็นทายาทโดยธรรม

ทายาทที่มีสิทธิรับมรดกตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม มีประเภทเดียว เรียกว่า ผู้รับพินัยกรรม

ตัวอย่างที่ ๑. นาย ก. เป็นเจ้าของที่ดิน ๒ ไร่ มีบุตร ๒ คน คือ นายหวาน กับนายเปรี้ยว ภรรยานาย ก. ตายไปแล้ว ต่อมานายหวานบวชเป็นพระระหว่างบวชเป็นพระ นาย ก.บิดาตาย ที่ดิน ๑ ไร่เป็นของพระหวาน อีก ๑ ไร่เป็นของนายเปรี้ยว แต่เผอิญนายเปรี้ยวครอบครองทำประโยชน์ที่ดินทั้ง ๒ ไร่ และไม่ยอมแบ่งให้พระหวาน แถมเอ๊ะอ๊ะโวยวายว่า พระมายุ่งอะไรกับที่ดิน กรณีนี้ ถ้าพระหวานจะฟ้องศาลขอให้นายเปรี้ยวตัวแสบแบ่งที่ดิน ๑ ไร่ ต้องสึกจากพระก่อนจึงจะฟ้องได้

ตัวอย่างที่ ๒. บังเอิญ นาย ก. เป็นผู้มีตาทิพย์มองเห็นว่านายเปรี้ยวโกงแน่ จึงทำพินัยถวายที่ดิน ๒ ไร่ ให้พระหวาน พระหวานไม่ต้องสึก เพราะกฎหมายอนุญาตให้พระรับทรัพย์สินตามที่เขียนไว้ในพินัยกรรมได้โดยไม่ ต้องสึก

๒. มาตรา ๑๖๒๓ บัญญัติว่า ทรัพย์สิน ของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้นจะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิตหรือโดยพินัยกรรม

หมาย ความว่า ทรัพย์สินทุกชนิดที่พระได้มาระหว่างบวช โดยมีผู้นำมาถวายหรือทำพินัยกรรมยกให้ เมื่อมรณภาพ ทรัพย์สินตกเป็นสมบัติของวัดที่สังกัดอยู่ แต่ถ้าได้ขาย ให้ โอนหรือทำพินัยกรรมยกให้ผู้อื่นก่อนมรณภาพ ทรัพย์สินไม่ตกเป็นสมบัติของวัด

ตัวอย่างที่ ๑. พระตี๋ บวชเป็นพระอยู่วัดเปรียญธรรม ขณะบวช นางกุศล นามสกุล ใจดี มีจิตศรัทธาถวายที่ดิน ๑๐ ไร่ โอนใส่ชื่อพระเป็นเจ้าของ ต่อมาพระตี๋มรณภาพที่ดิน ๑๐ ไร่ ตกเป็นสมบัติของวัดเปรียญธรรม

ตัวอย่างที่ ๒. ก่อนมรณภาพ พระตี๋ขายที่ดิน ๑๐ ไร่ ให้นายรวยเป็นเงิน ๑๐ ล้านบาท แล้วมอบเงินให้นายวาสนาดีไปทั้งหมด ต่อมาพระตี๋มรณภาพ เงิน ๑๐ ล้านบาทไม่ตกเป็นสมบัติของวัด เพราะพระตี๋ได้ขายที่ดินและมอบเงินให้นายวาสนาดีไปก่อนมรณภาพ

ตัวอย่างที่ ๓. พระ ตี๋ เมื่อนางกุศล ถวายที่ดิน ๑๐ ไร่ให้แล้วเกิดเบื่อทางธรรมจึงสึกจากพระ กรณีเช่นนี้ ที่ดิน ๑๐ ไร่ไม่ตกเป็นสมบัติของวัดแต่จะเป็นกรรมสิทธิ์ของนายตี๋ที่สึกจากพระ…อมิ ตตพุทธ

กรณีทำพินัยกรรมยกให้ก่อนมรณภาพ

ตัวอย่าง พระตี๋ทำพินัยกรรม ยกที่ดิน ๑๐ ไร่ ให้นายโชคดี ต่อมาพระตี๋มรณภาพ ที่ดิน ๑๐ ไร่ ไม่ตกเป็นสมบัติของวัด เพราะพระตี๋ได้ทำพินัยกรรมยกที่ดินให้นายโชคดีไปก่อนมรณภาพ

๓. มาตรา ๑๖๒๔ บัญญัติว่า ทรัพย์สิน ใดเป็นของบุคคลก่อนอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ทรัพย์สินนั้นหาตกเป็นสมบัติของวัดไม่ และให้เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาทโดยธรรมของบุคคลนั้น หรือบุคคลนั้นจะจำหน่ายโดยประการใดตามกฎหมายก็ได้

ตัวอย่างที่ ๑. ก่อน บวชนาย ก. มีเงินฝากไว้กับธนาคาร ๕ ล้านบาท มีบุตร ๑ คน คือ นายแดง ภรรยาเสียชีวิตไปแล้ว ต่อมานาย ก.บวชเป็นพระอยู่วัดเปรียญธรรม และมรณภาพ เงิน ๕ ล้านบาท ไม่ตกเป็นสมบัติของวัด เพราะเป็นเงินที่ได้มาก่อนบวช แต่จะเป็นมรดกตกทอดแก่นายแดงทั้งหมดซึ่งเป็นทายาท

ตัวอย่างที่ ๒. ในระหว่างบวชเป็นพระ พระ ก.จะมอบเงิน ๕ ล้านบาทให้ใครก็ได้ เพราะเป็นเงินที่ได้มาก่อนบวชไม่เป็นสมบัติของวัด

กรณี บุคคลบวชแล้วสึก สึกแล้วบวช เบื่อๆ อยากๆ ผู้เขียนว่าเองนะครับ เช่น พระ ก. บวชอยู่วัดเปรียญธรรมระหว่างบวชครั้งแรก ผู้มีจิตศรัทธาถวายพระพุทธรูปทองคำ ๑ องค์ จากนั้นก็สึกจากพระ และนำพระพุทธรูปทองคำเก็บไว้ที่บ้าน ต่อมาบวชใหม่เป็นครั้งที่ ๒ มีผู้ถวายเงิน ๒ แสนบาท จึงนำเงินไปเก็บไว้ที่บ้านโยมพ่อ เพราะกลัวคนขับรถตุ๊กๆ จะมาขโมย ต่อมามรณภาพ ดังนี้ พระพุทธรูปทองคำเป็นของทายาท ส่วนเงิน ๒ แสนบาท ตกเป็นสมบัติของวัดเปรียญธรรม เพราะเป็นเงินที่ได้มาระหว่างบวชครั้งที่ ๒ (บวชหลายครั้ง ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างบวชครั้งสุดท้ายตกเป็นสมบัติของวัด ส่วนทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างบวชในครั้งก่อนๆ เป็นมรดกตกทอดแก่ทายาท)

สวัสดีครับ.

เขียนเมื่อ 21 ตุลาคม 2551 | อ่าน 307
เขียนโดย เปรียญธรรมสมาคมแห่งประเทศไทย

อนึ่งเงินติดกัณฑ์เทศน์นั้น มีผู้รู้ให้ความเห็นไว้ว่า ถือเป็นปาฏิบุคคลิกทาน มิใช่สังฆทาน เพราะเป็นการให้แบบเจาะจงเฉพาะแก่พระผู้เทศน์จึงถือว่าเป็นทรัพย์สินของพระมิใช่ของวัดหรือคณะสงฆ์ ซึ่งพระสามารถมีสิทธิ์จัดการแจกจ่ายได้ตามอัธยาศัย ตราบจนกว่าพระมรณะภาพเงินดังกล่าวจึงจะถือเป็นของวัด ดังที่ราชบัณฑิตยสถานได้ให้ความหมายของคำว่า “ติดกัณฑ์เทศน์ไว้ว่า”

กัณฑ์เทศน์

ความหมาย

น. เครื่องไทยธรรมถวายพระผู้แสดงพระธรรมเทศนา, สิ่งของสําหรับถวายพระผู้แสดงพระธรรมเทศนา, เครื่องกัณฑ์ ก็ว่า; เรียกการเอาเงินติดเทียนบูชากัณฑ์เทศน์หรือเรียกการเอาเงินหรือสิ่งของบูชาธรรมเนื่องในการเทศน์ว่า ติดกัณฑ์เทศน์.

ดังนั้นหากเงินติดกัณฑ์เทศน์จะถูกแยกออกจากบัญชีของวัด อาทิกรณีสวนสันติธรรมเป็นตัวอย่าง ก็เป็นสิ่งที่ชอบด้วยกฎหมายและกฎสงฆ์ ที่ได้ชี้แจงตามประกาศสวนสันติธรรมมาดังนี้

“….ปัจจัยบูชาธรรมที่สาธุชนผู้ไปฟังหลวงพ่อปราโมทย์บรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ นั้น เป็นปัจจัยที่สาธุชนเจาะจงถวายหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ปัจจัยที่บริจาคแด่สวนสันติธรรม จึงไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีของสวนสันติธรรมและปัจจัยบูชาธรรมเหล่านั้น ก็ไม่ได้มากถึงรายละ 3 – 4 แสนบาท หรือถึงล้านกว่าบาทตามที่มีการปล่อยข่าวเพื่อให้ดูมากจนน่าตกใจ…”

อนึ่งเงินติดกัณฑ์เทศณ์ส่วนใหญ่หลวงพ่อฯ ก็จะทำการมอบให้กับเจ้าของสถานที่ตามหลักฐานอ้างอิงที่นี่ >>>

Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

ภาพต้นฉบับจาก เว็บไซต์

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 1 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 1 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 2 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 2 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 3 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

กฎหมายที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพระ 3 (คลิ้กเพื่อดูภาพใหญ่)

ท่านสามารถชมวีดิทัศน์ ในความเห็นของนักกฎหมาย ในกรณีทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างเป็นพระ จากNational Channel รายการ ชาวกรุง ได้ ที่นี่

ข่าวโดย Nation Channel วันที่ 28 กันยายน 2553


กรุณาดู/ฟังให้จบส่วนที่ท่านผู้ว่าชี้แจง และฟังความเห็นของนักกฎหมายต่อจากนั้น จะได้ใจความโดยสมบูรณ์ครับ

อ้างอิง: บทเรียนทางกฏหมาย พระปราโมทย์ สวนสันติธรรม

อ้างอิง: ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องข้อกล่าวหาหลวงพ่อฯ เกี่ยวกับปัจจัยการเทศน์นอกสถานที่

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรมสวนสันติธรรม เพิ่มรอบและจุดใหม่ ปตท.รังสิต

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม

รถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรมสวนสันติธรรม ได้เพิ่มรอบใหม่ วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ.2553 โดยมีจุดนัดหมายที่ ปตท.รังสิต ตามรายละเอียดด้านล่างครับ

เดือนตุลาคม 2553

วัน เวลา นัดพบ วันที่รับสมัคร
วันเสาร์ ที่ 23 ตุลาคม 2553 5.00 น. ปั๊ม ปตท. รังสิต ฝั่งขาเข้าเมือง เยื้องแมคโครรังสิต 12 -21 ต.ค. 53

หมายเหตุ แผนที่ ปั๊ม ปตท. รังสิต

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

แผนที่ ปั๊มพ์ ปตท.รังสิต

(คลิ้กที่ภาพ เพื่อดูแผนที่ขนาดเต็ม)

ท่านสามารถดูรายละเอียดรถตู้ฟรี เพื่อไปฟังธรรม สวนสันติธรรม ได้ที่นี่

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องข้อกล่าวหาหลวงพ่อฯ เกี่ยวกับปัจจัยการเทศน์นอกสถานที่

ประกาศสวนสันติธรรม
เรื่องการกล่าวหาหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
ว่ายักยอกปัจจัยบูชาธรรมจากบัญชีของสวนสันติธรรม
วันที่ 1 ตุลาคม 2553

ตามที่มีผู้กล่าวหาว่า ปัจจัยบูชาธรรมที่มีผู้ถวายหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช จำนวนหลายสิบล้านบาท ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรม แสดงว่ามีการยักยอกเงินดังกล่าวนั้นสวนสันติธรรมขอชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกันว่า ปัจจัยบูชาธรรมที่สาธุชนผู้ไปฟังหลวงพ่อปราโมทย์บรรยายธรรมตามสถานที่ต่างๆ นั้น เป็นปัจจัยที่สาธุชนเจาะจงถวายหลวงพ่อปราโมทย์เป็นการส่วนตัว ไม่ใช่ปัจจัยที่บริจาคแด่สวนสันติธรรม จึงไม่มีการโอนเงินเข้าบัญชีของสวนสันติธรรม และปัจจัยบูชาธรรมเหล่านั้น ก็ไม่ได้มากถึงรายละ 3 – 4 แสนบาท หรือถึงล้านกว่าบาทตามที่มีการปล่อยข่าวเพื่อให้ดูมากจนน่าตกใจ

นับตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2549 ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์รับนิมนต์ไปแสดงธรรมนอกสถานที่ครั้งแรก จนถึงต้นเดือนกันยายน 2553 หลวงพ่อปราโมทย์ได้แสดงธรรมนอกสถานที่รวมทั้งสิ้น 76 ครั้ง มีเพียง 4 ครั้งที่มีผู้ถวายปัจจัยบูชาธรรมเกินกว่า 200,000 บาท และบ่อยครั้งหากเป็นการแสดงธรรมตามวัด ศาสนสถาน มูลนิธิบางแห่ง หรือโรงพยาบาลของรัฐ หลวงพ่อปราโมทย์จะยกปัจจัยบูชาธรรมทั้งหมดพร้อมทั้งสิ่งของต่างๆ ให้กับสถานที่นั้น บางกรณียังได้บริจาคเงินสมทบทุนให้กับสถานที่นั้นด้วย แม้บางครั้งผู้จัดการแสดงธรรมซึ่งไม่เข้าข่ายองค์กรต่างๆ ที่หลวงพ่อปราโมทย์จะยกปัจจัยบูชาธรรมให้ หากมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อดูแลสถานที่ หรือเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นประโยชน์ หลวงพ่อปราโมทย์ก็ยกปัจจัยบูชาธรรมให้ทั้งหมดเช่นกัน

ส่วนปัจจัยบูชาธรรมที่เหลือ ก็นำมาเป็นค่าใช้จ่ายของสวนสันติธรรมบางรายการ  บางส่วนก็เก็บเป็นทุนสำรองเพื่อดูแลสวนสันติธรรมบ้าง เพื่อเตรียมเป็นทุนเบื้องต้นในการก่อสร้างถาวรวัตถุบางอย่างในสวนสันติธรรม เช่น พระอุโบสถและเจดีย์บ้าง และหลวงพ่อปราโมทย์ใช้ทำบุญต่างๆ บ้าง ที่ใช้ส่วนตัวของหลวงพ่อปราโมทย์จริงๆ นั้นไม่มากนัก

อนึ่ง สวนสันติธรรมมีความยินดีและพร้อมจะเปิดเผยบัญชีเงินฝากปัจจัยส่วนนี้ต่อส่วนราชการที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงได้เสมอ

อ้างอิง : http://wimutti.net/forum/index.php?topic=3888.0

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ***

1. Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

2. Dhammada News: กรณีเงินบริจาคที่ได้รับจากการเทศน์ที่ยุวพุทธฯ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ยอดเงิน 1.2 ล้านบาท ที่ยุวพุทธ มาจากไหน? คำตอบที่ต้องรอจากผู้กล่าวหา…

บางส่วนจากข่าว คมชัดลึก : http://www.komchadluek.net/detail/20100930/74924/กก.มส.ชี้สอบคำสอนพระปราโมทย์ต้องใช้เวลา.htm

ทีมงานเวปธรรมดาขอให้ทุกท่านได้ร่วมพิจารณา คำให้สัมภาษณ์ของแกนนำกลุ่มชาวพุทธผู้รักษ์ศาสนาตามข่าวดังนี้

นายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ติดตามข่าวเกี่ยวกับสวนสันติธรรม เปิดเผยต่อ “คม ชัด ลึก” ว่าหลังจากที่ได้รับเอกสารจากนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย อดีตประธานกรรมการบริหารสวนสันติธรรมที่ถอนตัวออกมา โดยได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของสวนสันติธรรม พบว่ามีเม็ดเงินหายไปจำนวนหนึ่ง โดยไม่มีรายได้ระบุไว้ในบัญชีทั้ง 7 บัญชีที่ทนายความได้ส่งให้ดีเอสไอ

ผมได้ตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายของสวนสันติธรรมตั้งแต่ปี 2551 ถึงเดือนกันยายน 2552 นั้น ไม่พบว่ามีบัญชีรายรับซึ่งได้มาจากการเดินสายแสดงธรรมในสถานที่ต่างๆ 65 แห่ง ซึ่งเชื่อว่าแต่ละแห่งที่ไปนั้น ทางผู้ศรัทธาจะบริจาคหรือทำบุญให้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนตุลาคม 2552 มีการแสดงธรรมยุวพุทธ มีการเรี่ยไรเงินทำบุญถึง 1.2 ล้าน แต่ก็ไม่มีปรากฏอยู่ในบัญชี เราคำนวณคร่าวๆ การแสดงธรรม 65 ครั้งน่าจะมีรายรับ 15-20 ล้านเลยทีเดียว” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

.

จากการตรวจสอบเพิ่มเติมทางทีมงานเวปธรรมดาได้พบคลิปเสียงที่ยืนยันยอดเงินปัจจัยฟังธรรม ณ วันที่หลวงพ่อปราโมทย์ไปเทศน์ ณ ยุวพุทธิกสมาคม เป็นยอดเงินที่รวบรวมได้ตอนท้ายของการเทศน์ที่ยอดประมาณ 113,000 บาท และมีการทำบุญเพิ่มเติมหลังจากที่ประกาศถวายแล้วอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมกับยอดที่ได้ประกาศไว้ในตอนต้นแล้วจะได้ จำนวนรวมทั้งสิ้นเพียง 201,021.00 บาท หักค่าโอนผ่านธนาคารแล้ว (จะไม่อยู่ในคลิป) ซึ่งทีมงานพบว่าเป็นไปได้ยากที่ยอด 113,000  บาท จะเพิ่มเป็น 1.2 ล้านบาท ได้ในระยะเวลาที่สั้นๆก่อนทางยุวพุทธจะปิดกล่องแล้วนับเงินตามที่ประกาศไว้

ขอให้ร่วมฟังคลิปเสียง ณ ที่ ยุวพุทธิกสมาคมดังนี้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

อนึ่งมีผู้ให้ความสงสัยแต่ยังไม่ได้รับการยืนยันว่า แกนนำคนดังกล่าว อาจจะเป็นคนที่เคยใช้ชื่อ Satoranai ใน www.pantip.com ที่ห้องศาสนา โดยส่วนใหญ่ได้ตั้งกระทู้วิพากย์วิจารณ์หลวงพ่อปราโมทย์อย่างร้อนแรงต่อเนื่องนานหลายเดือน จนกระทั่งถูก Webmaster ยึดล๊อกอินหลายครั้ง ซึ่งปัจจุบัน ก็มีคนใช้ชื่อ Satoranai ระดมสมาชิกในบางเวปบอร์ดเพื่อร่วมลงชื่อเข้าร้องเรียนกล่าวหาหลวงพ่อปราโมทย์กับทาง DSI และหน่วยงานอื่นๆ เช่นกัน

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ***

1. Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

2. Dhammada News : ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องข้อกล่าวหาหลวงพ่อฯ เกี่ยวกับปัจจัยการเทศน์นอกสถานที่

3. Dhammada News: กรณีเงินบริจาคที่ได้รับจากการเทศน์ที่ยุวพุทธฯ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Download Now! (uploaded ๒ ตุลาคม ๒๕๕๓)

Download Now

ดาวน์โหลดพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช สวนสันติธรรม ศรีราชา ชลบุรี

    uploaded: ๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๓

  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันอังคารที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ ก่อนฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK
  • แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
    Click here THAI-1 THAI-2 USA UK

ดาวน์โหลดไฟล์อื่นๆได้ ที่นี่

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : บทสรุปพระปราโมทย์ VS ฐิตินาถ เมื่อวิถีแห่งความรู้แจ้งลอกคราบ “เข็มทิศชีวิต” โดย ASTV รายสัปดาห์

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ท ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อหา

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กรณี “พระปราโมทย์ ปาโมชโช” เจ้าสำนักสวนสันติธรรม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่ตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้นั้น ถ้าหากจะมองด้วยใจที่เป็น “ธรรม” คงต้องแยกแยะปฐมเหตุอันเป็นที่มาของเรื่องทั้งหมดออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือส่วนของผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา

จากนั้นก็มาแยกแยะทีละประเด็นถึงเหตุผลของแต่ละฝ่ายว่า ใครน่าเชื่อถือมากกว่ากัน

กล่าวคือ ในส่วนของผู้ถูกกล่าวหาคือตัวของพระปราโมทย์เองนั้นมีข้อกล่าวหาที่จะต้องตอบคำถามอยู่ 3 ประการ ประกอบด้วย

หนึ่ง-ข้อกล่าวหาในเรื่องทรัพย์สินที่ยักย้ายถ่ายเทให้กับ “แม่ชีอรนุช สันตยากร” อดีตภรรยา

สอง-ข้อกล่าวหาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุช

และสาม-ข้อกล่าวหาในเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรม

ขณะที่ในส่วนของ “ผู้กล่าวหา” ที่นำโดย น.ส.ฐิตินาถ ณ พัทลุง ผู้เขียนหนังสือเข็มทิศชีวิต นายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวีรณัฐ โรจนประภา เจ้าของนิตยสารบากกอกและประธานมูลนิธิบ้านเอื้ออารีย์ รวมทั้งนายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ก็มีประเด็นที่จะต้องชี้แจงให้กับสังคมเช่นกันว่า มีเบื้องหน้าและเบื้องหลังอะไรหรือไม่ เพราะการที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ออกมาโจมตีพระปราโมทย์ด้วยข้อกล่าวหาที่หนักหนาสาหัส 3 ข้อพร้อมกับยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา

เนื่องเพราะคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เคยเป็นลูกศิษย์และได้รับผลประโยชน์จากการเป็นลูกศิษย์ของพระปราโมทย์ไปไม่น้อย

**หักเข็มทิศครั้งที่ 1
ที่ดิน-เงินไร้ปัญหา

เริ่มต้นจากตัวพระปราโมทย์เองนั้น ถ้าหากพิจารณาด้วยใจที่เป็นธรรม ก็ต้องบอกว่า เรื่องที่นำมาแฉโพย พระปราโมทย์ ยังไม่มีหลักฐานเด็ดหรือหมัดน็อกที่ทำให้จนมุมเลยแม้แต่ข้อเดียว

สำหรับประเด็นแรกคือ กรณีเรื่องที่พระปราโมทย์มอบให้แม่ชีอรนุชเป็นคนดูแลบัญชีนั้น สิ่งที่น่าจะตอบคำถามทั้งหมด ก็น่าจะเป็นการที่นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ระบุชัดว่า การที่พระปราโมทย์มอบให้แม่ชีอรนุชเป็นผู้ถือบัญชีถือว่าไม่ผิดวินัยสงฆ์ ส่วนเรื่องที่ดินอันเป็นที่ตั้งของวัดก็ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องเช่นกัน

หรือดังเช่นที่ “นายเกรียงกมล เลาหไพโรจน์” เพื่อนร่วมรุ่นรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ของพระปราโมทย์ที่ให้ความเห็นว่า “การตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นมาอุทิศตนสามีบวชพระ ภรรยาบวชชี และอยู่กินกันมากับภรรยาก็คงไม่รู้จะใส่ชื่อใครเพราะเป็นพระจะถือครองที่ดินไม่ได้ จะไปใส่ชื่อคนอื่นก็ไม่รู้ว่าจะนำไปขายเมื่อไหร่ แล้วคนอีกเป็นร้อยเป็นพันที่ต้องอาศัยที่ตรงนั้นจะทำอย่างไรแล้วเงินที่บริจาคมาจะไว้ใจใครได้นอกจากคนที่เชื่อถือกันมากที่สุด”

ขณะเดียวกันเมื่อรับฟังคำชี้แจงของนายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของพระปราโมทย์ก็ต้องบอกว่าเป็นเหตุเป็นผลไม่น้อย

นายธนเดชอธิบายว่า ในช่วงของการซื้อที่ดิน น.ส.ฐิตินาถ ได้ร้องขอเป็นผู้ซื้อที่ดิน แต่ทางพระปราโมทย์ขอให้ใช้ชื่อของแม่ชีอรนุช เนื่องจากว่า ไว้วางใจมากกว่า จึงทำให้มีชื่อของแม่ชีอรนุช เป็นเจ้าของที่ดินมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2548 มิใช่การโอนถ่ายให้แก่แม่ชีอรนุชในภายหลังแต่อย่างใด ส่วนการดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการก่อสร้าง และตลอดจนการดำเนินงานของสวนสันติธรรมได้กระทำอย่างโปร่งใส มีบุคคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียง ได้เข้ามารับรู้และทราบเรื่องเป็นจำนวนมาก

ด้านการบริหารเงินที่ได้รับบริจาคมาของสวนสันติธรรม แม่ชีอรนุชไม่ใช่ผู้ดูแลบัญชีเงินรับบริจาคแต่เพียงผู้เดียว โดยในระยะก่อสร้างสวนสันติธรรม เบื้องต้นมีการเปิดบัญชีเพื่อสร้างสวนสันติธรรมในนามของแม่ชีอรนุชร่วมกับ น.ส.ฐิตินาถ ซึ่งการลงนามเบิกเงินจะต้องลงนามร่วมกัน โดย น.ส.ฐิตินาถจะเป็นผู้ขอเบิกจ่ายเนื่องจากเป็นผู้ดูแลการก่อสร้าง และนายธนา รุจิพัฒนกุล เป็นผู้ถือสมุดบัญชีเงินฝากและตรวจสอบรายรับรายจ่าย และในช่วงที่สวนสันติธรรมเปิดการแสดงธรรมแล้ว มีการเปิดบัญชีอีกบัญชีหนึ่งในนามของแม่ชีอรนุชและ น.ส.ฐิตินาถร่วมกัน เพื่อดูแลเงินที่สาธุชนถวายสงฆ์เพื่อบำรุงสวนสันติธรรม

ส่วนระยะหลังการก่อสร้าง ในช่วงท้ายของการก่อสร้าง น.ส.ฐิตินาถวางมือเนื่องจากมีภาระส่วนตัว แม่ชีอรนุชจึงต้องรับภาระดูแลบัญชีตามลำพัง ในช่วงธันวาคม 2549 เป็นต้นมา โดยปิดบัญชีสร้างสวนสันติธรรมเพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และปิดบัญชีบำรุงสวนสันติธรรมเดิมโดยถ่ายโอนเงินไปเปิดบัญชีใหม่ในนามของแม่ชีอรนุชตามลำพัง เนื่องจาก น.ส.ฐิตินาถไม่ได้อยู่ในสวนสันติธรรมแล้ว แต่การใช้จ่ายทุกอย่างมีหลักฐานการเบิกจ่ายทั้งสิ้น และต่อมาเมื่อมีเงินในบัญชีมากขึ้น สวนสันติธรรมจึงได้เปิดบัญชีธนาคารใหม่เมื่อ 22 ส.ค.51 ในนามของแม่ชีอรนุช นายอภิชาติ อัศวเรืองชัย และน.ส.ชยาทร เตชะไพบูลย์ และทุกสิ้นเดือน แม่ชีอรนุชจะทำบัญชีส่งให้นายอภิชาติเป็นหลักฐานด้วย อย่างไรก็ตามตั้งแต่นายอภิชาติลาออกจากการเป็นประธานกรรมการสวนสันติธรรมเมื่อ 15 ม.ค.53 ก็ไม่มีการเบิกเงินจากบัญชีนี้แต่อย่างใด

นายธนเดชชี้แจงด้วยว่า สำหรับระยะปัจจุบัน เมื่อ 18 ก.พ.53 มีการเปิดบัญชีใหม่ ในนามของนายสุรพล สายพานิช นายธนา รุจิพัฒนกุล และ น.ส.กนิษฐวิริยา ต.สุวรรณ ทั้งนี้แม่ชีอรนุชทำหน้าที่เพียงการควบคุมการเบิกจ่ายเงินสดย่อย และสรุปยอดบัญชีรายเดือนส่งให้นายสุรพล ซึ่งได้จ้างนักบัญชีตรวจสอบบัญชีอีกชั้นหนึ่งด้วย

นี่คือความกระจ่างชัดจากคำตอบที่มาจากพระปราโมทย์

และตอกย้ำกันที่ผลการตรวจสอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่สรุปข้อเท็จจริงเรื่องที่ดินและเงินของสวนสันติธรรมว่า จากรายงานของผู้อำนวยการ พศ.จังหวัด คณะกรรมการชุดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ตั้งขึ้นมา สรุปผลออกมาเรียบร้อยแล้วใน 2 ประเด็น คือ เรื่องเงินเรื่องและที่ดิน

กล่าวสำหรับเรื่องเงิน คณะกรรมการสรุปว่า มีการนำบัญชีรายรับรายจ่ายมาแสดงให้ดูอย่างถูกต้องตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2553 ส่วนเรื่องที่ดินที่ต้องให้มีบุคคลถือครองที่ดินเพราะความมุ่งหมายเดิมต้องการเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ไม่ได้เป็นวัด ต่อมามีความพร้อมจึงยื่นขอจดทะเบียนเป็นวัดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งหากได้รับอนุญาต ภายใน 5 ปี จะต้องดำเนินการก่อสร้างวัด และขออนุญาตตั้งชื่อวัด และในเวลานั้น จึงต้องแจ้งโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้เป็นชื่อวัด
สรุปก็คือ สวนสันติธรรมที่มีมีเงินเหลืออยู่ในขณะนี้ทั้งหมด 21,154,992.10 บาทไม่ได้มีปัญหาตามที่กล่าวหาแต่อย่างใด

ทว่า ปัญหาดูเหมือนจะไม่จบลงเท่านั้น เพราะกลุ่มผู้กล่าวหาซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 ก.ย.โดยในเอกสารประกอบการแถลงข่าว นายเทิดศักดิ์ได้ตั้งคำถามอีกว่า บัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรมมีเพียง 21 ล้านบาทใน 7บัญชีเท่านั้น ใช่หรือไม่ ถ้ามีเพิ่มจากบัญชีในชื่อนางอรนุช สันตยากร อดีตภรรยา หรือ การตกแต่งบัญชีเงินบริจาค ถือเป็นการยักยอกหรือไม่  พร้อมทั้งยังระบุอีกว่า มีบัญชีเงินฝากในนามนางอรนุช 1 บัญชีที่ไม่ได้ถูกยื่นให้กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบ  ในเบื้องต้นมีการตรวจสอบบัญชีรายรับ/จ่าย ของนายอภิชาต อัศวเรืองชัย  พบว่า น่าจะมีบางรายการที่ไม่ได้ถูกรวมเข้ามาอยู่ในบัญชีรายรับ/จ่ายของสวนสันติธรรมด้วย ซึ่งจะนำให้ดีเอสไอพิจารณาต่อไป

สิ่งที่ผิดสังเกตก็คือ กลุ่มอดีตลูกศิษย์เหล่านี้ทำได้แค่เพียงตั้งข้อสงสัยและไม่ได้มีการนำหลักฐานเอกสารเพิ่มเติมมาแสดงเพื่อให้เกิดความเชื่อถือแต่อย่างใด

**หักเข็มทิศครั้งที่ 2
ไร้หลักฐานโยงความสัมพันธ์แม่ชีอรนุช

ประเด็นที่สองคือเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุชนั้น สิ่งที่พุทธศาสนิกชนต้องพึงทราบก็คือ แม้พระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุชจะไม่ได้หย่าขาดกันทางกฎหมาย แต่ในทางธรรมแล้ว “ขนบ” และ “ประเพณี” ซึ่งเป็นที่รับรู้และปฏิบัติกันมาโดยตลอดก็คือ เมื่อมีการบรรพชาอุปสมบทเข้ามาในพระพุทธศาสนา และเป็นสมณเพศแล้ว ก็ถือเป็นการขาดจากกันในความสัมพันธ์ที่เคยมีมาในทางโลกไปด้วย

ขณะเดียวกันเมื่อมีการพาสื่อมวลชนไปตรวจสอบกุฏิที่อาศัยระหว่างพระปราโมทย์กับแม่ชีอรนุช ก็จะเห็นว่า ตั้งอยู่ห่างกัน 120-130 เมตร ซึ่งก็เป็นระยะที่ห่างกันพอสมควร นอกจากนี้ยังมีถนนคอนกรีต มีต้นไม้กั้น ทำให้ไม่สามารถมองเห็นกันได้ ทั้งยังมีกุฏิของพระอุปัฏฐากอยู่ใกล้กุฏิพระปราโมทย์เพื่อคอยดูแล ซึ่งการวางผังที่ตั้งกุฏินี้ น.ส.ฐิตินาถเป็นผู้กำหนดแบบไว้ตั้งแต่ก่อสร้าง และยังขอให้มีการสลับกุฏิกับพระอุปัฏฐากเพื่อความปลอดภัยของพระปราโมทย์ นอกจากนี้กุฏิของพระปราโมทย์และแม่ชีอรนุชยังอยู่ในระยะไม่ไกลจากบ้านอนาลโยของ น.ส.ฐิตินาถก่อนที่จะมีการสร้างรั้วคอนกรีตกั้นในภายหลัง

เช่นเดียวกับปัญหาเรื่อง “เขตห้ามเข้า” ที่มีความพยายามที่จะตีประเด็นว่า มีอะไรซุกซ่อนอยู่หรือไม่จึงห้ามเข้า ก็ต้องเข้าใจเช่นกันว่า เป็นเรื่องปกติของเขตพื้นที่ปฏิบัติธรรม เขตสังฆาวาสที่จะห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป ซึ่งไม่ใช่เฉพาะที่สวนสันติธรรมเท่านั้น หากแต่วัดสายปฏิบัติเกือบทุกวันก็มีข้อห้ามเยี่ยงนี้เช่นกัน

**หักเข็มทิศครั้งที่ 3
ใครกันแน่อวดอุตริมนุสธรรม

ส่วนเรื่องการอวดอุตริมนุสสธรรมที่ฝ่ายผู้กล่าวหากำลังเร่งเครื่องอย่างหนักในเวลานี้นั้น ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่จะวินิจฉัยกันได้โดยง่าย หากแต่ต้องอาศัยผู้ทรงภูมิธรรมว่าวิเคราะห์กันทีละประเด็นว่าเข้าข่ายหรือไม่

ที่สำคัญคือหลักฐานที่ฝ่ายผู้กล่าวหานำมาแสดงเป็นคลิปเสียงต่างๆ ก็ไม่ได้นำมาแสดงทั้งหมด แต่ตัดเอามาจากบางส่วนบางตอนของคำเทศนา ซึ่งก็ไม่เป็นธรรมที่จะกล่าวหาว่าอวดอุตริมนุสธรรมในทันที เพราะถ้าฟังคำเทศนาโดยรวม อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งในประเด็นนี้ ก็คงต้องรอการพิสูจน์จากผลสอบของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติกันต่อไป
เช่นเดียวกับข้อกล่าวหาเรื่องการอวดอุตริมนุสธรรมที่อ้างจากหนังสือ “วิมุตติปฏิปทา” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 โดยระบุว่า “ผู้เขียน(ซึ่งหมายถึงพระปราโมทย์) ก็สามารถรู้สภาวะจิตของผู้อื่นได้เหมือนสภาวะจิตของตนเอง” ก็เป็นข้อกล่าวหาซึ่งผู้ที่รู้ข้อเท็จจริงอดเศร้าใจไม่ได้ เพราะหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่พระปราโมทย์เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่เป็นฆราวาส เขียนในนามปากกาที่ชื่อว่า “สันตินันท์”

ที่สำคัญคือการจัดพิมพ์หนังสือดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นการจัดพิมพ์ครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 ก็เป็นการดำเนินการโดยลูกศิษย์ พระปราโมทย์ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวแต่ประการใด

นอกจากนั้น ถ้าหันกลับไปพิจารณาจากคำให้การของลูกศิษย์ที่ยังคงศรัทธาในธรรมะและตัวหลวงพ่อปราโมทย์ก็จะพบว่า เป็นไปในทางที่ตรงกันข้าม ดังเช่นในรายของ “สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา” ที่สรุปเอาไว้ว่า….”ในประเด็นอวดอุตริมนุสธรรมนั้น ผมไม่ขอพูดถึงนะครับ เพราะเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ที่จะต้องดำเนินการ…..ผมเชื่อมั่นว่า แนวทางที่หลวงพ่อสอนนั้น สามารถนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ครับ เพราะหลวงพ่อสอนให้มีสติ มีจิตตั้งมั่นและหัดรู้รูปนามเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม ซึ่งจากการได้ปฏิบัติตาม ก็เห็นไตรลักษณ์ได้จริงๆ”

ขณะที่เมื่อไปตรวจสอบผู้กล่าวหาคนสำคัญจากมูลนิธิบ้านอารีย์อย่าง “วีรณัฐ โรจนประภา” ที่ให้สัมภาษณ์ “เนชั่นสุดสัปดาห์” ก็มีข้อให้ชวนให้ขบคิดเช่นกันเช่นกัน

“เท่าที่ผมสังเกตดู ก่อนหน้านี้จะไม่มีการดูจิตทายใจเป็นถี่ๆ หรือมากๆ แบบหลวงพ่อปราโมทย์ ซึ่งเพิ่งจะมีมาตอนที่หลวงพ่อปราโมทย์มาสอนนี่แหละ ตอนแรกที่เรียนก็จะได้ผลดีจริงๆ อย่างที่ทุกคนประสบ อย่างผม เห็นญาติธรรมที่เข้ามาตั้งแต่วันแรกที่มีทุกข์ เข้ามาก็มาพึ่งธรรมะ พึ่งคำสอนในระบบนี้ไป สามเดือนห้าเดือนทุกข์จากคลาย มีความสุขมากขึ้น ผ่านไปปีนึ่งก็มีความอยากให้พ้นทุกข์ยิ่งๆ ขึ้น ตอนแรกๆ ผมก็รู้สึกภูมิใจ ดีใจที่ได้เผยแผ่การสอนในระบบนี้ แต่พอมาถึงช่วงหนึ่ง จุดหนึ่ง นานวันเข้า ความสุขอะไรก็ยังมีอยู่จริง แต่ว่าความอ่อนแอตามาด้วย คือทุกคนรอที่จะถึงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์จากหลวงพ่อปราโมทย์ท่าน”

และเมื่อถามว่าพิสูจน์จากอะไร

นายวีรณัฐตอบว่า “จากที่เวลารับกิจนิมนต์ คนจองคิวกันยาวเหยียด การสอบทานเรื่องการปฏิบัติก็ต้อมีการจับฉลากบัตร จัดคิว ระบบการเรียนการสอนเองที่พอเรียนเข้าจริงๆ แล้วสุดท้ายก็ต้องบอกแต่ว่า วันเสาร์ไปส่งการบ้าน วันไหนไปให้หลวงพ่อตรวจ อันนี้ต้องให้หลวงพ่อดู ทั้งหลายทั้งปวงในระบบนี้ สุดท้ายเรากลับไปพึ่งความสามารถพิเศษของพระรูปหนึ่ง จุดนี้เองที่ผมทักท้วงไปว่า อย่างนี้ถูกต้องแล้วหรือ ที่ตอนหลังคนเรียนมีการพึ่งพิงตนเองได้น้อยลงขนาดนี้”

**เข็มทิศชีวิตที่หลงทาง
ของ “อ้อย-ฐิตินาถ”

ดังนั้น เมื่อประจักษ์พยานและหลักฐานปรากฏออกมาในลักษณะนี้ สังคมก็มีสิทธิที่จะย้อนกลับไปตั้งคำถามกับกลุ่มผู้กล่าวหาเช่นกัน เพราะถ้าย้อนกลับไปดูเส้นทางของคนเหล่านี้ ก็ต้องบอกว่า เป็นกลุ่มที่เคยมีผลประโยชน์จากธรรมะของพระปราโมทย์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ฐิตินาถหรือมูลนิธิบ้านอารีย์

โดยเฉพาะน.ส.ฐิตินาถนั้น การที่เธอออกมาเรียกร้องขอคืนเงินบริจาค 4.3 ล้านบาท ที่ได้ร่วมก่อสร้างสวนสันติธรรม ด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะที่ดินที่ซื้อมาด้วยเงินบริจาคนั้น พระปราโมทย์โอนไปให้แม่ชีอรนุชดูแล ก็เป็นคำตอบอยู่ในตัวเองว่าน่าจะเป็นเรื่องของความผิดหวังที่ไม่สามารถเป็น “เข็มทิศชีวิต” ให้กับสวนสันติธรรมและพระปราโมทย์ได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา

เพราะถ้า น.ส.ฐิตินาถสามารถดำรงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของของพระปราโมทย์เหมือนเช่นที่ผ่านมา ดังที่เคยวางผังปลูก “บ้านอนาลโย” เอาไว้ใกล้ๆ กับกุฎิของพระปราโมทย์แล้ว คงไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ออกมาเป็นแน่แท้

ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า ที่ดินอันเป็นที่ตั้งของสวนสันติธรรมนั้น ก็มีประวัติที่ไม่ธรรมดาเพราะก่อนที่จะตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนี้ ก็มีที่ดินอีกหลายแปลงที่เป็นทางเลือกและไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับที่ดินผืนนี้ เช่น ที่ดินที่จังหวัดนครนายกเป็นต้น

แต่เหตุที่มาลงเอยที่อำเภอศรีราชาก็เพราะมี “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” เป็นผู้อ้อนวอน ร้องขอ เป็นตัวตั้งตัวตีและเจ้ากี้เจ้าการอย่างผิดปกติ

ว่ากันว่า ข้ออ้างสำคัญที่ทำให้พระปราโมทย์ตัดสินใจซื้อก็เพราะมีข้ออ้างว่า “ได้มีการวางเงินไปแล้ว” ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น

ขณะเดียวกัน คนที่ผ่านไปผ่านมาบริเวณสวนสันติธรรม ถ้าสังเกตุให้ดีก็จะเห็น “ที่ดินผืนงาม” และ “ขนาดใหญ่” อีกผืนหนึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสวนสันติธรรมแห่งนี้ และผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้ก็มิใช่ใครอื่น แต่เป็น “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” อีกเช่นเคย

ไม่มีใครรู้ว่า ที่ดินผืนนี้บังเอิญหรือเจตนามาอยู่ใกล้กับสวนสันติธรรมของพระปราโมทย์กันแน่ แต่วิญญูชนผู้มีใจเป็นธรรมคงสามารถคาดเดาได้ไม่ยากนักว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

ที่น่าสนใจคือ ก่อนที่จะซื้อไม่มีปัญหา แต่หลังจากที่ซื้อแล้วกลับเกิดปัญหาขึ้น เมื่อพระปราโมทย์โอนไปให้แม่ชีอรนุชดูแล เนื่องจาก “มีความไว้วางใจมากกว่า” ซึ่งหลายคนคาดเดาว่า นั่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นและกลายเป็นมูลเหตุของปัญหาที่เกิดกับสวนสันติธรรมในเวลาต่อมาก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะยังไม่มีบทสรุป แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนหนังสือชื่อดังจะต้องกลับไปทบทวนตัวเองและตกผลึกความคิดของตัวเองอีกครั้งก็คือ เข็มทิศชีวิตที่ตัวเองเขียนขึ้นมาสำหรับใช้ช่วยเหลือผู้อื่นจนขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่านั้น ทำไมถึงไม่สามารถเป็นเข็มทิศชีวิตให้เธอดำเนินไปในทางที่ถูกที่ควรได้

อ้างอิง  : http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9530000138289

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง แนะนำให้อ่าน ***

1. Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

2. Dhammada News : เจาะประเด็น “วิมุตติปฎิปทา” หลักฐานสำคัญของผู้กล่าวอ้าง

3. Dhammada News: อ.สุรวัฒน์ชี้แจง กรณีประธานบ้านอารีย์โต้แย้งเรื่องกรรมการที่ลาออกข่มขู่กรรมการที่เหลือ

4. Dhammada News: จดหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสวนสันติธรรม

5. Dhammada News: คือการให้กำลังใจในการภาวนา หรือ คือการหลอกลวง

6. Dhammada News: หลักฐานอวดว่าเป็นอรหันต์ แท้จริงคือการสอนศิษย์ให้ระมัดระวังการภาวนา ไม่ใช่อวดอ้างว่าตนเป็นอรหันต์แต่อย่างใด

7. Dhammada News: ประธานบ้านอารีย์อ้างลูกศิษย์หลวงพ่อฯลือว่าตนโดนปีศาจกิ้งก่าสมัยทวาราวดีเข้าสิง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ตอบข้อสงสัยทุกท่าน…เรื่องเงินติดกัณฑ์เทศน์นอกสถานที่

ตามที่มีผู้กล่าวหาว่า ปัจจัยบูชาธรรมที่มีผู้ถวายหลวงพ่อปราโมทย์  จำนวนมาก ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีเงินฝากของสวนสันติธรรมนั้น

ทางทีมงานเวปธรรมดาได้ทำการตรวจสอบแล้วได้ข้อมูลมาดังต่อไปนี้

1. โดยส่วนใหญ่ถ้าหลวงพ่อฯไปเทศน์ในองค์กรการกุศล หรือที่มีโครงการจะนำเงินนี้ไปใช้ในการกุศลได้  รวมถึงวัด หรือโรงพยาบาลของรัฐ หลวงพ่อจะยกเงินปัจจัยบูชาธรรมให้ทั้งหมด
2. ถ้าไปเทศน์ในองค์กรเอกชนหากองค์กรนั้นๆ มีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อดูแลสถานที่ หรือเพื่อกิจการอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นประโยชน์ หลวงพ่อฯก็จะยกเงินปัจจัยบูชาธรรมให้ทั้งหมดเช่นกัน
3. พวกผ้าไตรและข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ถ้าเป็นวัด หรือต่างจังหวัด หลวงพ่อจะยกให้วัด หรือให้เจ้าภาพนำไปถวายวัดในจังหวัดนั้น ๆ ทั้งหมดแต่ถ้าในกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ก็จะส่งไปวัดที่อีสาน ดังเช่นของถวายจากศาลาลุงชิน เป็นต้น

ทั้งนี้ทางทีมเวปธรรมดา ได้รวบรวมข้อมูลและหลักฐานบางส่วนเท่าที่จะหาได้ในตอนนี้ มาเพื่อให้ทุกท่านได้ร่วมพิจารณาและคลายข้อสงสัย ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มขึ้นทางทีมงานก็จะอัพเดทเรื่อยๆครับ

หลักฐานยืนยันจากคลิปเสียงบางส่วน ที่หลวงพ่อยกปัจจัยจากการเทศน์ให้กับเจ้าของสถานที่

>>> โรงพยาบาลกลาง <<<

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

>>> เสถียรธรรมสถาน <<<

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

>>> ค่ายคุณธรรม “เรียนรู้กายใจ” จ.นครสวรรค์ <<<

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

>>> มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา <<<

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

>>> โรงพยาบาลนครปฐม <<<

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

รวมพยานบุคคลยืนยันบางส่วน จาก Facebook

*** ข่าวที่เกี่ยวข้อง ***

1. Dhammada News : ประกาศสวนสันติธรรม เรื่องข้อกล่าวหาหลวงพ่อฯ เกี่ยวกับปัจจัยการเทศน์นอกสถานที่

2. Dhammada News: กรณีเงินบริจาคที่ได้รับจากการเทศน์ที่ยุวพุทธฯ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: กรณีเงินบริจาคที่ได้รับจากการเทศน์ที่ยุวพุทธฯ

อ้างอิง คมชัดลึก : http://www.komchadluek.net/detail/20100930/74924/กก.มส.ชี้สอบคำสอนพระปราโมทย์ต้องใช้เวลา.html

มติชน      : http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1285857417&grpid=&catid=02

บางส่วนจากข่าว

นายเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้ติดตามข่าวเกี่ยวกับสวนสันติธรรม เปิดเผยต่อ “คม ชัด ลึก” ว่าหลังจากที่ได้รับเอกสารจากนายอภิชาติ อัศวเรืองชัย อดีตประธานกรรมการบริหารสวนสันติธรรมที่ถอนตัวออกมา โดยได้ตรวจสอบเอกสารทั้งหมดกับบัญชีรายรับ-รายจ่ายของสวนสันติธรรม พบว่ามีเม็ดเงินหายไปจำนวนหนึ่ง โดยไม่มีรายได้ระบุไว้ในบัญชีทั้ง 7 บัญชีที่ทนายความได้ส่งให้ดีเอสไอ

“ผมได้ตรวจสอบเอกสารรายรับรายจ่ายของสวนสันติธรรมตั้งแต่ปี 2551 ถึงเดือนกันยายน 2552 นั้น ไม่พบว่ามีบัญชีรายรับซึ่งได้มาจากการเดินสายแสดงธรรมในสถานที่ต่างๆ 65 แห่ง ซึ่งเชื่อว่าแต่ละแห่งที่ไปนั้น ทางผู้ศรัทธาจะบริจาคหรือทำบุญให้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนตุลาคม 2552 มีการแสดงธรรมยุวพุทธ มีการเรี่ยไรเงินทำบุญถึง 1.2 ล้าน แต่ก็ไม่มีปรากฏอยู่ในบัญชี เราคำนวณคร่าวๆ การแสดงธรรม 65 ครั้งน่าจะมีรายรับ 15-20 ล้านเลยทีเดียว” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

.

ประเด็นที่แท้จริง

จากที่ สื่อบางแห่งได้ลงข่าวในเวปไซด์ตน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 53 ถึง กรณีเงินบริจาคจากการที่หลวงพ่อปราโมทย์ไปเทศน์

ที่ยุวพุทธิกสมาคม เมื่อเดือน ตุลาคม 2552 โดยมีความเข้าใจผิดว่าเป็นยอดเงินประมาณ หนึ่งล้านสองแสนบาทนั้น

ทางทีมงานเวปธรรมดาฯได้ทำการตรวจสอบแล้วพบว่า ความเป็นจริงแล้ว ปัจจัยที่ผู้มาฟังธรรมมอบให้กับ

หลวงพ่อปราโมทย์นั้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 201,021.00 บาท (หักค่าโอนผ่านธนาคารแล้ว) และหลวงพ่อฯ

ก็ได้อนุโมทนากับทางยุวพุทธด้วยแล้วครับ”

.

โดยเวปไซด์ของสื่อรายหนึ่งได้นำข้อความเรื่องจำนวนเงิน หนึ่งล้านสองแสนกว่าบาทออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทางทีมงานเวปธรรมดาจึงขอขอบคุณในการแก้ไขข่าวของสื่อรายนั้นพร้อมกับขอให้ทุกท่านที่ได้รับข้อมูลที่

คาดเคลื่อนมาได้โปรดทำความเข้าใจในสิ่งที่ทีมงานเรียนชี้แจงมาในโอกาสนี้ด้วยครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News: ถ่ายทอดสด สนทนาประสาฆราวาส

ถ่ายทอดสด “สนทนาประสาฆราวาส” ของ อ.สุรวัฒน์ กับ คุณหมอณัฏฐ์ ที่บ้านชินเขต วันพรุ่งนี้ (2 ต.ค. 2553) ทาง wimutti.net Live (http://wimutti.net/surawatlive.html)

บ้านหนังสือชินเขต ๑

บ้านหนังสือชินเขต ๑

บรรยากาศ สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๑ โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

บรรยากาศ สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๑ โดย อ.สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา

**************************************************************

ขอเชิญทุกท่านร่วมกิจกรรม “สนทนาประสาฆราวาส ครั้งที่ ๒” กับ อ.สุรวัฒน์ และคุณหมอณัฏฐ์

ในวันเสาร์ที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๕.๐๐ น.(กรุณาไปถึงก่อนเวลา เพราะอาจารย์เริ่มสนทนาตรงเวลา)

ณ บ้านหนังสือ ชินเขต ๑

ซอยงามวงศ์วาน ๔๓ (ชินเขต ๑) แยก ๑/๑
ถนนงามวงศ์วาน
เขตหลักสี่ กทม.

(ใกล้เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน)
—————————————————–
บ้านหนังสือ ชินเขต ๑
โทร ๐๒-๕๘๙-๘๔๑๐
http://www.baannungsuea.com/

แผนที่เดินทาง
http://www.baannungsuea.com/map.php

รถประจำทางสาย ๒๔ ๑๓๔ ๖๓ ๕๔๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 28 of 32« First...1020...2627282930...Last »