Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : พระโสดาบันยังถูกกิเลสครอบงำได้ไหม?

พระโสดาบันยังถูกกิเลสครอบงำได้ไหม?

พระโสดาบันท่านละได้แค่ความเห็นผิด(ความเข้าใจผิด)ว่ามีตัวตน
แต่ยังละความยึดมั่นถือมั่นในรูปนามไม่ได้เลยสักอย่าง
เมื่อยังละความยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เวลาที่เกิดการกระทบทางทวารต่างๆ
จึงยังเกิดตัณหา เกิดอุปาทาน เกิดภพได้ กิเลสจึงยังครอบงำจิตได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เตือนใจผู้ชอบศึกษาเซ็น

เตือนใจผู้ชอบศึกษาเซ็น

ทางที่ผมเดินอยู่นั้น มีหลักอยู่หลักหนึ่งว่า

ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะวางทุกอย่างได้เพียงแค่คิดสรุปในใจว่า
ไม่มีตัวตน ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีอะไรต้องเป็น
เพราะถ้าอยู่ๆ ก็คิดแล้ววางอะไรต่ออะไรเสียแบบนั้น
ก็จะกลายเป็นวางทิ้งแบบที่ไม่มีทั้งศีล สมาธิ ปัญญา
ซึ่งมันไม่ใช่การปล่อยวางที่แท้จริง
เพราะการปล่อยวางที่แท้จริง
ไม่ใช่การวางทิ้งๆ ขว้างๆ ไปแบบนั้น
แต่เป็นการวางทั้งที่จิตก็ยังมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา
ซึ่งเป็นการมีอยู่ด้วยความไม่ยึดถือสิ่งต่างๆ เอาไว้

เท่าที่พบเจอมา
เพื่อนที่หลงไปวางอะไรแบบวางทิ้งๆ ขว้างๆ ไปแบบนั้น
ส่วนมากจะพลาดเพราะไปอ่านหนังสือแนวเซ็น
แล้วเกิดความเข้าใจผิด ไปคว้าเอาสิ่งที่เป็นผลของการปฏิบัติภาวนา
เอามาเป็นตัวปฏิบัติภาวนา ก็เลยเข้าใจผิดว่าวางทุกอย่างได้แล้ว
ว่างเปล่าทุกอย่างแล้ว ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแล้ว
ทั้งที่จริงๆ ทุกข์ก็ยังมีอยู่แต่ไม่เห็น สมุทัยก็ยังมีอยู่แต่ไม่เห็น
หลงไปเห็นทุกข์สมุทัยที่มีอยู่ว่าเป็นนิโรธ
ก็เลยทิ้งการเจริญมรรคไปเสียสิ้น

เมื่อทิ้งการเจริญมรรคไปเสียแล้ว
จะรู้ทุกข์ จะละสมุทัย จะแจ้งนิโรธได้อย่างไร

ยังไงๆ ก็ขอส่งแรงใจให้ใครๆ ที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังหลงทางอยู่
ได้เกิดเฉลียวใจขึ้นมารู้ได้ว่าหลงทางไปแล้วนะ
และกลับมาเข้าที่เข้าทางของการเจริญมรรคกันต่อไปเถิด.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เวลาป่วยอยากภาวนาเพื่อให้หายป่วย

เวลาป่วยอยากภาวนาเพื่อให้หายป่วย

ถ้าจะภาวนาให้หายเจ็บป่วยทางกายนี่ เท่ากับหลงทางแล้วครับ
จะให้หายเจ็บป่วยต้องให้หมอรักษาหรือกินยาจึงจะหายครับ
ถ้าจะภาวนาเวลาเกิดเจ็บป่วยหรือมีเวทนาทางกาย
ก็ต้องมีจิตตั้งมั่นเห็นเวนาถูกรู้ถูกดูอยู่
และดูเวทนาเพื่อจะให้เห็นว่ามันไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
หรือหากดูเวทนาไม่ได้ ก็ให้มาดูจิตว่าเป็นอย่างไรเมื่อมีเวทนา
และดูจิตเพื่อให้เห็นว่าจิตก็ไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตน
เช่นพอเกิดเวทนาก็มาดูจิตว่าเป็นอย่างไร (ไม่ชอบ ทุรนทุราย อยากหาย)
พอเอายามากินสักพักก็จะรู้สึกเวทนาลดลงแล้วก็ให้มาดูจิตว่าเป็นอย่างไร
จะเห็นว่าก่อนกินยาจิตเป็นอย่างหนึ่ง กินยาแล้วเวทนาลดลงจิตก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การดูจิตที่ไหลไปคิด

การดูจิตที่ไหลไปคิด

ถาม : เวลาดูจิตผมจะเห็นจิตไหลไปคิดตลอดเวลา เลยอยากถามว่า พอรู้ว่าจิตคิดแล้วต้องหยุดคิดรึเปล่าครับ หรือปล่อยให้จิตเขาคิดต่อไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็ตามดูจิตเขาคิดไป คิดเรื่องอะไรก็ตามรู้ไป เช่นจิตกำลังคิดถึงสาว ๆ พอเราเห็นว่าจิตคิดแล้วเราต้องหยุดคิดเรื่องสาว ๆ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ รึเปล่าครับ หรือแค่รู้ว่าจิตคิดก็พอ แล้วจิตเขาจะคิดต่อก็เรื่องของเขา

ตอบ : ลักษณะแบบนี้ ผมเข้าใจว่า
จิตยังไม่มีกำลังที่จะเกิดสติหรือรู้สึกตัวขึ้นมาได้ แม้จะเห็นว่าจิตไหลไปคิด
ซึ่งตามหลักแล้ว พอรู้ว่าจิตไหลไปคิด ก็ควรที่จะเกิดสตหรือรู้สึกตัว
แล้วจะรู้สึกได้ว่าความคิดดับไปเองหรือขาดช่วงไปเองได้

คุณ น่าจะลองหาอะไรมาเป็นสิ่งให้จิตรู้ไว้เป็นหลักสักอย่างก่อน
เช่น อาจใช้ร่างกายที่ยืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนไหว
มาเป็นสิ่งที่ให้จิตรู้สึกว่ามีร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนไหวอยู่
แล้วใช้เป็นเครื่องสังเกตว่า ขณะที่เห็นจิตไหลไปคิด
จะไม่รู้สึกหรอกว่า มีร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน เคลื่อนไหวอยู่ (ลืมตัวไป)
ถ้าสังเกตได้ว่าลืมตัวไปแล้ว จิตจะเกิดสติกลับมารู้สึกตัวได้
พร้อมๆกับเห็นว่า ความคิดดับหรือขาดช่วงไป

ซึ่งเมื่อเห็นว่าความคิดดับหรือขาดช่วงไปแล้ว
ก็ไม่ต้องไปแทรกแซงอะไรกับการคิด
รู้แล้วจะคิดต่อหรือไม่คิดต่อ จะคิดเรื่องเดิมหรือเรื่องใหม่
ก็ให้เป็นไปตามที่จะเป็นเอง ส่วนเราก็มารู้สึกอยู่กับร่างกายไปสบายๆ
แล้วค่อยไปรู้เอาใหม่ว่า เมื่อกี้หลงลืมตัวไป

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อกุศลจิตชอบคิดไม่ดีควรทำอย่างไร?

อกุศลจิตชอบคิดไม่ดีควรทำอย่างไร?

อกุศลจิตที่เกิดขึ้นแบบนี้ ถ้าเรามีสติรู้ทัน ไม่หลงไปทำอะไรที่ไม่ดีออกไป
ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นบาปหรอกครับ
แล้วก็ไม่ต้องดิ้นรนที่จะทำให้ความคิดอกุศลดับหายไป
แค่ให้มีสติรู้ทันจิตที่ชอบหลงไปคิดเรื่องอกุศลก็พอแล้วครับ
เมื่อรู้ทันมากขึ้น อาการที่จิตชอบหลงไปคิดอกุศลนี้จะค่อยๆหายไปเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเจริญวิปัสสนาเห็นไตรลักษณ์ของสภาวะธรรมอยู่?

รู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเจริญวิปัสสนาเห็นไตรลักษณ์ของสภาวะธรรมอยู่?

ต้องสังเกตว่า ที่เห็นนั้นเห็นแบบมีจิตเป็นผู้รู้อยู่อีกส่วนหนึ่ง
หรือว่าเห็นแบบจิตไปจ่อจ้องกับสิ่งกำลังดู
ถ้าเห็นแบบมีจิตเป็นผู้รู้อยู่อีกส่วนหนึ่ง ก็เป็นการเจริญวิปัสนาได้ครับ

ไตรลักษณ์ ไม่ใช่ความว่างเปล่า
แต่เป็นลักษณะของทุกสภาวะแม้แต่ความรู้สึกว่าว่างเปล่าแบบไม่มีอะไร
คือเกิดแล้วย่อมดับไป เกิดแล้วย่อมคงทนไม่ได้ ไม่อยู่ใต้อำนาจควบคุมของใคร

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ปัญหาจากการดูสภาวะความอยาก

ปัญหาจากการดูสภาวะความอยาก

ถาม : เวลาที่เกิดสภาวะของจิตอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมา พอเกิดขึ้นแล้ว เราก็รู้สึกตัวได้ว่า จิตมันกำลังเป็นแบบนี้นะ แต่ก็ไม่เห็นว่าสภาวะนั้นมันจะหายไปน่ะค่ะ เช่น เกิดความอยากได้ของสิ่งหนึ่งขึ้นมา สักพักเราก็รู้ว่าเออจิตมันอยากได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าความอยากได้ของ มันจะหายไปเลยค่ะ มันก็คงอยากได้อยู่เหมือนเดิม ก็รู้ว่าจิตมันมีสภาวะความอยาก แต่เราก็ยังคงซื้อสิ่งของนั้นอยู่ดี ไม่ทราบว่าอย่างนี้เราปฎิบัติผิดไช่ไหมคะ

ตอบ : โดยหลักแล้วก็ไม่ผิดหรอกครับ
เพราะเราหัดดูเพื่อให้ “รู้” ว่าจิตไม่เที่ยง เกิดดับเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย
เราไม่ได้หัดดูเพื่อจะให้สภาวะนั้นดับลงไปเท่านั้นนะครับ

หากเราหมั่นหัดดูไปเรื่อยๆ ก็จะค่อยเห็นว่า
บางครั้งพอรู้แล้วสภาะจิตที่เป็นอยู่ก็ดับลงไปได้ บางครั้งก็ไม่ดับ
เพราะจิตจะเกิดดับก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย
ถ้าดูแล้วไม่ดับก็ให้หัดดูต่อไปสบายๆ นะครับ

สำหรับเรื่องความอยากก็เช่นกัน
พอเห็นว่าอยากแล้ว ก็ไม่จำเป็นว่าต้องดับไปขณะนั้น
ส่วนเราจะทำตามความอยากหรือไม่
ก็ต้องดูว่า สิ่งที่ทำผิดศีลผิดธรรมหรือไม่
ถ้าผิดศีลผิดธรรมก็ต้องไม่ทำ
แต่ถ้าไม่ผิดไม่ผิดธรรม ก็สามารถทำได้ตามสมควร
ก่อนทำก็หัดดูความอยากไป
ระหว่างทำ จิตเป็นอย่างไร กายเป็นอย่างไร ก็หัดดูจิตหัดดูกายไป
ทำแล้วจิตเป็นอย่างไร กายเป็นอย่างไร ก็หัดดูจิตหัดดูกายไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การปฎิบัติในรูปแบบควรทำสมถะ หรือวิปัสสนา

การปฎิบัติในรูปแบบควรทำสมถะ หรือวิปัสสนา

ทำรูปแบบจะเป็นสมถะ เป็นวิปัสสนา หรือจะฝึกสติก็ได้ครับ
แล้วแต่ว่าใครจะทำแบบไหน แต่ไม่ว่าจะทำแบบไหนก็ต้องทำด้วยใจสบายๆ
ไม่ฝืนกดข่มบังคับจิตจนหนักๆ ทื่อๆ
ดังนั้นที่ทำแล้วหนักๆ ทื่อๆ ก็แสดงว่าทำผิดไปแล้วครับ
ให้กลับไปทำแบบ เดินไปแล้วรู้ทันจิตที่หลง พุทโธแล้วรู้ทันจิตที่หลง
แค่รู้ว่าจิตหลงไปก็พอแล้วครับ ส่วนจะหลงนานบ้างก็เป็นธรรมดา
ไม่ใช่ว่าต้องไม่หลงนานนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ต้องทำอย่างไรในเมื่อช่วงนี้มีสติรู้สึกตัวน้อยลง?

ต้องทำอย่างไรในเมื่อช่วงนี้มีสติรู้สึกตัวน้อยลง?

ถ้ายังปฏิบัติไปตามปกติคือ ถึงเวลาก็ทำตามรูปแบบ แล้วก็หัดรู้ในชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ
ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับที่บางช่วงจะรู้สึกตัวได้น้อยหรือหลงนานไปบ้าง
ที่สำคัญคือ อย่าพยายามดิ้นรนทำอะไรมากกว่ารู้ไปตามจริงเพื่อให้รู้สึกตัวได้บ่อยนะครับ
เพราะถ้ายิ่งดิ้นรนด้วยความอยากให้รู้สึกตัวดีๆ ก็จะยิ่งหลงทางไปครับ
แต่ถ้าแค่รู้ไปเท่าที่รู้ได้ และยังปฏิบัติไปตามปกติ เดี๋ยวก็จะกลับมารู้สึกตัวได้บ่อยเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การดูกาย กับ การดูวิญาณขันธ์

การดูกาย กับ การดูวิญาณขันธ์

การดูกาย (เพื่อเจริญสติ) จะหมายถึง การดูร่างกายเคลื่อนไหว ดูร่างกายหายใจ
ดูร่างกายยืน เดิน นั่ง นอน เป็นการดูแบบมีจิตเป็นรู้ผู้ดู มีร่างกายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ครับ
แต่ถ้าเป็นผู้มีกำลังของสมาธิมาก การดูกายก็จะดูได้ลงไปถึงธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ก็ได้ครับ

การดูวิญญาณขันธ์ จะเป็นการใช้ตัวรู้ปัจจุบันมารู้ว่าตัวรู้ก่อนหน้าที่เพิ่งดับไปเป็นอย่างไร
เช่นตัวรู้ปัจจุบันรู้ว่าตัวรู้ก่อนหน้านี้(ตัวรู้ที่เพิ่งดับไป)เป็นตัวรู้ที่ออกไปรับอารมณ์ทางตาเป็นต้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การตัดสินใจ

การตัดสินใจ

ในการตัดสินใจเรื่องใดก็ตาม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่มีจำนวนคนที่เกี่ยวข้องเพียงคนเดียว
หรือเรื่องใหญ่ระดับชาติที่เกี่ยวข้องกับคนหลายสิบล้านคน
มีวิธีง่ายๆ ในการตัดสินใจคือ…

“ตัดสินใจไปตามความจริง และความถูกต้อง ชอบด้วยศีลและธรรม ถูกก็ว่าถูก ผิดก็ว่าผิด อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปก็ให้เป็นเรื่องของเหตุปัจจัยแวดล้อม”

แต่ปัญหาคือ เรามีสติ มีปัญญา ที่จะมองออกหรือไม่ว่า
อะไรคือถูก อะไรคือผิด อะไรคือความจริง
เพราะแค่กายเราเองจิตเราเอง
เรายังเห็นผิดอยู่เลยว่า มันเป็นอัตตาเป็นตัวตน
จึงไม่แปลกที่ใครสักคนจะหลงไปเห็นกงจักรเป็นดอกบัว

ทางเดียวที่จะมาทำให้ตัวเองมีสติ มีปัญญา
รู้ว่าอะไรคือถูก อะไรคือผิด อะไรคือความจริง
ทางนั้นคือ การเจริญสติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ดูจิตดูนิมิต

ดูจิตดูนิมิต

ถาม : ช่วงนี้ทำสมาธิโดยการทรงภาพพระเป็นอารมณ์ตลอดเวลาเมื่อนึกได้ เมื่อมีการเผลอก็รู้ว่าเผลอ
เมื่อมีอารมณ์อื่นแทรกก็รู้มีอารมณ์อื่นแทรก หลังจากรู้ก็ทำการทรงภาพพระ เป็นอารมณ์ต่อ ไม่ทราบว่าจะถือว่าเป็นการดูจิตได้ไหมครับ 

ตอบ : ขณะใดที่รู้ว่าหลงไปกับอารมณ์อื่น ก็เป็นการดูจิต(รู้ว่าจิตหลงไป)ครับ
ส่วนขณะที่มารู้ภาพนิมิตจะไม่ได้เป็นการดูจิต
แต่ถ้าแวบมารู้ว่าจิตไหลไปอยู่ที่นิมิต หรือแวบมารู้ว่าจิตตั้งมั่นรู้นิมิต ก็จะเป็นการดูจิตครับ
ที่คุณถามมาจึงน่าจะเป็นการดูจิตสลับกันไปกับการดูนิมิตหรือดูกาย(เดิน นั่ง)ครับ
ซึ่งก็เป็นเรื่องปกตินะครับที่การดูจิตจะสลับไปมากับการดูกายหรือเวทนา
เพราะไม่มีใครดูจิตอย่างเดียวได้ตลอดเวลา
การดูจิตจึงหมายถึงการดูจิตเป็นส่วนมากหรือเป็นหลัก ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีแก้เพ่งแล้วอึดอัดจากการเจริญสติที่ผิด

วิธีแก้เพ่งแล้วอึดอัดจากการเจริญสติที่ผิด

เวลาที่รู้สึกตัวขึ้นมาหลังจากที่เผลอๆไป ก็ไม่ต้องรักษาความรู้สึกตัวไว้
แล้วถ้าเกิดเพ่งจนอึดอัด ก็ให้หัดดูว่าที่อึดอัดมันไม่ใช่เรา แต่เป็นอะไรอย่างหนึ่งที่จิตไปรู้ไปเห็นมัน
แล้วถ้าในขณะนั้นกำลังทำงานอะไรอยู่ ก็ให้ทำงานนั้นไปสบาย
ทำแบบอนุญาตให้จิตเผลอไปคิดของมันเองได้
แล้วค่อยๆ หัดดูว่า เดี๋ยวจิตก็มาอยู่กับงาน เดี๋ยวจิตก็เผลอไปคิด
การหัดรู้ว่าเดี๋ยวก็เผลอไปคิดบ่อยๆ จะลดการเพ่งจนหายเพ่งได้เองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เหงาและซึมเศร้าจนอยากร้องไห้

เหงาและซึมเศร้าจนอยากร้องไห้

ถาม : มันเหงาๆ แปลกๆ เหมือนจะร้องให้ พอรู้สึกก็หายไป แต่ก็เศร้าอยู่นะ บางครั้งก็รู้สึกทุกข์ เป็นพื้นๆ แต่ก็พยามรู้อยู่ค่ะ บ้างครั้งก็กลัว อาจด้วยร่างกายที่ล้า กับการนอนแล้วรู้สึกตัว มันซ้ำๆ วนๆ อยู่อย่างนี้ ถ้าจะร้องให้น้อมใจนิดเดียวร้องเลยค่ะ รู้สึกชีวิตไม่มีความสุข หาความสุขได้น้อยเต็มที

อยากทราบการปฏิบัติตัวค่ะว่าต้องทำอย่างไร ต่อค่ะ

จากการดูรู้ว่าตัวเองไม่เป็นกลาง และอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว แต่พออยู่คนเดียวก็เหงา เหมือนเป็นโรคซิมเศร้า เลยค่ะ

ตอบ : อาการแบบนี้นะครับ เราต้องเข้าใจและยอมรับว่า มันเป็นของมันเอง
มันเป็นเพราะเป็นช่วงที่เราต้องรับวิบาก จึงเกิดอาการแบบนี้ขึ้น
เมื่อทำความเข้าใจและยอมรับว่ามันต้องเกิดแล้ว
เราก็มาหัดดูจิตที่คอยแต่จะไหลเข้าไปแช่อาการที่เหมือนจะร้องไห้
หัดดูแบบแค่รู้ อย่าไปฝืน อย่าไปต้าน
แล้วก็อย่าจงใจไปน้อมให้มันร้องไห้ ถ้าจะร้องก็ให้มันร้องของมันเอง
ส่วนเราหัดเพียง แค่รู้มันไปตามที่มันเป็นเท่านั้น
เมื่อหัดดูจนจิตไม่ฝืนไม่ต้าน และไม่จงใจน้อมลงไป
จิตก็จะมีกำลังตั้งมั่น เห็นอาการเหมือนจะร้องไห้ถูกรู้อยู่
แล้วจิตจะเบาสบายขึ้นมาเองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จำเป็นไหมที่ต้องดูจิต ภาวนาแนวอื่นได้หรือไม่?

จำเป็นไหมที่ต้องดูจิต ภาวนาแนวอื่นได้หรือไม่?

รายละเอียดของการภาวนาของแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเหมือนกันนะครับ
แต่หลักต้องเหมือนกันคือ
ทำแล้วต้องเกิดสติ เกิดสัมมาสมาธิ(จิตตั้งมั่น) เห็นไตรลักษณ์ของรูปนามได้ครับ
เพราะฉะนั้นใครถนัดจะตามรอยครูบาอาจารย์ใด ก็เดินตามรอยท่านไปเถอะครับ
หากลังเลสงสัยในแนวทางก็ต้องศึกษาให้รอบคอบ แล้วก็ลองปฏิบัติดู
แนวไหนที่เราเห็นว่าถูกและสามารถปฏิบัติตามได้ ก็เลือกเอาอันนั้นแหละครับ
ไม่จำเป็นต้องมาดูจิตทุกคนหรอกครับ
:D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ช่วงนี้เหมือนกลับมาภาวนาไม่เป็น

ช่วงนี้เหมือนกลับมาภาวนาไม่เป็น

ถาม : ตอนนี้มีปัญหาที่ว่าเหมือนจะกลับมาดูจิตไม่เป็นจิตไม่เป็นกลางกับสภาวะต่างๆ
ที่ผ่านมาก็เลยใช้วิธีทำในรูปแบบเพื่อเพิ่มสมาธิให้จิตบ้างแต่ก็ดูเหมือนไม่ได้ผล

ไม่ทราบว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่ฝึกอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?

ตอบ : ถ้ามีความอยากที่จะทำให้จิตเป็นกลาง ก็ไม่ถูกแล้วครับ
เพราะฉะนั้นเมื่อจิตไม่เป็นกลาง ก็ให้รู้ว่าจิตไม่เป็นกลาง
และการทำรูปแบบก็ไม่ใช่เพื่อทำให้จิตเป็นกลางตามที่อยาก
แต่ทำเพื่อเป็นอุบายในการฝึกให้รู้เท่าทันจิต เช่นรู้ว่าจิตหลงไป
เมื่อฝึกให้รู้เท่าทันจิตได้ จิตจะค่อยๆพัฒนาและเป็นกลางมากขึ้นเองครับ

ที่ถามว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากสาเหตุที่ฝึกอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ?” นั้น
ผมคิดว่า ไม่ได้เกิดเพราะฝึกมาผิดหรอกครับ
แต่เป็นเพราะช่วงนี้ จิตใจมีความทุกข์มากเกินกำลังของสติปัญญาจะรับมือไหว
จิตใจก็เลยไม่ตั้งมั่น ลอยๆออกไป รู้สึกเหมือนดูจิตไม่ได้ หรือดูได้ยาก
ต่างกับก่อนหน้านี้ที่จิตใจสบายๆ จึงตั้งมั่นและถึงฐานได้ง่าย

พอมีเรื่องทำให้ทุกข์มาก ก็ทำให้หลงลืมหลักในการดูจิตไป
เช่น อยากหายทุกข์ก็ลืมดูจิตที่อยาก ลืมดูจิตที่จมแช่ทุกข์
แต่ไปสนใจเรื่องที่ทุกข์ ยิ่งสนใจเรื่องที่ทุกข์ก็ยิ่งไม่เป็นกลาง
แล้วก็ดิ้นรนบีบคั้นจิตตัวเองเพื่ออจะเอาชนะสภาวะทุกข์ที่เกิดขึ้น

ตั้งหลักให้มั่นนะครับว่า จิตใจเป็นอย่างไรก็ให้รู้ไปตามที่เป็น
อย่าภาวนาเพื่อให้จิตเป็นไปตามที่เราคิดอยากคิดคาดหวัง
จิตไม่เป็นกลางก็รู้ว่าไม่เป็นกลาง
จิตลอยๆไม่ถึงฐานก็ให้รู้ว่าจิตลอยๆไม่ถึงฐาน
จิตหลงแช่อยู่ในความคิดก็ให้รู้ว่าจิตหลงจมแช่
แล้วก็ทำตามรูปแบบด้วยใจที่สบายๆไป
แต่ถ้าช่วงไหนที่ทุกข์ใจมากก็ควรทำอะไรที่เป็นกุศล
ให้จิตได้พักได้สดชื่นขึ้นบ้างนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : กิเลสกับการเมือง

กิเลสกับการเมือง

ไม่มีระบอบการปกครองใดเลยในโลกนี้ ที่จะนำความสงบร่มเย็นมาสู่มวลมนุษยชาติได้อย่างยั่งยืน เพราะฉะนั้นจะปกครองกันด้วยระบอบใดก็ตาม ถ้าผู้ใช้อำนาจทางการปกครองทุกฝ่าย ไม่มีศีล มุ่งเอาประโยชน์ตนและพวกพ้อง ไม่เสียสละประโยชน์ตนเพื่อส่วนรวม ก็ไม่อาจปกครองบ้านเมืองให้มีความเจริญทางจิตใจได้เลย มีแต่จะนำพาจิตใจคนให้ตกต่ำด้วยถูกกิเลสแผดเผาจิตใจ และถึงแม้จะสามารกปกครองให้มีความเจริญทางวัตถุและเศรษฐกิจได้ ก็เจริญได้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่อาจเจริญได้ยืนยาวนับร้อยนับพันปีได้หรอก ไม่ช้าก็เร็วระบอบที่ใช้ปกครองอยู่ก็จะล่มสลายเพราะจิตใจคนที่ถูกกิเลสแผดเผาอยู่นั่นเอง เมื่อระบอบปกครองหนึ่งล่มสลายไป ก็จะวนเวียนเปลี่ยนระบอบการปกครอง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไปอีกตราบนานแสนนาน …

นี้คือความจริงของสังสารวัฏฏ์อย่างหนึ่ง หากจะพ้นจากสังสารวัฏฏ์นี้ให้ได้ เห็นจะมีเพียงทางดียวเท่านั้นคือ พัฒนาจิตใจจนเกิดปัญญาตามทางที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศพระธรรมเพื่อความพ้นทุกข์ไว้นั่นเอง.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไหลแนบไปกับลมเป็นมิจฉาสมาธิหรือไม่?

จิตไหลแนบไปกับลมเป็นมิจฉาสมาธิหรือไม่?

ถาม : เวลาทำสมาธิแล้วจิตไหลแนบไปกับลม เพราะตอนทำที่บ้านสักพักก็เคลิ้ม (นึกว่านั่นคือสมาธิ สงบดี)
อันนี้เป็นมิจฉาสมาธิหรือเปล่าค่ะ? แต่ตอนลืมตาจะเห็นกิเลสไหลไปไหลมาได้ดีกว่าค่ะ

ตอบ : ถ้าเพียงแค่จิตไหลไปแช่ลม ก็ยังไม่ใช่มิจฉาสมาธิทั้งหมด
เนื่องจากจิตแบบนั้นสามารถใช้ทำกรรมฐานเพื่อให้จิตสงบได้
ถ้าจิตสงบแล้ว แต่จิตไม่เข้าฌานก็สามารถใช้เป็นการพักจิตได้
ถ้าจิตสงบแล้วเข้าฌานไปจนถึงฌานสอง ก็จะเกิดจิตผู้รู้เด่นดวงขึ้นมา
ออกจากฌานมาก็สามารถเดินปัญญาต่อได้
แต่ถ้าทำไปสักพักแล้วเคลื้อมลืมเนื้อลืมตัว ก็จะกลายเป็นมิจฉาสมาธิไป

ส่วนการนั่งดูลมแล้วรู้ทันจิต (แบบที่ทำตอนนั่งลืมตา)
เป็นการนั่งเจริญสติรู้ทันจิต ซึ่งเมื่อรู้ทันจิตที่ไหลไป จิตจะตั้งมั่นชั่วขณะ
สามารถเดินปัญญาต่อได้เช่นกันครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การภาวนากับการทำทาน

การภาวนากับการทำทาน

ถาม : ผมฝึกดูจิตได้ประมาณ ปีกว่าแล้ว ปกติผมเป็นคนที่ทำบุญโดยการบริจาคเป็นประจำ ระยะหลังมานี้ หลังทำบุญไม่รู้สึกอิ่มใจอะไรเลย ไม่อยากอธิฐานอะไรด้วย มีแต่แค่รู้เท่านั้นว่าที่ให้ๆไป ให้เอาไปทำประโยชน์ หรือ ให้เพื่อช่วยเหลือเท่านั้น ผมไม่ทราบว่าเป็นผลจากการฝึกดูจิตหรือไม่ ผมเคยส่งการบ้านมานานแล้วช่วงฝึกใหม่ๆ ตอนนั้นถามว่า ไม่รู้สึกอยากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเลยมันเบื่อไปเอง ได้รับคำตอบว่าจิตมีที่พึ่งแล้วเลยไม่อยากไปพึ่งอะไรอีก แต่คราวนี้เป็นเรื่องการบำเพ็ญทาน เลยสงสัยครับว่าเป็นผลจากการดูจิตหรือไม่

ตอบ : ลักษณะเดียวกันกับเรื่องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละครับ
พอจิตมีสติมีปัญญามากขึ้น อยู่กับตัวเองได้มากขึ้น
มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้มากขึ้น
จิตก็มีความสุขที่ปราณีตกว่าความสุขจากการให้ทาน
เวลาทำทานก็ทำไปตามโอกาส แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก
หรือถึงกับทำด้วยจิตที่เป็นปกติ ไม่อิ่มอกอิ่มใจเหมือนเมื่อก่อนครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เรื่องของศีลข้อหนึ่ง

 เรื่องของศีลข้อหนึ่ง

ถาม : การฆ่าสัตว์ เช่น ตบยุง บี้มด ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นการฆ่าแบบอัตโนมัติ จะแก้ไขอย่างไร

ตอบ : เวลาที่เผลอทำผิดศีลไปแล้ว จะข้อไหนก็ตาม
ก็ให้ตั้งใจกับตัวเองว่า ต่อไปจะพยายามรักษาศีลให้ได้ดีขึ้น
ทำแบบนี้ทุกครั้งที่เผลอทำผิดไป แล้วไม่นานหรอกครับ
พอเราจะทำผิดศีล จิตจะนึกได้อัตโนมัติว่าจะทำผิดศีล แล้วเราจะยับยั้งการทำผิดได้ครับ

ถาม : ดิฉันเป็นแม่พิมพ์ บ่อยครั้งจะลงโทษเด็กดื้อด้วยการตี ดุด่า ควรลงโทษอย่างไรศีลจะได้ไม่ด่างพร้อยคะ

ตอบ : ต้องวางใจลงโทษไปตามหน้าที่ อย่าเติมแต่งโทสะลงไปครับ

ถาม : ข้อนี้เด็กๆถามดิฉันมาค่ะ เขาถามว่าปู่ของเขามีอาชีพเชือดไก่ขาย บาปไหมคะ แล้วคนที่ฆ่าสัตว์เป็นอาหารกับคนกินเนื้อสัตว์ใครจะบาปกว่ากัน

ตอบ : ถ้าเทียบกันคนฆ่าครับที่ทำบาป
ส่วนคนกินถ้าเราไม่ได้เจาะจงให้เขาฆ่าเพื่อเราก็ไม่ต้องกังวบเรื่องบาปเลย
อีกทั้งพระพุทธเจ้าก็ไม่ได้ห้ามทานเนื้อสัตว์ (แม้เทวทัตจะเคยทูลขอก็ตาม)
แต่ท่านจะห้ามทานเฉพาะเนื้อสัตว์ที่มีส่วนรู้เห็นในการฆ่า หรือที่เขาเจาะจงฆ่ามาให้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 10 of 31« First...89101112...2030...Last »