Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ปัญหาจากที่ทำงาน

ปัญหาจากที่ทำงาน

ถาม : ถ้าอยู่ในสังคมทีต้องทำงานมากๆ เรายังอยู่ทางโลกอยู่ เวลาเราทำดีเรา เราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ถ้าเราต้องเจอคนที่เขาคิดลบมากๆจะทำไงดี ?

ตอบ : จริงๆ แล้ว ในเมื่อเราทำหน้าที่การงานอย่างมีศีลมีธรรม เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่า ใครเค้าจะคิดยังไงกับความสำเร็จของเราหรอกครับ ใครคิดลบกับเรามากๆ เราก็ทำเป็นไม่ใส่ใจความคิดเค้า ไม่จำเป็นต้องพยายามไปเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดเค้า แล้วก็ปฏิบัติกับเค้าเหมือนปกติทั่วไปนี่แหละครับ ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีแก้การกลัวตาย

วิธีแก้การกลัวตาย

ถาม : 1.ถ้าตอนนี้ตัวเราเองกำลังรู้สึกกลัวตายขึ้นมา   จะมีวิธีไหนบ้างคะที่จะทำให้ตัวเราสงบลง   เลิกห่วง เลิกยึดติด

ตอบ : ต้องยอมรับความจริงว่าใครๆ ก็ต้องตาย แล้วหัดดูจิตที่กลัวไปครับ
แต่ไม่ใช่ดูจิตที่กลัวเพื่อให้หายกลัวนะครับ
ต้องดูเพื่อจะดูว่า จิตที่กลัวมันกลัวตลอดเวลามั้ย กลัวถาวรมั้ย
หรือเกิดก็กลัว พอไปสนใจอย่างอื่นก็ลืมไปแล้วว่ากลัว

ถาม : 2.ถ้าตอนเราเป็นมนุษย์เราเคยปฏิบัติธรรม เรียนรู้วิธีการปฏิบัติ  ถ้าเกิดเราตายไปแล้ว ในภพภูมิใหม่เราสามารถปฏิบัติต่อได้หรือไม่ค่ะ

ตอบ : การหัดปฏิบัติธรรมมาก็จะเป็นวาสนาสั่งสมอยู่ที่จิต
เมื่อมีโอกาสมีปัจจัยพอ เช่นอยู่ในภพภูมิที่เหมาะ
จิตก็จะสนใจแล้วกลับมาหัดปฏิบัติธรรมต่อได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : คำถามเรื่องพระโสดาบัน

ถาม : ผมมีความสงสัยว่าท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เวลาเข้าถึงขั้นพระโสดาบันแล้วจะมีลักษณะจิตอย่างไรครับและจะมีวิธีสังเกตยังไงว่าใช่ครับ คือที่ผมถามเพราะผมตั้งใจว่าชาตินี้ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ได้ถึงระดับนี้ครับ(แม้อาจจะเป็นสิ่งที่ยากเกินเอื้อมก็ตามครับ) ขอบคุณครับ?

ตอบ : ตามตำราตามหลักธรรมนั้น
พระโสดาบันจะละสังโยชน์ ๓ ได้คือ
ละความเห็นผิดว่ามีตัวตนที่ถาวร (ละสักกายทิฏฐิ)
ละความลังเลสงสัยต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่ามีจริงหรือไม่ (ละวิจิกิจฉา)
และละความเข้าใจผิดการปฏิบัติผิดๆ ที่นอกศีลนอกธรรม
ที่ไม่เป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ (ละสีลัพพตปรามาส)
ส่วนจะได้จริงหรือไม่นั้น คงมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่บอกได้ถูกจริง
ในยุคสมัยนี้ก็มีบ้างที่อาจรู้แจ้งตัวเองว่า ละอะไรลงได้บ้างแล้ว
และก็มีมากที่เข้าใจผิดว่าละสังโยชน์ ๓ ได้แล้ว ทั้งที่จริงก็ยังละไม่ได้
เพราะฉะนั้นการตั้งเป้าว่าจะภาวนาให้ได้พระโสดาบันนั้น
แม้จะเป็นเรื่องดี แต่ก็ต้องวางใจเป็นกลางให้ได้
การจะได้ไม่ได้ก็อย่าไปยึดถือจนเป็นอุปสรรคต่อการภาวนานะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ทำยังไงถึงจะเห็นทุกข์?

ทำยังไงถึงจะเห็นทุกข์?

ต้องมีสติ มีความตั้งมั่นรู้รูปนามอยู่เนืองๆ ครับ จึงจะเห็นทุกข์ได้
แต่ถ้าไม่เห็นทุกข์ แต่สามารถเห็นความไม่เที่ยง ความเกิดดับของรูปนามได้
หรือเห็นความไม่ใช่ตัวตนของรูปนามได้
จิตก็สามารถละความเห็นผิดได้ ละความยึดรูปยึดนามได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : คำถามจากนักภาวนาที่บ้าดารา

คำถามจากนักภาวนาที่บ้าดารา

ถาม : เป็นคนที่ชื่นชอบดาราคนนึงอย่างมาก
ขอคำแนะนำด้วยค่ะว่าต้องทำอย่างไรจึงจะเลิกไร้สาระ เลิกบ้าดาราได้ซะทีค่ะ

อ.สรว : หัดดูจิตที่หลงไปชอบไปหลงบ้าดาราครับ
แล้วพอรู้สึกว่าจิตหลงไปแล้ว ก็ให้กลับมารู้ตัวเองไว้นะครับ

ถาม : พอดูจิตที่มันชื่นชอบเค้า ดูจิตที่อยากรู้อยากดูข่าวคราวของเค้าแล้ว
มันก็ยังชื่นชอบอีก แล้วก็ตามดูละคร ตามดูข่าวคราวของเค้าต่อไป
หนูแก้ยังไงก็ไม่หายค่ะ รู้สึกว่ามันเสียเวลามากเลยค่ะ

อ.สรว : ชอบก็ให้รู้ว่าชอบ อย่าพยายามดูอะไรเพื่อจะให้หายชอบครับ

แล้วพอติดตามดูข่าวดูอะไรไป ก็ให้ย้อนกลับมาดูจิตตัวเองบ่อยๆ ด้วยนะครับ :D

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไม่เดินปัญญา

จิตไม่เดินปัญญา

ถาม : ช่วงนี้มีอาการคิดว่ารู้ แต่ไม่มีปัญญา มันไม่รู้สึกดี เป็นมาเป็นเดือนแล้วค่ะ คืออาการเสื่อมใช่ไหมคะ

ตอบ : เป็นแบบรู้เฉยๆ ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง
หรือไม่เห็นไตรลักษณ์หรือเปล่าครับ
ถ้าเป็นแบบนี้ไม่ใช่เสื่อมหรอกครับ
แต่เป็นอาการที่เรียกว่า จิตไม่เดินปัญญา
ก็ให้รู้ไปว่าจิตรู้เฉยๆ ไม่เดินปัญญา
แล้วก็ให้หาอะไรทำที่ทำให้จิตเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงให้เห็นบ้างครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีจัดการกับความเหงา

วิธีจัดการกับความเหงา

จะมีวิธีจัดการกับความเหงาอย่างไรบ้าง
ในกรณีที่เราต้องอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีคู่
เราจะมีอุบายสอนจิตอย่างไรบ้าง ?

ตอบไปว่า…
หัดเจริญสติไปเลยครับ เมื่อจิตย้อนกลับมารู้สึกตัว
(จิตอยู่กับตัวเองได้จนเคยชิน)
จิตที่อยู่กับตัวเองอย่างสติได้
ก็จะมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนได้
แล้วจะไม่รู้สึกเหงา
แม้ต้องอยู่คนเดียวในวันที่จะตายด้วยซ้ำไป
^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้อยู่นอกๆ

รู้อยู่นอกๆ

ถาม : อาการ “รู้อยู่นอกๆ” คืออาการรู้แบบแตะๆนิดนึงแล้วปล่อยไป คืออาการ เข้ามาไม่ถึงใจ”, ” จิตไม่ถึงฐาน”,”จิตไม่ตั้งมั่น” คืออาการครือๆกันใช่ไหมคะ

ตอบ : รู้นอกๆ นี่จะเป็นสภาวะที่จิตขาดความตั้งมั่น
ก็เลยออกไปรู้อารมณ์ที่เบาๆสบายๆ
และไม่เห็นว่าที่เบาๆสบายๆ เป็นสิ่งที่ถูกรู้อยู่
การที่หลวงพ่อบอกให้ย้อนมาดูที่ใจ ก็คือให้กลับมารู้สึกตัว
ให้เห็นจิตที่ไหลไปอยู่ที่ความเบาๆสบายๆ
แล้วจิตจะเกิดความตั้งมั่นขึ้นมา
เห็นความเบาๆสบายเป็นสิ่งหนึ่งที่ถูกรู้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตและขันธ์กับการภาวนา

จิตและขันธ์กับการภาวนา

ในเบื้องต้น แค่รู้สึกว่ารูปนาม(ขันธ์ต่างๆ) เป็นสิ่งที่ถูกรู้ก็พอแล้วครับ
ส่วนตัวที่ทำหน้าที่รู้ ซึ่งเรียกกันว่าจิตผู้รู้นั้น ไม่ต้องไปพยายามดูมันนะครับ
เพราะทันทีที่ไปพยายามดูจิตผู้รู้ จิตผู้รู้ที่ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่ถูกรู้ไปแล้ว
ส่วนที่ว่าจิตไม่ยึดขันธ์นั้น เป็นเบื่องปลายเป็นที่สุดแล้วครับ
และจิตที่ไม่ยึดขันธ์แล้ว ก็ยังเป็นจิตที่เกิดดับ ไม่ใช่ดับสูญหายไปเลยนะครับ
อันนี้ยังไม่ต้องพยายามเจาะลึกนะครับ ฟังๆ ไว้ก่อน ถูกผิดก็ยังไม่ต้องฟันธง
เมื่อไหร่ที่จิตไม่ยึดขันธ์แล้วจริงๆ ก็จะเข้าใจจริง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เจริญสติ ให้แก่รอบ

เจริญสติ ให้แก่รอบ

แก่รอบเป็นสำนวนที่หมายถึง
จิตได้เรียนรู้ไตรลักษณ์จนเพียงพอที่จะเกิดปัญญาเกิดมรรคผลได้แล้ว
ซึ่งการเรียนรู็ไตรลักษณ์ ก็ต้องมาหัดรู้รูปนาม
บางขณะก็รู้บางขณะก็หลง (หลงแล้วให้รู้ว่าหลง)
บางขณะรู้ว่าจิตก็ตั้งมั่น บางขณะรู้ว่าจิตไม่ตั้งมั่น ฯลฯ
หัดไปแบบนี้ก็จะแก่รอบแล้วเกิดมรรคผลขึ้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ทฤษฏี การคิดบวก กับการภาวนา

ทฤษฏี การคิดบวกกับการภาวนา

ในแง่ของการภาวนาเพื่อความพ้นทุกข์
การคิดแล้วจิตสงบนี่ จัดเป็นการทำสมถะอย่างหนึ่ง
ไม่ได้ทำให้จิตเป็นกลางเพราะปัญญาหรอกครับ
แต่เป็นการทำจิตให้สงบเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ซึ่งถ้าจำเป็นก็สามารถทำได้ตามสมควรครับ
แต่ถ้าทำบ่อยๆ โดยไม่จำเป็น ก็จะติด
พอมีอะไรนิดหน่อยหรือยังพอหัดดูจิตได้ เช่นตอนรอรถเมล์
พอรถไม่จอดซึ่งก็ไม่ได้เกิดโทสะจนทำผิดศีลได้
แทนที่จะรู้ไปซื่อๆ ก็จะไปคิดบวกเอา
ทำให้เสียโอกาสในการเจริญสติเจริญปัญญาไปครับ

ส่วนในแง่แบบโลกๆ
การคิดบวกก็เป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งครับ
แต่หากไม่ได้เจริญสติเจริญปัญญาไปด้วย
การคิดบวกก็คงช่วยไม่ได้เสมอไป
โดยเฉพาะเมื่อเกิดกิเลสรุนแรงมากๆ ก็จะลืมตัวขาดสติไปเลย
เมื่อขาดสติก็สามารถทำชั่วได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ดูความคิด ให้รู้ตอนไหน

ดูความคิด ให้รู้ตอนไหน

โดยหลักมีอยู่ว่า รู้ได้ตอนไหนก็ดูตอนนั้น และให้รู้ในขณะปัจจุบันครับ
แล้วก็ไม่จำเป็นต้องเห็นจิตไหลไปคิดตั้งแต่ต้นหรอกครับ
ถ้าไม่ทันต้อนที่ไหลไปคิด แล้วจิตเกิดยินดียินร้ายให้รู้สึกได้
ก็มาหัดดูจิตที่ยินดียินร้ายไปเลย
หรือถ้ารู้ทันขณะที่จิตไหลไปคิด ก็รู้ว่าจิตไหลไป ถ้ารู้ได้จริงๆ
จิตที่ไหลจะดับไปตั้งแต่ยังไม่ทันปรุงความยินดียินร้ายขึ้นมาครับ
เพราะฉะนั้นที่ถูกคือ
หลังจากที่รู้ว่าจิตไหลไปได้แล้ว ไม่ต้องไปเพ่งจ้องหาดูความยินดียินร้าย
แต่ถ้าเผลอไปเพ่งจ้องหาดู ก็ให้รู้ทันจิตที่จ้องหาดูนั่นแหละครับ

ในขั้นของการหัดรู้สภาวธรรม
จะเกิดสภาวะ จิตไหลไปหาความคิดก่อน แล้วจึงรู้ว่าจิตไหลไปครับ
การรู้ว่าจิตไหลไป จะทำให้ความคิดดับและเกิดสติรู้สึกตัว
ซึ่งเมื่อเกิดสติ จิตก็มักจะจำได้ว่าเมื่อกี้คิดเรื่องอะไร
แต่ถ้าความคิดไม่ดับแต่รู้เรื่องที่คิด อันนี้จะยังไม่เกิดสติรู้สึกตัวขึ้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ควรตั้งใจจะไม่คิดอะไรเลยหรือไม่?

ควรตั้งใจจะไม่คิดอะไรเลยหรือไม่?

จิตจะคิดก็ห้ามไม่ได้หรอกครับ พอคิดไปแล้วก็ให้หัดรู้ว่าจิตหลงไปคิด
และถ้าพยายามจะฝืนให้จิตนิ่งๆ ก็จะยิ่งไม่นิ่งไม่สงบครับ
เพราะฉะนั้นเวลานั่งแรกๆ จิตจะนิ่งไม่นิ่งก็หัดรู้ไป
ถ้าจิตไม่นิ่งก็หัดรู้ไปจะเป็นการหัดรู้สภาวะ
ถ้าจิตนิ่งสงบก็อย่กับความสงบไปจะเป็นการทำสมถะ
จิตจะเป็นอย่างไรก็รู้ไปตามที่เป็น
อย่าไปฝืนให้เป็นไปตามที่ต้องการนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ถ้าเห็นความเป็นอัตตา เห็นถูกหรือไม่?

ถ้าเห็นความเป็นอัตตา เห็นถูกหรือไม่?

เห็นถูกแบบยังมีความเห็นผิดครับ
เพราะการเห็นว่ามีอัตตาเป็นความเห็นผิด
จริงๆแล้วอัตตาไม่มี เพราะไม่มีรูปนามที่เป็นตัวตนทรงอยู่ได้ด้วยตัวเอง
มีแต่รูปนามที่เกิดดับดับไปตามเหตุปัจจัย หรือต้องอิงอาศัยปัจจัยอื่น
ต้องค่อยเจริญสติเจริญปัญญาไป
แล้ววันหนึ่งจิตจะละความเห็นผิดว่ามีอัตตาตัวตนได้ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เรื่องของสติ

เรื่องของสติ

สติ คือการกลับรู้สึกอยู่ที่กายที่ใจ หลังจากเกิดสภาวะหรืออารมณ์ขึ้นแล้ว
และหากรู้อย่างมีความตั้งมั่น และรู้สึกได้ถึงความเกิดดับ
ของกายใจหรืออารมณ์ในขณะนั้น ก็เป็นการเจริญวิปัสสนาอยู่ครับ

สติ แปลว่า ความระลึกได้
(จะระลึกได้ก็ต้องมีสภาวะเกิดขึ้นก่อนแล้วจึงจะระลึกได้ครับ)

ถ้าเกิดอารมณ์แล้ว มีสติตั้งมั่น สำรวมกายวาจา
แล้วรู้ว่ามีอารมณ์เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป โดยไม่ได้แทรกแซง (เป็นเพียงผู้รู้อยู่เท่านั้น)
ก็จะเป็นการทำวิปัสสนาครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สมถะเริ่มเมื่อหมดความตั้งใจ วิปัสสนาเริ่มเมื่อหมดความคิด

สมถะเริ่มเมื่อหมดความตั้งใจ วิปัสสนาเริ่มเมื่อหมดความคิด

สมถะ คือการให้จิตอยู่กับอารมณ์เดียวอย่างต่อเนื่อง
และจะเข้าสู่สมถะจริงๆ ก็ตรงที่ จิตรู้อารมณ์ได้เองโดยไม่ต้องประคองรักษาเอาไว้
อย่างการบริกรรม ถ้ายังต้องประคองรักษาไว้ ไม่งั้นจิตจะหนีไปสนใจอารมณ์อื่น
ก็ยังไม่เข้าสู่สมถะ จนกว่าจิตจะบริกรรมเองอย่างต่อเนื่อง
และพอเข้าสมถะแล้ว ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่กับอารมณ์ที่เป็นคำบริกรรมตลอดไป
จิตอาจจะเปลี่ยนไปรู้อารมณ์อื่นเองก็ได้ครับ

วิปัสสนานั้น เป็นการเห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม
การเห็นก็คือการประจักษ์รู้ตรงๆ เป็นขณะๆ
โดยขณะที่เห็นไตรลักษณ์ จะปราศจากการคิดนึกเรื่องไตรลักษณ์
ถ้ายังมีการคิดนึกเรื่องไตรลักษณ์อยู่ ก็ยังไม่เป็นวิปัสสนาครับ
:D

กรณีจิตหลงไปคิด หากเกิดสติรู้ขึ้นว่า จิตหลงไปคิด ความคิดจะดับไปชั่วขณะ
แวบตรงนั้นหากจิตมีความตั้งมั่น และรู้สึกได้ว่าจิตที่หลงคิดดับไป แล้วเกิดจิตที่มีสติขึ้น
ตรงนี้จะเป็นการทำวิปัสสนาอยู่ครับ

ถ้าความคิดไม่ขาดก็ยังไม่ใช่สติที่ใช้ในการเจริญปัญญาได้
หรือที่พูดๆ กันว่า ยังไม่ใช่สติตัวจริงนั่นเองครับ
แล้วในการหัดรู้สภาวะก็ไม่ใช่ว่า การรู้ทุกครั้งจะเป็นการรู้ด้วยสติตัวจริงทุกครั้ง
เพราะฉะนั้นถ้าเห็นว่าความคิดไม่ดับก็แค่รู้ไปว่าจิตยังหลงไปคิดก็พอแล้วครับ
หัดไปเรื่อยๆ ก็จะรู้ได้ด้วยสติจริงๆ มากขึ้นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เป็นวิปัสสนาหรือไม่?

เป็นวิปัสสนาหรือไม่?

ต้องสังเกตว่า
จิตมีความตั้งมั่น เห็นสภาวะต่างของกายของใจ
เกิดดับเปลี่ยนแปลง ไม่คงทน ไม่เป็นไปตามที่นึกอยากให้เป็น
หรือเห็นไตรลักษณ์ของรูปนาม หรือไม่
ถ้าเห็นไตรลักษณ์ของรูปนามก็เป็นวิปัสสนาครับ

ปกติแล้วการภาวนาก็มีทั้งที่เป็นวิปัสสนา เป็นสมถะ
และไม่เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา สลับกันไปครับ
เช่นตอนที่นึกทำจิตให้มีเมตตาแล้วแผ่เมตตาออกไป ก็จะเป็นสมถะ
แต่ถ้าแผ่เมตตาแล้วมีสติตั้งมั่นรู้ว่า จิตที่มีเมตตาก็ไม่เที่ยง
ขณะที่เห็นความไม่เที่ยงก็เป็นวิปัสสนา
ส่วนตอนที่หลงเพลินไปไม่รู้สึกตัวไม่รู้กายใจ ก็ไม่เป็นทั้งสมถะและวิปัสสนาครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 31 of 31« First...1020...2728293031