Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การรักษาศีลให้บริบูรณ์

การรักษาศีลให้บริบูรณ์

ผมรู้สึกว่า

 ฆราวาสอย่างเราๆ จะรักษาศีลให้บริบูรณ์นั้น ยากมากมาก

 แต่เราก็ต้องตั้งใจรักษาศีลให้ได้อย่างน้อยก็ตามมาตรฐานขั้นต่ำ

 คือไม่ทำผิดศีลห้า ที่ทำแล้วผู้อื่นเดือดร้อน

 และที่ทำแล้วเป็นการสนองกิเลสตัณหาตัวเอง

 เพราะมันจะทำให้เราต้องเดือนร้อนต่อไปในภายหน้า

 ส่วนอะไรที่พลาดพลั้งไปแล้ว

 ก็ให้ตั้งใจเริ่มรักษาศีลห้ากันต่อไปใหม่

 จิตใจก็จะค่อยๆ เป็นปกติมากขึ้น ศีลก็จะงดงามขึ้นไปได้

 

 ความยากอีกอย่างคือ

 บางเรื่องหากเราจะจัดการทำอะไรบางอย่าง

 ก็จะทำให้ศีลด่างพร้อย ไม่บริบูรณ์ หรือศีลขาดไปเลย

 แต่ถ้าเราไม่ยอมทำอะไร เพราะเกรงกลัวจะผิดศีล

 เราเองจนถึงผู้อื่นก็จะต้องเดือดร้อน

 การจะตัดสินใจว่าจะทำอะไรหรือไม่ทำ

 จึงต้องพิจารณากันเอาเอง

 อย่างเรื่อง ปลวกขึ้นบ้าน

 ที่มักจะถามกันว่า ปลวกขึ้นบ้านจะให้ทำอย่างไร

 

 ถ้าเรากำจัดเอง ก็ย่อมผิดศีลข้อหนึ่ง

 

 ถ้าเรียกบริษัทมากำจัดปลวกเราจะบาปไหม ผิดศีลไหม

 ซึ่งบางคนก็บอกไว้ว่าแม้ไม่ผิดศีล แต่ศีลก็ด่างพร้อยไม่บริบูรณ์

 

 ถ้าจะทำไม่ยอมทำอะไรเลย เพื่อให้ศีลบริบูรณ์

 ปลวกก็จะกินบ้านจนอยู่อาศัยไม่ได้

 สุดท้ายก็ต้องไปหาบ้านใหม่

 ถ้าตัวคนเดียวหรือมีฐานะดี ก็คงไม่เดือดร้อน

 แต่ถ้าฐานะไม่ดี หรือมีครอบครัวซึ่งคนในครอบครัว

 ไม่ได้คิดจะรักษาศีลขนาดนั้น ก็ย่อมต้องเดือดร้อนไปด้วย

 

 ดังนั้นหลายๆ เรื่อง เราก็ต้องเลือกเอาว่า

 จะจัดการอย่างไรหรือไม่จัดการอะไรเลย ปล่อยๆ มันไป

 ซึ่งถ้าเลี่ยงไม่จัดการอะไรได้ก็ควรเลี่ยง

 แต่ถ้าต้องจัดการทำอะไร

 ก็ควรเลือกวิธีที่ประเมินแล้วว่า

 จะให้ผลกรรมต่ำที่สุดเอาไว้ก่อน

 จะได้ไม่ต้องรับผลที่หนักหนาสาหัสในภายหน้า

 แล้วก็ต้องเตรียมใจว่า การกระทำของเราครั้งนี้

 ย่อมต้องทำให้เราต้องรับผลกรรมในภายหน้า

 แล้วเราก็ต้องฝึกให้มีสติพอที่รับผลของกรรมนั้น

 เพื่อจะได้ไม่ต้องทำกรรมใหม่

 เพราะทนทุกข์ไม่ไหวยามที่ผลกรรมเก่ากำลังให้ผล

 

 แต่ที่ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้ ชนิดยอมตายดีกว่าก็คือ

 ต้องไม่ทำ “อนันตริยกรรม”

เพราะถ้าพลาดพลั้งทำลงไป เราต้องรับผลกรรมในทันทีคือ

 ชาตินี้จะไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลใดๆ ได้เลย

 แล้วยังต้องรับผลกรรมอื่นๆ ที่จะตามมาในภายหน้า

 อีกอย่างหนักหนาสาหัสไปนานเท่านานทีเดียว

 

 เห็นมั้ยว่าการเป็นฆราวาส

 ยากมากนะ

 ที่จะรักษาศีลให้บริบูรณ์

 ที่จะไม่ทำความเดือดร้อนให้ตนเองและผู้อื่น

 แต่ง่ายมากมากเลย

 ที่จะพลาดพลั้งทำผิดศีลห้า จนถึงกับทำอนันตริยกรรมก็ได้

 ขนาดบางคนที่พากเพียรอดทนปฏิบัติธรรมาตั้งนานสองนาน

 แค่ขาดสติชั่ววูบเดียว ก็ทำอนันตริยกรรมสำเร็จไปซะแล้ว

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิธีแก้ไขให้จิตหายฟุ้งซ่าน

วิธีแก้ไขให้จิตหายฟุ้งซ่าน

ถาม :  เนื่องจากจิตชอบฟุ้งซ่านคิดเยอะเกินไป  เราจะทำอย่างไรดีเพื่อให้จิตนั้นสงบและไม่ฟุ้งซ่าน และเราสามารถเอาจิตไปจับที่อะไรได้บ้างให้จิตนั้นสงบไม่ฟุ้งซ่าน?

ตอบ : ถ้าสามารถเกิดสติระลึกขึ้นได้บ่อยว่า เมื่อกี้ฟุ้งซ่านไป ก็ยังไม่จำเป็นต้องทำให้จิตสงบ แค่ให้รู้ว่าเมื่อกี้ฟุ้งซ่านไปก็พอแล้ว แต่ถ้ามันฟุ้งจนไม่เกิดสติเลย

หรือนานมากจึงจะเกิดสติสักแวบ (วันนึงเกิดสติไม่กี่ครั้ง) ก็ต้องหาอุบายมาทำให้จิตสงบก่อน

อุบายให้จิตสงบมีเยอะเลยครับ ต้องสังเกตเอาเองว่าเราทำอะไรแล้วจิตหายฟุ้ง จะทำสมถะ เดินจงกรม สวดมนต์ ทำงานบ้าน ทำกุศลอะไรก็ได้ที่ทำแล้วจิตสงบก็ใช้ได้หมดครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การไม่แคร์ใคร

การไม่แคร์ใคร

การไม่แคร์คนอื่นนี่มันเป็นได้หลายเหตุ

บางทีก็เพราะเราจะหนีทุกข์ก็เลยทำเป็นไม่แคร์

บางทีก็เพราะเราทำไปเพื่อสนองตัวตน

บางทีก็เพราะปฏิเสธสังคมปฏิเสธคนอื่น เพราะเกิดความเห็นผิดว่าถ้าเราไม่แคร์ใครเราก็ไม่ทุกข์

ทั้งที่ทุกข์จริงๆ มันคือการยึดถือขันธ์เอาไว้ ไม่ใช่เพราะไปแคร์คนอื่น

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับอ.สุรวัฒน์ : อยากเข้าสมาธิให้ได้ลึกๆ

อยากเข้าสมาธิให้ได้ลึกๆ

ถ้าอยากให้เข้าสมาธิลึกๆ ก็เท่ากับเสียท่ากิเลส เกิดตัณหาอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์

หลุดออกจากสติปัฏฐานไปแล้ว เพราะสติปัฏฐานเป็นการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์

การพยายามให้เป็นไปตามที่อยาก เท่ากับเป็นการทำเหตุให้เกิดทุกข์ ผลย่อมเป็นทุกข์ไม่ใช่พ้นทุกข์

ดังนั้นเวลาทำสมาธิก็ให้ทำไปแบบไม่ต้องคาดหวังผลว่าต้องเข้าสมาธิลึกๆ ได้

แต่ให้มีสติรู้สภาวะที่กำลังปรากฏไปแบบแค่รู้แค่ดู และไม่จำเป็นต้องเข้าสมาธิลึกๆ ก็ได้

ซึ่งการมีสติรู้สภาวะที่กำลังปรากฏอยู่แบบแค่รู้แค่ดู

จะนำไปสู่การเกิดสมาธิที่เป็นความตั้งมั่นของจิตในการรู้รูปนาม

ความตั้งมั่นของจิตในการรู้รูปนามนี้เอง

ที่จะทำให้เห็นไตรลักษณ์และเกิดปัญญาพ้นทุกข์ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : แยกธาตุแยกขันธ์เพื่อเห็นไตรลักษณ์

แยกธาตุแยกขันธ์เพื่อเห็นไตรลักษณ์

ถาม : หลายเดือนมาแล้วส่งการบ้านหลวงพ่อที่วัด ท่านว่าเห็นธาตุเห็นขันธ์มันกระจายตัวออกไปแล้วใช่มั้ย (นึกสภาวธรรมที่เจอไว้แต่ยังไม่ได้เอ๋ยถาม)

ตอบท่านว่าไม่แนใจ ท่านว่าจงแน่ใจเถอะ ช่วงนั้นก็เห็นว่า กายใจ มันอยู่ห่างๆกันบ้าง

คำถามตอนนี้อยากให้อ.แนะนำการปฎิบัติต่อค่ะ มันเห็นเวทนา แยกคนละส่วนกับกายหนเดียว ไม่เคยเห็นอีกเลยน่ะค่ะ และก็ไม่เห็นมันเกิดดับด้วยค่ะ

ตอนนี้ทำสมถะน้อยกว่าตอนที่ถามหลวงพ่อ ช่วงนั้นไปวัดบ่อย รวมกับเข้าcouseบ่อย ตอนนี้เวลาน้อยลงค่ะ ห่างวัด

ตอบ : แม้จะไม่ได้ไปวัดบ่อย ไม่ได้เข้าคอร์สบ่อย แต่ร่างกายก็ยังต้องเคลื่อนไหวอยู่ในอิริยาบทต่างๆ ตลอดเวลาเหมือนกันครับ

ที่หลวงพ่อให้ดูกายมันทำงานของมัน เราจึงสามารถดูได้ทุกที่ทุกเวลาทุกๆวันอยู่แล้ว

หากเห็นร่างกายถูกรู้ได้บ่อยๆ หรือเห็นร่างกายเป็นส่วนหนึ่งจิตเป็นส่วนหนึ่งได้บ่อยๆ

ก็เป็นการแยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้ว ส่วนการแยกเวทนานั้นแม้จะนานๆเห็นสักครั้งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยครับ

แล้วถ้าไม่เห็นเวทนาแยกก็ไม่ต้องดิ้นรนทำให้แยกนะครับ เพื่อเมื่อแยกกายแยกจิตได้แล้ว

การดูกายไปบ่อยๆ ก็จะค่อยๆ เห็นไตรลักษณ์ของกายบ้างของจิตบ้างได้ตามโอกาส

ซึ่งการเห็นไตรลักษณ์นี่แหละครับคือสาระสำคัญของการภาวนา ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อย่าท้อถอยที่จะทำดี

อย่าท้อถอยที่จะทำดี

ถ้าไม่เข้าใจว่า…กรรมดีก็ทำตามสมควรแล้ว แต่กรรมดีนั้นยังไม่มีเหตุปัจจัยพร้อมที่จะให้ผล

แต่เหตุปัจจัยที่ทำให้กรรมชั่วให้ผลมันถึงพร้อม ก็เลยทำให้ต้องรับผลของกรรมชั่วอยู่

ชีวิตจึงยากลำบาก ขาดแคลนลาภ/ยศ/สรรเสริญ/ความสุข มากไปด้วยเสื่อมลาภ/เสื่อมยศ/ถูกนินทา/ความทุกข์…

ก็อาจทำให้เราท้อถอยที่จะทำกรรมดีต่อไป และที่แย่คือ เราอาจเห็นผิดแบบว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัว แล้วเมินเฉยต่อการทำกรรมดีเสียสิ้น

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับอ.สุรวัฒน์ : โอวาทเพื่อความเจริญ

โอวาทเพื่อความเจริญ

 ไม่ต้องฉลาดก็ได้นะ ไม่ต้องเก่งก็ได้นะ

 แค่รู้ว่าใครเป็นคนดีที่ควรคบ ใครเป็นคนชั่วที่ไม่ควรคบ

 อะไรเป็นกุศลที่ควรทำให้มาก อะไรเป็นอกุศลที่ควรละเว้น

 ชีวิตเราก็จะเจริญไปได้ทั้งทางโลกและทางธรรม

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : มีสติรู้ทันแล้วสภาวะควรจะดับหรือไม่?

มีสติรู้ทันแล้วสภาวะควรจะดับหรือไม่?

ดูสภาวะใดแล้ว สภาวะนั้นจะดับทันทีหรือไม่ดับก็ได้ครับ

ดังนั้นไม่ต้องไปตั้งไว้ว่าต้องดับทันที

แต่ให้หัดดูไปตามที่เป็น ดับก็รู้ว่าดับ ไม่ดับก็ดูต่อไป

แล้วก็ไม่ต้องไปเฝ้าดูเพื่อจะเห็นว่ามันดับ ให้แค่รู้ไปสบายๆ

เพราะบางทีก็เห็นมันดับได้ บางทีก็ไม่ทันเห็นมันดับแต่จิตเกิดไปสนใจรู้อย่างอื่นแทนก็ได้

เช่นดูแล้วไม่ดับ ดูๆไป จิตก็หลงไปมองภาพทางตาจนลืมตัวไป

มารู้สึกอีกทีสภาวะก่อนหน้านั้นมันดับไปตอนไหนก็ไม่รู้

ฉะนั้นให้ดูไปตามที่เป็น ไม่ต้องตั้งว่าต้องดูให้ดับ ต้องดูจนเห็นสภาวะนั้นดับ

แต่ให้รู้ไปสบายๆ เปัจจุบันเห็นอะไรก็ดูอันนั้นไปตามที่เห็นตามที่เป็นครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อาการปัญญาล้ำหน้า

อาการปัญญาล้ำหน้า

ถาม : อาการเรื่องจิตนี้ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง จิตมันแว๊บขึ้นมา แล้วบอกว่า ตัวจิตนั่่นแหล่ะคือตัวทุกข์ หลังจากนั้น ผมก็มีความรู้สึกโล่ง โปร่ง เบาสบาย เหมือนยืนอยุ่คนเดียวในโลก เป็นความสุขอย่างที่สุด ที่ไม่เคยได้พบมาก่อนเลยในชีวิต และมีอารมณ์นี้อยู่ได้ประมาณ 1 วัน ความสุขที่กล่าวก็หายไป จนมาครั้งที่สอง ก็เกิดอารมณ์แห่งความสุขนี้อีกครั้ง แต่ไม่ตื่นเต้นมากเหมือนครั้งแรก อยู่ได้ประมาณ 1 วัน เหมือนกัน แล้วก็หายไป จึงทำให้คิดไปว่า สิ่งที่จิตพูด เหมือนเป็นการบอกว่า เราจะต้องปฏิบัติอย่างไรต่อไป ไม่ทราบว่าผมเข้าใจผิดหรือไม่ ?

 

ตอบ : ระวังจะเป็นอาการ ปัญญาล้ำหน้าไปนะครับ อาการปัญญาล้ำหน้าจะออกมาในรูปของความคิดแล้วจิตสงบลงแบบสมถะ โดยที่จิตยังไม่แจ้งอริยสัจจริง ยังไม่แจ้งจริงว่า ตัวจิตนั่นแหละคือตัวทุกข์ แต่อาศัยการได้ยินได้ฟังธรรมะมาก่อน ก็เลยคิดนึกไปตามที่ได้ยินได้ฟังมา ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอาการอย่างไรตามมา จากการคิดนึกหรือที่มันแวบขึ้นว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ให้มีสติแค่รู้มันเกิดดับไปตามปกติครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิปัสสนูปกิเลส

วิปัสสนูปกิเลส

วิปัสสนูปกิเลส เป็นอาการที่เกิดกับผู้ที่กำลังเจริญวิปัสสนา เช่นเกิดอาการที่มีสติแก่กล้า

หรือเกิดรู้สึกตัวเองเข้าใจธรรมะได้ลึกซึ่ง จนเกิดสำคัญตนผิดว่า ได้ของดีได้คุณธรรม

บางคนก็คิดไปว่าบรรลุธรรมไปแล้ว เป็นพระอรหันต์ไปแล้ว และมีความยึดมั่นถือมั่นกับความเข้าใจผิดๆอันนั้น

ทั้งที่ใจมันยังเร่าร้อนที่จะอวดตัว เร่าร้อนที่จะพูดธรรมะให้คนอื่นฟัง แต่ตัวเองดูไม่เห็นว่าจิตมันเร้าร้อนอยู่ …

อาการวิปัสสนูปกิเลสมีถึง 10 อาการด้วยกัน (>>> อาการทั้ง 10 มีอะไรบ้างอ่านตรงนี้ <<<)

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้สภาวะเพื่ออะไร?

รู้สภาวะเพื่ออะไร?

รู้ ไม่ใช่เพื่อให้ดับ แต่รู้เพื่อให้เห็นว่ามัน ไม่เที่ยง บังคับไม่ได้ …

อย่างพอรู้แล้วดับ มันแสดงให้เห็นว่ามันไม่เที่ยง

พอรู้แล้วไม่ดับอย่างที่คาดไว้ มันก็แสดงความไม่ใช่ตัวตน

ดังนั้นรู้แล้วจะดับไม่ดับก็ได้ แต่ให้หัดดูความเป็นไตรลักษณ์ไปครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เมื่อไปเรียนธรรมะกับครูบาอาจารย์

เมื่อไปเรียนธรรมะกับครูบาอาจารย์

 เวลาพวกเราไปเรียนธรรมะกับครูบาอาจารย์ ต้องสังเกตจิตใจเราให้ดี

 ถ้าเราไม่เห็นด้วยกับคำสอนท่าน เราก็ไม่ควรไปรบกวนท่าน

เพราะอาจจะทำให้ท่านเหนื่อยมากกับการคุยกับเรา

ควรเลือกไปเรียนกับครูบาอาจารย์ที่เราเห็นด้วยกับคำสอนของท่าน

ซึ่งนอกจากจะไม่รบกวนครูบาอาจารย์แล้ว ยังทำให้เราเปิดใจเรียนรู้และเจริญในธรรมได้ดีกว่าด้วย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตตั้งมั่นแล้ว ยังทำสมถะได้ไหม

จิตตั้งมั่นแล้ว ยังทำสมถะได้ไหม

ถาม : ตอนนี้จิตผมตั้งมั่นในภาวะปัจจุบันคือดูอารมณ์จิตได้ และตามดูอยู่แล้ว  แต่ผมยังหวังในสมาธิจากสมถะอีก  ผมควรต้องทำสมถะให้หนักต่อไปมั๊ยครับ

ตอบ : ถ้าทำสมถะด้วยเพราะความอยากได้อยากเป็น

ก็เท่ากับทำไปตามความอยากที่เป็นสมุทัย เป็นเหตุให้เกิดทุกข์

ซึ่งไม่ว่าจะทำมากแค่ไหนก็จะไม่พ้นทุกข์

และยิ่งทำมากเท่าใดมันก็ยิ่งทุกข์มากเท่านั้น

ต้องวางใจใหม่ว่า เราจะทำเพราะเป็นกิจที่ควรทำ

ทำเพื่อให้จิตได้พักมีกำลังที่จะเดินปัญญาต่อ

ไม่ใช่ทำเพราะอยากได้อยากเป็น

ถ้าเกิดอยากได้อยากเป็นก็ให้รู้ทันจิตไปครับ

ส่วนจะทำมากน้อยแค่ไหนก็แล้วแต่สะดวก

ที่สำคัญคือ ทำแล้วให้ออกมาเดินปัญญาต่อครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : หลงแล้วรู้

หลงแล้วรู้

หัดดูกายดูจิตมานานแล้ว จิตก็ยังมีปกติหลงแล้วรู้อยู่นั่นเอง
บางช่วงก็หลงนานแล้วจึงจะรู้ว่าเมื่อกี้หลงไป
บางช่วงก็หลงไม่นานแล้วรู้ว่าเมื่อกี้หลงไป
แรกๆ ก็ไม่เห็นหรอกนะว่าที่หลงหลงไปไหนมา
พอรู้ว่าเมื่อกี้หลงไปได้บ่อยๆ ก็จะค่อยๆ เห็นว่า
ส่วนมากจะหลงไปคิด กับหลงไปมองภาพทางตา

แต่การเห็นว่าหลงไปไหนนี่
มันก็ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องรู้แจ้งเห็นจริง
เพราะที่ต้องรู้แจ้งเห็นจริงมันอยู่ที่
รู้สึกได้ชัดว่า เมื่อกี้หลงไป
เมื่อรู้ได้ชัดว่าเมื่อกี้หลงไปได้บ่อยๆ
ก็จะค่อยรู้ชัดขึ้นที่ละนิดทีละหน่อยว่า
ร่างกายจิตใจ (รูปนาม ขันธ์ห้า) มันไม่ใช่ตัวตนที่เที่ยงถาวร
มีแต่เกิดแล้วดับไปตามเรื่องตามราว (ตามเหตุปัจจัย) ของมัน
มันจะหลงก็ห้ามมันไม่ได้ มันจะรู้ก็สั่งให้รู้ไม่ได้

เมื่อหัดให้รู้ชัดได้ตามจริงแบบนี้อยู่เรื่อยๆ แล้วละก็
สติปัญญาจะเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป
แม้ไม่ได้อยากจะเอามรรคผลนิพพานอะไร
มรรคผลนิพพานก็จะเป็นสภาวะที่พึงปรากฏชัดขึ้นได้
ด้วยเพราะเหตุปัจจัยถึงพร้อมนั่นเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เผลอนานทำไงดี?

เผลอนานทำไงดี?

อยากให้เผลอสั้นๆ มั้ยครับ ถ้าอยากแล้วหาทางทำให้เผลอสั้นเมื่อไหร่ ผิดทันทีเลย

ต้องใช้วิธี พอเหลอนานแล้วรู้ขึ้นมา ให้สังเกตแวบที่รู้ตรงนั้นต่อเลยว่า จิตเป็นอย่าง

ถ้าเกิดไม่ชอบ/ไม่อยากเผลอนาน ก็ให้รู้จิตที่ไม่ชอบ/ไม่อยากเผลอนาน

แล้วก็หัดรู้สึกตัวต่อไปสบายๆ ต่อไปก็จะเผลอสั้นลงเองแหละครับ ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : นั่งสมาธิยังไงก็ไม่สงบ

นั่งสมาธิยังไงก็ไม่สงบ

ถาม : ผมนั่งนานเหมือนกันครับ เป็นชั่วโมง ก็มี ทำไมมันคิดโน่นนี่ หลายเรื่องครับ บางครั้งพอนั่งก็ใจไปคิดนี่นั่นเลย  ทำอาณาปาณสติ  ก็ไม่สงบครับ ยิ่งเวลาตอนนั่งดูลมหายใจ ถ้ามีคนพูดเสียงดังผมยังโมโหอีก  ตอนไปเข้าคอร์สนั่งอาณาฯ มันเงียบครับ มีกติกาว่าห้ามคุยกัน ห้ามพูด  แต่ในใจเหมือนว่ามันคุยตลอดเวลา แสดงว่าถึงแม้เราจะไม่พูดออกเสียง แต่มันก็เหมือนเราคุยอยู่ทั้งวัน  พอออกจากคอร์สอาณาฯมาสู่โลกปัจจุบัน ก็เป็นนิสัยเดิม  ตกลงจะทำอย่างไรครับ นั่งก็ไม่สงบ ไม่ทันจิต  ทำงานยิ่งไม่ทันจิต  แบบนี้ก็ไม่พ้นทุกข์สักทีสิครับ  ทำไงดีครับอาจารย์ ?

ตอบ : ถ้าหัดมานานพอสมควรแล้วยังเป็นแบบนี้

ก็คงเพราะมีปกติเป็นคนชอบคิด ทำความสงบได้ยาก

และไม่มีจริตไปทางทำสมถะจนจิตสงบนิ่งได้

ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรนะครับ (ผมก็เป็นแบบนี้ดหมือนกัน)

ดังนั้นเราก็ต้องใช้วิธีรู้จิตที่หลงไปคิดเอา คือ

พอจิตหลงไปคิดสักแผ๊บก็จะรู้ได้ว่า เมื่อกี้หลงไปคิด

หัดรู้แบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกดข่มจิตเพื่อจะไม่คิด

หรือถ้าจิตหลงคิดฟุ้งมาก ก็ให้ลุกไปเดินจงกรมเอาครับ

แล้วก็ระหว่างวันก็ให้หมั่นรู้กายเคลื่อนไหว

กับหมั่นรู้ทันจิตที่หลงไปคิด หลงไปมอง หลงไปฟัง

หัดแบบนี้สติจะเจริญขึ้นจนเกิดจิตตั้งมั่นแล้วจะเจริญปัญญาไปจนพ้นทุกข์ได้ครับ

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้สึกไม่ก้าวหน้าควรทำสมถะเพิ่มดีไหม

รู้สึกไม่ก้าวหน้าควรทำสมถะเพิ่มดีไหม

…ดูความอยากก้าวหน้าก่อนเลยครับ เพราะอยากก้าวหน้าแต่รู้ไม่ทัน แล้วไปทำสมถะตามความอยาก

ก็จะกลายเป็นทำไปด้วยความอยาก กลายเป็นทำตามสมุทัยไม่ใช่เพื่อจะละสมุทัย

ส่วนถ้าจะทำสมถะเพิ่มนั้นต้องดูว่า เรามีปัญหาเรื่องจิตเป็นอกุศลมากไปไหม

 มีปัญหาเรื่องจิตไม่มีกำลังตั้งมั่นพอหรือไม่ ถ้าจิตเป็นอกุศลมาก

ไม่มีกำลังตั้งมั่นพอที่จะเจริญปัญญาต่อได้ นั่นแหละครับ

จึงจำเป็นต้องทำสมถะให้จิตสงบและตั้งมั่น เมื่อสงบแล้วตั้งมั่นแล้วก็ต้องเจริญปัญญาต่อครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : รู้ได้อย่างไรว่าแยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้ว

รู้ได้อย่างไรว่าแยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้ว

ให้สังเกตความรู้สึกครับ คือถ้ารู้สึกว่าร่างกายกับจิตเป็นละสิ่งกัน ก็แสดงว่าสามารถแยกธาตุแยกขันธ์ได้แล้ว

ส่วนใครจะแยกได้ละเอียดแค่ไหนก็แล้วแต่สติปัญญา แต่แค่แยกกายกับจิตได้ ก็สามารถเจริญปัญญาได้แล้วครับ

ไม่จำเป็นต้องแยกได้ละเอียดทุกธาตุทุกขันธ์ครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : สุขมากทุกข์มากกับการภาวนา

สุขมากทุกข์มากกับการภาวนา

 

มีทุกข์มาก มีสุขมาก ไม่เกี่ยวกับการพัฒนาเร็วช้ากว่ากันหรอกครับ

ขึ้นกับว่าเรามีสติได้บ่อยไหม จิตตั้งมั่นเห็นรูปนาม เห็นทุกข์เห็นสุขเป็นไตรลักษณ์ได้บ่อยไหมนะครับ

 

สำหรับคนทุกข์มากบางคนก็พัฒนาช้า

เพราะจิตหลงไปจมแช่ทุกข์ ไม่ตั้งมั่นขึ้นมาเห็นทุกข์เป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู

ส่วนคนสุขมากบางคนก็พัฒนาช้า

เพราะจิตไหลเพลิดเพลินไปในสุข  ไม่ตั้งมั่นขึ้นมาเห็นสุขเป็นสิ่งที่ถูกรู้ถูกดู

จะว่าไปแล้ว คนที่ทุกข์พอสมควร สุขพอสมควร มีสุขมีทุกข์สลับกันไป

จะพัฒนาได้ง่ายกว่าคนที่ทุกข์มากไปหรือสุขมากไป

 

คุณไม่ต้องกลัวไปติดสุขหรอกครับ

เพราะถ้าเราไม่ทิ้งการภาวนา ยังทำในรูปแบบทุกวัน

มีสติรู้กายใจในชีวิตประจำวันได้ทุกวัน ก็ไม่ติดอยู่ข้างไหนหรอกครับ

แต่ถ้าเรารู้สึกว่ากลัวจะติดสุขแล้วปฏิเสธความสุข

จะเอาแต่ทุกข์เพื่อจะได้มีความเพียรมาก

แบบนี้แหละครับที่ติดไปแล้ว จะพัฒนาต่อไม่ได้แล้ว

เพราะไม่เป็นกลาง ไม่ยอมรับความจริงว่า

คนเราจะทุกข์หรือจะสุขก็แล้วแต่เหตุปัจจัย แล้วแต่วิบากใดจะให้เกิดขึ้น

ฉะนั้นจะทุกข์แค่ไหนก็ต้องภาวนาไป จะเกิดสุขแค่ไหนก็ต้องภาวนาไปนั่นแหละครับ

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตเกาะอารมณ์แล้วเป็นทุกข์

จิตเกาะอารมณ์แล้วเป็นทุกข์

ถาม : อารมณ์ที่ผ่านเข้ามาให้เราได้รับรู้ทุกๆ อย่าง เราไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยใช่ไหมคะ

ทำได้อย่างเดียวคือรู้ให้ทันเท่านั้นเหรอคะเวลาที่จิตไปเกาะอารมณ์ที่เราไม่อยากให้เกิด รู้สึกทุกข์มาก ถึงจะรู้ทันแต่ก็ไม่อยากจะให้เกิดขึ้นเลยค่ะ

เลยอยากจะเรียนถามอาจารย์ว่า เวลาที่จิตเราไปเกาะกับอารมณ์อะไรมากๆ เราควรจะวางใจยังไงดีคะ ?

 

ตอบ : อารมณ์ที่ผ่านเข้ามานั้น เราเลือกไม่ได้หรอกครับ

อย่างเช่นขนาดว่าเลือกไปเที่ยวเพื่อจะให้มีความสุข

แต่พอไปจริงๆ กลับเจอเรื่องวุ่นวายให้ทุกข์ใจก็ได้

ดังนั้นไม่ว่าอารมณ์อะไรจะผ่านเข้ามา

ก็ให้หัดรู้ทันใจของเราไป

จิตจะเป็นอย่างไร เช่นไปยึกเกาะอารมณ์ก็ให้รู้ทันจิตที่ยึดเกาะอารมณ์

เห็นจิตยึดเกาะอารมณ์แล้ว เกิดไม่ชอบไม่อยากให้ยึด

ก็หัดรู้ทันจิตที่ไม่ชอบ ไม่อยาก หัดรู้ไปตามที่เป็นจนสติปัญญามากพอ

จิตจะค่อยๆ คลายความยึดเกาะไปเองครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 3 of 3812345...102030...Last »