Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

Video Clips : เรียนกรรมฐานอย่าหวังพึ่งคนอื่น

หลวงพ่อปราโมทย์ : เรียนกรรมฐานอย่าหวังพึ่งคนอื่น ส่วนมากชอบอ้างว่ากัลยาณมิตรสอนอย่างนั้นอย่างนี้ ปัญหาก็คือ เราไม่รู้หรอกว่าใครคือกัลยาณมิตร

อย่างไปเรียนกับครูบาอาจารย์ กระทั่งหลวงพ่อปราโมทย์ รู้ได้ไงว่าเป็นกัลยาณมิตร เราเอาภูมิอะไรมาตัดสินว่าคนนี้ถูกคนนี้ไม่ถูก สิ่งที่จะช่วยเราได้มากคือโยนิโสมนสิการ พระพุทธเจ้าเคยสอนว่ากัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของอริยมรรค แต่สอนอีกที่นึงท่านบอกว่า โยนิโสมนสิการเป็นทั้งหมดของอริยมรรค หมายถึง ถ้ามีโยนิโสมนสิการก็จะได้มรรคได้ผลได้ หรือมี กัลยาณมิตรที่แท้จริงก็จะได้มรรคได้ผลได้

คนสมัยพุทธกาลมีกัลยาณมิตร มีพระพุทธเจ้าเป็นกัลยาณมิตร มีพระอรหันตสาวก ที่ท่านรับรอง มาถึงยุคเรานี้ อย่าหวังพึ่งกัลยาณมิตร เราไม่รู้ว่าใครคือกัลยาณมิตรตัวจริง เราจะเชื่อเอาก็จะงมงายนะเอาชีวิตไปฝากไว้กับคนอื่นไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลย

สิ่งที่จะช่วยเราได้มากคือ โยนิโสมนสิการ คำว่าโยนิโสมนสิการคือความแยบคายในการสังเกตเอา เช่นถ้าเราภาวนาแล้วจิตสว่างว่างโล่ง อยู่เป็นเดือนๆ ปีๆ เราต้องรู้แล้วว่ามันผิด เพราะอะไร พระพุทธเจ้าสอนว่ามันไม่เที่ยง ทำไมมันเที่ยง ท่านสอนว่ามันทุกข์ ทำไมมันสุข ท่านสอนว่าเป็นอนัตตาบังคับไม่ได้ นี่เหมือนมันบังคับได้ กูเก่งๆ อยู่ซะอีก ถ้ามันฝืนมันทวนกับคำสอนของพระพุทธเจ้า เราต้องรู้แล้วว่ามันผิด ต้องคิดพิจารณาเทียบเคียงเข้ากับคำสอนของพระพุทธเจ้า ท่านสอนให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ของกาย ของเวทนา ของจิตที่ไปรู้เข้า ต้องดูเพื่อให้เห็นไตรลักษณ์ ไม่ใช่ดูเพื่อเอาชนะขันธ์ หรือถือศีลแล้วไปบลัฟคนอื่นว่าคนอื่นไม่มีศีล อันนี้ไม่ใช่การถือศีลที่ถูกแล้ว เราต้องสำรวจตัวเองได้

โยนิโสมนสิการ ก็คือการตรวจสอบตัวเองด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า สิ่งนี้แหละสำคัญที่สุดเลย ต้องเรียนว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร คำสอนหลักของพระพุทธเจ้าก็อยู่ในเรื่องของอริยสัจสี่ ในอริยสัจสี่ มีเรื่องทุกข์กับสมุทัยเป็นฝ่ายโลก นิโรธกับมรรคเป็นฝ่ายที่จะพ้นจากโลก พ้นจากทุกข์ มีเหตุกับผล ทำเหตุอย่างนี้ได้ผลเป็นทุกข์ ทำเหตุอย่างนี้ได้ความพ้นทุกข์ หน้าที่ต่อทุกข์ อะไรคือทุกข์ ต้องรู้ สิ่งที่เรียกว่าทุกข์ก็คือขันธ์ห้านั่นเอง กายใจเรานี่เอง

หน้าที่ต่อทุกข์คือรู้อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ละ ถ้าเราภาวนาแล้วเราพยายามละทุกข์ เรามีโยนิโสมนสิการเราก็รู้แล้วว่าทำผิดแล้วล่ะ แทนที่เราจะรู้ทุกข์อย่างที่มันเป็น รู้กายอย่างที่กายเป็น รู้ใจอย่างที่ใจเป็น เราก็พยายามไปดัดแปลง แสดงว่าเราออกนอกทางแล้ว ความสังเกตจะช่วยเราได้ดีที่สุดเลย ในกรอบคำสอนของพระพุทธเจ้า สมุทัยให้ละ อะไรเป็นสมุทัย สมุทัยคือความอยาก นั่นเอง ให้ละอย่าไปเชื่อมันอย่าไปตามมันไป นิโรธ นิพานทำให้แจ้ง มรรคทำให้เจริญ มรรคย่อลงมาก็คือศีล สมาธิ ปัญญา คือทำสิ่งที่หลวงพ่อสอนวันนี้แหละ ศีล สมาธิ ปัญญาก็เจริญขึ้น สุดท้ายอริยมรรคเกิด แจ้งนิพพาน แจ้งนิโรธ ทุกข์ก็พ้นไป

อย่าเชื่อกัลยานมิตรนะ ใช้โยนิโสมนสิการให้มากขึ้นหน่อย พึ่งตัวเองให้เยอะหน่อย ว่างๆอ่านพระไตรปิฎกบ้าง อ่านพระวินัย กับพระสูตร นะ อภิธรรมถ้าไม่ได้เรียนอ่านไม่รู้เรื่อง อภิธรรมเป็นการแยกแยะสภาวะธรรม รู้กระบวนการทำงานของสภาวะธรรมต่างๆ รู้ที่มาที่ไป รู้เหตุรู้ผล ชึ่งเราภาวนาแล้วเราจะเห็นอภิธรรม ภาวนาเอาแล้วจะเห็น อ่านเท่าที่อ่านได้ อ่านพระวินัย กับพระสูตรดู เราจะได้แม่น ไม่ใช่ใครเขาพูดอะไรก็เชื่อๆไปหมดนะ สังเกตเอา เรียนหลักให้แม่นแล้วสังเกตเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
แสดงธรรมที่‏ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เมื่อวันอังคารที่ ๒๖ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๖
ช่วงเวลา ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๑ วินาทีที่ ๘ ถึง ชั่วโมงที่ ๑ นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๔๕

ขอขอบคุณ คุณ Janjira Chaisunee

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ถ้าสงสัยว่าได้มรรคผล ให้ดูกิเลส

mp 3 (for download) : ถ้าสงสัยว่าได้มรรคผล ให้ดูกิเลส

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ถ้าสงสัยว่าได้มรรคผล ให้ดูกิเลส

ถ้าสงสัยว่าได้มรรคผล ให้ดูกิเลส

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าจิตไม่ได้ทรงฌานนะไม่ชำนาญจะไม่เห็นสภาวะละเอียด คล้ายๆคนตกต้นไม้ พอหลุดจากยอดไม้ก็ถึงพื้นตุ้บเลย ดูไม่ออก แต่กิเลสเนี่ยหายไปแล้ว เพราะงั้นถ้าคนไหนภาวนาแล้ววูบๆวาบๆไปแล้วก็คิดว่าใช่นะ อย่าเพิ่งเชื่อ ให้มาทดสอบตัวเองด้วยกิเลสก่อน ค่อยๆสังเกตไปกิเลสอะไรยังเหลืออยู่ กิเลสอะไรหมดไปแล้ว ค่อยดูไปเรื่อยๆนะ ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองนะ มีสติ มีปัญญา ช่างสังเกตไปเรื่อย วันนึงก็ต้องจับได้

หลวงพ่อนะ ฆาตกรรมพระโสดา(ปลอม)ไปเยอะแยะนะ แต่ละปีๆนี่เยอะแยะมากเลย พระโสดานั่นน่ะไม่ใช่โสดาจริงหรอกยังมึนๆเมาๆอยู่ วิธีจัดการก็คือ ใจเย็นๆอย่าเพิ่งไปบอกเค้าว่าไม่ใช่นะ คนไหนเค้าคิดว่าเค้าใช่ เราอย่าไปบอกว่าเค้าไม่ใช่นะ เดี๋ยวเค้าโมโห อีกพวกนึงไม่โมโหนะเสียใจ เสียใจล้มพังพาบเลยภาวนาไม่ไหวอีก ต้องใจเย็นๆเวลาเจอ งั้นใครมาถามหลวงพ่อว่าผมเป็นพระโสดาหรือยังอะไรงี้ ยังไม่ตอบง่ายหรอก พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าอย่าเพิ่งอนุโมทนาแล้วก็อย่าเพิ่งคัดค้าน ค่อยๆสังเกตไปมันมีกิเลสอะไรอีก ค่อยพาเจ้าตัวเค้าดูนั่นแหล่ะ

บางคนมาเป็นพระโสดาแล้วเราก็ชวนคุยโน่นคุยนี่ ซักพัก เห็นมั้ยมันมีความเป็นเราขึ้นมาอีกแล้ว ถ้าเจ้าตัวเห็นนะก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวไม่ใช่ ถ้าอย่างนี้เค้าไปต่อได้ ถ้าอยู่ๆเราไปตราหน้าอะไรนี่(ว่า)ไม่ใช่หรอก เดี๋ยวมันโมโหเอาหรือว่าเสียใจไปเลยไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง งั้นภาวนานะ วันนึงเราจะได้ธรรมะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๗
Track: ๑๐
File: 511108A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๒๓ วินาทีที่ ๔๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

VDO Clip ธรรมะหลวงพ่อปราโมทย์ : ภาวนาดีหรือไม่ดีดูอย่างไร?

ภาวนาดีหรือไม่ดีดูอย่างไร?

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

mp3 (for download): วิธีสังเกตผลของการภาวนาด้วยตัวเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.


วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

วิธีวัดผลการภาวนาด้วยตัวเอง

โยม : มีคำถามฝากไว้ว่า มีข้อสังเกตอย่างไรครับว่า เวลาที่เราภาวนา เราปฏิบัติอยู่กับตัวเองนี้ อย่างไรถึงจะเป็นการบ่งบอกว่าเราปฏิบัติไม่ถูกต้องอยู่ หรือว่าจะต้องทำอย่างไร อย่างเช่นปฏิบัติแล้วมันเครียด มันอึดอัด ต้องแก้อย่างไร

หลวงพ่อปราโมทย์ : ก็ดูเอานะ จะสุดโต่งไปสู่สองฝั่งนั่นเอง เห็นในหนังสือเล่มหลังก็มีแต่เรื่องสองข้างนี้ ไปหาอ่านเอาก็แล้วกัน

ตัวสำคัญมากเลยนะที่ช่วยเราได้ คือ โยนิโสมนสิการ ความแยบคายในการสังเกตตนเอง ตัวนี้จำเป็นมากเลย บางคนไม่มีโยนิโสมนสิการนะ ภาวนาไม่ได้ดีหรอก หรือไม่ก็โง่งมงายไปเลยนะ เชื่ออาจารย์แล้วก็อาจจะหลงตามอาจารย์ไปเลยก็ได้

ตัวโยนิโสมนสิการคือการมีความแยบคายในการสังเกตในการพิจารณาสิ่งที่ปฏิบัติอยู่ ว่ามันนอกลู่นอกทางหรือเปล่า มันสุดโต่งไปข้างย่อหย่อน หรือสุดโต่งไปข้างตึงเครียดเกินไปมั้ย สังเกตเอา แล้วก็วัดผลของตัวเองเป็นช่วงๆไปนะ ว่าศีลสมาธิปัญญาของเราดีขึ้นมั้ย อกุศลครอบงำจิตได้น้อยลงมั้ย กุศลเจริญขึ้นมั้ย ต้องคอยวัดตัวเองอยู่เป็นช่วงๆนะ แต่ไม่ได้วัดรายวัน บางวันจิตมันก็ดีบางวันจิตมันไม่ดีก็ไม่เป็นไร แต่ดูช่วงไตรมาสหนึ่งเนี่ย เราจะเห็นเลย จะมีความเปลี่ยนแปลง ศีล สมาธิ ปัญญา มันควรจะดีขึ้น ไม่ใช่ไม่ดี ไม่ควรจะเท่าเดิมด้วย ถ้าเท่าเดิมก็ถือว่าล้มเหลวแล้ว

พระพุทธเจ้าท่านบอก ท่านไม่สรรเสริญคุณงามความดีที่หยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ดูรายวันไม่ได้นะ ดูรายวันแล้วงง บางวันจะภาวนาดี บางวันภาวนาไม่ดี เราจะมองด้วยภาพรวม

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๖๑ วินาทีที่ ๔๔ ถึง นาทีที่ ๖๓ วินาทีที่ ๓๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้สิ่งที่ผิด แล้ววันหนึ่งจะพบสิ่งที่ถูกอยู่ต่อหน้าต่อตา

mp 3 (for download) : พวกเราต้องเรียนรู้สิ่งที่ผิดไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งจะพบสิ่งที่ถูกอยู่ต่อหน้าต่อตา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เรียนรู้สิ่งที่ผิด แล้ววันหนึ่งจะพบสิ่งที่ถูกอยู่ต่อหน้าต่อตา

เรียนรู้สิ่งที่ผิด แล้ววันหนึ่งจะพบสิ่งที่ถูกอยู่ต่อหน้าต่อตา

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลายคนสงสัยทำไมหลวงพ่อไมสอนให้เดินท่าไหน ให้นั่งท่าไหน ให้หายใจท่าไหน หลวงพ่อทำไมพูดแต่เรื่องธรรมะ พูดแต่เรื่องสภาวะ เรื่องอริยสัจจ์ เรื่องสติปัฏฐาน ที่ไม่ได้สอนให้เดินท่าไหน นั่งท่าไหน หายใจท่าไหน ขยับมือท่าไหน เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนไว้ พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจจ์ สอนสติปัฏฐาน สอนอะไรอย่างที่หลวงพ่อไปจำท่านมาเล่าให้ฟังนี่แหละ แต่ทำไมคนฟังธรรมเหล่านี้แล้วบรรลุธรรม พวกเราทำไมเราไม่สนใจธรรมะพวกนี้ เราไปสนใจแต่นั่งอย่างไรถึงจะถูก หายใจแล้วลมจะกระทบตรงไหนถึงจะถูก เราสนใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ท่านไม่รู้หรือ ท่านไม่สอน ท่านรู้แต่มันไม่จำเป็น ทางใครทางมัน วิธีการเนี่ยเรื่องทางใครทางมันนะ ไปดูเอาว่าเราทำอย่างไรแล้วสติมันเกิดบ่อย เราเอาอย่างนั้นต่างหากล่ะ ที่นี้พวกที่เป็นครูบาอาจารย์ทั้งหลายเนี่ยท่านไปลองวิธีของท่านเอง เออทางนี้ดีแฮะ ทำแล้วสติเกิด ท่านเอามาสอน  พวกเราก็คิดว่าต้องทำอย่างท่านสติถึงจะเกิด ไม่เกิดหรอกทางใครทางมัน

เพราะฉะนั้นต้องฟังหลักให้รู้เรื่องนะ สิ่งที่หลวงพ่อพูดให้ฟังนี่เป็นหลักทั้งหมดเลย หลวงพ่อไม่ค่อยพูดเรื่องอุบาย ยกเว้นอาการสาหัสจริงๆ ถึงจะสอนอุบายให้แก้ ส่วนใหญ่จะสอนแต่หลักการ เราก็ไปเจริญสติเอา  เราควรจะรู้กายหรือเราควรจะรู้ใจ ไปดูตัวเองว่าเรารู้อะไรแล้วสติเกิดบ่อย ไปรู้อันนั้น แล้วเราก็เรียนรู้ลองผิดลองถูกของเราไปแต่อย่าลืมหลักที่พระพุทธเจ้าสอน ลองผิดลองถูกเช่นลองภาวนาไป เราก็คิดเราไปเจอตัวผู้รู้ขึ้นมา บางคนภาวนาแล้วเกิดตัวผู้รู้ เราไปจ้องใส่ตัวผู้รู้ จ้องไปหลายๆวันนะ ถ้ามีโยนิโสมนสิการรู้ว่ามันไม่ถูกแล้ว ผิดอีกแล้วเอาใหม่ ภาวนาใหม่ตามหลักที่หลวงพ่อสอน ให้รู้กายให้รู้ใจตามความเป็นจริง รู้กายรู้ใจไปซื่อๆ ตามความเป็นจริงได้สักพักเดียวนะ เริ่มกระบิดกระบวนแล้ว เริ่มมีกระบวนท่าปรุงแต่งแล้ว ทำอย่างนี้น่าจะดีกว่าเก่า น่าจะดีกว่ารู้เฉยๆ ลองทำอย่างนี้ดูเอาจิตไปไว้ที่เหนือสะดือ หนึ่งนิ้วครึ่ง สามกระเบียดอะไรอย่างนี้ท่าจะดี หรือเอียงข้างซ้ายอีกสององศา ลองดูเอ๊ะเข้าทีแฮะ ทำไปหลายๆวัน เอ๊ะใจชักโง่ๆ ยังไงชอบกล มันต้องสังเกตุนะ

เราลองผิดลองถูกไปเรื่อย แล้วหลวงพ่อจะเฉลยให้เลย พวกเราไม่ได้ลองถูกหรอก พวกเราจะลองผิดตลอด เพราะว่าไม่ว่าจะลองอย่างไรนะ ตัณหามันพาให้ลอง ลองอย่างนี้สิน่านะดี รับรองไอ้ที่ลองผิดลองถูกนะลองผิดแน่นอน เราเรียนรู้สิ่งที่ผิดไปเรื่อยๆนะ  อย่าตกใจ เรียนรู้สิ่งที่ผิดมากเข้าๆ เราจะรู้เลย ไอ้นี่ผิด ไอ้นี่ผิด ไอ้นี่ผิด ที่ถูกอยู่ต่อหน้าต่อตานี่เอง ที่ถูกไม่ได้อยู่ไกลๆ ต้องเที่ยวแสวงหาอย่างที่นึกไว้ ทุกวันนี้เที่ยวแสวงหาที่ถูกนะอยากได้ธรรมะ เที่ยวแสวงหาใหญ่ ทำยังไงจะถูก ทำยังไงจะถูก หยุดทำต่างหากละถูก หยุดทำต่างหาก ทำไมหยุดได้เพราะมันฉลาด มันโง่มานานรู้ว่าทำอย่างนี้ก็ผิด ทำอย่างนี้ก็ผิด มาหาหลวงพ่อนะถูกตีทุกวันนะรู้สึกไหม เดี๋ยวถูกตบซ้ายที ตบขวาที นี่เฉื่อยไป นี่เร่งไป นี่หนักไป นี่เบาไป นี่ติดสุขมากไป นี่เคร่งเครียดมากไป เห็นไหมมีแต่เรื่องทุบซ้าย ทุบขวา ตบซ้าย ตบขวา อันนี้มันเป็นหน้าที่ของครูต่างหาก พระพุทธเจ้าก็บอก เราจะขนาบพวกเธอนะ เหมือนช่างปั้นหม้อนวดดิน ทุบแล้วทุบอีกนะ ทุบซ้ายทุบขวา ใครทนได้ก็ได้แก่น ใครทนไม่ได้เชิญกลับไปเพราะหลวงพ่อไม่ได้เชิญให้มา  แต่ถ้าทนได้นะ ทนฟังหลวงพ่อจนเข้าใจจนจิตตื่นขึ้นมาจะรู้เลย แล้วมันไม่เหมือนที่ไหนนะ มันง่ายสุดๆ เลย ง่ายมาก


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๙
File: 491118A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๙ วินาทีที่ ๕๑ ถึง นาทีที่ ๓๔ วินาทีที่ ๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

โยนิโสมนสิการ

mp 3 (for download) : โยนิโสมนสิการ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยนิโสมนสิการ

โยนิโสมนสิการ

หลวงพ่อปราโมทย์: อยู่นอกวัดหลวงพ่อก็ไม่ได้ไปตามดูนะขี้เกียจดูนะ ลูกศิษย์รุ่นโบราณรุ่นแรกๆเลย ไล่จี้ไล่จิก อยู่บ้านยังไล่จิก เคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งภาวนาทำอย่างอื่นไม่ได้นะต้องเดิน หลวงพ่อไล่จิกให้เดินทั้งวันนะ พอไม่เดินก็บอกให้ไปเดิน แกบอกแกเดินจนแกจะเดินขึ้นบันไดบ้านไม่ได้แล้วนะ เดินจนน่วมไปหมดแล้ว บอกไม่ได้ต้องเดิน พอไม่เดินต้องไล่เอา

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ไหวแล้วคนมันเยอะ ขืนดูอย่างนั้นหลวงพ่อต้องตายก่อน ช่วยตัวเองให้เยอะๆ ช่วยตัวเองให้มาก สังเกต สู้ด้วยสติด้วยปัญญา มีสติก็คืออย่าลืมตัวเอง คอยรู้กาย คอยรู้ใจไว้เรื่อยๆ มีปัญญาก็คอยตรวจสอบตัวเองไปเรื่อยเลย ที่ทำอยู่นี้มันถูกหรือมันผิด

ยกตัวอย่างเราภาวนาไปแล้วใจของเราหนักๆ แน่นๆ แข็งๆ อะไรอย่างนี้ ผิดแน่นอน เวลาภาวนาไปแล้วเครียดๆขึ้นมานี่ ผิดแน่นอน ภาวนาแล้วต้องสบาย ต้องโปร่ง ต้องโล่ง ต้องสบาย

หรือภาวนาไปแล้วแหมมันสบายมาเจ็ดวันเจ็ดคืนแล้ว ต้องผิดแน่นอน  อะไรมันจะเที่ยงขนาดนั้น อย่างนี้เรียกว่า โยนิโสมนสิการ ก็ต้องมีพวกนี้ มีสติมีปัญญา ปัญญาเบื้องต้นของเรานี่แหละเรียกว่า โยนิโสมนสิการ แยบคายในการสังเกตตัวเอง ว่าสิ่งที่เดินนี่มันถูกหรือผิด

หรือแยบคายเช่น เรารู้สึกว่าเราภาวนาแล้วช่วงนี้มันเนือยๆ ไป สังเกตตัวเองนะว่ามันเนือยๆ ไป ก็ต้องแยบคายนะให้มัน Active ขึ้นมาหน่อย

หรือช่วงนี้ขยันดูทั้งวันทั้งคืนเลยนะ จนเพื่อนถามว่าไปกัดกับใครมาดูโทรมนะ ภาวนาจนโทรมอะไรอย่างนี้ ก็ต้องรู้นะว่าเร่งมากไป จิตใจไม่มีความสุข แห้งแล้ง

ต้องวัดตัวเองเรื่อยๆ ต้องช่วยตัวเองให้มาก มีสติรู้กายรู้ใจเรื่อยๆ อย่าลืมกายอย่าลืมใจ ลืมได้แต่อย่าลืมนาน มีปัญญา คือโยนิโสมนสิการ คอยตรวจสอบตัวเองเรื่อยๆ ว่าที่ทำอยู่นี่มันอยู่ในร่องในรอยไหม

โยนิโสมนสิการจะเกิดได้ต้องฟังธรรมนะ ต้องฟังธรรม ฟังที่หลวงพ่อพูดหรือหนังสือที่หลวงพ่อเขียนไว้ โยนิโสมนสิการไม่ใช่การคิดพิจารณาตามใจชอบ แต่การคิดการพิจารณานั้นจะต้องสอดคล้องถูกในหลักเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

ยกตัวอย่างถ้าเราภาวนาไปแล้วเราพยายามจะดูจิตให้ทัน โมโหตัวเองดูยังไงก็ไม่ทันซะที ถ้ามีโยนิโสมนสิการแยบคายเคยได้ยินได้ฟังมาว่า การดูจิตนี่ต้องตามดู เราก็จะระลึกขึ้นได้ว่าพลาดแล้ว ไปพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ คือพยายามดูจิตให้เป็นปัจจุบัน เนี่ย โยนิโสมนสิการไม่ใช่คิดเรื่อยเปื่อยตามใจชอบนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๖
Track: ๙
File: 491118A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒๕ ถึง นาทีที่ ๒๘ วินาทีที่ ๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

กฎของธรรมะ

mp 3 (for download) : กฎของธรรมะ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

กฎของธรรมะ

กฎของธรรมะ

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าเราภาวนานะ เรารู้เลย สิ่งทั้งหลายเกิดจากเหตุ สิ่งที่เรียกว่า “ตัวเรา” ไม่มี มีแต่รูปธรรมนามธรรมที่มีเหตุก็มารวมกันชั่วครั้งชั่วคราว เดี๋ยวก็แตกสลายออกไป เนี่ยเราภาวนาเพื่อจะล้างความเห็นผิดตรงนี้ ล้างความเห็นผิดที่ว่ามีตัวเรา แล้วก็จะหมดความสงสัยในอดีต หมดความสงสัยในอนาคตไปด้วย

นี่ ศีล สมาธิ ปัญญา ก็ทำหน้าที่ของเขานะ แต่ละอย่างๆ ไม่ใช่จะเดินปัญญาอย่างเดียว ไม่มีศีล ก็ทำผิด ทำความชั่วหยาบทางกายทางวาจา หรือคิดฟุ้งซ่านตลอดเวลา กระทั่งคิดธรรมะนะ ฟุ้งซ่านในธรรมะ ก็เรียกว่าไม่มีสมาธิเหมือนกัน

เพราะฉะนั้นถ้าเราฝึก เราค่อยๆฝึกให้ถึงพร้อมนะ ให้มีทั้งศีล มีทั้งสมาธิ มีปัญญา เพื่อจะได้ล้างการกระทำผิดทางกายทางวาจา ล้างการคิดผิดๆ ล้างความเห็นผิดๆ ตัวสำคัญที่สุดคือความเห็นนี่แหละ พอ(มีความ)เห็นผิดเสียอย่างเดียวนะ มันก็คิดผิด ทำผิด พูดผิด เพราะฉะนั้นสูงสุดนะก็คือปัญญา แต่ว่าปัญญาอย่างเดียวไม่พอนะ ศีลกับสมาธิก็สำคัญด้วย มันต้องฝึก

เราจะมีศีล เราจะมีสมาธิ เราจะมีปัญญา เราต้องมีสติ ถ้าไม่มีสติอย่ามาคุยเรื่องมีศีล อย่ามาคุยเรื่องมีสมาธิ อย่ามาคุยเรื่องมีปัญญา ไม่มีหรอก เพราะศีล สมาธิ ปัญญา เป็นธรรมะฝ่ายกุศล ไม่เกิดลอยๆหรอก ต้องเกิดร่วมกับสติเสมอเลย ถามว่าแล้วอะไรเป็นเหตุของมันนะ แต่ละอย่างๆก็มีเหตุนะ แต่รวมความแล้วกุศลเนี่ย ต้นตอของกุศลทั้งหลายนะมาจาก “โยนิโสมนสิการ” ความแยบคาย แยบคายในการสังเกตตัวเองนะ สิ่งที่เราทำอยู่นี้ เราทำตามที่พระพุทธเจ้าสอนให้ทำหรือเปล่า? เรางดเว้นการกระทำที่พระพุทธเจ้าห้ามหรือเปล่า? เราทำถูกต้องตามที่ท่านสั่งมั้ย เนี่ยถ้าเราสำรวจตัวเองได้นะ มันจะค่อยๆพัฒนาตัวเองขึ้นมา

ต้องพัฒนาเครื่องมือสำคัญเลย คือความมีสติ คนในโลกนี้ไม่มีสตินะถึงได้ผิดศีล ไม่มีสติทำให้ขาดสมาธินะ ไม่มีสติก็ไม่มีปัญญา ขาดสติอันเดียวนะ ก็คือจิตไม่เป็นกุศลละ เมื่อไรจิตมีสติเมื่อนั้นจิตเป็นกุศล เมื่อไรจิตไม่มีสติเมื่อนั้นจิตเป็นอกุศล อันนี้เป็นกฎเลยนะ เป็นกฎ คล้ายๆ เขาเรียกว่าอะไร อย่างทฤษฎีเรขาคณิตมีกฎของมัน ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ ทฤษฏีทางธรรมะก็มีกฎของธรรมะเหมือนกัน เรียกว่า “ธรรมนิยาม”

กุศลกับอกุศลไม่เกิดร่วมกันหรอก จิตที่มีสติ เป็นจิตที่มีกุศล เป็นกุศล เพราะฉะนั้นถ้ามีสติเมื่อไหร่นะ อกุศลไม่มีเมื่อนั้น นี่เป็นกฎของธรรมะ สติคือความระลึกได้ ถึงรูปธรรมนามธรรมที่กำลังปรากฎ อันนี้เป็นสติชั้นสูงนะ เรียกว่าสติปัฏฐาน

ถ้าสติธรรมดาๆ สติระลึกอยู่ในอารมณ์ที่เป็นกุศล ยกตัวอย่างอยากมาสวนสันติธรรมนะ อยากมาฟังเทศน์ อยากมาใส่บาตร อยากได้ความรู้ไปปฏิบัติ อะไรอย่างนี้ เป็นฉันทะ ไม่ใช่ตัณหาหรอก ฝ่ายดีเขาเรียกฉันทะ ฝ่ายชั่วเขาเรียกตัณหา เนี่ยจิตใจที่มันอยากทำดีทั้งหลายนะ จิตเป็นกุศล ในขณะนั้นมีสติ แต่เป็นสติธรรมดา เป็นสติที่จะพาเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในโลก แต่เป็นโลกที่ดี ไปสุคติ

แต่ถ้าสติที่จะข้ามโลกนั้นน่ะ จะต้องเป็นสติปัฏฐาน สติปัฏฐานก็คือเป็นสติที่รู้กายรู้ใจ รู้รูปรู้นาม ไม่ใช่รู้อย่างอื่น เพราะฉะนั้นเราต้องฝึกให้มีสติปัฏฐานขึ้นนะ คอยรู้สึกตัว อย่าใจลอย คนในโลกนั้นใจลอยตลอดเวลา มันลืมตัวเองตลอดเวลา


แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๒
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๓
Track: ๘
File: 521218.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๑๖ ถึง นาทีที่ ๙ วินาทีที่ ๒๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

mp3 for download : จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา

หลวงพ่อปราโมทย์ : จับหลักให้แม่น มันไม่มีปัญหาอะไรเท่าไหร่หรอกนะ ดูเรื่องที่ถาม ลองดู แต่ละวันๆคล้ายๆกัน นานๆจะมีใครมาเล่าสภาวะน่าฟัง ภาวนาผิดมันก็เริ่มแต่ไม่ได้มีสตินะ ไม่ได้มีสติจริงๆ เนี่ยก็เพ่งเอาๆ อะไรอย่างนี้ หรือไม่ก็คิดเอาๆ พวกเพ่งเอา พวกคิดเอา ไม่มีวันเข้าใจธรรมะ พวกรู้เอา นี่รู้ บางคนก็ไปรู้แล้วก็ไปจ้อง อะไรอย่างนี้ บางคนรู้แล้วก็เข้าไปแทรกแซง
จับหลักให้แม่นๆ สังเกตใจของตนเองไป การภาวนาของเราตอนนี้เราไปประคองไว้ เราไปแทรกแซง เราไปควบคุมไว้ หรือเราไปเพลินๆ นิ่งๆ ว่างๆ อยู่ในสภาวะอันใดอันหนึ่ง ไม่ได้รู้กายรู้ใจตามความเป็นจริง อะไรอย่างนี้ เราสังเกตของเรา ก็เอาตัวรอดได้

หลวงพ่อเรียนจากครูบาอาจารย์น่ะ ไม่ได้อยู่ใกล้ท่านนะ ครูบาอาจารย์แต่ก่อนอยู่ทางอีสาน กว่าจะไปหาได้ครั้งหนึ่งๆไม่ใช่ง่ายเลย ต้องเก็บวันลาไว้ เป็นข้าราชการ เราต้องเลือกวันที่ดีๆ วันที่มีวันหยุดเยอะๆ จะได้ช่วงมาฆะทีหนึ่ง วิสาขะ อาสาฬหะ ช่วงนี้จะมีวันหยุด แล้วก็วันเฉลิมฯของในหลวง ช่วงวันเฉลิมฯเดือนธันวาเนี่ยจะได้นานหน่อย มีวันที่ ๑๐ อีกวัน เราลาคร่อมไปคร่อมมาก็ได้เยอะ เนี่ยคิดดูนะ เฉลี่ย ๓-๔ เดือน ถึงจะได้ไปหาครูบาอาจารย์ครั้งหนึ่ง ถ้าหลวงพ่อช่างถามเหมือนพวกเราคงตายคาที่เลย ไม่มีใครมาตอบให้นะ

อาศัยอะไร อาศัย “โยนิโสมนสิการ” อาศัยความช่างสังเกตของเรา ว่าที่เราภาวนาอยู่เนี่ย มันถูกหลักที่ครูบาอาจารย์บอกมั้ย ค่อยๆสังเกตเอา สังเกตแล้วเราก็บอกว่า อย่างนี้น่าจะถูกนะ เราก็ลองดู ลองปฏิบัติดู เราคิดว่าทำแบบนี้ดี ลองๆไปหลายๆวัน ทบทวนนะ ทบทวนไปทบทวนมาไม่ใช่ อย่างนี้ก็ไม่ใช่ หรือว่าอย่างนี้จะดี อะไรอย่างนี้ สุดท้ายก็จะกลับมาหาหลักที่ครูบาอาจารย์บอกให้ ให้มีสติรู้กายรู้ใจ ลงปัจจุบัน ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง เมื่อไรทิ้งหลักอันนี้นะ ก็คือ พลาดไปแล้ว ถ้าจับหลักนี้แม่น ไม่ต้องถามใครแล้ว สังเกตเอา จับหลักให้แม่นแล้วใช้ความสังเกตเอา


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒ หลังฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520426B.mp3
ลำดับที่ ๕
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๑๘ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่