Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

สันตินันท์บรรยายธรรม : จิตไม่ใช่เรามีแต่ในธรรมวินัยนี้

จิตไม่ใช่เรามีแต่ในธรรมวินัยนี้

พระศาสดาท่านตรัสว่า “บุคคลในธรรมวินัยอื่น ที่เห็นว่ากายไม่ใช่เรานั้นมีอยู่”
ทั้งนี้ก็เพราะว่า กายนี้มีความแปรปรวนอย่างหยาบๆให้เรารู้ทันได้ว่ากายเป็นอนัตตา
แต่พระศาสดาก็ตรัสต่อไปว่า “ผู้ที่เห็นว่า จิตไม่ใช่เรา
มีแต่ในธรรมวินัยของพระองค์ท่าน”
อันนี้ก็จริงอีก เพราะถ้าเมื่อใดเห็นว่าจิตไม่ใช่เรา สักกายทิฏฐิจะขาดทันที

การจะเห็นว่าจิตไม่ใช่เรานั้น เป็นเรื่องยาก เพราะจิตเป็นของละเอียดมาก
เราต้องเจริญสติสัมปชัญญะเฝ้ารู้อยู่ที่จิต
จนเห็นความจริงบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่
เช่นพบว่า จิตนั้นรู้อารมณ์อย่างเป็นอิสระจากความจงใจของเรา
หมายความว่า เราอยากให้จิต รู้และสัมผัสแต่อารมณ์ที่ดีมีความสุข
หรือสั่งจิตไม่ให้ไปรู้ความทุกข์ใดๆ
จิตก็ไม่เชื่อฟัง อารมณ์อะไรผ่านมา จิตก็ทำหน้าที่ของเขา คือรู้ไปทั้งหมด
ทั้งสุข ทั้งทุกข์ ทั้งหยาบและละเอียด
จิตเขาทำหน้าที่ของเขาตรงไปตรงมา ไม่ทำตามที่เราสั่ง

รู้แจ้งเห็นจริงซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งที่พยายามฝึกฝนอบรมจิตเข้าสู่ความสงบ
แป๊บเดียว จิตไม่สงบอีกแล้ว และไม่สามารถบังคับจิตได้เสมอไปให้สงบ

พวกฤาษีชีไพรที่ชำนาญในฌาน สามารถเข้าสงบได้นานๆ นานมากๆ
ก็เกิดความหลงผิดหนักขึ้นว่าจิตเป็นเรา
ฝึกหัดได้ อบรมได้ จนนิ่งสนิทตามต้องการ
เขาลืมเฉลียวใจว่า
นั่นเป็นแค่การป้อนอารมณ์อันเดียวให้จิตอย่างต่อเนื่องยาวนานเท่านั้น
เมื่อใดจิตไม่สนใจอารมณ์นั้นแล้ว ต่อให้เอาช้างมาฉุด มันก็อดฟุ้งซ่านไม่ได้

จิตเป็นของละเอียด แต่ไม่ละเอียดกว่าพระปัญญาตรัสรู้
พวกเราสาวกจึงมีโอกาสได้รู้ตามท่านสอนว่า
จิตไม่เที่ยง เป็นของทนอยู่ไม่ได้ และไม่ใช่เรา

จะหาอะไรที่ถูกยึดว่าเป็นเรา เท่ากับจิตนั้น ไม่มีเลยครับ
กระทั่งพวกที่เชื่อว่าตายแล้วสูญ
เขาก็รู้สึกว่า จิตเป็นเรา หรือกลุ่มขันธ์นี้เป็นเรา เพียงแต่ว่าเมื่อตายแล้วก็สูญเท่านั้น
ส่วนพระพุทธเจ้านั้น ท่านชี้ว่าไม่มีความเป็นเรา ทั้งที่กลุ่มขันธ์ยังปรากฏต่อหน้านี้เอง
เป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง 

โดย คุณสันตินันท์ (นามปากกาของหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนบวช) 

11 มิ.ย. 2542 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ช่วงนี้ดูจิตไม่ได้เลยทำอย่างไรดี ?

ช่วงนี้ดูจิตไม่ได้เลยทำอย่างไรดี ?

ดูไม่ได้ ก็มาดูกายไป
ดูกายไม่ได้ ก็มาทำความสงบ มารู้สึกตัวไปสบายๆ
ทำความสงบไม่ได้ รู้สึกตัวไม่ได้ ก็รักษาศีลไว้
ไม่ต้องวิเคราะห์หรอกครับว่า เพราะอะไรดูจิตไม่ได้ เพราะอะไรดูกายไม่ได้
ศีล สมาธิ ปัญญา ทำอะไรได้ก็ทำอันนั้นไปนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ปัญญาของพระโสดาบัน

ปัญญาของพระโสดาบัน

ปัญญาของพระโสดาบันนั้น
ท่านจะเห็นแจ้งโดยไม่เคลือบแคลงติดใจอะไรอีกเลยว่า
ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวตน ไม่มีตัวตนที่แท้จริง
มรรคผลนิพพาน พระรัตนตรัยมีจริง
และไม่เชื่อถือการปฏิบัติที่ผิดๆว่าจะนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้
ซึ่งตามหลักธรรม พระโสดาบันจะละสังโยชน์ ๓ ได้ แต่ยังทำกิเลสให้เบาบางยังไม่ได้
ต้องปฏิบัติภาวนาต่อไปอีกกิเลสจึงจะเบาบาง และหลุดพ้นในที่สุดได้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เพราะรู้ตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย

เพราะรู้ตามความเป็นจริงจึงเบื่อหน่าย

จิตที่มีสติมีความตั้งมั่นแล้วไประลึกรู้กายรู้ใจบ่อยๆ
เป็นเหตุให้เห็นตามความเป็นจริง (เห็นไตรลักษณ์) และจะค่อยๆมีความเข้าใจต่อไตรลักษณ์มากขึ้น
จนจิตเกิดเบื่อหน่าย(ไม่เห็นว่ากายนี้จิตนี้เป็นของดีของน่ายึดถือ)
จนในที่สุดจิตจะปล่อยวางและหลุดพ้นไปตามลำดับ

ตรงที่เกิดเบื่อหน่ายนั้น ต้องสังเกตดีๆว่า
ยังเบื่ออย่างหนึ่ง แล้วไปยินดีอยากได้อยากเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นของคู่ตรงข้ามกันหรือไม่
เช่นเบื่อโลกที่วุ่นวาย แต่ยังอยากอยู่กับโลกที่สุขสงบ
การเบื่อแบบนี้ยังไม่ใช่ความหมายของ เบื่อหน่าย(นิพพิทา) ที่จะพัฒนาไปสู่ความคลายกำหนัด
แต่ยังเป็นเพียงการเบื่อที่เป็นโทสะ(ไม่ชอบ) เท่านั้น

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Dhammada News : ธรรมะจากคุณแม่จันดี “ธาตุแท้ของความรัก” และข่าวสารอัพเดทของคุณแม่

ธาตุแท้ของความรัก

“หลายคนคิดว่า ความรักคือสิ่งที่ดีที่สุด ควรมอบให้กัน มีให้กันและกัน แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่า ความรัก คือ สิ่งที่เลวร้ายที่สุด

พราะความรักทำให้คนแทบจะทุกคน ทำอะไรก็ได้เพื่อคนที่เรารักแม้สิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เลวทราม สกปรกโหดร้ายขนาดไหน

ความสกปรกโหดร้ายมันน้อยไปสำหรับคนที่เรารัก

แต่ถ้าทุกหัวใจจะเปลี่ยนจากรักมาเป็นสงสาร เมตตา ผู้อื่นที่ไม่ใช่คนที่เรารัก ให้ใจของเรากับผู้อยู่ใกล้-ไกล

มองไปกว้างๆ หยิบยื่นความสงสารจากใจให้เขาบ้าง ลองทำดูสักครั้ง แล้วหันกลับมาดู ถามหัวใจของเราเองว่าจริงไหม

ภัยที่ร้ายกาจที่สุดคือ รัก เมื่อไม่มีรัก ความลำเอียงก็ไม่เกิดขึ้น ความเป็นธรรมที่ทุกคนใฝ่หาจะเบ่งบานแทนไฟแห่งภัยร้าย คือ รัก” 

 คุณแม่จันดี โลหิตดี

.

ในตอนนี้คุณแม่จันดี ยังรับการรักษาอยู่ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ และได้เลื่อนวันกลับ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เป็นวันศุกร์ที่ 14 กันยายน 2555 นี้ 

ทั้งนี้เพื่อให้คุณแม่ได้รับการพักผ่อนเต็มที่จึงขอแนะนำให้ ผู้ที่มีจิตศรัทธาเข้าเยี่ยมกราบท่าน

ในช่วงเวลา 10.00 น. – 12.45 น. และ 17.00 – 18.45 น.

พร้อมกับขออนุโมทนากับทุกท่านที่มีจิตศรัทธาต่อคุณแม่จันดี

.

.

ผู้ที่มีจิตศรัทธา สามารถทำบุญกับคุณแม่จันดีได้ที่ บช.ออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ สาขาอุดรฯ 284-7-40422-1

ชื่อบช. นางจันทน์ดี พิมพ์สี (ชื่อตามบัตรปชช.ของคุณแม่)

.

เรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับคุณแม่จันดี >>>

.
.

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : อยากให้สภาวะที่ทำให้ทุกข์ใจหายไป

อยากให้สภาวะที่ทำให้ทุกข์ใจหายไป

ทำไมต้องทำให้หายละครับ พอมันเกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับลงไป
เกิดกี่ครั้งกี่ครั้ง ก็ย่อมดับไปทุกครั้ง ไม่มีหรอกครับที่เกิดแล้วจะไม่ดับลงไป
การภาวนาเราไม่ได้หัดเพื่อจะกำจัดสภาวะใดๆที่ไม่ชอบทิ้งไปหรอกนะครับ
แต่เป็นการหัดดูทุกสภาวะที่เกิดขึ้น หัดดูมันเกิดดับของมันเอง
เพื่อให้จิตได้เรียนรู้ว่า ทุกอย่างจะเป็นกายหรือจิตใจก็ตาม
เกิดขึ้นแล้วย่อมดับ ไม่มีตัวตนที่แท้จริงอะไรเลย

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ความเพียร

“ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์”

“May all readers be blessed with pure perseverance, sharp wisdom and complete physical health”

จาก พระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก 

ความเพียร

ถ้าไม่เพียรรักษาศีล
ถ้าไม่เพียรฝึกจิตให้ตั้งมั่น
ถ้าไม่เพียรหัดดูรูปนามเป็นไตรลักษณ์ด้วยจิตที่ตั้งมั่น
วันเวลาที่จะพ้นทุกข์ก็จะไกลออกไปเรื่อยๆ

เมื่อเพียรรักษาศีล
เมื่อเพียรฝึกจิตให้ตั้งมั่น
เมื่อเพียรหัดดูรูปนามเป็นไตรลักษณ์ด้วยจิตที่ตั้งมั่น
วันเวลาที่จะพ้นทุกข์ก็อาจเป็นวันนี้ก็ได้

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : วิปัสสนาที่ไม่ใช่วิปัสสนึก

วิปัสสนาที่ไม่ใช่วิปัสสนึก

ถาม : เมื่อเราสามารถตามรู้ได้ทันทีทันใดขณะที่เราเผลอ ผมจะพบว่าในสภาวะนั้นจะไม่มีอารมณ์ใดๆ ไม่มีสุขหรือทุกข์ เหมือนกับสติสัมปัญชญะได้อยู่กับตัวขณะนั้น นั้นคือสภาวะที่พึงประสงค์หรือควรจะเป็นใช่หรือไม่ครับ?

ตอบ : การเจริญวิปัสสนา ไม่มีสภาวะที่พึงประสงค์หรอกครับ
เพราะไม่ว่าจะเกิดสภาวะใดขึ้น เรามีหน้าที่ รู้สภาวะนั้นๆ ไปตามที่เห็นตามที่เป็นครับ
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าเผลอแล้วจะเกิดสภาวะอะไรก็ให้รู้ไป
จะสุขก็รู้ไป จะไม่ชอบที่เผลอก็รู้ไป จะเฉยๆก็รู้ไปครับ

ถาม : หากเป็นเช่นนั้นแล้วการพิจารณาไตรลักษณ์โดยปัญญา (ไม่ใช่การคิดเองพิจารณาเอง) จะเกิดจากปัจจัยใดครับ หรือว่ามันจะเกิดขึ้นเอง?

ตอบ : ปัญญาจะเกิดจากจิตที่ตั้งมั่นเห็นรูปนามเป็นไตรลักษณ์
ซึ่งการจะเห็นไตรลักษณ์ได้ อย่างน้อยจิตต้องเคยได้ยินได้ฟังได้อ่านเรื่องไตรลักษณ์มาก่อน
แล้วพอมีจิตตั้งมั่นรู้รูปนาม ก็จะเห็นได้จริงตามที่เคยได้ยินได้ฟังได้อ่านมา
อย่างเราเคยได้ยินมาว่า จิตไม่เที่ยงมีความเกิดดับอยู่ตลอดเวลา
พอเรามาหัดภาวนาแล้วเห็นว่าจิตที่เผลอดับ จิตรู้เกิด ก็เท่ากับเห็นความเกิดดับของจิตที่ไม่เที่ยง
ซึ่งเป็นการเห็นที่ไม่ใช่การคิดๆเอาครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความรู้ที่จำเป็นสำหรับวิปัสสนา

mp3 for download : ความรู้ที่จำเป็นสำหรับวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ความรู้ในโลกมีเยอะแยะ ความรู้ที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงสำหรับเราเนี่ย มีไม่มากหรอก ถ้าเรารู้นะว่าเราต้องรักษาศีลไว้ รู้ว่าทำอย่างไรสติจะเกิด รู้ว่าทำอย่างไรสติที่เกิดแล้วเกิดบ่อยๆ รู้ว่าทำอย่างไรจิตจะสงบ รู้ว่าทำอย่างไรจิตจะตั้งมั่น จิตสงบจะมีแรง จะได้แรง จิตตั้งมั่นจะเอาไว้เดินปัญญา รู้ว่าวิธีเดินปัญญาจะรู้รูปจะรู้อย่างไรจะรู้นามจะรู้อย่างไร นี่สิ่งเหล่านี้สำคัญ

ถ้าเรารู้รูปนามถูกต้อง รู้เป็นนะ ถ้ารู้ตามความเป็นจริงได้ ก็จะรู้ความจริงได้ ถ้ารู้ไม่เป็นก็ไม่เห็นความจริงของรูปนาม ยกตัวอย่างไปนั่งเพ่งรูปเพ่งนามนะ บางคนพูดแต่เรื่องรูปนามเรื่องวิปัสสนา ไม่เป็นวิปัสสนาเลย ยกตัวอย่าง ภาวนาไปดูท้องจิตไหลไปอยู่ที่ท้องอย่างไรๆก็ไม่เป็นวิปัสสนา เดินจงกรมจิตไหลไปอยู่ที่เท้าอย่างไรๆก็ไม่เป็นวิปัสสนา ถ้าจิตไหลไปสงบในอารมณ์อันเดียว มันเป็นเรื่องของสมถกรรมฐาน ไม่ใช่เรื่องของวิปัสสนากรรมฐาน สมถกรรมฐานนะจิตเป็นหนึ่งอารมณ์เป็นหนึ่ง จิตอยู่เป็นหนึ่งอารมณ์เป็นหนึ่ง มันรวมเข้าด้วยกัน

ส่วนสมาธิที่ใช้เดินปัญญาทำวิปัสสนานะ จิตเป็นหนึ่งอารมณ์เป็นแสนเลยก็ได้ อารมณ์เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงจิตเป็นหนึ่งก็คือทำตัวเป็นแค่คนดู แต่ไม่ใช่เป็นหนึ่งแบบแน่วแน่อยู่กับที่นะ เพราะฉะนั้นตัวจิตผู้รู้นี้จะไม่คงที่ ถ้าทำจิตผู้รู้ให้คงที่ ทำผิดอีกนะ ไปติดสมถะที่น่ากลัวที่สุดเลยคือไปเพ่งจิต ถ้าเพ่งจิตเนี่ยเป็นสมถะที่ปราณีตมาก ถ้าชำนาญเวลาที่เราตายเราก็จะเพ่งจิตอยู่อย่างนั้น เราจะเป็นพรหมที่ไม่มีตาไม่มีหูไม่มีจมูกไม่มีลิ้นไม่มีกาย มีแต่ใจอันเดียวแน่วอยู่ในอารมณ์อันนั้นน่ะ พระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้ก็ไม่รู้กับเขาหรอก ไม่รู้เรื่อง ถ้าเป็นพรหมมีร่างกาย มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย พรหมพวกนี้ยังมาฟังธรรมได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๒๕ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๕ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
Track: ๑๘
File: 550525B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๐ วินาทีที่ ๐ ถึง นาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๒๒

550525B.00m00-02m22

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ซื้อของตามใจกิเลส

ซื้อของตามใจกิเลส

ถาม : เจอหนังสือถูกใจ ชอบซื้อมาเก็บ แต่ไม่อ่าน นี่คือกิเลสใช่ไหมคะ ?

ตอบ : ซื้อเพราะชอบ ถูกใจ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อก็เท่่ากับทำตามใจกิเลส แต่ถ้ามีกำลังจะซื้อก็ไม่เป็นไรหรอกครับแล้วก็จะดีถ้าชอบรู้ว่าชอบ ถูกใจรู้ว่าถูกใจ

ก่อนซื้อก็ให้ดูจิตด้วย ซื้อแล้วมาก็ให้ดูจิตด้วย จะได้เห็นว่าแต่ละขณะจิตไม่เหมือนกัน เป็นจิตคนละดวงกันไม่ใช่จิตดวงเดิม ^_^

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ความรักในโหลใส่ลูกอม

 ความรักในโหลใส่ลูกอม

ความรัก เปรียบแล้วมันคือ โหลที่ใส่ลูกอมรสต่างๆ ไว้
ใครจะล้วงเจอรสอะไรก็ขึ้นกับ กรรมเก่า ที่เคยทำไว้
บางคนนะ ล้วงไปหยิบเม็ดแรกก็เจอรสเจ็บแล้ว
เจ็บจนขยาดไม่อยากรักใครอีก
บางคนล้วงเม็ดแรกได้รสหอมหวาน ก็หลงเพลิดเพลินติดใจ
ก็เลยล้วงมากำใหญ่ แล้วก็เลยเจอเกือบทุกรส
แต่ที่หวานๆ เจอไม่กี่เม็ดหรอกนะ
ที่เหลือมันทั้ง ร้อนซึม เศร้า เหม่อ โกรธ ใจลอย หึง หวง
น้ำตาตกใน รู้แล้วจะหนาว กินข้าวไม่ลง นอนไม่หลับ

มีรสหนึ่งเจอแล้วจะมีอาการ ทุ่มเทจนหมดเนื้อหมดตัว
ยอมเสียตัว เสียเงินเสียทอง บำรุงบำเรอความรัก
แต่ไม่นานมันกลายเป็นโกรธ อาฆาต พยาบาทข้ามภพข้ามชาติกันทีเดียว
บางเม็ดแทนที่จะเป็นลูกอมรสหวาน
พอกินเข้าไปมันกลับกลายเป็นยาพิษเข้าให้
บางคนทนไม่ไหวก็ตายไปด้วยจิตที่มืดบอดไปอีกหลายภพชาติ
บางคนแม้ไม่ถึงตายก็ปางตายกันเลยทีเดียวแหละ

ตัวแปรที่มีผลมากที่สุดกับการล้วงลูกอมในโหลความรัก
หาใช่ความสวย ความหล่อ ความเก่ง ความรวย
หรือคารมคมคายอะไรหรอกนะ
แต่มันคือ “กรรมเก่า” ที่เราทำไว้ในอดีต
บวกกับ “กรรมใหม่” ที่เราทำอยู่ในปัจจุบันนี่แหละ

การฝึกตัวเองให้มีสติ รู้สึกตัวอยู่เรื่อยๆ
จะเป็นกรรมใหม่ในปัจจุบันที่มีผลมากที่สุด
เพราะครั้งไหนที่เราล้วงลูกอมในโหลแล้วเจอรสหอมหวาน
จิตก็จะไม่หลงเพลิดเพลินไปจนเสียผู้เสียคน
ส่วนครั้งไหนที่เจอลูกอมรสเลวร้ายต่างๆ
จิตจะไม่กระเจิดกระเจิงจนเสียผู้เสียคน
จะไม่พลาดพลั้งก่อกรรมทำชั่วใหม่ๆขึ้นมา
จะเข้าใจและยอมรับผลของกรรมอย่างมีสติ
จะเห็นว่ามันผ่านมาแล้วย่อมต้องผ่านไป
ที่น่าจะทุกข์ปางตายก็จะทุเลาเบาลงให้พอทนไหว

ที่พูดมานี้ไม่ได้จะบอกว่า อย่ามีความรักเลยนะ
เพราะเอาเข้าจริง ความรักมันก็เป็นอนัตตา สั่งไม่ได้
บทมันจะรักใครสักคน มันก็รักของมันเองอย่างไร้เหตุผลซะงั้น
เพราะฉะนั้น ดราต้องมีสติไว้ ต้องหมั่นรู้สึกตัวไว้
จะได้ไม่ถูกความรักมันขย้ำเอาจนใจสลาย
จะได้ไม่ทุกข์เกินจะทนกันได้
แล้วก็ระลึกกันเอาไว้ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์”
เราจะได้ไม่ประมาทกับความรักทั้งที่เราดิ้นรนแสวงหากัน
และทั้งที่มันมาของมันเอง

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางสำหรับคนอ่อนแอ ต้องสู้

mp3 for download: เส้นทางนี้ไม่ใช่เส้นทางสำหรับคนอ่อนแอ ต้องสู้

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์: เส้นทางนี้เป็นเส้นทางของคนจริง ไม่ใช่เส้นทางอ่อนแอหรอก ต้องสู้ กิเลสนะย่ำยีเราตลอดเวลาเลย เราบางทีก็คิดว่าคนอื่นย่ำยีเรา จริงๆ กิเลสนี่โขกหัวเราทั้งวัน เราไม่เคยเห็นแล้วก็ยอมมันด้วย ต้องสู้นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันเสาร์ที่ ๒๕ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ หลังฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๘
File: 531225B
ระหว่างนาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๓๑ ถึง นาทีที่ ๔๙ วินาทีที่ ๕๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : จิตไม่ตั้งมั่น(ไม่มีสัมมาสมาธิ) ไม่เบิกบาน

 จิตไม่ตั้งมั่น(ไม่มีสัมมาสมาธิ) ไม่เบิกบาน

ถาม : เหตุใดรู้ทันสภาวะแล้วจิตไม่ตั้งมั่น (ไม่มีสัมมาสมาธิ) ?

ตอบ : ที่ทำให้ไม่ตั้งมั่นคือ พอเห็นสภาวะแล้วจิตยังไม่ได้แค่รู้ ยังส่งออกไปตามสิ่งที่เห็นครับ
ที่สำคัญคือ ให้เพียงแค่รู้ อย่าออกแรงทำอะไรเพื่อให้จิตตั้งมั่นขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าจิตไม่ตั้งมั่น ก็แค่รู้ว่าจิตไม่ตั้งมั่นพอแล้วครับ

 

ถาม : เวลารู้สภาวะ บางครั้งก็ไม่เบิกบาน คือนั่งสมาธิแต่ละครั้ง ความเบิกบานมันไม่คงที่ จากที่สังเกตดู ไม่แน่ใจว่า ทำผิดหรือเปล่า ?

ตอบ : เวลารู้อะไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องเบิกบานหรอกนะครับ
ถ้ารู้ถูก ส่วนมากก็มักจะเฉยๆ มากกว่า
ถ้ารู้ผิด ก็จะหลงไปแก้ไข แทรกแซง ประคองรักษา เพ่งจ้อง
ส่วนที่นั่งสมาธิแล้วความเบิกบานไม่คงที่ อันนี้ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา
เพราะความเบิกบานก็เป็นไตรลักษณ์
หากคิดจะให้ความเบิกบานคงที่ก็ผิดแล้วครับ

 

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะที่ไม่เนิ่นช้า (๓) ปรารภความเพียร

mp 3 (for download) : ธรรมะที่ไม่เนิ่นช้า (๓) ปรารภความเพียร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : เพราะฉะนั้นมักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลี ต่อมาต้องปรารภความเพียร ต้องคิดนะว่าชีวิตเราเกิดมาเพื่ออะไร ชีวิตเราเกิดมาเนี่ย ไม่ยาวนานเท่าไหร่หรอก ไม่นานเราก็ต้องจากโลกนี้ไป จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารักนะ ลูกเมีย ครอบครัว ทรัพย์สมบัติ ชื่อเสียงเกียรติยศ ต้องสูญเสียไปหมดเลย ไม่มีอะไรเหลือเลย

เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เพียงชั่วคราว เราจะเที่ยวแสวงหาแต่สิ่งชั่วคราวรึ สิ่งชั่วคราวก็เช่น หาครอบครัว หาเงินทอง หาชื่อเสียงเกียรติยศตำแหน่งหน้าที่ นี่คือของชั่วคราว อาศัยอยู่กับโลกก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้นะ แต่ก็มีพอประมาณก็พอแล้ว

งานหลักของเราจริงๆคืองานยกระดับจิตใจขึ้นไป ชีวิตของเราเนี่ยสั้นนิดเดียว มีเวลาไม่มาก โดยเฉลี่ยของคนยุคนี้ก็อายุประมาณสามหมื่นวัน สามหมื่นวันเนี่ยฟังแล้วเยอะนะ จริงๆไม่เยอะเท่าไหร่ สามหมื่นวันเนี่ยเราเอาไปนอนเสียหมื่นวันแล้วๆ เหลือสองหมื่นวัน สองหมื่นวันเนี่ยเราเอาไปทำมาหากินเสียเกินครึ่ง เหลือนิดเดียวแล้วนะ แล้วยังจะเอาเวลาที่เหลืออีกนิดเดียวเนี่ยเอาไปเที่ยวไปเล่นเพลิดเพลินสนุกสนาน ไม่เหลือเวลาที่จะเอาไปพัฒนาตัวเองแล้วนะ

เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งเป้าเอาไว้ให้ดีเลย ชาตินี้ต้องได้พระโสดาบัน ตั้งเอาไว้อย่างนี้ ใครว่าโลภก็โลภล่ะวะ เอาไว้ก่อนแหละ ตั้งเป้าไว้ก่อน ชาตินี้ขอเป็นพระโสดาบันให้ได้นะ ชาวพุทธต้องเอาอย่างนั้นเลยนะ ไม่ใช่ขอทำบุญทำทาน นั่งภาวนาทำสมาธิ อีกแสนๆชาติข้างหน้าค่อยให้ได้ธรรมะ โง่น่ะสิ ธรรมะของพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้เนิ่นช้าปานนั้นนะ ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้ผลรวดเร็วมากเลย ถ้ารู้จักปฏิบัติที่ถูกต้อง ปฏิบัติได้สมควรแก่ธรรม ทำให้ถูกต้องก่อน แล้วก็ทำให้พอ แค่นี้เอง ไม่เนิ่นช้าเท่าไหร่หรอก

มันจะยากอะไรในการเรียนรู้ความจริงของกายของใจตัวเอง การปฏิบัติธรรมจริงๆก็คือการเรียนรู้กายรู้ใจของตัวเองเท่านั้นเอง ถ้ารู้เห็นความจริงแล้ว กายนี้ใจนี้ไม่ใช่ตัวเรา ตัวเราไม่มี แค่นี้ก็เป็นพระโสดาบันแล้ว ถ้าเห็นความจริงนะว่า กายนี้เป็นทุกข์ล้วนๆ หมดความยึดถือในกาย ก็ได้พระอนาคาฯ หมดความยึดถือในจิต เขาก็สมมุติเรียกว่า “พระอรหันต์” มันมีแต่เรื่องเรียนรู้กายเรียนรู้ใจตั้งแต่ต้นจนจบเลยของการปฏิบัติ

มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร กายของเราก็มีอยู่แล้ว จิตใจของเราก็มีอยู่แล้ว เราก็แค่คอยรู้คอยดูบ่อยๆ ว่าจริงๆกายนี้เป็นตัวเราหรือไม่เป็น จิตนี้เป็นตัวเราหรือไม่เป็น คอยรู้คอยดูอยู่บ่อยๆ ความจริงมันจะแสดงตัวให้ดูอยู่แล้ว ไม่ได้ยากเท่าที่คิดหรอก ฆราวาสก็ทำได้นะ ไม่ใช่ฆราวาสทำไม่ได้ สมัยพุทธกาลฆราวาสได้ธรรมะเยอะแยะเลยนะ ถมเถไป

เพราะฉะนั้นพวกเรานะ ตอนนี้ปรารภความเพียร ต้องรู้ว่าเราจะต้องปฏิบัตินะ ถ้าชีวิตของเราไม่ปฏิบัติ ชีวิตของเราไร้คุณค่า เราไม่ได้ต่างกับหมากับแมวอะไรนะ มีชีวิตอยู่ กินแล้วก็สืบพันธุ์ แล้วก็นอน แล้วก็เที่ยวเล่นเห่าหอนสนุกสนานอะไรอย่างนั้น จะได้อะไรขึ้นมา ชีวิตมันควรจะมีคุณค่ากว่านั้น

พระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนี้นะ บอกว่า อดีตก็ล่วงไปแล้วนะ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ให้มีสติอยู่กับปัจจุบันนี้ ไม่ง่อนแง่นคลอนแคลนอยู่กับปัจจุบัน ท่านบอกว่าอย่าตามอาลัยอาวรณ์ไปถึงอดีตนะ อย่ากังวลไปถึงอนาคต ให้อยู่กับปัจจุบัน เพราะว่าอดีตก็ล่วงไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันน่ะมันมีจริง ให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันนี้แหละ มีสติอยู่กับปัจจุบันไม่หลงเพลินไป ร่างกายเคลื่อนไหวรู้สึก จิตใจเคลื่อนไหวรู้สึกนะ เรียกว่าเราไม่ประมาท เรามีสติอยู่ มีสติเป็นไปในกาย มีสติเป็นไปในจิตใจ ตามรู้อยู่ในกาย ตามรู้อยู่ในใจ

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า คนที่ทำได้อย่างนี้นะ แม้จะมีชีวิตอยู่เพียงวันเดียวหรือคืนเดียวเนี่ย ก็ควรชมแล้ว มีชีวิตร้อยปี แต่หลงร้อยปี ไม่ควรชมเลยนะ คนส่วนใหญ่มีชีวิตเท่าไหร่ กี่ปี มันก็หลงอยู่เท่านั้นปีแหละนะ เพราะฉะนั้นพวกเรามาหัดให้มามีสติรู้สึกกายมีสติรู้สึกใจนะ ถ้ามีชีวิตอยู่ได้วันเดียว พระพุทธเจ้าก็ชมแล้ว ให้พระพุทธเจ้าชมดีกว่าให้คนอื่นชมนะ คนอื่นชมบางทีมันแกล้งชม พระพุทธเจ้าชมเนี่ย ของดีของวิเศษแน่นอนเลย พวกเราก็มีโอกาสได้รับคำชมของพระพุทธเจ้าทุกๆคนนะ เพราะเรามีสติรู้อยู่กับปัจจุบันเรื่อยไป แค่วันเดียวท่านก็ชมแล้ว

เพราะฉะนั้นเรามีโอกาสนะที่จะได้รับคำชมของพระพุทธเจ้า มีโอกาสที่จะได้ชื่อว่าเป็นลูกแท้ๆของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ลูกแบบหลอกๆมาเกาะกินพระพุทธเจ้าอยู่นะ ลูกเกาะกินพระพุทธเจ้าเยอะนะ หาผลประโยชน์จากพระศาสนาอะไรพวกนี้ มีเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเราต้องปฏิบัติธรรมให้สมควรแก่ธรรม ปรารภความเพียรนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
Track: ๔
File: 550422.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๙ วินาทีที่ ๕ ถึง นาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ควรทำเช่นไรในยุคที่ข่าวสารพาให้ใจร้อนวุ่นวาย ?

ควรทำเช่นไรในยุคที่ข่าวสารพาให้ใจร้อนวุ่นวาย ?

เป็นชาวเมืองก็อย่างนี้แหละครับ
พอมีเหตุมีเรื่องวุ่นวายยุ่งยาก จิตใจก็ย่อมปรุงแต่งไปตามเหตุตามปัจจัย
การภาวนาจึงมาอยู่ตรงที่ ภายนอกสำรวมกายวาจาไว้
ภายในก็หัดรู้สภาวะที่กำลังปรากฏไปเรื่อยๆ

ส่วนการติดตามข่าวสารก็ยังจำเป็นนะครับ
ชาวเมืองอย่างเราๆจะตัดการรับรู้ข่าวสารไม่ได้หรอกครับ
แต่ให้มีสติในการติดตามข่าวสารด้วยนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : ดูจิต ดูความหิว เพื่อสุขภาพ

ดูจิต ดูความหิว เพื่อสุขภาพ

ถาม : ความหิวเป็นวิญญาณขันธ์ใช่หรือไม่ครับ เราจะภาวนาโดยใช้การพิจารณาความหิว(ท้องหิว)ได้หรือไม่
ถ้าน้ำหนักเราเกินพอดีอยู่ และได้รับสารอาหารครบถ้วนเพียงพอแล้ว 

ตอบ : ความหิวไม่ใช่วิญญาณขันธ์ครับ แต่วิญญาณขันธ์เป็นตัวไปรู้ความหิว
เมื่อหิวก็มาดูตามจริง (ไม่ใช่คิดๆเอา) ว่า ร่างกายจำเป็นต้องได้อาหารหรือไม่
ถ้าต้องการก็ทานอาหารไปตามปกติและตามปริมาณที่สมควร
ไม่ใช่ทานอาหารไปเพราะความอยากทาน
เมื่อรู้สึกอยากทานอาหาร และไม่ใช่เวลาที่ร่างกายต้องการอาหารตามปกติ
ก็ให้มาหัดดูจิตที่อยากทานอาหารไปนะครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ธรรมะที่ไม่เนิ่นช้า (๑) มักน้อย สันโดษ

mp 3 (for download) : ธรรมะที่ไม่เนิ่นช้า (๑) มักน้อย สันโดษ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถ้าเราปฏิบัติธรรมได้ตามที่พระพุทธเจ้าสอน เราจะพ้นทุกข์ในเวลาที่ไม่ช้าเกินไป เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น ไม่เนิ่นช้า มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะเนิ่นช้าหรือไม่ช้า

ถ้าเราไม่อยากจะเนิ่นช้านะ อันแรกคือ ก็มาปรับพฤติกรรมของตัวเอง ปรับจิตใจของเราเองนะ ให้มันเหมาะกับการปฏิบัติธรรม ต้องรู้จักคำว่ามักน้อย ต้องรู้จักคำว่าสันโดษ ต้องรู้จักคำว่าวิเวก ไม่คลุกคลี ต้องรู้จักการปรารภความเพียร ต้องรู้จักการเจริญสติ การเจริญสมาธิ การเจริญปัญญา ถ้าเรารู้จักในสิ่งเหล่านี้แล้ว เราจะไม่ช้าหรอกนะ

มักน้อยเป็นอย่างไร มักน้อยหมายถึง มีความต้องการน้อย ยกตัวอย่างพระ พระต้องมักน้อย พระมีอาหารมากเฉพาะวัดนี้นะ บางวัดอาหารไม่ถูกปาก คือไม่มีอะไรเข้าปากเลย อดๆอยากๆ มักน้อยหมายถึงว่า ฉันเท่าที่ร่างกายจะอยู่ได้ อย่างนี้เรียกว่ามักน้อย มักมากหมายถึงว่า เท่าไหร่ก็ไม่พอใจ อยากได้เยอะไม่มีที่สิ้นสุดเลย

สันโดษหมายถึงอะไร สันโดษหมายถึงว่า ยินดีพอใจ ในสิ่งที่ได้มา ฆราวาสเนี่ย สันโดษ แต่อาจจะไม่ต้องมักน้อยแต่ต้องสันโดษ ตัวพระนี่ต้องมักน้อย ต้องสันโดษ

มักน้อย มีความปราถนาน้อย คือ ต้องการอะไร ต้องการแค่ Basic Minimum Need เท่านั้นเอง ที่คนเราต้องการ พวกเราอาจจะมากกว่านั้นนิดหน่อย ที่ในหลวงพูดคำว่า “พอๆ” นะ ก็คือคำว่ามักน้อย

ทีนี้ฆราวาสอยากรวยได้มั้ย อยากรวยได้ ไม่ต้องมักน้อยแบบพระ อยากรวยก็ได้ แต่อยากมีเมียหลายคนไม่ได้ ผิดศีล อยากรวยได้ เช่นตั้งเป้าหมายว่าปีนี้เราจะทำกำไรสัก ๕ ล้านบาท ตั้งใจไว้อย่างนี้ แล้วลงมือทำเต็มที่เลย ได้ ๑๐ ล้านบาท เราก็พอใจแล้ว เราได้ทำเต็มที่แล้ว ได้มา ๑๐ ล้านบาท หรือตั้งเป้าไว้ ๕ ล้านบาท ทำเต็มที่สุดฝีมือแล้ว ได้มา ๕ ล้านบาท พอใจแล้ว ยินดีพอใจมีความสุขแล้ว ที่ได้ทำงานนะ ก็พอใจ หรือตั้งเป้าไว้ ๕ ล้านบาท ได้ ๑ ล้านบาท หรือขาดทุน พอใจแล้ว มีความพอใจแล้ว คือ ได้ทำเต็มทีทำสุดฝีมือแล้ว มีความสุขที่ได้ทำงานแล้ว นี่เรียกว่าสันโดษนะ มีความสุขพอใจแล้ว ที่ได้ทำทุกสิ่งทุกอย่างเต็มที่เต็มฝีมือแล้ว ไม่ได้ละเลย แต่มันได้แค่นี้แหละ

บางคนทำบริษัทฯ กำลังดีๆ ค้าขายกำลังดีๆ เขาเผาบ้านเผาเมือง เผาบริษัทฯเราไปด้วยอะไรอย่างนี้ ทำอย่างไรล่ะ ทำอะไรไม่ได้ ถูกเผาไปแล้วนะ ก็ยังพอใจ ยังเหลือชีวิตรอดอยู่กับประสบการณ์ หมดเนื้อหมดตัวแล้ว ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ก็ยังเหลือชีวิตอยู่กับประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์ชีวิตแพงนะ เป็นทรัพยากรที่แพงมากเลย พวกเราบางคน ลำบากยากจนลงอะไรเนี่ย อย่าไปนึกว่าเรากลับไปที่ศูนย์ เราไม่ได้กลับไปที่จุดตั้งต้นที่ศูนย์หรอก ตราบใดเรายังมีชีวิตอยู่ ทุกคราวที่เกิดปัญหาชีวิตนะ ก็คือการได้ประสบการณ์มาแล้วนะ

มีความมักน้อยนะ คือปราถนาน้อย มีความสันโดษ ยินดีพอใจตามมีตามได้


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๕
Track: ๔
File: 550422.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๑๓ วินาทีที่ ๓ ถึง นาทีที่ ๑๖ วินาทีที่ ๔๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : เทคนิคการเริ่มหัดดูจิตโดยใช้วิหารธรรม

เทคนิคการเริ่มหัดดูจิตโดยใช้วิหารธรรม

ถาม : เวลาเริ่มนั่งให้เริ่มดูที่จิตเลยหรือเปล่าคะ หรือเริ่มที่วิหารธรรม ก่อน ตอนนี้รู้ว่าติดว่า ความพอดีอยู่ที่ไหน หรือว่าหนูต้องลองเองเรื่อยๆจนจำได้ว่า ความพอดีมันอยู่ตรงนี้เอง เพราะถ้าเป็นอย่างนี้จริง หนูจะสงสัยว่าทำไมบางครั้งตามรู้อยู่แต่ก็ไม่เบิกบาน ขันมันจะยึดรวมกันให้ได้คะ เพราะความเข้าใจในระดับน้อยๆของหนูตอนนี้คือ ถ้าหนูจับหลักถูก หนูก็จะรู้อย่างเบิกบานทุกครั้ง ถึงไม้เวลา จิตจะไปหมายรู้ทุกหรือสุขเข้า แต่ปัญหาคือ มันไม่ได้เบิกบานทุกครั้งสิคะ ขันธ์มันไม่แยกกัน

ตอบ : เริ่มนั่งก็ทำใจให้สบายๆ แล้วมารู้อยู่กับวิหารธรรมที่เลือกใช้ไป
ที่สำคัญนั่งแล้วอย่าทำให้เกิดสภาวะเกิดอาการตามที่คิดว่าจะเกิด
เช่น อย่าไปคิดว่านั่งแล้วต้องเบิกบาน พอไม่เบิกบานก็ออกแรงหาทางทำให้เบิกบาน
ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับ ทำตามความอยากทำตามตัณหา
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกว่า ให้ทำตามตัณหาเพื่อจะพ้นทุกข์
แต่บอกว่า ให้ละตัณหาซึ่งเป็นสมุทัยเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
เพราะฉะนั้น นั่งแล้วจิตจะเป็นอย่างไร ก็ให้เพียง แค่รู้แค่ดู
แค่รู้แค่ดูก็เพื่อให้เห็นว่า จิตไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

องค์ธรรม ๕ ประการ ที่ทำให้สำเร็จง่าย

mp 3 (for download) : องค์ธรรม ๕ ประการ ที่ทำให้สำเร็จง่าย

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : มีองค์ธรรม ๕ ประการของคนภาวนานะ ถ้ามีครบ ๕ ประการก็สำเร็จง่าย อันแรกมีศรัทธา ต้องศรัทธาในพระพุทธเจ้า ศรัทธาในพระธรรมในพระสงฆ์ ไม่ใช่ศรัทธาพระองค์นั้นองค์นี้นะ เวลาศรัทธาเนี่ย ต้องศรัทธาพระพุทธเจ้าเป็นหลักไว้

นอกจากมีศรัทธา เชื่อมั่นว่าคำสอนของท่านจะพาให้พ้นทุกข์ได้ สุขภาพต้องดีพอ ถ้าจะมาเริ่มภาวนาตอนอัลไซเมอร์กินแล้วเนี่ยนะ ไม่ได้ผลแล้ว สุขภาพต้องพอแข็งแรงพอประมาณ แต่ไม่่ใช่ฟิตเปรี๊ยะ วิ่งร้อยเมตรใน ๙ วินาที ไม่จำเป็นหรอก ถ้าสุขภาพไม่ดี ภาวนายาก ใจมันกังวล ไม่มีแรง ยิ่งโรคบางอย่างนั่งแล้วเบลอ เบลอๆทั้งวัน ภาวนาลำบาก งั้นพวกเรารีบภาวนาตั้งแต่ยังแข็งแรงอยู่ แต่ถ้าเราภาวนาจนชำนาญตั้งแต่แข็งแรงแล้ว ต่อไปเป็นโรคนะ เบลอๆ(ก็)ยังภาวนาได้นะ เป็นโรคอะไรก็ยังภาวนาของเราอยู่ได้ ไม่ลำบาก

นอกจากนี้ก็ต้องอะไรนะ อ้อ ซื่อๆ เนี่ยเพราะเพิ่งเทศน์ให้ฟังตะกี๊นี่เอง ต้องซื่อนะ แต่ละคนชอบปั้น ปั้นหน้า ใส่หน้ากาก หลอกตัวเองก่อน แล้วหลอกคนอื่นทีหลัง อย่างนี้ภาวนายาก เพราะเรามองไม่เห็นกิเลส กิเลสซ่อนหมดเลย งั้นนึกว่าเราเป็นคนดี งั้นอย่างหลวงพ่อถามเวลาส่งการบ้าน เห็นกิเลสอย่างโน้น เห็นกิเลสอย่างนี้ เอ้อหลวงพ่อว่าอย่างนี้ดีนะ ถ้าเห็นกิเลสได้วันนึงก็สู้กิเลสได้ ไม่เห็นนะมันสู้ไม่ไหวหรอก กิเลสเอาไปกินหมด ซื่อๆ ภาวนาไม่ดี ก็รู้ว่าไม่ดีนะ จะถามครูบาอาจารย์ก็อย่าใส่หน้ากากมาถาม ถ้าถามซื่อๆนะ แบบ เรามีกิเลสอย่างนี้ เราจะสู้ยังไง จนมุมแล้วยังไม่รู้จะช่วยตัวเองได้ไง อย่างนี้ครูบาอาจารย์เต็มใจช่วยเลย ซื่อๆนะ ต้องเรียนกันด้วยใจจริงๆเลย เรียนด้วยจิตใจที่เสแสร้ง ใส่หน้ากาก ไม่ได้ผลหรอก ต้องซื่อๆ

ถัดจากนั้นก็ต้องขยัน ปรารภความเพียร พูดภาษาสมัยใหม่นะก็คือทำในรูปแบบด้วย ไม่ทำในรูปแบบเลยนะ จิตใจก็จะย่อหย่อน สมาธิก็จะตก ถึงจุดหนึ่งภาวนาไม่ได้จริง งั้นแบ่งเวลาทำในรูปแบบไว้ทุกวันนะ ๑๐ นาทีก็ยังดีกว่าไม่ทำเลย เบื้องต้นหลวงพ่อขอ ๑๐ นาทีเท่านั้นแหล่ะ พอ ๑๐ นาทีเราทำได้ชำนิชำนาญ มีความสุขที่ได้ทำนะ มันเพิ่มเองนะ เดี๋ยวนี้ใครเคยนั่งภาวนา หรือเดินจงกลม รวมๆแล้ววันนึงได้ชั่วโมงนึงบ้างมีมั้ย ยกมือซิ นี่ชักเยอะแล้วนะ ถูกหลอกมาตั้งแต่ ๑๐ นาทีนั่นแหล่ะ ถ้าหลวงพ่อสตาร์ทที่หนึ่งชั่วโมง พวกเราถอยไปหมดแล้ว พวกเราไม่มีแรง วันๆก็เหนื่อยจะตายแล้ว ยังจะมาเกณฑ์ให้ภาวนาอีก แค่นี้ก็แย่อยู่แล้ว แต่พอเราหัดวันละเล็กวันละน้อยนะ ชำนิชำนาญขึ้นมา ภาวนาแล้วมีความสุข ขยันน่ะ ยิ่งเพิ่มขึ้นๆเรื่อยๆเลยนะ

นอกจากปรารภความเพียร ทำในรูปแบบนะ เจริญปัญญา นี่ข้อ ๕ ข้อ ๑ มีศรัทธา ข้อ ๒ มีสุขภาพที่พร้อม ไม่ถึงขนาดต้องแข็งแรงเต็มที่หรอก แล้วก็ซื่อๆ ไม่เสแสร้ง ไม่โอ้อวด แล้วก็ขยันภาวนา ทำในรูปแบบทุกวัน เด็ดเดี่ยว จะปวดจะเมื่อยยังไงก็ต้องทำ

เนี่ยหลวงพ่อพุธ ท่านเคยเล่าว่ามีพระนะ ท่านตั้งใจเดินจงกลมทุกวัน ท่านเดินๆไปแล้วท่านเดินไม่ไหว เท้าท่านแตกหมดแล้ว ท่านคลาน คลานจงกลม คลานไปคลานมานะ มือก็แตกหัวเข่าก็แตกแล้วนะ กระดุกกระดิกไม่ได้นะ ท่านนั่งขยับไปขยับมานะ ลงนอนก็นอนพลิกไปพลิกมา คนก็รู้สึกโอ้พระองค์นี้ อาการหนักแล้ว นอนกระสับกระส่าย ความจริงท่านนอนพลิกไปพลิกมานะ ท่านพยายามรู้สึกตัว เนี่ยเด็ดเดี่ยวจริงๆ

นี่ครูบาอาจารย์เล่าให้ฟัง บอก ให้เอาเป็นแบบอย่าง เนี่ยมีความเพียร ข้อ ๕ ก็คือ ต้องเจริญปัญญา มีความเพียรแบบวัวแบบควาย ไม่ได้ ต้องเจริญปัญญา พอเราพากเพียรไปแล้ว จิตเราสงบ จิตเราตั้งมั่นแล้วนะ ต้องเจริญปัญญาด้วยการแยกธาตุแยกขันธ์ เห็นกายเคลื่อนไหว จิตเป็นคนรู้ จิตใจเคลื่อนไหวก็คอยรู้เอานะ อะไรเกิดขึ้นสุขทุกข์ดีชั่วเกิดขึ้น คอยรู้เอา

มันรู้ได้ทุกคนแหล่ะ แต่ละเลยที่จะรู้ ไม่ใช่รู้ไม่ได้ ความโกรธเป็นไง ทุกคนก็รู้ เพียงแต่ตอนโกรธเนี่ย มัวแต่ดูคนที่ทำให้เราโกรธ ไม่ดูใจที่กำลังโกรธ แค่นั้นเอง เวลารักขึ้นมา ทุกคนก็รู้ว่าความรักเป็นยังไง ความโลภเป็นยังไงเราก็รู้ แต่เวลาเรารักเราโลภขึ้นมานะ เราไปคิดถึงคนที่เรารัก เราไม่รู้ว่าใจกำลังรักอยู่ ถ้ารู้ว่าจิตกำลังรักอยู่ นี้เราก็ภาวนาแล้ว มันต่างกันนิดเดียวเอง

คนที่ไม่ภาวนาเค้าดูออกนอก ไปดูคนอื่นไปดูสิ่งอื่น ผู้ภาวนานะรู้ทันจิต รู้ทันใจของตัวเอง ก็แค่นั้นเอง ไม่ได้วิเศษวิโสลึกลับซับซ้อนอะไรหรอก ไม่ยาก ทุกคนรู้จิตใจตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ไม่รู้ ไม่ยอมรู้เท่านั้นเอง

งั้นดูบ่อยๆนะ นี่เรียกว่าเจริญปัญญา แยกธาตุแยกขันธ์ แยกรูปแยกนามเรื่อยไป ถึงวันนึงมันก็แจ้งขึ้นมา ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา ความสุขความทุกข์ไม่ใช่ตัวเรา กุศลอกุศลไม่ใช่ตัวเรา จิตที่เป็นผู้รู้ผู้ดูก็ไม่ใช่ตัวเรา นี่ถ้าทำได้ ๕ อย่างนะ ๕ อย่างนี้แล้วก็ไปรอด


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฏาคม พ.ศ.๒๕๕๔ หลังฉันเช้า


CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๔๑
Track: ๓
File: 540716B.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๘ วินาทีที่ ๕๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรียนรู้ดูขันธ์กับ อ.สุรวัฒน์ : การแทรกแทรงในการภาวนาเป็นเช่นไร?

การแทรกแทรงในการภาวนาเป็นเช่นไร?

คำว่าแทรกแซง หมายถึง พอเกิดสภาวะใดขึ้นแล้วเราไม่ได้เพียงแค่รู้แค่ดูไปเท่านั้น
แต่จะหาทางทำให้สภาวะนั้นเป็นไปตามที่เราคิดอยากให้เป็น
เช่น พอสัญญาทำงานแล้วเห็นอาการริ้วๆขึ้นมา
ถ้าเราแค่รู้แค่ดูไปแล้วอาการริ้วๆนั้นหายไปเอง ก็ไม่ใช่การแทรกแซงครับ
หรือพอฟังซีดีหลวงพ่อ(เทศน์)แล้วเกิดปิติขนลุกอยากร้องไห้
ถ้าเราแค่รู้แค่ดูไปก็ไม่เป็นการแทรกแซงครับ

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

Page 20 of 59« First...10...1819202122...304050...Last »