Dhammada on Android
available now on
Google Play Store
คำชี้แจง
    Dhammada.net เป็นเว็บไซต์ของกลุ่มลูกศิษย์ที่ภาวนาตามแนวดูจิตได้จัดทำกันเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง สวนสันติธรรม หรือ หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช แต่อย่างใด     จึงขอชี้แจงเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกันกับข้อเท็จจริง     ขอแสดงความนับถือ     Dhammada.net

หมวดหมู่

เรื่องล่าสุด

Latest Clips

คลังเก็บ

รู้ว่าจิตคิด จิตจะตื่น จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ

Mp3 for download: รู้ว่าจิตคิด จิตจะตื่น จะได้ต้นทางของการปฏิบัติ

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : คอยรู้ทันจิตที่ไหลไปคิดไว้ จิตไหลไปคิดแล้วรู้ จิตไหลไปคิดแล้วรู้ มันจะเกิดจิตที่รู้ขึ้นมา เพราะจิตที่หลงไปคิดนั้นคือจิตที่ฟุ้งซ่าน ทันทีที่รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตจะสงบโดยอัตโนมัติ จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ ไม่ฟุ้งซ่าน จิตอยู่ในอารมณ์อันเดียวนั้นแหละ เฉพาะหน้านะ เห็นความฟุ้งซ่านไหลมา ขาดปั๊บไป จิตก็ตั้งมั่นเด่นดวงขึ้นมา อยู่คนเดียว จิตจะตั้งทีละขณะๆนะ

เพราะฉะนั้นเราหัดไปนะ วันนี้ลองไปดูก็ได้นะจิตแพทย์ จิตไหลไปแล้วรู้ จิตไหลไปแล้วรู้ คอยดูเรื่อยๆ บางทีจิตก็ไหลไปดู บางทีจิตก็ไหลไปฟัง บางทีจิตก็ไหลไปคิด ส่วนใหญ่ไหลไปคิด เพราะฉะนั้นเราคอยรู้ทัน ถ้ารู้ทันจิตไหลไปคิดนะ จิตจะตื่นขึ้นมา ตรงทีจิตตื่นขึ้นมานี่แหละ เป็นต้นทางของการที่จะเดินปัญญาล่ะ หลวงพ่อเทียนถึงบอกว่า ตรงที่รู้ว่าจิตคิดนั้นจะได้ต้นทางของการปฏิบัติ

เพราะฉะนั้นเราคอยรู้ทันจิตที่ไหลไปคิด เราจะได้สมาธิชนิดที่สอง ที่เรียกว่า ลักขณูปนิชฌาน จิตจะตั้งมั่น จิตที่ตั้งมั่นเป็นผู้รู้ผู้ดูนี้แหละ จะสามารถเห็นลักษณะ คือไตรลักษณ์ ของรูปธรรม นามธรรม ทั้งปวงได้ ถ้าจิตไม่ตั้งมั่นล่ะก็ ไม่เห็นลักษณะ คือความเป็นไตรลักษณ์ของรูปนาม ถึงได้ชื่อว่า ลักขณูปนิชฌาน เห็นลักษณะ นะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
เมื่อ วันเสาร์ที่ ๑๑ เดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๘
File: 531211
ระหว่างนาทีที่ ๒๙วินาทีที่
๕๕ ถึงวินาทีที่ ๓๑ วินาทีที่ ๑๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปละ หมดเหตุก็ดับเอง

Mp3 for download:  ความทุกข์ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปละ หมดเหตุก็ดับเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือ รู้ตรงนี้ว่าพอไปคิดเนี่ยนะ เกิดความทุกข์ เห็นความทุกข์ในใจเราเนี่ยนะ มากขึ้นบ้าง เบาลงบ้าง มากขึ้นบ้าง เบาลงบ้าง

ในขณะที่เรามาเฝ้ารู้ใจของเราที่เป็นทุกข์เนี่ย เราไม่ได้คิดละ ความทุกข์นั้นจะค่อยๆสลายตัวไป แต่สลายเพราะอะไร เพราะว่าเราไม่ได้คิด ทำไมเราไม่ได้คิดตอนนั้น เพราะเรามาเฝ้ารู้อยู่ แล้วเราจะเห็นเลย ความทุกข์เองไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปละมันหรอก พอมันหมดเหตุมันก็ดับ ไม่ใช่มันดับเพราะเราไปละมันเข้า

ถ้าเราไม่ละเอียดลออ เราจะไปคิดว่าเราไปดับทุกข์ได้ พอเราดูปุ๊บ ความทุกข์ก็ดับไป พอเราโกรธขึ้นมา เราเห็นความโกรธ ความโกรธก็ดับไป มันเกิดความสำคัญผิด ความจริงเป็นเพราะว่าเราไม่ได้ไปทำเหตุของมัน มันหมดเหตุแล้วมันดับ

อย่างเราโกรธใครสักคนนะ เราคิดถึงเขาบ่อยๆ นะ ยิ่งโกรธใหญ่ ใช่มั้ย เรามารู้อยู่ที่ความโกรธของเรานี้ เห็นความโกรธตั้งอยู่ในจิตใจ จิตใจเร่าร้อนเป็นเพราะความโกรธ ไม่ได้ไปคิดเรื่องที่ทำให้โกรธ เดี๋ยวความโกรธมันก็หายไป เราก็จะได้ความเห็นที่ถูกต้องว่าความโกรธก็ไม่เที่ยงหรอก เกิดจากเหตุ คือ การไปคิดเรื่องที่ไม่ชอบใจ พอหมดเหตุมันก็ดับ

แต่ความโกรธเกิดขึ้นเนี่ย ถ้าความโกรธครอบงำใจเราได้ ใจเราจะเป็นทุกข์ ก็เห็นต่อไปอีกชั้นนึง อ้อ จิตใจที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นอิสระนี้ ไม่ทุกข์หรอก เบิกบาน มีความสุข แต่พอถูกอารมณ์ ถูกกิเลสครอบงำ ก็จะเป็นทุกข์ นี่มันจะเห็นตรงนี้

งั้นเรามีสติอยู่ เราค่อยเห็นข้อเท็จจริง มันคือการเห็นข้อเท็จจริงทั้งนั้นเลย

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๗ เดือนกรกฏาคม พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า
CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
File: 450707A
ระหว่างนาทีที่ ๓๗ วินาทีที่ ๐๑ ถึง นาทีที่ ๓๘  วินาทีที่ ๔๘

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

mp3 for download : ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

ทางบรรลุธรรม (๓) ขั้นแรกของการฝึก การเจริญวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือการเจริญปัญญา การทำวิปัสสนา ไม่ใช่อะไรที่ลึกลับอะไรหรอก มันคือการฝึกจิตให้มองต่างมุม เดิมจิตเคยมองแต่ว่า “มีตัวเรา มีตัวเรา” มองอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา เรามาฝึกจิตให้หัดมองต่างมุม ให้เห็นความจริง ว่าขันธ์ไม่ใช่ตัวเรา ขันธ์ ๕ ไม่ใช่ตัวเรา หัดดูไปเรื่อยๆ

เบื้องต้นก็ช่วยมันคิดหน่อยนึงก็ได้ สำหรับบางคนซึ่งชาติก่อนๆไม่เคยเดินปัญญามา คนที่ถ้าไม่เคยเจริญปัญญามาแต่ปางก่อนนะ เคยแต่ทำสมาธินะ พอจิตมีกำลัง จิตตั้งมั่นขึ้นมา ขนาดจิตตั้งมั่นแล้วนะ เป็นผู้รู้ผู้ตื่นแล้วนะ มันยังไม่ยอมดูธาตุดูขันธ์ทำงานเลย มันก็ตื่นอยู่เฉยๆ ว่างอยู่เฉยๆ จิตอย่างนั้นใช้ไม่ได้ จิตไม่เดินปัญญา

ถ้ามันไม่เดินปัญญา ก็ต้องช่วยมันพิจารณา ช่วยมันคิด คิดนำให้มันหัดมองต่างมุม ดูบ้างว่าร่างกายนี้ไม่เที่ยงนะ ร่างกายเป็นทุกข์ ร่างกายไม่ใช่ตัวเรา สอนมัน พอมันหัดมองต่างมุม พอมันชำนาญในการมอง ต่อไปมันมองเอง ตรงที่พามันมองเนี่ย ยังไม่ขึ้นวิปัสสนา ตรงที่มันมองได้เองถึงจะเป็นวิปัสสนานะ

เพราะฉะนั้นบางคน ถ้าอินทรีย์ไม่แก่กล้านะ ต้องช่วยมันพิจารณา ถ้าอินทรีย์แก่กล้าจริงนะ ขันธ์มันแตกออกไปเลย พอจับตัวผู้รู้ได้แล้วขันธ์จะแตกออกไปนะ

เคยมีโยมคนหนึ่ง ไปเรียนกับครูบาอาจารย์ เรียนตอนเช้า ตอนเย็นนะ ขันธ์แตกออกมาแล้ว มีตัวผู้รู้ เพราะตัวผู้รู้ทำมาได้ตั้งแต่เด็ก ทำสมถะ ทำลมหายใจ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ นับหนึ่ง อะไรอย่างนี้ มีจิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน แล้ว แต่ต่อไม่เป็น ไม่รู้จะเดินปัญญายังไง ก็ไปอยู่แค่นั้นเอง

ไปเจอครูบาอาจารย์ท่านสอนมา ให้ไปดูจิตต่อ พอจะมาดูจิตก็มาดู จิตต้องอยู่ในร่างกาย เห็นร่างกาย ดูซิจิตอยู่ตรงไหน อยู่ในผมมั้ย อยู่ในขนเล็บฟันหนังเนื้อเอ็นกระดูกมั้ย ไล่ๆ ไล่ไปเรื่อยๆ สุดท้ายร่างกายก็แยกไปอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะจิตเป็นผู้รู้อยู่แล้ว

พอไปดูกายเข้า จงใจมาดูกายนี้ ก็เห็นกายแยกออกไปอยู่ต่างหาก มาดูเวทนาก็เห็นเวทนาแยกออกไปอยู่ต่างหาก มาดูสังขาร ความปรุงต่างๆของจิต ก็แยกออกไปอยู่ต่างหาก กระทั่งเรื่องราวที่คิดนะ คิด อย่างคิดบทสวดมนต์ พุทโธ สุสุทโธ กรุณา มหรรณโว คิดบทสวดมนต์นี้ จิตเป็นคนรู้ขึ้นมานะ ความคิดกับจิตก็แยกออกจากกัน พอจิตกับความคิดแยกออกจากกันได้นะ ตัวรู้มันก็ผุดขึ้นมาอีก เป็นตัวรู้ที่มีคุณภาพมาก ไม่ใช่รู้อยู่เฉยๆด้วย คราวนี้ รู้แล้วเห็นขันธ์ทำงานได้

540805.03m41-06m37


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
สวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา
ศรีราชา ชลบุรี

แสดงธรรมที่สวนสันติธรรม
วันศุกร์ที่ ๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ ก่อนฉันเช้า

CD: 41
File (ประเทศไทย): 540805.mp3
File (สหรัฐอเมริกาและยุโรป): 540805.mp3

นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๔๑ ถึง นาทีที่ ๖ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

mp3 (for download): เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

เมื่อสงสัยว่ารู้จริงๆหรือคิดไปเอง

โยม : แล้วอย่างเวลาที่เราปฏิบัติไปเนี่ยค่ะ เวลาที่เกิดสภาวธรรมเกิดขึ้นเนี่ย เราจะทราบได้อย่างไรว่าสภาวธรรมอันนั้นเกิดเพราะเรารู้ หรือว่าเพราะเราคิดไปเอง

หลวงพ่อปราโมทย์ : โอ้.. ถ้าอย่างนั้นให้รู้ทันว่ากำลังสงสัยนะ ลงปัจจุบันเลย ไม่ต้องสนใจหรอก มันง่ายกว่าที่นึก มันง่ายนะ

อย่างใจมันโกรธขึ้นมาเนี่ย โกรธก็โกรธ เราก็เห็น ความโกรธมันผุดขึ้นมา เราจะต้องมานั่งนึกว่านี่คิดเอาเองว่าโกรธหรือว่าโกรธจริงๆเนี่ย ไม่ต้อง ไม่ต้องคิดเยอะ มันรู้เอง ภาวนาแบบเด็กๆน่ะ นะ เด็กมันซื่อๆนะ ไม่คิดมาก ไม่ซับซ้อน การภาวนาต้องแบบนั้นนะ เรียนไปซื่อๆ ไม่ซับซ้อนหรอก ของง่ายๆทั้งนั้นเลยนะ ง่าย ไม่ยากหรอก

โยม : อย่างบางคนน่ะค่ะ แบบภาวนาไปแล้วอาจจะเห็น ตัวเป็นท่อน อะไรอย่างนี้ค่ะ แล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเรารู้จริงๆ เหมือนกับแยกธาตุแยกขันธ์ได้จริงๆ หรือว่ามันเป็นเราที่คิดเองว่า ตัวไม่ใช่เราๆ อะไรอย่างนี้เจ้าค่ะ

หลวงพ่อปราโมทย์ : ตอนที่เห็นเป็นท่อนๆได้นี่นะ ตอนนั้นไม่ได้คิดหรอก อาจจะคิดไว้ก่อน แต่ตอนที่มันรู้สึกขึ้นมาเนี่ย รู้สึกขึ้นมาเนี่ย ตอนนั้นไม่ได้คิด มันจะรู้สึกเอา ว่าเป็นท่อนๆ แต่ถ้าเกิดเห็นเป็นท่อนๆแล้วมันสงสัยว่า เอ๊..คิดไปหรือเปล่า หรือว่าเห็นจริงๆ เราก็รู้ลงปัจจุบัน ท่อนๆเป็นอดีตไปแล้วโยนมันทิ้งไปเลย ดูลงปัจจุบัน ปัจจุบันก็คือ กำลังสงสัยอยู่ นะ เราเอาปัจจุบันนะ การไปใคร่ครวญอันนั้นจะเป็นอดีตไป ปล่อยมันไป

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
แสดงธรรมเมื่อ วันพุธที่ ๑๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมเทศนานอกสถานที่ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
File: 540810A
ระหว่างนาทีที่ ๕๗ วินาทีที่ ๐๘ ถึง นาทีที่ ๕๘ วินาทีที่ ๓๗

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เริ่มต้นภาวนาอย่างไร ?

mp3 (for download): เริ่มต้นภาวนาอย่างไร

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เริ่มต้นภาวนาอย่างไร ?

เริ่มต้นภาวนาอย่างไร ?

โยม : กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ คือลูกก็สนใจธรรมะมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ว่าด้านการปฏิบัตินี่เพิ่งจะเริ่มขั้นอนุบาลน่ะเจ้าค่ะ แล้วก็อยากจะขอคำแนะนำจากหลวงพ่อค่ะว่า จะเริ่มต้นวิธีไหนที่จะเหมาะสมกับจริตของเรา

หลวงพ่อปราโมทย์ : ถือศีล ๕ ไว้ก่อนนะ ตั้งใจไว้ก่อน แล้วก็มีสติ พัฒนาสติขึ้นมา สติเป็นเครื่องมือของการปฏิบัติ ไม่ว่าจะปฏิบัติวิธีไหน ก็ต้องมีสติทั้งนั้นแหละ แล้วก็คอยรู้ทัน อะไรเกิดขึ้นแก่ใจคอยรู้ทันเรื่อยๆ หรือร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้ทันมันนะ ร่างกายยิ้ม ร่างกายหัวเราะ อะไรอย่างนี้ คอยรู้ทันไปเรื่อยๆ สติจะเกิดเร็วขึ้นๆ ต่อมาก็ฝึกสมาธิ จิตแอบไปคิดรู้ทัน จิตแอบไปคิดรู้ทัน จะได้สมาธิขึ้นมา

จำไหวมั้ย อันแรกนะ ถือศีล ๕ ไว้ก่อน จงใจถือไว้ก่อน แล้วมีสติคอยรู้ทันใจของเรา เอาง่ายๆเลยนะ เอาย่อๆเลย ความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นรู้ทัน แล้วก็ ร่างกายเคลื่อนไหวคอยรู้สึก จิตใจเคลื่อนไหวคอยรู้สึก คอยรู้สึกอย่างนี้เรื่อยๆ แล้วจิตหนีไปคิดคอยรู้สึก ยังงง เอาใหม่

อันแรกเลย ถือศีล ๕ ไว้ก่อนนะ อันที่สองคอยรู้ทันจิตของตัวเองไว้ จิตใจเคลื่อนไหวก็คอยรู้สึก แล้วก็รู้ทันร่างกายด้วย ร่างกายเคลื่อนไหวก็คอยรู้สึก ดูกายก็ได้ ดูจิตก็ได้ ไม่ต้องดูจิตอย่างเดียวหรอก แล้วก็จิตแอบไปคิดคอยรู้สึก รู้จักจิตแอบไปคิดมั้ย รู้สึกมั้ยคิดทั้งวัน รู้จักจิตคิดเนี่ย ไปดูตรงนี้เลย ดูบ่อยๆ จิตจะหนีไปคิดทั้งวันนะ คอยรู้บ่อยๆไว้ ถ้าเห็นตรงนี้ได้บ่อยๆนะ จิตจะตั้งมั่น เป็นผู้รู้ผู้ตื่นขึ้นมานะ หลุดออกจากโลกของความคิดได้

พอจิตเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน หลุดออกจากโลกของความคิดแล้วนี่นะ จิตพร้อมที่จะเดินปัญญา เวลาร่างกายเคลื่อนไหวจิตเป็นผู้รู้อยู่ จะเห็นเลยว่าร่างกายไม่ใช่ตัวเรา เห็นเองเลย เวลาที่จิตตั้งมั่นเป็นผู้รู้อยู่นะ จิตใจเคลื่อนไหว เช่นความสุขความทุกข์ กุศล-อกุศลเกิดนะ สติระลึกรู้ปั๊บ จิตตั้งมั่นเป็นผู้ดูอยู่นี่ จะเห็นเลย สุขทุกข์ กุศล-อกุศล ไม่ใช่ตัวเรา

เพราะฉะนั้นเราภาวนา เราต้องรู้นะ เป้าหมายของการภาวนาของพวกเรานี่น่ะ เพื่อล้างความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน นี่นะขั้นแรกนะเราต้องตั้งเป้ามาตรงนี้ก่อน ทุกๆคนนะ ตั้งเป้ามาว่าเราจะฝึกกรรมฐานนี่น่ะเพื่อล้างความเห็นผิดว่ามีตัวมีตน เพราะคนใดล้างความเห็นผิดว่ามีตัวมีตนได้คือพระโสดาบัน เอาตรงนี้ก่อน ยังไม่ต้องถึงขนาดว่าจะข้ามภพข้ามชาติอย่างไร เอาโสดาให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปชกมวยข้ามรุ่น

เพราะฉะนั้นตั้งหลักตรงนี้ พอเรารู้ว่าเราจะต้องดูจนกระทั่งเห็นว่าไม่มีตัวไม่มีตน ความจริงไม่มีตัวไม่มีตนอยู่แล้ว ความเป็นตัวเป็นตนเกิดจากการคิดขึ้นมาเอง เพราะฉะนั้นเราพยายามฝึกรู้สึกตัว รู้สึกตัว จิตหลุดออกจากโลกของความคิด เวลาเห็นกายจะเห็นเลย กายไม่ใช่ตัวตน เห็นจิตก็จะเห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวตน ความเป็นตัวตนเกิดจากความคิดทั้งสิ้นเลย เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ฝึกเอาง่ายที่สุดเลยนะ ถ้าจิตหนีไปคิดน่ะ คอยรู้ทันไว้ ไปฝึกตัวนี้ให้เยอะเลยนะ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย

แสดงธรรมเมื่อ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔

CD: แสดงธรรมนอกสถานที่ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย
File: 540216
ระหว่างนาทีที่  ๔๙ วินาทีที่ ๑๙ ถึง นาทีที่ ๕๒ วินาทีที่ ๒๖

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตตื่น

mp3 (for download)จิตตื่นเป็นอย่างไร?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตตื่น

จิตตื่น

หลวงพ่อปราโมทย์ : คำว่าจิตตื่นของหลวงพ่อหมายถึง จิตซึ่งรู้สึกตัวขึ้นมา รู้สึกกาย รู้สึกใจ (รู้สึกความมีอยู่ของกายในขณะนั้น รู้สึกความมีอยู่ของใจในขณะนั้น – ผู้ถอด) ไม่ไปหลงเพลิดเพลินอยู่ในโลกของความคิด

ในโลกนี้ หาคนที่ตื่นขึ้นมา.. ยากที่สุด เราตื่นเฉพาะร่างกาย แต่จิตใจไม่ตื่นหรอก นับตัวได้เลยนะในโลกนี้ ตอนแรกๆที่หลวงพ่อพูดอย่างนี้ คนไม่เชื่อนะ หาว่าดูถูกเหยียดหยามเสียอีก บอกว่า..ถ้าไม่ตื่นแล้วจะขับรถมาวัดได้อย่างไร ไม่ตื่นแล้วจะทำมาหากินได้อย่างไร มันตื่นแต่ร่างกาย จิตใจไม่ตื่น จิตใจหลงไปในโลกของความคิดความฝันตลอดเวลา ความทุกข์ทั้งหลายและกิเลสทั้งหลาย เกิดตอนที่ใจเราหลงไปอยู่ในโลกของความคิดนั้นเอง

เพราะฉะนั้นจะคิดเพลินๆไปนะ คิดดีๆขึ้นมา มีความสุข คิดไม่ดีมีความทุกข์ขึ้นมา หลงไปอย่างนี้เรื่อยๆ แต่ถ้าเราภาวนา จนใจเราตื่น เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่ตื่นแบบแห้งแล้งด้วยนะ ตื่นออกมาจิตใจนี้นุ่มนวล อ่อนโยน จิตใจสว่างไสว มีความสุข มีความเบิกบานผุดขึ้นมาเอง

ความสุขที่เราเคยรู้จัก มันต้องเป็นความสุขที่มีสิ่งเร้า มีอะไรมายั่ว เช่น หนุ่มๆไปจีบสาวได้แล้วมีความสุข อะไรอย่างนี้ หรือว่าร่ำรวยขึ้นมามีความสุข ได้อยู่กับคนนี้มีความสุข ได้กินอันนี้มีความสุข ความสุขอย่างโลกๆ เป็นความสุขที่ต้องอาศัยสิ่งเร้าภายนอก

แต่ถ้าเรามีสติขึ้นมา เรามีความสุขผุดขึ้นมาจากภายใน ความสุขขึ้นมาเอง ไม่ต้องทำอะไร ทันทีที่จิตหยุดความปรุงแต่ง จิตก็มีความสุขผุดขึ้นมาเลย จิตที่มันทุกข์ทุกวันนี้เพราะมันปรุงไม่เลิก หลงไปในโลกของความปรุงแต่ง ให้เราคอยหัดรู้สึกนะ รู้สึกอยู่ในกาย รู้สึกอยู่ในใจ จนสติมันเกิด พอ(จิต-ผู้ถอด)จำสภาวะของรูปธรรมนามธรรมได้แม่นแล้ว สติจะเกิดเอง (หมายถึง สติเกิดโดยที่ไม่ได้จงใจให้เกิด – ผู้ถอด)

ทันทีที่สติเกิด จิตจะตั้งมั่น จิตจะตั้งมั่นขึ้นมาเป็นผู้รู้ผู้ดู มีสัมมาสมาธิ พอจิตตั้งมั่นขึ้นมาแล้วเนี่ย เราะจะเห็นเลย ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าความสุขหรือความทุกข์ ไม่ว่ากุศลหรืออกุศลทั้งหลายแหล่ ล้วนแต่เป็นของที่ผ่านมาแล้วผ่านไป

เหมือนเรานั่งสบายๆ นั่งเล่น นอนเล่น อยู่ในบ้านเรา เรามองออกไปทางประตู มองออกไปทางหน้าต่าง เห็นคนเดินผ่านหน้าบ้าน เนี่ยความรู้สึกทั้งหลาย ความสุข ความทุกข์ กุศล อกุศลทั้งหลาย เหมือนมันเดินผ่านหน้าบ้าน เราอยู่ในบ้าน สบายๆ ไม่เดือดร้อนอะไรกับใครเขา

สิ่งที่ผ่านหน้าบ้านเรา บางทีก็เป็นของสวยของงาม บางทีก็เป็นของน่าเกลียดน่ากลัว เช่นหมาขี้เรื้อนวิ่งมา อะไรอย่างนี้ หมาบ้าวิ่งมาเนี่ย ผ่านหน้าบ้านไป อารมณ์ก็เหมือนกันนะ อารมณ์บางทีก็อารมณ์ที่ดี บางทีก็อารมณ์ที่เลว ผ่านมา แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ที่ดีหรืออารมณ์ที่เลว นักปฏิบัติที่แท้จริงจะเหมือนคนที่นอนเล่นในบ้าน ไม่วิ่งตามไป

ไม่ใช่เห็นสาวสวยเดินผ่านหน้าบ้าน ก็วิ่งตามเขาไปนะ เห็นหมาบ้าวิ่งมาก็วิ่งออกไปไล่ตีมัน จิตใจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น จิตใจจะแค่เป็นคนรู้คนดู แล้วก็สิ่งเหล่านั้นจะไม่แอบเข้าไปในบ้านเรา เหมือนผู้ร้ายไม่กล้าเข้าบ้าน เจ้าของบ้านยังตื่นอยู่ ใจเราตื่นขึ้นมานะ ผู้ร้ายคือกิเลสมันเข้ามาไม่ได้ แต่ถ้าใจเราหลับเมือไหร่นะ มันย่องเข้ามา ย่องเบา เบาจริงๆนะ ย่องเข้ามา ไม่ทันรู้สึกหรอก กว่าจะรู้สึกตัวก็คือ มันขึ้นมาขี่คอเรียบร้อยแล้วนะ ให้คอยรู้สึกนะ รู้สึก…

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมศาลาลุงชินครั้งที่ ๑๔
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๐

CD: แสดงธรรมที่ศาลาลุงชินครั้งที่ ๑๔
File:
500916
ระหว่างนาทีที่  ๑ วินาทีที่ ๕๔ ถึง นาทีที่ ๕ วินาทีที่ ๓๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

สภาวะมีสองอย่าง

Mp3 for download: two sapawa

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

สภาวะมีสองอย่าง

สภาวะมีสองอย่าง

หลวงพ่อปราโมทย์: ถ้าเราฝึกจิตใจของเราถึงช่วงนึง เราจะพบว่ามันเกิดสภาวะสองอย่างเท่านั้นเอง สภาวะที่ขณะนี้รู้ตัว หรือว่าขณะนี้เผลอไปแล้ว

พอเผลอไปก็จะไปปรุงแต่งอะไรเยอะแยะ เช่น เผลอไปเรื่องโลกๆ คิดเรื่องโลกๆ ใหญ่เลย นี่เผลอไปจริงๆ เผลอไปนั่งคิดๆ รู้เรื่องที่คิดแต่ไม่รู้ตัวเอง ก็เผลอเหมือนกัน

เผลอไปนั่งเพ่ง ไปจับอารมณ์ขึ้นมาอันนึงแล้วก็เพ่งนิ่งอยู่กับอารมณ์อันเดียว ก็ยังเผลอ ยังหลงอยู่อีก หรือน้อมใจเข้าหาความสงบ น้อมไปเรื่่อย น้อมจนซึม ซึมเคลิ้มๆ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ส่วนใหญ่จะคิดว่าดี ไม่ดีหรอก มันขาดสติ เพราะฉะนั้นการที่น้อมใจ ปรุงแต่งใจนั้นทำได้หลายรูปแบบ

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันอาทิตย์ ที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๕ ก่อนฉันเช้า

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑
File: 451117A
Track: ๑๑
ระหว่างนาทีที่ ๒ วินาทีที่ ๑๕ ถึง นาทีที่ ๓ วินาทีที่ ๐๕

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตมีธรรมชาติคิดตลอดเวลา เรามีหน้าที่คอยรู้ทัน

mp3 (for download): จิตมีธรรมชาติคิดตลอดเวลา เรามีหน้าที่คอยรู้ทัน

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตมีธรรมชาติคิดตลอดเวลา เรามีหน้าที่คอยรู้ทัน

จิตมีธรรมชาติคิดตลอดเวลา เรามีหน้าที่คอยรู้ทัน

หลวงพ่อปราโมทย์ : จริงทุกคนคิดตลอดเวลา คิดตลอด ยกเว้นจิตเข้าภวังค์ ก็ไม่คิดอะไร ถ้าจิตอยู่ปกตินี้ก็คิดตลอดเวลา ทีนี้พอคิดไปแล้ว เกิดกุศลเกิดอกุศลให้เรารู้ทัน คิดไปแล้วเกิดสุขเกิดทุกข์ให้เรารู้ทัน หรือจิตขยับตัวไปคิด เรารู้ว่าจิตไปคิดอย่างนี้ยิ่งดีใหญ่ ใจจะตื่นในฉับพลันเลย

ส่วนมากจิตหนีไปคิด เราไม่รู้ว่าจิตหนีไปคิด เราไปรู้เรื่องที่จิตคิด บางคนยิ่งกว่านั้นอีก คิดอะไรยังไม่รู้เลย ถ้าอย่างนั้นหลงสุดขีด ถ้าจิตหนีไปคิด รู้เรื่องที่คิด ก็เรียกว่าหลงนิดหน่อย หลงเหมือนกันเพราะอะไร เพราะขณะนั้นจะลืมกายลืมใจตัวเอง เมื่อใดลืมกายลืมใจตัวเอง เมื่อนั้นเรียกว่าหลงทั้งหมดเลยนะ ในแง่ของวิปัสสนา

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๗
ลำดับที่  ๒
File: 491222.mp3
ระหว่างนาทีที่  ๒๑ วินาทีที่ ๓๒ ถึง นาทีที่ ๒๒ วินาทีที่ ๒๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เรารู้ว่ากายใจเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ทำไมเรายังยึดติดอยู่?

mp3 (for download): เรารู้ว่ากายใจเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ทำไมเรายังยึดติดอยู่?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เรารู้ว่ากายใจเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ทำไมเรายังยึดติดอยู่?

เรารู้ว่ากายใจเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง แต่ทำไมเรายังยึดติดอยู่?

โยม: ขอถามคำถามอาจารย์ ทั้งๆที่เราก็รู้อยู่แล้วนะ ว่า สังขารนี้ไม่เที่ยง นะ ตัวสังขารเป็นทุกข์อยู่นะครับ นะ แต่บางครั้งบางคราวเนี่ย ทำไมเรายังยึดติดกับมันอยู่

หลวงพ่อปราโมทย์: เพราะเราไม่เห็นจริงนะ เราเห็น กับจิตเห็น คนละอันกัน เราเห็นด้วยเหตุด้วยผล แต่จิตเราไม่ยอมเชื่อ จิตเราจะมี bias มากเลย รัก รักตัวเองอย่างรุนแรง เพราะฉะนั้นระหว่างเราเชื่อกับจิตเชื่อ ไม่เหมือนกัน ทุกวันนี้ที่เราภาวนากันแทบเป็นแทบตาย คอยรู้กาย คอยรู้ใจ ให้เห็นว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เพื่อให้จิตมันยอมรับความจริง มันจะต้องเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ถึงวันหนึ่งมันถึงจะยอมจำนนกับข้อเท็จจริง จิตนั้นมันดื้อ เราไม่ค่อยดื้อนะ เราเจอความทุกข์ เราก็รู้สึกความทุกข์ไม่ดีแล้ว เราอยากนิพพาน แต่จิตไม่อยากนะ จิตอยากอยู่กับโลก เพราะจิตกับเรามันคนละตัวกัน

หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันศุกร์ที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๙

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๑๗
ลำดับที่  ๒
File: 491222
ระหว่างนาทีที่  ๐๕ วินาทีที่ ๐๖ ถึง นาทีที่ ๐๖ วินาทีที่ ๐๑

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

mp3 for download : จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

จิตปุถุชนไม่ตั้งมั่น

โยม : ครับ หลวงพ่อ เห็นจิตมันไหลไปคิดเร็วขึ้นบ้างครับ

หลวงพ่อ : ดีสิ เห็นมั้ยไหลทั้งวัน แว้บๆๆๆ เนี่ยปุถุชนใช่มั้ย จิตไม่มีสมาธิ ไม่ตั้งมั่น ไหลแว้บๆ แล้วพอกิเลสหลอกนะ ก็ผิดศีลง่าย เพราะฉะนั้นให้เรามีสตินะ เราคอยรู้ ใจไหลแว้บๆคอยรู้ไปเรื่อยๆ สติมันเร็วขึ้นๆ เก๊ารู้สึกมั้ย แล้วใจมันมีแรงมากขึ้น มีกำลัง สมาธินี้ก็ดีขึ้น ใจก็มีแรงมากขึ้น ดีแล้วไปฝึกต่อนะ


หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
แสดงธรรมเมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๒

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๓๐
File: 520425.mp3
ลำดับที่ ๓
ระหว่างนาทีที่ ๒๔ วินาทีที่ ๓๙ ถึง นาทีที่ ๒๕ วินาทีที่ ๑๒

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

เราคิด หรือ จิตคิด?

mp 3 (for download) : เราคิด หรือ จิตคิด?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

เราคิด หรือจิตคิด

เราคิด หรือจิตคิด

โยม: เมื่อวาน หลวงพ่อบอกว่า อย่าคิดมาก ก็ สรุปแล้ว ทำไม่ได้ค่ะ หมายความว่า มันไม่สามารถทำได้

หลวงพ่อปราโมทย์: ไม่ๆ อย่าคิดมากของหลวงพ่อ หมายถึงว่า อย่าไปช่วยมันคิด ส่วนจิตเนี่ย มันคิดทั้งวันอยู่แล้ว ต่อไปนี้พอจิตมันไหลไปคิดนะ รู้ทันแว้บเลย อย่าไปช่วยมันคิด ภาษามนุษย์นะ บางทีไม่ค่อยสื่อนะ ลำบาก ตัวสภาวธรรมก็คือ ปล่อยให้จิตมันคิดไป แล้วมีสติรู้ทัน อย่าไปช่วยมันคิด

สมมุติว่า อยู่ๆมันคิดถึงยายชีคนนี้อยู่วัด อยู่กับเรา ที่ ที่อื่นนะ เกลี๊ยดเกลียดมัน อยู่ๆ ก็คิดถึงมันนะ ให้มีสติรู้ว่าไปคิดถึงเขาละ ให้มีสติรู้ว่าโทสะเกิด ให้รู้อย่างนี้นะ ไม่ใช่ไปช่วยเขาคิด

ช่วยเขาคิดมีหลายแบบนะ ช่วยเพิ่มกิเลส ไปช่วยแบบสู้กิเลส ช่วยเพิ่มกิเลสก็คือ ป่านนี้มันคงตายไปแล้ว มันทำชั่วมาก ช่วยแบบเพิ่มกิเลสตัวเอง อีกช่วย อีกช่วยหนึ่ง ช่วยข่มกิเลส อย่าไปโกรธเขาเลยน่ะ เขาหลงผิดไปชั่วครั้งชั่วคราว อีกหน่อยเขาคงจะดี เห็นมั้ย ขณะที่ไปช่วยคิดเพื่อจะไปสู้กิเลส ลืมตัวเองอีกแล้ว

เพราะฉะนั้นเรา ใจของเรานะ เหมือนเรืออยู่ในแม่น้ำทอดสมอไว้ ไม่ไหลตามน้ำไป ไม่ต้านน้ำ ให้น้ำไหลผ่านไป ปล่อยให้ความคิด ให้จิตใจนี่แหละทำงานไปตามปกติ ไม่ไปต้านมัน ปล่อย มีหน้าที่รู้ลูกเดียว แต่อย่าไปคล้อยตามมัน พอรู้เรื่องมั้ย สำนวนนี้ หรือต้องเปลี่ยน เปลี่ยนสำนวน

โยม: เข้าใจค่ะ เวลาที่มันมีความคิดเกิดน่ะค่ะ มัน มันเห็นเหมือนว่า มี หมายความว่าความคิด กับสิ่งที่มันคิด มันคนละอย่างกัน

หลวงพ่อปราโมทย์: ใช่.. แล้วคนที่รู้ว่าคิด ก็มีอยู่ต่างหาก นะ มัน ขันธ์นะกระจายตัวออกไป เห็นมั้ยเรื่องราวที่คิดอันหนึ่ง ใจที่คิดอันหนึ่ง ให้รู้อาการที่ใจคิดนะ ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิด รู้เรื่องที่คิดเป็นการรู้อารมณ์บัญญัติ คนที่ไม่ภาวนาก็รู้เหมือนกัน หมาก็รู้นะ อย่างไอ้เหลืองมันคิดได้นะ หมาก็ฝันเป็นนะ เออ.. ไม่ใช่ว่าหมาฝันไม่เป็น คิดไม่เป็น

เพราะฉะนั้น ไปรู้เรื่องราวที่คิดที่ฝันเนี่ย กระทั่งสัตว์ก็ทำเป็น ตัวสำคัญคือ รู้..ว่าใจไปคิด เนี่ย ที่หลวงพ่อเทียนสอนน่ะ รู้ว่าจิตไปคิดน่ะได้ต้นทางแล้ว

พอเรารู้ว่าจิตไปคิด จิตจะหลุดออกจากโลกของความคิด มาเกิดโลกของความรู้สึกตัวขึ้นมา จะตื่นขึ้นมา พอตื่นขึ้นมา มันให้เห็นกายที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ ที่ขยับอยู่เนี่ย ท่านให้ขยับไปเรื่อย เห็นกายที่เคลื่อนไหวอยู่นี่ไม่ใช่ตัวเราเลย เห็นทันทีนะ ไม่ต้องคิดเลยว่าเป็นเรามั้ย จะเห็นทันทีว่าไม่ใช่เรา

และถ้าจิตเคลื่อนไหว ทำงานขึ้นมา ก็จะเห็นทันทีว่าไม่ใช่เราอีก ตัวเราไม่มี เพราะฉะนั้น ถ้าใจหนีไปคิด ให้รู้ว่าไปคิดนะ ให้รู้อาการที่ใจหนีไปคิด ไม่ใช่รู้เรื่องที่คิดนะ ถ้ารู้เรื่องที่คิดเป็นสมมุติบัญญัติ หมามันก็รู้เหมือนกัน ไม่เห็นบรรลุอะไร แต่ถ้ารู้อาการที่ใจคิดเนี่ย รู้อารมณ์ปรมัตถ์ เรารู้จิตที่คิด การรู้อารมณ์ปรมัตถ์นี่เป็นการทำวิปัสสนา เราจะเห็นเลย จิตจะคิดห้ามมันไม่ได้นะ มันคิดของมันเอง มันทำงานได้เอง มันไม่ใช่ตัวเราหรอก


หลวงพ่อปราโมทย์ แสดงธรรมที่สำนักสงฆ์สวนสันติธรรม
บ้านโค้งดารา ศรีราชา ชลบุรี
เมื่อวันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๐

CD: สวนสันติธรรม แผ่นที่ ๒๐
Track: ๑๕
File: 500615A.mp3
ระหว่างนาทีที่ ๓๒ วินาทีที่ ๘ ถึง นาทีที่ ๓๕ วินาทีที่ ๒๔

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

อย่างไรถึงเรียกว่าตื่นครับหลวงพ่อ?

mp3 (for download) : อย่างไรถึงเรียกว่าตื่นครับหลวงพ่อ?

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: อย่างไรถึงเรียกว่าตื่นครับ ผมไม่ทราบว่าทำจิตอย่างไรดีครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อปราโมทย์ : คือ มันพูดยากนะว่าตื่นหน้าตาเป็นอย่างไร มันเหมือนถามหลวงพ่อว่าแอปเปิ้ลรสชาติเป็นอย่างไรนะ เคยไหมที่กำลังเผลอ ๆ อยู่แล้วรู้ว่าเผลอ กำลังใจลอยหนีไปคิดแล้วรู้ว่าหนีไปคิดแล้ว รู้ว่าเผลอไปคิดแล้ว มันจะมีภาวะแห่งความตื่นเกิดขึ้นช่วงเล็กนิดเดียวเลยสั้น ๆ มันจะตื่นขึ้นมา รู้สึกตัวขึ้นมา

คนทั่ว ๆ ไปมันตื่นเฉพาะร่างกาย แต่จิตใจจะไปอยู่ในโลกของความคิดความฝันตลอดเวลา ถ้าเมื่อไหร่เรารู้ทันว่าจิตแอบไปคิด ในพระไตรปิฎกบอกรู้ว่าวิตก รู้ในวิตก คือรู้ว่าจิตหนีไปคิด จิตจะตื่นขึ้นในฉับพลันนะ แต่ตื่นสั้นนิดเดียว ตื่นครั้งแรกยังดูไม่ออกนะ ต้องตื่นหลาย ๆ ทีจนจำสภาวะได้

CD สวนสันติธรรม 19

500310B

57.40 – 58.32

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่

วิธีฝึกดูความคิด

mp3 (for download) : วิธีฝึกดูความคิด

Audio clip: Adobe Flash Player (version 9 or above) is required to play this audio clip. Download the latest version here. You also need to have JavaScript enabled in your browser.

โยม: ขอโอกาสนมัสการถามเจ้าค่ะ เมื่อกี้หลวงพ่อบอกว่า รู้ว่าจิตคิดจะเห็นต้นทางของ…

หลวงพ่อปราโมทย์ : หลวงพ่อเทียนบอก หลวงพ่อจำท่านมา

โยม: เจ้าค่ะ รู้นี่คือ ระหว่างตรงนั้น รู้ช่วงว่างระหว่างอารมณ์ หรือว่ารู้ขณะที่มันอยู่ใน…

หลวงพ่อปราโมทย์: คืออย่างนี้ จิตนี่นะแอบไปคิด จิตตอนแอบไปคิดนี่ยังรู้ไม่ได้ พอมันคิดไปแล้ว สมมติว่าคิดไปหนึ่งนาที หรือว่าห้านาที หรือสิบวินาที คิดอยู่ ยังไม่ทันเลิกนะ สติเกิดระลึกได้ว่ามันไปคิดอยู่ เป็นการตามระลึก ตรงนี้แหละเรียกว่ารู้ ตรงนี้นะ มันจะเป็นการตามรู้ เช่น เราเผลอมาห้านาทีแล้ว คิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ไป เกิดระลึกได้ว่า เอ้ย หลงไปคิดอยู่นี่ ขณะนี้เรียกว่ารู้ จิตจะตื่นขึ้นชั่วขณะนะ สั้นๆ ตื่นแวบเดียว เดี๋ยวหนีไปคิดใหม่ หนีไปคิดใหม่รู้ใหม่ มันก็จะเป็นเผลอไปแล้วก็รู้ เผลอไป เผลอยาวๆ อย่างนี้ แล้วก็รู้เล็กๆ เผลอยาวๆ รู้เล็กๆ พอรู้ถี่ขึ้นๆ มันเหมือนจะรู้ต่อเนื่อง จริงๆ ไม่ได้ต่อเนื่องหรอก มันรู้ถี่ๆ ความเผลอนี่จะแคบลงๆ นะ ความรู้สึกตัวบ่อยขึ้นๆ แล้วก็เราไม่ได้ฝึกเพื่อจะให้รู้สึกตัวตลอดเวลาด้วย เราฝึกเพื่อ ประเดี๋ยวก็เผลอ ประเดี๋ยวก็รู้ ประเดี๋ยวก็เผลอ ประเดี๋ยวก็รู้ ฝึกเอาแค่นี้แหละ เพื่อจะได้เห็นว่า จิตที่เผลอนะ เราก็ห้ามมันไม่ได้ จิตที่รู้สึกตัว สั่งให้รู้สึกก็ไม่ได้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วมันก็ดับไปนะ รักษาไว้ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น จิตที่เผลอที่เป็นอกุศล กับจิตที่รู้สึกตัวที่เป็นกุศลนี่ เกิดแล้วดับเหมือนๆ กัน ไม่ยึดทั้งคู่เลย

โยม: ขณะที่รู้ว่า ลักษณะที่จิตเขาไปคิดนี่ แล้วก็ดูเขาอยู่นี่ แล้วบางครั้งเขาก็หยุดไป อย่างนี้จะถูกไหมเจ้าคะ

หลวงพ่อ: เขาหยุดคิด เขาหยุดคิดทันทีเลย เพราะคิดเมือไรก็ไม่รู้นะ รู้มันก็ไม่คิด

โยม: เจ้าค่ะ

CD สวนสันติธรรม 19

500302

41.56 – 43.54

เว็บไซต์ Dhammada.net
เป็นเว็บไซต์ที่ได้รับการอนุญาตจาก หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม ให้สามารถดำเนินการถอดข้อความพระธรรมเทศนาในลักษณะข้อความสั้นได้ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๕๓

ชี้แจงการรับกิจนิมนต์ของหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่นี่

สมัครเป็นสมาชิกเพื่อรับแจ้งข่าวสารและธรรมะทุกวันจาก Dhammada.net ได้ ที่นี่

ติดตั้ง Dhammada Application for Android ที่นี่

คู่มือการใช้งาน อ่านได้ ที่นี่